สวัสดีครับ
ก่อนเขียนกระทู้วันนี้ ผมได้ตามอ่านทบทวน เพจเกี่ยวกับ HyperLoop อีกหลายเพจ
พบข้อความที่น่าสนใจ ประกาศโดย บ.Hyper Loop One ว่า
เวลา มีความสำคัญมาก สำหรับบางคน
เวลา มีความสำคัญสำหรับทุกคน โดยเฉพาะในบางเวลา *
และนี่คือ เหตที่เราควรมีพาหนะ ที่ใช้เดินทางได้รวดเร็ว เท่าที่เราทำได้ และซื้อเวลาได้ในราคาไม่แพง
กระทู้นี้ จะพูดย่อๆถึงวิธีการที่เขา สร้างสูญญากาศในท่อที่ใช้เดินทาง ของ HyperLoop
โดยอ้างอิงจาก เอกสาร รายละเอียดการออกแบบ ของ บริษัท Hyperloop One
ท่านที่สนใจ รายละเอียดทั้งหมด ตามอ่านดูได้ใน
เอกสาร ครับ
เช่นเคย ขอ tag "รัฐบาล"ด้วย เพื่อให้ห้องราชดำเนินติดตามได้ต่อเนื่อง
จากกระทู้ก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้กระทู้ [แรก] แนะนำ HyperLoop
กระทู้ [#2] HyperLoop ใช้เทคโนโลยีอะไร จึงไม่แพง
Vacuum in tube หรือ สูญญากาศ ที่จะเขียนต่อไปนี้ หมายถึง...
บริเวณที่สภาพความดัน ต่ำกว่าบรรยากาศมาก
ไม่ได้หมายถึง สภาพสูญญากาศสมบูรณ์ที่ไม่มีกาซอยู่เลย
ความดันกาซ จะใช้หน่วยเรียก เป็นปาสคาล
แต่เนื่องจากหน่วยมันเล็ก จึงใช้ suffix เพิ่ม เป็น กิโลปาสคาล ย่อเป็น kPa
( ความดันของอากาศ ที่ผิวโลก เท่ากับ 100 kPa หรือ 1 บรรยากาศ )
จากภาพ ด้านบนที่แสดงลักษณะ การจอดของตัวรถขับเคลื่อน Pod และ ตัวห้องโดยสาร Module
เราจะเห็นลำตัว Pod มาล๊อคกับประตู แนบสนิท กันอากาศรั่วแล้ว จึงเปิดออก
Moduleโดยสาร จะเคลื่อนเข้าออก ทางประตูนี้ เพื่อไปที่จอดรอรับผู้โดยสาร ด้านนอกอีกชั้นหนึ่ง
Module มีขนาดเล็ก จุผู้โดยสารสูงสุด 9 ที่นั่งเท่านั้น
(ประมาณรถตู้บ้านเราพอดี ขึ้นอยู่กับการบริการว่า จะเป็นแบบ รถ Alphad หรือ Hiace แต่ไม่วิ่งข้ามเลน แน่ๆ ฮี่ๆ)
ใน Pod บรรจุได้ 3 Modules จึงโดยสารได้สูงสุด เพียง 27 คนต่อ Pod
แต่จะมี Pod ออกจากท่า ถี่ๆ ทำให้สะดวกในการใช้บริการโดยไม่ต้องรอ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นอกจากนี้ บาง Module ก็ใช้ ขนพัสดุได้ด้วย เช่นกระเป๋าจำนวนมาก
อาจจะขนผัก หรือ ขนหม้อบรรจุ พระกระโดดกำแพง จาก กทม ไปส่งเชียงใหม่ได้ โดยยังอุ่นอยู่เลย
ตัวรถ Pod จะยังอยู่ในท่อสูญญากาศเสมอ
จะหลุดออกจากประตู เมื่อปิดประตูของสถานีแล้วเท่านั้น เพื่อการเดินทาง
สูญญากาศ ในระบบจึงคงที่ ไม่ต้องปั๊มอากาศออก
(โดยหลักการ แต่อาจจะมีการรั่วบ้าง ซึ่งเขามีรายละเอียดในการป้องกันอีกชั้นหนึ่ง)
การสร้างสูญญากาศ ในระบบท่อ
เมื่อเริ่มดำเนินการครั้งแรก หรือ หลังการซ่อมบำรุง จะต้องมีการดูดอากาศออก
เขาจะแบ่งท่ออกเป็นส่วนๆ โดยมีประตูกั้น (air lock)
จากการคำนวณ โดยแบ่งเป็นระยะละ 6 กม ด้วยปั๊ม BUSCH R5
จะใช้เวลา ประมาณ 60 - 125 ชม หรือ 4 - 5 วัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ด้วยความยาวท่อ ในโครงการ California ถึง San fran. ระยะทาง 600 กม
จะใช้พลังงาน ประมาณ 600 MWh ( 600000 หน่วย)
ในการดูดอากาศออก จะใช้ไอน้ำช่วยผลักดันอากาศออกด้วย
สุดท้าย กาซในท่อที่คงเหลือ จะเป็นไอน้ำเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งการมีไอน้ำในระบบท่อ จะมีประโยชน์ คือ
1) ใช้พลังงานน้อยกว่ามาก ในการรักษาระดับ สูญญากาศ
2) สะดวก ในการระบายระบายความร้อน ของตัวรถ และอุปกรณ์ ด้วยน้ำ
3) ความเร็วของคลื่นกระแทก(คลื่นเสียง) ในไอน้ำสูงกว่า อากาศ ทำความเร็วของรถได้สูงขึ้น
4) ใช้น้ำหล่อ ลดการรั่วซึม(ของอากาศ)ได้ ตามจุดต่อต่างๆ ทั้งในแนวท่อ และที่สถานี
การรักษาระดับ สูญญากาศ ในท่อ ที่มีไอน้ำแทนอากาศ
หลักการสำคัญของ HyperLoop คือ การวิ่งรถในสูญญากาศ ที่ความดันต่ำมากๆ
ยิ่งมีกาซในท่อน้อยเท่าใด ก็มีแรงต้านน้อย ใช้พลังงานขับเคลื่อนน้อยลงตามกัน
แต่ การรักษาระดับสูญญากาศ ด้วยการปั๊มอากาศออกตลอดเวลา
จะสิ้นเปลืองพลังงานมาก และต้องใช้ปั๊มขนาดใหญ่มากด้วย(ลงทุนสูง)
ปัญหานี้ แก้ได้ด้วยการให้ไอน้ำอยู่ในท่อแทนอากาศ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เชื่อว่า ทุกท่านคงเคยเห็นการทดลอง ต้มน้ำในปี๊บ จนน้ำเดือด
ไอน้ำ ไล่อากาศออกจากปี๊บจนหมด ....เราปิดฝาปี๊บ
แล้วยกปี๊บ ออกมาเอาน้ำเย็นราด ...แล้วปี๊บก็บุบบู้บี้ยุบเข้าไป
นั่นคือ ภายในปี๊บเกิดสูญญากาศขึ้น
หลักการนี้ สามารถนำมาใช้ในการ สร้างสูญญากาศในระบบได้
วิธีการคือ เพิ่มความดันของไอน้ำในท่อขึ้นเล็กน้อย แล้วทำให้มันเย็นลง
ไอน้ำก็จะควบแน่นเป็นของเหลว (น้ำ) มีปริมาตรน้อยลงมาก
เราก็สูบน้ำที่เกิดขึ้นออกไปได้ง่ายๆ ด้วยพลังงานเพียงเล็กน้อย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การเพิ่มความดันของไอน้ำ ก็ใช้เครื่องอัดอากาศกำลังต่ำ
ดูดไอน้ำในท่อ ไปยังถังความดัน ประมาณ 5 kPa
(ไม่ต้อง ดูดจาก 1 kPa ออกสู่บรรยากาศ 100 kPa)
แล้วส่งไปยัง condenser เพื่อควบแน่นได้เลย
ด้วยวิธีนี้ (ลด พลังงานที่ใช้ เดินรถ และรักษาระบบความดัน)
HyperLoop One ประเมิณว่า
จะใช้พลังงานเพียง 4% เมื่อเทียบกับ ระบบรถโดยสารอื่น
Hyper Loop รถไฟความเร็วสูง สำหรับประเทศไทย 4.0 [#3] ระบบสูญญากาศ
ก่อนเขียนกระทู้วันนี้ ผมได้ตามอ่านทบทวน เพจเกี่ยวกับ HyperLoop อีกหลายเพจ
พบข้อความที่น่าสนใจ ประกาศโดย บ.Hyper Loop One ว่า
เวลา มีความสำคัญมาก สำหรับบางคน
เวลา มีความสำคัญสำหรับทุกคน โดยเฉพาะในบางเวลา *
และนี่คือ เหตที่เราควรมีพาหนะ ที่ใช้เดินทางได้รวดเร็ว เท่าที่เราทำได้ และซื้อเวลาได้ในราคาไม่แพง
กระทู้นี้ จะพูดย่อๆถึงวิธีการที่เขา สร้างสูญญากาศในท่อที่ใช้เดินทาง ของ HyperLoop
โดยอ้างอิงจาก เอกสาร รายละเอียดการออกแบบ ของ บริษัท Hyperloop One
ท่านที่สนใจ รายละเอียดทั้งหมด ตามอ่านดูได้ใน เอกสาร ครับ
เช่นเคย ขอ tag "รัฐบาล"ด้วย เพื่อให้ห้องราชดำเนินติดตามได้ต่อเนื่อง
จากกระทู้ก่อนหน้า[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Vacuum in tube หรือ สูญญากาศ ที่จะเขียนต่อไปนี้ หมายถึง...
บริเวณที่สภาพความดัน ต่ำกว่าบรรยากาศมาก
ไม่ได้หมายถึง สภาพสูญญากาศสมบูรณ์ที่ไม่มีกาซอยู่เลย
ความดันกาซ จะใช้หน่วยเรียก เป็นปาสคาล
แต่เนื่องจากหน่วยมันเล็ก จึงใช้ suffix เพิ่ม เป็น กิโลปาสคาล ย่อเป็น kPa
( ความดันของอากาศ ที่ผิวโลก เท่ากับ 100 kPa หรือ 1 บรรยากาศ )
จากภาพ ด้านบนที่แสดงลักษณะ การจอดของตัวรถขับเคลื่อน Pod และ ตัวห้องโดยสาร Module
เราจะเห็นลำตัว Pod มาล๊อคกับประตู แนบสนิท กันอากาศรั่วแล้ว จึงเปิดออก
Moduleโดยสาร จะเคลื่อนเข้าออก ทางประตูนี้ เพื่อไปที่จอดรอรับผู้โดยสาร ด้านนอกอีกชั้นหนึ่ง
Module มีขนาดเล็ก จุผู้โดยสารสูงสุด 9 ที่นั่งเท่านั้น
(ประมาณรถตู้บ้านเราพอดี ขึ้นอยู่กับการบริการว่า จะเป็นแบบ รถ Alphad หรือ Hiace แต่ไม่วิ่งข้ามเลน แน่ๆ ฮี่ๆ)
ใน Pod บรรจุได้ 3 Modules จึงโดยสารได้สูงสุด เพียง 27 คนต่อ Pod
แต่จะมี Pod ออกจากท่า ถี่ๆ ทำให้สะดวกในการใช้บริการโดยไม่ต้องรอ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตัวรถ Pod จะยังอยู่ในท่อสูญญากาศเสมอ
จะหลุดออกจากประตู เมื่อปิดประตูของสถานีแล้วเท่านั้น เพื่อการเดินทาง
สูญญากาศ ในระบบจึงคงที่ ไม่ต้องปั๊มอากาศออก
(โดยหลักการ แต่อาจจะมีการรั่วบ้าง ซึ่งเขามีรายละเอียดในการป้องกันอีกชั้นหนึ่ง)
การสร้างสูญญากาศ ในระบบท่อ
เมื่อเริ่มดำเนินการครั้งแรก หรือ หลังการซ่อมบำรุง จะต้องมีการดูดอากาศออก
เขาจะแบ่งท่ออกเป็นส่วนๆ โดยมีประตูกั้น (air lock)
จากการคำนวณ โดยแบ่งเป็นระยะละ 6 กม ด้วยปั๊ม BUSCH R5
จะใช้เวลา ประมาณ 60 - 125 ชม หรือ 4 - 5 วัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในการดูดอากาศออก จะใช้ไอน้ำช่วยผลักดันอากาศออกด้วย
สุดท้าย กาซในท่อที่คงเหลือ จะเป็นไอน้ำเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งการมีไอน้ำในระบบท่อ จะมีประโยชน์ คือ
1) ใช้พลังงานน้อยกว่ามาก ในการรักษาระดับ สูญญากาศ
2) สะดวก ในการระบายระบายความร้อน ของตัวรถ และอุปกรณ์ ด้วยน้ำ
3) ความเร็วของคลื่นกระแทก(คลื่นเสียง) ในไอน้ำสูงกว่า อากาศ ทำความเร็วของรถได้สูงขึ้น
4) ใช้น้ำหล่อ ลดการรั่วซึม(ของอากาศ)ได้ ตามจุดต่อต่างๆ ทั้งในแนวท่อ และที่สถานี
การรักษาระดับ สูญญากาศ ในท่อ ที่มีไอน้ำแทนอากาศ
หลักการสำคัญของ HyperLoop คือ การวิ่งรถในสูญญากาศ ที่ความดันต่ำมากๆ
ยิ่งมีกาซในท่อน้อยเท่าใด ก็มีแรงต้านน้อย ใช้พลังงานขับเคลื่อนน้อยลงตามกัน
แต่ การรักษาระดับสูญญากาศ ด้วยการปั๊มอากาศออกตลอดเวลา
จะสิ้นเปลืองพลังงานมาก และต้องใช้ปั๊มขนาดใหญ่มากด้วย(ลงทุนสูง)
ปัญหานี้ แก้ได้ด้วยการให้ไอน้ำอยู่ในท่อแทนอากาศ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วิธีการคือ เพิ่มความดันของไอน้ำในท่อขึ้นเล็กน้อย แล้วทำให้มันเย็นลง
ไอน้ำก็จะควบแน่นเป็นของเหลว (น้ำ) มีปริมาตรน้อยลงมาก
เราก็สูบน้ำที่เกิดขึ้นออกไปได้ง่ายๆ ด้วยพลังงานเพียงเล็กน้อย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ด้วยวิธีนี้ (ลด พลังงานที่ใช้ เดินรถ และรักษาระบบความดัน)
HyperLoop One ประเมิณว่า
จะใช้พลังงานเพียง 4% เมื่อเทียบกับ ระบบรถโดยสารอื่น