เรื่องแรกออกจะเชย เพราะเขาดูและอิน ฟินกันไปทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว
"พรจากฟ้า" ตอนที่ 1 (ยังดูจากไลน์ทีวีไม่ครบเพราะต้องรีบนอน)
เรื่องราวความรักกุ๊กกิ๊กยี่สิบกลางๆใจตามฝัน ดำเนินเรื่องเรียบง่าย เปิดมาด้วยความบังเอิญหรือพรจากฟ้าที่ต้องมาพบ ท่านฑูตสุดหล่อกับภรรยาแสนสวย ต่อปากต่อความได้ทันกัน มีลูกล่อลูกชน ครบรส สุข เศร้า เหงา ซึ้ง ฉากบอดี้เพอร์คัสชั่นเพลงยามเย็นถือเป็นไฮไลต์ น่ารักน่าเอ็นดู บทลงท้ายชวนให้ติดตามต่อ
ดูแล้วอิ่มใจ
ยิ่งกว่าบังเอิญที่เรื่องที่สองนั้นเนื้อหาคล้ายกันมาก
"La La Land" นครดารา ที่มาจากชื่อเพลงหลักในเรื่อง City of Stars
เป็นเรื่องราวความหวัง ความฝัน และความรักของหนุ่มสาวรุ่นใกล้เคียงกัน แตกต่างที่มีอาต้องเลิกเรียนกฏหมายเพื่อมาทำงานร้านกาแฟในยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ จะได้มีโอกาสไปออดิชั่นได้ง่าย แต่ทดสอบกี่ครั้งก็ไม่ผ่าน ส่วนเซบส์ก็เป็นนักเปียโนที่ฝันอยากมีบาร์แจ๊สเป็นของตัวเอง แต่ก็ยังตกงาน ไส้แห้งด้วยความติสต์ของตน
จับใจการเปิดเรื่องในฤดูหนาว กับฉากแอลเอรถติดสไตล์ 405 hrs. ที่แพนผ่านรถแต่ละคัน ยินเสียงเพลงที่แต่ละคนฟัง แตกต่าง หลากหลายแนว สะดุดเสียงร้องแว่วหวาน อลังการด้วยการร้องเต้นลองช็อตบนทางด่วน ท่อนที่ชอบบ่งบอกถึงความหวัง ความฝันของคนหลากหลายในเมืองนี้ได้อย่างดี
Behind these hills I'm reaching for the heights
And chasing all the lights that shine
And when they let you down
You'll get up off the ground
As morning rolls around
And it's another day of sun
หลังเนินเขานั้นมีฉันที่หวังสูง
ไขว่คว้าหมู่แสงเจิดจ้า
และเมื่อใครทำผิดหวัง
ก็แค่ลุกขึ้นมา
ดังยามเช้าที่เวียนหมุน
เป็นอีกวันแห่งแสงตะวันนา
<iframe width="560" height="315" src="
https://www.youtube.com/embed/CWnYIb2lqpo" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
จากพรแห่งดาวที่ทำให้มีอากับเซบส์ได้พบกัน กว่าจะได้คุยกัน ได้รักกันก็ผ่านไปหนึ่งฤดู ให้ได้สะกิดว่า ความบังเอิญไม่มีในโลกจริงๆ คนอะไรจะมาเจอกันแล้วเจอกันอีก ถ้าไม่ถูกกำหนดให้ต้องมาเจอกันในเวลานั้นๆ ได้มีช่วงเวลาที่ไม่อาจลืมร่วมกัน ได้ใช้เวลาในชีวิตร่วมกัน
เห็นเค้ารักกันมากๆ มีความสุขกันมากๆ ให้กำลังใจกัน ช่วยกันคิด ช่วยกันสร้างฝัน แล้วอยากมีโมเม้นต์แบบนี้บ้างมากๆ เหมือนไม่เคยอยู่กับใครแล้วรักมากๆ แบบนี้เลย แต่ดันนึกกลับไปถึงเรื่องก่อนหน้า ที่แป้งยืนมองท่านฑูตตัวจริงกับภริยา แล้วพูดขึ้นมาว่า "คนที่เค้าอยู่ด้วยกันยี่สิบสามสิบปี ไม่รู้เค้าทำไงเนาะ เจอหน้ากันทุกวันไม่เบื่อเหรอ" เป็นคำถามที่โดนใจมากมาย
จนอีกฤดูผ่านไป ก็มีเหตุให้ต้องไม่เจอหน้ากันทุกวันขึ้นมา คนหนึ่งต้องทิ้งความฝัน อีกคนต้องทิ้งทุกอย่าง เพื่อทำตามความฝัน แต่ต่างคิดว่าทำตามที่อีกคนต้องการ จนมีเหตุให้คิดต่างกัน เกิดเป็นรอยร้าว จนกลายเป็นรอยแยกจากกัน...
แล้วพรแห่งดาวก็ทำให้ได้กลับมาพบกันใหม่
ฟินกับทุกจังหวะในช่วงนี้มาก เหมือนถูกถีบตกเหวแล้วมีเทวดาบินลงไปรับขึ้นมาทัน โดยเฉพาะเมื่อมีอาเล่าเรื่อง "อะไรก็ได้" นี้ ตอนออดิชั่น
Here's to the ones who dream
Foolish as they may seem
Here's to the hearts that ach
's to the mess we make
She told me
A bit of madness is key
To give us new colors to see
Who knows where it will lead us
And that's why they need us
So bring on the rebels
The ripples from pebbles
The painters and poets and plays
And here's to the fools who dream
Crazy as they may seem
Here's to the hearts that break
Here's to the mess we make
ถึงทุกผู้ที่มีฝัน
ถึงมันจะดูโง่เขลา
ถึงทุกดวงใจที่ปวดร้าว
ถึงความยุ่งเหยิงที่เราทำไว้
เธอบอกว่า
ความบ้าเล็กๆ คือเคล็ดลับ
ให้เราได้เห็นสีสันใหม่ๆ
ใครจะรู้ว่ามันจะพาเราไปถึงไหน
และนั่นแหละที่ทำไมเขาถึงต้องการเรา
มาเถิดเหล่าขบถ
ระลอกคลื่นผ่านเม็ดกรวด
เหล่านักวาด กวีและนักแสดง
และถึงคนโง่ที่ยังฝัน
ถึงมันจะดูบ้าไป
ถึงทุกดวงใจแตกสลาย
ถึงความวุ่นวายที่เราได้ทำ
<iframe width="560" height="315" src="
https://www.youtube.com/embed/uUB1YfEMGS4" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
จากนั้น ชีวิตของแต่ละคนจะเป็นอย่างไร
ก็ยังไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่ได้เรียนรู้จากเรื่องราวนี้ว่า
"อย่าหยุดฝัน"
ต้อนรับต้นปีกุ๊กไก่ ด้วยการดูหนังรักสองเรื่องต่อกันสองคืน (สปอยล์)
"พรจากฟ้า" ตอนที่ 1 (ยังดูจากไลน์ทีวีไม่ครบเพราะต้องรีบนอน)
เรื่องราวความรักกุ๊กกิ๊กยี่สิบกลางๆใจตามฝัน ดำเนินเรื่องเรียบง่าย เปิดมาด้วยความบังเอิญหรือพรจากฟ้าที่ต้องมาพบ ท่านฑูตสุดหล่อกับภรรยาแสนสวย ต่อปากต่อความได้ทันกัน มีลูกล่อลูกชน ครบรส สุข เศร้า เหงา ซึ้ง ฉากบอดี้เพอร์คัสชั่นเพลงยามเย็นถือเป็นไฮไลต์ น่ารักน่าเอ็นดู บทลงท้ายชวนให้ติดตามต่อ
ดูแล้วอิ่มใจ
ยิ่งกว่าบังเอิญที่เรื่องที่สองนั้นเนื้อหาคล้ายกันมาก
"La La Land" นครดารา ที่มาจากชื่อเพลงหลักในเรื่อง City of Stars
เป็นเรื่องราวความหวัง ความฝัน และความรักของหนุ่มสาวรุ่นใกล้เคียงกัน แตกต่างที่มีอาต้องเลิกเรียนกฏหมายเพื่อมาทำงานร้านกาแฟในยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ จะได้มีโอกาสไปออดิชั่นได้ง่าย แต่ทดสอบกี่ครั้งก็ไม่ผ่าน ส่วนเซบส์ก็เป็นนักเปียโนที่ฝันอยากมีบาร์แจ๊สเป็นของตัวเอง แต่ก็ยังตกงาน ไส้แห้งด้วยความติสต์ของตน
จับใจการเปิดเรื่องในฤดูหนาว กับฉากแอลเอรถติดสไตล์ 405 hrs. ที่แพนผ่านรถแต่ละคัน ยินเสียงเพลงที่แต่ละคนฟัง แตกต่าง หลากหลายแนว สะดุดเสียงร้องแว่วหวาน อลังการด้วยการร้องเต้นลองช็อตบนทางด่วน ท่อนที่ชอบบ่งบอกถึงความหวัง ความฝันของคนหลากหลายในเมืองนี้ได้อย่างดี
Behind these hills I'm reaching for the heights
And chasing all the lights that shine
And when they let you down
You'll get up off the ground
As morning rolls around
And it's another day of sun
หลังเนินเขานั้นมีฉันที่หวังสูง
ไขว่คว้าหมู่แสงเจิดจ้า
และเมื่อใครทำผิดหวัง
ก็แค่ลุกขึ้นมา
ดังยามเช้าที่เวียนหมุน
เป็นอีกวันแห่งแสงตะวันนา
<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/CWnYIb2lqpo" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
จากพรแห่งดาวที่ทำให้มีอากับเซบส์ได้พบกัน กว่าจะได้คุยกัน ได้รักกันก็ผ่านไปหนึ่งฤดู ให้ได้สะกิดว่า ความบังเอิญไม่มีในโลกจริงๆ คนอะไรจะมาเจอกันแล้วเจอกันอีก ถ้าไม่ถูกกำหนดให้ต้องมาเจอกันในเวลานั้นๆ ได้มีช่วงเวลาที่ไม่อาจลืมร่วมกัน ได้ใช้เวลาในชีวิตร่วมกัน
เห็นเค้ารักกันมากๆ มีความสุขกันมากๆ ให้กำลังใจกัน ช่วยกันคิด ช่วยกันสร้างฝัน แล้วอยากมีโมเม้นต์แบบนี้บ้างมากๆ เหมือนไม่เคยอยู่กับใครแล้วรักมากๆ แบบนี้เลย แต่ดันนึกกลับไปถึงเรื่องก่อนหน้า ที่แป้งยืนมองท่านฑูตตัวจริงกับภริยา แล้วพูดขึ้นมาว่า "คนที่เค้าอยู่ด้วยกันยี่สิบสามสิบปี ไม่รู้เค้าทำไงเนาะ เจอหน้ากันทุกวันไม่เบื่อเหรอ" เป็นคำถามที่โดนใจมากมาย
จนอีกฤดูผ่านไป ก็มีเหตุให้ต้องไม่เจอหน้ากันทุกวันขึ้นมา คนหนึ่งต้องทิ้งความฝัน อีกคนต้องทิ้งทุกอย่าง เพื่อทำตามความฝัน แต่ต่างคิดว่าทำตามที่อีกคนต้องการ จนมีเหตุให้คิดต่างกัน เกิดเป็นรอยร้าว จนกลายเป็นรอยแยกจากกัน...
แล้วพรแห่งดาวก็ทำให้ได้กลับมาพบกันใหม่
ฟินกับทุกจังหวะในช่วงนี้มาก เหมือนถูกถีบตกเหวแล้วมีเทวดาบินลงไปรับขึ้นมาทัน โดยเฉพาะเมื่อมีอาเล่าเรื่อง "อะไรก็ได้" นี้ ตอนออดิชั่น
Here's to the ones who dream
Foolish as they may seem
Here's to the hearts that ach's to the mess we make
She told me
A bit of madness is key
To give us new colors to see
Who knows where it will lead us
And that's why they need us
So bring on the rebels
The ripples from pebbles
The painters and poets and plays
And here's to the fools who dream
Crazy as they may seem
Here's to the hearts that break
Here's to the mess we make
ถึงทุกผู้ที่มีฝัน
ถึงมันจะดูโง่เขลา
ถึงทุกดวงใจที่ปวดร้าว
ถึงความยุ่งเหยิงที่เราทำไว้
เธอบอกว่า
ความบ้าเล็กๆ คือเคล็ดลับ
ให้เราได้เห็นสีสันใหม่ๆ
ใครจะรู้ว่ามันจะพาเราไปถึงไหน
และนั่นแหละที่ทำไมเขาถึงต้องการเรา
มาเถิดเหล่าขบถ
ระลอกคลื่นผ่านเม็ดกรวด
เหล่านักวาด กวีและนักแสดง
และถึงคนโง่ที่ยังฝัน
ถึงมันจะดูบ้าไป
ถึงทุกดวงใจแตกสลาย
ถึงความวุ่นวายที่เราได้ทำ
<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/uUB1YfEMGS4" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
จากนั้น ชีวิตของแต่ละคนจะเป็นอย่างไร
ก็ยังไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่ได้เรียนรู้จากเรื่องราวนี้ว่า
"อย่าหยุดฝัน"