สวัสดีค่ะ
ใครสนใจข้อมูลเชิงวิชาการลองใช้คำพวกนี้เป็นคำสำคัญเพื่อใช้ในการหาข้อมูลต่อนะคะ
ไทย: ติ่งเนื้อปากมดลูก เนื้องอกปากมดลูก โพลิบ
Eng: Polyp, Polyp of cervix uteri
ส่วนใครที่สนใจเรื่องเล่าจากประสบการณ์ เชิญอ่านต่อค่า....
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์เกือบตรงของคนใกล้ตัว จะพยายามเขียนให้กระชับนะคะ
แต่ 8 บรรทัด คงจัดให้ไม่ได้ ต้องขออภัยด้วยค่า ^^
จขกท.คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใกล้ตัว ที่เรามักไม่คิดว่ามันจะเกิดกับคนใกล้ตัวหรือตัวเราเอง
จึงน่าจะเป็นประโยชน์และอยากนำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
ข้อมูลบางส่วนขออนุญาตไม่ระบุชัดเจน เหลือความเป็นส่วนตัวเล็กๆไว้นิดหนึ่งค่ะ
สุขภาพโดยทั่วไป:
อายุ 30-35 รอบเดือนมาปกติ มีระดูขาว ระหว่างรอบเดือน เวลามีประจำเดือนปวดท้องค่อนข้างมาก แต่กินยาแก้ปวดแล้วหายค่ะ
อาการผิดปกติเริ่มต้น:
มีเลือด+เมือก (ซึ่งตอนแรกเข้าใจว่าเป็นรอบเดือนที่มาผิดปกติ) ออกมาจากช่องคลอดหลังจากเพิ่งหมดประจำเดือนได้ไม่ถึง 2 สัปดาห์ มีติ่งเนื้อโผล่มาจากช่องคลอด
เล่าเรื่อง:
หลังจากมีมูกเลือดออกมาทางช่องคลอดเล็กน้อย (ใส่ผ้าอนามัยแล้วเห็นเป็นแค่วงเล็กๆ) โดยที่ไม่มีอาการปวดท้องประจำเดือน หรือปวดท้องใดๆ มีเลือดออกมาได้สัก 4-5 วัน อยู่ๆ ก็พบว่ามีก้อนเลือดโผล่ออกมาทางช่องคลอด ซึ่งจับแล้วรู้สึกได้ ณ จุดนี้เพื่อนช็อคมาก กลัวมาก คิดว่าน่าจะเป็นเนื้องอกแน่ๆ เพราะถ้าเป็นประจำเดือนที่เกิดจากเยื่อบุผิวมดลูกที่หลุดลอกออกมาแล้วจะต้องจับแล้วไม่รู้สึก แต่อันนี้รู้สึกได้ แสดงว่ายังมีระบบประสาทติดอยู่กับเจ้าเนื้อก้อนนี้ สำหรับคุณผู้หญิงที่สงสัย ลักษณะก้อนเนื้อที่เห็นคล้ายประจำเดือนที่ออกมาเป็นลิ่มเลือดมากค่ะ ก้อนแบบที่เวลามันไหลแล้วจะรู้สึกปรึ๊ดนึง ว่ามันมีก้อนออกมา พอดูที่ผ้าอนามัยก็เห็นเป็นลิ่มเลือดติดค้างอยู่ ไม่สามารถซึมลงไปได้ ใหญ่สัก 1 ซม.
แต่ที่สังเกตได้อย่างหนึ่งว่ามันต่างจากประจำเดือบ คือความสีแดงสดของเลือดค่ะ
ถ้าเป็นประจำเดือนเอาน้ำฉีดล้างก็จะหลุดออกมาได้ แต่อันนี้มันไม่หลุดออกมา แถมจับแล้วรู้สึก
เลยตัดสินใจไม่ดึงออกหรือทำอะไรกลับมันและไปพบแพทย์ทันทีค่ะ
สำหรับคนใกล้ตัวคนประสบเหตุ จขกท.ขอแนะนำให้อย่าช่วยกันบิวท์อารมณ์ตื่นตระหนกนะคะ
ณ จุดนั้น สิ่งที่ตัวเองทำคือแอบหาข้อมูล (แต่ตอนแรกไม่รู้ว่าเจ้าติ่งเนื้อมาจากปากมดลูก คิดว่าเป็นช่องคลอด เลยหาข้อมูลไม่ค่อยได้)
และพยายามพูดตัดบทเพื่อนด้วยประโยคที่ว่า "เราไม่รู้หรอกว่าคืออะไร คิดไปก็เท่านั้น ไปหาหมอพอรู้แล้วว่ามันร้ายแรงค่อยมาเครียด"
ส่วนเพื่อนก็พูดวนอยู่แค่ทำนองว่า "ฉันจะตายไหมนี่" คือฟังแล้วรู้เลยว่ากังวลมาก ก็นะอยู่ๆก็มีก้อนเนื้องอกออกมาจากน้องน้อย
ที่กลัวอยู่ในใจตอนคือ มะเร็ง แต่ตอนนั้นไม่อยากพูดคำนี้ออกมา
หลังจากหาข้อมูลจากคนใกล้ตัวแบบด่วนๆ เลือกไปรพ.เอกชนซึ่งเพื่อนมีประกันสุขภาพอยู่ค่ะ
รอพบแพทย์อยู่เกือบ 2 ชม. เพราะแพทย์ทางสูติฯ เป็น part time มาตอนเที่ยง
(ตั้งแต่ตอนนี้ไม่ได้เข้าไปกับเพื่อนด้วยค่ะ เพราะไม่แน่ใจว่าเค้าให้เข้า ได้เข้าไปฟังตอนคุยกับคุณหมอตอนแรกนิดเดียวก่อนตรวจ)
เข้าตรวจ 15 นาที คุณหมอพูดน้อยมาก แต่ถามก็ตอบนะคะ แต่ตอบสั้นๆ เข้าใจว่าเพราะคนเยอะ และมีคิวทำคลอดต่อ
คุณหมอบอกว่ามีเนื้องอกจากปากมดลูก ต้องตัดออกมากตรวจ ขนาดชิ้นเนื้อเยื่อใหญ่มาก เคยเห็นคนเป็นเยอะ
แต่ไม่เคยเจอใหญ่ขนาดที่โผล่ออกมาทางช่องคลอด ขนาดประมาณ 2x4 เซนติเมตร
(อันนี้ไม่รู้คำพูดชัดๆของคุณหมอนะคะ แต่จับอารมณ์เพื่อนได้ว่า นางกลัวมากว่าอาการจะรุนแรง)
ตัดกลับมาที่ห้องรอค่ะ อันนี้เป็นรีวิวส่วนการบริหารจัดการของรพ.เอกชนนะคะ (รพ.ต่างจังหวัด แต่ไม่ใช่ในกทม)
ที่สำคัญคือเรื่องค่าใช้จ่าย+รูปแบบบริการ
(ใครไม่สนใจส่วนนี้อ่านข้ามได้เลยค่ะ)
เนื่องจากแจ้งว่าจะใช้ประกันสุขภาพที่มีอยู่ สักพักก็มีจนท.ที่ดูแลด้านการเงินของรพ.นำราคาประเมินมาคุยค่ะ
ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด รวมค่าวางยาสลบ ค่าผ่าตัด อุปกรณ์ ห้องพัก 1 คืน (เลือกแบบถูกสุด 2,500 บาท) รวมแล้วประมาณ 3 หมื่นกว่าๆ
ถ้าจำไม่ผิดนะคะ เห็นแว่บเดียว -- มีค่าแพทย์ 5,000 ค่าวิสัญญีแพทย์ 5,000
ค่าวางยา 3,000 ค่าอุปกรณ์/ยาห้องผ่าตัด/ตรวจชิ้นเนื้อ 15,000
ราคานี้ เท่าที่สอบถามยังไม่รวมถ้ามีค่ายาหลังการผ่าตัด
โดย จนท.บอกว่าไม่แน่ใจว่าประกันจะจ่ายหรือไม่ เค้าบอกว่าหมวดระบบสืบพันธุ์มักไม่อยู่ในกลุ่มที่ประกันครอบคลุม
โดยเฉพาะถ้ามีกรณีทำประกันมาไม่ถึง 1 ปีหรือ 2 ปี มีโอกาสสูงมากที่ประกันจะไม่จ่าย
มนุษย์เงินเดือนเลยเริ่มลังเลค่ะ ว่าจะผ่าเลยมั๊ย หรือยังไงดี คือเพื่อนคิดไงไม่รู้ แต่ตัวเองแอบคำนวณในใจแทนนางว่าถ้าผ่าครั้งแรกยังสามหมื่นกว่า
แล้วถ้ามันครั้งเดียวไม่เสร็จ ถ้าจะให้รักษาหายเป็นหลักแสนจะทำยังไง จะมีจ่ายรึป่าว
ไม่พูดนะคะ คือถ้าคุณเพื่อนจะยอมจ่ายแพงเราก็ไม่ขัดอยู่แล้ว แต่คาดว่าอาการลังเลน่าจะออกทางสีหน้า
(ตอนนั้นไม่รู้ว่าอาการร้ายแรงแค่ไหน คิดว่าเสี่ยงเป็นอะไรที่รุนแรง ไม่รู้ว่าต้องรักษาต่ออีกรึป่าว)
คุณ จนท. ของรพ. เล็งเห็นอาการลังเล น่าจะกลัวเราไม่มีเงินจ่าย
เลยให้อีกทางเลือก ประมาณว่าให้แจ้งความประสงค์ยอดที่คิดว่าจะจ่ายไหว (เค้าแอบกระซิบว่าให้แจ้งที่ 2 หมื่น)
ตอนนั้นไม่รู้ว่ามีแบบนี้ได้ด้วย ก็ถามเค้าว่าแจ้งไปแล้วถ้าไม่ได้ล่ะค่ะ แต่จนท.บอกว่าถ้าเราแจ้งแล้วเป็นหน้าที่ของอีกฝ่ายที่ต้องทำให้อยู่ในงบ
เราก็ยังลังเลอีก คือ บางทีก็แอบแย่งเพื่อนซักถามนู่นนี่ คาดว่าสีหน้าความลังเลน่าจะออกชัดเจน
ระหว่างคุยสอบราคา รอถามฝ่ายนู้นฝ่ายนี้ ใช้เวลาไปอีกเกือบ 2 ชม.ค่ะ
จนท. กลับมาบอกว่า ถ้าไปรพ.ที่ใช้ประกันสังคม เค้าจะทำสดเลย เจ็บมากนะคะ
ถ้าทำที่รพ.นี้เลย จะวางยาสลบ น่าจะดีกับคนไข้มากกว่า
ตรงนี้ลึกๆ เราแอบไม่เชื่อนะคะ เพราะเคยได้ยินว่า การวางยาสลบมีความเสี่ยง
โดยปกติถ้าไม่จำเป็น เลี่ยงได้แพทย์จะเลี่ยงการวางยา
ที่ว่า รพ.เอกชนจะดีกว่าเพราะมีการวางยาสลบ เราเลยไม่เชื่อ เชื่อแค่ว่ามันเจ็บน้อยกว่า
จุดนี้ทำให้เริ่มรู้สึกว่า หรือมันจะไม่รุนแรง เพราะถ้าสามารถผ่าตัดได้โดยไม่วางยาสลบ
มันน่าจะไม่ร้ายแรงรึป่าว คือก็กลัวเพื่อนเจ็บอยู่ แต่ก็คิดว่าถ้าไปคุยกับหมอที่รพ.รัฐว่าขอฉีดยา กินยา วางยา ก็น่าจะทำได้และยังถูกกว่า
สุดท้าย เลยตัดสินใจยังไม่ทำที่รพ.เอกชนนี้ค่ะ แต่ขับรถไปรพ.รัฐอีกแห่งที่มีคนแนะนำมา
ตัดมาที่รพ. รัฐ แห่งหนึ่ง ซึ่งมีคนแนะนำเอาไว้ ใช้บริการคลีนิกพิเศษนอกเวลานะคะ
ไปถึงประมาณเกือบๆสี่โมง โชคดี เป็นรอยต่อระหว่างคลีนิกในเวลากับนอกเวลา ไม่มีคนไข้เลยค่ะ ยื่นบัตรปชช. แล้วก็ขึ้นไปรอที่แผนก
(จริงๆ จนท.ด้านล่างบอกให้ขึ้นไปตอนห้าโมงเย็น แต่ไม่รู้จะไปไหนก็เลยตั้งใจจะขึ้นไปดูลาดเลาห้องก่อน)
เจอคุณพี่พยาบาลใจดีมาก ก็แอบไปถาม เล่าอาการคร่าวๆ แล้วถามเค้าว่าไปกินข้าวได้ไหม
(คือที่ รพ.เอกชน จะมีการลมยา คุณหมอเลยสั่งห้ามน้ำ ห้ามอาหารเอาไว้)
ถามว่าถ้าเป็นแบบนี้คุณหมอจะผ่าเลยรึป่าว แล้วที่ว่าถ้ามารพ.รัฐใช้สิทธิประกันสังคม หมอจะผ่าสดเลย ไม่ใช้ยาลดความเจ็บปวดจริงมั๊ย
โรคนี้น่ากลัวรึป่าว อะไรทำนองนี้ค่ะ คุณพี่พยาบาลไม่ได้ฟันธงอะไรชัดเจน แต่ดูสีหน้าท่าทางแล้วแอบสบายใจขึ้นนิดนึงว่า
มันน่าจะไม่รุนแรงเท่าไหร่ ให้ไปกินข้าวได้แล้วกลับมา 5 โมงเย็น
"5 โมงเย็น"
คุณพยาบาลสอบอาการ ประมาณ 5:10 คุณหมอเริ่มตรวจคนไข้ที่นัดไว้ก่อน
เรื่องส่วนนี้ แอบฮา นะคะ (หลังจากรักษาเสร็จ แซวเรื่องนี้ หัวเราะกันน้ำตาร่วง)
พยาบาลบอกให้เพื่อนเราเปลี่ยนผ้านุ่ง ก็มองหน้ากันว่าเอ๊ะใส่ชุดกระโปรงมาแล้ว ยังต้องนุ่งผ้าอีกหรอ
เพื่อน: ใส่กระโปรงมาต้องเปลี่ยนด้วยหรอคะ
พยาบาล: จะได้ไม่โป๊ค่ะ ถอดทั้งกางเกงข้างใน และข้างนอกเลยนะคะ
มองหน้ากันงงๆ แล้วนางก็เข้าไปเปลี่ยน
กลับออกมา ใส่ผ้าถุงยาวๆ อยู่ใต้ชุดกระโปรงอีกที
เรา : แล้วมันจะช่วยให้ไม่โป๊ยังไงหว่า
เพื่อน: นั่นสิ ยังไงมันเปิดแล้วก็โป๊เหมือนกันมั๊ย?
แล้วก็แอบนั่งหัวเราะกันสองคน
ณ จุดนี้ ขอบอกว่า ถ้าคุณมีคนที่ไว้ใจได้ ขอให้พาไปเป็นเพื่อนนะคะ เชื่อว่าสภาพจิตใจดีกว่ากันเยอะ
อย่าได้อาย ให้ไปยืนข้างๆ ด้านศีรษะ ไม่ต้องเห็นน้องน้อยของเราตอนตรวจได้ค่ะ
ระหว่างทางมารพ. รัฐ เราคุยกับเพื่อนว่า ไม่ได้เข้าไปห้องตรวจไม่ได้ช่วยถามหมอเลย เพราะแกไม่บอกให้ฉันเข้าไป
คือ แอบบ่นเพื่อนทำนองว่า มันน่าจะต้องเป็นเธอที่ขอพยาบาลให้ฉันเข้าไปด้วย ฉันถึงจะได้เข้าไปเป็น moral support ให้ได้นะ
คราวนี้ก่อนขึ้นเขียง นางเลยถามพยาบาลว่าขอให้เพื่อนเข้ามาด้วยได้มั๊ย
คุณหมอและพยาบาล บอกตรงกันว่าถ้าคนไข้โอเคนะ
เราเลยได้มีส่วนร่วม
"คุยกับคุณหมอ"
คุณหมอเป็นผช. (ลืมบอกไปที่รพ.เอกชน ได้คุณหมอผญ.)
หมอสอบประวัติทั่วไป เคยมีเพศสัมพันธ์มั๊ย มีรอบเดือนปกติมั๊ย มีปวดท้องรึป่าว ไปตรวจมาแล้วเป็นยังไง
รู้สึกได้ว่า คุณหมอพยายามถามข้อมูล และชวนคุยให้ไม่เกร็ง
อันนี้เราแอบแทรกตอบ แทรกถามเป็นระยะ ทำหน้าที่เต็มที่ (กลัวเพื่อนหาว่าไม่มีประโยชน์แล้วไล่ออกจากห้อง)
จำบทสนทนาเป๊ะๆ ไม่ได้นะคะ แล้วก็งงๆ ว่าอันไหนใครถามด้วย
พวกเรา: ที่มีเลือดนี่เกี่ยวไหมคะ ว่ามีโอกาสเป็นมะเร็ง
หมอ: ไม่เกี่ยวนะ อันนั้นต้องส่งตรวจ
พวกเรา: แล้วอะไรเป็นสาเหตุคะ คือต้องดูแลตัวเองยังไง
หมอ: ไม่มีนะ อยากกินอะไรก็กิน ไม่เกี่ยวกัน
พวกเรา: (มองหน้ากัน อึ้งไปแป๊บนึง คือระหว่างขับรถมาที่รพ.เราสองคนคุยกันว่า สงสัยต้องลดการกินเนื้อสัตว์ซึ่งเชื่อว่าเป็นเหตุแห่งมะเร็ง)
พวกเรา: แล้ววันนี้ทำอะไรได้บ้างคะ (คือ งงๆ เพราะตรวจ ก็เพิ่งตรวจมาจากอีกรพ.นึง)
หมอ: จะตัดเลยมั๊ยล่ะ
พวกเรา: ห๊ะ ตัดได้เลยหรอคะ ทำที่ไหนคะ ไม่ต้องวางยา เข้าห้องผ่าตัดหรอคะ
หมอ: ต้องดูก่อนนะ ถ้าตัดได้ ตัดเลยมั๊ย หมอรับรองได้ว่าไม่เจ็บ ก็เหมือนมีประจำเดือนนั่นล่ะ
พวกเรา มองหน้ากัน เพื่อนคิดไรไม่รู้ แต่เราแบบว่าลังเล
หมอ: อ๊ะนี่ อธิบายให้ฟัง (แล้วหมอก็เอารูป pathway กลไกการมีรอบเดือน การควบคุมจากฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง) เนี่ยนะ มีฮอร์โมนหลั่งออกมา ทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อเพิ่ม แล้วเยื่อบุผนังมดลูกส่วนนี้มันก็หลุดออกมาทุกเดือน
พวกเรา: (แอบกระซิบปรึกษากันเบาๆ) แล้วพยักเพยิด งั้นมันคงเป็นพวกเยื่อบุผิวเนอะ ไม่ต้องเย็บแผลด้วย เอาไง ลุยเลยมั๊ย หมอบอกไม่เจ็บ
เพื่อน: งั้นตัดเลยค่ะ
เชื่อว่านางได้พลังใจจากเรา เลยกล้า
"ขึ้นเขียง"
พยาบาล: เอาขาวางตรงนี้ค่ะ แล้วเปิดกระโปรง
(เป็นเตียง แบบที่มีที่วางขาแล้วมันจะอยู่ในท่าชันเข่า อ้าขา)
เพื่อน: หันมาหาเรา มันโล่งๆเนอะ ตะกี้เค้ามีผ้าคลุมให้ (หมายถึงรพ.แรกที่ไปขึ้นเขียง)
เรา: เออนะ
เรา (คิดในใจ: จริง โล่งเกิ๊น แล้วอีชุดที่ให้เปลี่ยนนี่ก็ไม่ช่วยอะไรเลย เคยจินตนาการไว้ว่ามันมีผ้าคลุมปิดเข่าลงมา หมอกับเราไม่ต้องสบตากันได้ เหมือนฉากคลอดลูกในละคร)
คุณหมอเดินเข้ามา
หมอ: อ้าว ทำไมไม่ใส่กางเกงแดงล่ะคะ มันจะได้ไม่โป๊
(ประโยคนี้เป๊ะมาก คือคุณหมอพูดเพราะ พูดค่ะเหมือนเวลาพระเอกน่ารักๆพูด ค่ะ กับนางเอก)
พวกเรา มองหน้ากันแบบไม่เข้าใจ แต่เชื่อว่าเราต้องพลาดอะไรไปแน่ๆ
แต่คิดแค่แว่บเดียวเท่านั้นเพราะคุณหมอไม่ปล่อยให้คิดนาน
อันนี้หลายคนคงพอรู้เรื่องตรวจภายใน จะมีการใช้เครื่องมือในการถ่างและสอด
หมอ: จะใส่เครื่องถ่างเป็นโลหะนะ มันจะเย็นๆและตึงๆหน่อยนะคะ
เพื่อน - นางเริ่มหน้าซีด เรา - พยายามโฟกัสที่หน้าเพื่อนกับเสียงหมอ
หมอ: อ้อ อันนี้สบาย ตัดได้เลย
แล้วหมอก็พยายามชวนคุย แต่เพื่อนเราก็ไม่ค่อยตอบ (นางมาบอกทีหลังว่าตอนนั้นจิตใจมันไปโฟกัสอยู่ที่ด้านล่าง)
หมอ: ตัดเลยนะ
แล้วหมอก็ถามเป็นระยะๆ ว่าเจ็บมั๊ย ชวนคุยนู่นนี่
(เราเห็นหมอหยิบเครื่องมือที่เป็นลักษณะที่คีบ ยาวๆ แล้วสอดเข้าไป)
............................................
ปล. 1 ที่ไม่พอ เดี๋ยวเขียนต่อในคอมเมนท์ค่ะ
ปล. 2 ขอ tag ห้องชานเรือน กับ โต๊ะเครื่องแป้งด้วยนะคะ อยากให้สาวๆ ได้อ่าน
ปล. 3 อาจมีพิมพ์ผิด ตกหล่นบ้างขออภัยนะคะ พิมพ์ไปพิมพ์มาใช้เวลาไป 3 ชม.กว่า จขกท. ตาลายอ่านพิสูจน์อักษรไม่ไหวค่ะ
[CR] รีวิว/แบ่งปันประสบการณ์: ติ่งเนื้อปากมดลูก/ช่องคลอด ทั้งรพ.เอกชน และรพ.รัฐค่ะ
ใครสนใจข้อมูลเชิงวิชาการลองใช้คำพวกนี้เป็นคำสำคัญเพื่อใช้ในการหาข้อมูลต่อนะคะ
ไทย: ติ่งเนื้อปากมดลูก เนื้องอกปากมดลูก โพลิบ
Eng: Polyp, Polyp of cervix uteri
ส่วนใครที่สนใจเรื่องเล่าจากประสบการณ์ เชิญอ่านต่อค่า....
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์เกือบตรงของคนใกล้ตัว จะพยายามเขียนให้กระชับนะคะ
แต่ 8 บรรทัด คงจัดให้ไม่ได้ ต้องขออภัยด้วยค่า ^^
จขกท.คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใกล้ตัว ที่เรามักไม่คิดว่ามันจะเกิดกับคนใกล้ตัวหรือตัวเราเอง
จึงน่าจะเป็นประโยชน์และอยากนำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
ข้อมูลบางส่วนขออนุญาตไม่ระบุชัดเจน เหลือความเป็นส่วนตัวเล็กๆไว้นิดหนึ่งค่ะ
สุขภาพโดยทั่วไป:
อายุ 30-35 รอบเดือนมาปกติ มีระดูขาว ระหว่างรอบเดือน เวลามีประจำเดือนปวดท้องค่อนข้างมาก แต่กินยาแก้ปวดแล้วหายค่ะ
อาการผิดปกติเริ่มต้น:
มีเลือด+เมือก (ซึ่งตอนแรกเข้าใจว่าเป็นรอบเดือนที่มาผิดปกติ) ออกมาจากช่องคลอดหลังจากเพิ่งหมดประจำเดือนได้ไม่ถึง 2 สัปดาห์ มีติ่งเนื้อโผล่มาจากช่องคลอด
เล่าเรื่อง:
หลังจากมีมูกเลือดออกมาทางช่องคลอดเล็กน้อย (ใส่ผ้าอนามัยแล้วเห็นเป็นแค่วงเล็กๆ) โดยที่ไม่มีอาการปวดท้องประจำเดือน หรือปวดท้องใดๆ มีเลือดออกมาได้สัก 4-5 วัน อยู่ๆ ก็พบว่ามีก้อนเลือดโผล่ออกมาทางช่องคลอด ซึ่งจับแล้วรู้สึกได้ ณ จุดนี้เพื่อนช็อคมาก กลัวมาก คิดว่าน่าจะเป็นเนื้องอกแน่ๆ เพราะถ้าเป็นประจำเดือนที่เกิดจากเยื่อบุผิวมดลูกที่หลุดลอกออกมาแล้วจะต้องจับแล้วไม่รู้สึก แต่อันนี้รู้สึกได้ แสดงว่ายังมีระบบประสาทติดอยู่กับเจ้าเนื้อก้อนนี้ สำหรับคุณผู้หญิงที่สงสัย ลักษณะก้อนเนื้อที่เห็นคล้ายประจำเดือนที่ออกมาเป็นลิ่มเลือดมากค่ะ ก้อนแบบที่เวลามันไหลแล้วจะรู้สึกปรึ๊ดนึง ว่ามันมีก้อนออกมา พอดูที่ผ้าอนามัยก็เห็นเป็นลิ่มเลือดติดค้างอยู่ ไม่สามารถซึมลงไปได้ ใหญ่สัก 1 ซม.
แต่ที่สังเกตได้อย่างหนึ่งว่ามันต่างจากประจำเดือบ คือความสีแดงสดของเลือดค่ะ
ถ้าเป็นประจำเดือนเอาน้ำฉีดล้างก็จะหลุดออกมาได้ แต่อันนี้มันไม่หลุดออกมา แถมจับแล้วรู้สึก
เลยตัดสินใจไม่ดึงออกหรือทำอะไรกลับมันและไปพบแพทย์ทันทีค่ะ
สำหรับคนใกล้ตัวคนประสบเหตุ จขกท.ขอแนะนำให้อย่าช่วยกันบิวท์อารมณ์ตื่นตระหนกนะคะ
ณ จุดนั้น สิ่งที่ตัวเองทำคือแอบหาข้อมูล (แต่ตอนแรกไม่รู้ว่าเจ้าติ่งเนื้อมาจากปากมดลูก คิดว่าเป็นช่องคลอด เลยหาข้อมูลไม่ค่อยได้)
และพยายามพูดตัดบทเพื่อนด้วยประโยคที่ว่า "เราไม่รู้หรอกว่าคืออะไร คิดไปก็เท่านั้น ไปหาหมอพอรู้แล้วว่ามันร้ายแรงค่อยมาเครียด"
ส่วนเพื่อนก็พูดวนอยู่แค่ทำนองว่า "ฉันจะตายไหมนี่" คือฟังแล้วรู้เลยว่ากังวลมาก ก็นะอยู่ๆก็มีก้อนเนื้องอกออกมาจากน้องน้อย
ที่กลัวอยู่ในใจตอนคือ มะเร็ง แต่ตอนนั้นไม่อยากพูดคำนี้ออกมา
หลังจากหาข้อมูลจากคนใกล้ตัวแบบด่วนๆ เลือกไปรพ.เอกชนซึ่งเพื่อนมีประกันสุขภาพอยู่ค่ะ
รอพบแพทย์อยู่เกือบ 2 ชม. เพราะแพทย์ทางสูติฯ เป็น part time มาตอนเที่ยง
(ตั้งแต่ตอนนี้ไม่ได้เข้าไปกับเพื่อนด้วยค่ะ เพราะไม่แน่ใจว่าเค้าให้เข้า ได้เข้าไปฟังตอนคุยกับคุณหมอตอนแรกนิดเดียวก่อนตรวจ)
เข้าตรวจ 15 นาที คุณหมอพูดน้อยมาก แต่ถามก็ตอบนะคะ แต่ตอบสั้นๆ เข้าใจว่าเพราะคนเยอะ และมีคิวทำคลอดต่อ
คุณหมอบอกว่ามีเนื้องอกจากปากมดลูก ต้องตัดออกมากตรวจ ขนาดชิ้นเนื้อเยื่อใหญ่มาก เคยเห็นคนเป็นเยอะ
แต่ไม่เคยเจอใหญ่ขนาดที่โผล่ออกมาทางช่องคลอด ขนาดประมาณ 2x4 เซนติเมตร
(อันนี้ไม่รู้คำพูดชัดๆของคุณหมอนะคะ แต่จับอารมณ์เพื่อนได้ว่า นางกลัวมากว่าอาการจะรุนแรง)
ตัดกลับมาที่ห้องรอค่ะ อันนี้เป็นรีวิวส่วนการบริหารจัดการของรพ.เอกชนนะคะ (รพ.ต่างจังหวัด แต่ไม่ใช่ในกทม)
ที่สำคัญคือเรื่องค่าใช้จ่าย+รูปแบบบริการ
(ใครไม่สนใจส่วนนี้อ่านข้ามได้เลยค่ะ)
เนื่องจากแจ้งว่าจะใช้ประกันสุขภาพที่มีอยู่ สักพักก็มีจนท.ที่ดูแลด้านการเงินของรพ.นำราคาประเมินมาคุยค่ะ
ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด รวมค่าวางยาสลบ ค่าผ่าตัด อุปกรณ์ ห้องพัก 1 คืน (เลือกแบบถูกสุด 2,500 บาท) รวมแล้วประมาณ 3 หมื่นกว่าๆ
ถ้าจำไม่ผิดนะคะ เห็นแว่บเดียว -- มีค่าแพทย์ 5,000 ค่าวิสัญญีแพทย์ 5,000
ค่าวางยา 3,000 ค่าอุปกรณ์/ยาห้องผ่าตัด/ตรวจชิ้นเนื้อ 15,000
ราคานี้ เท่าที่สอบถามยังไม่รวมถ้ามีค่ายาหลังการผ่าตัด
โดย จนท.บอกว่าไม่แน่ใจว่าประกันจะจ่ายหรือไม่ เค้าบอกว่าหมวดระบบสืบพันธุ์มักไม่อยู่ในกลุ่มที่ประกันครอบคลุม
โดยเฉพาะถ้ามีกรณีทำประกันมาไม่ถึง 1 ปีหรือ 2 ปี มีโอกาสสูงมากที่ประกันจะไม่จ่าย
มนุษย์เงินเดือนเลยเริ่มลังเลค่ะ ว่าจะผ่าเลยมั๊ย หรือยังไงดี คือเพื่อนคิดไงไม่รู้ แต่ตัวเองแอบคำนวณในใจแทนนางว่าถ้าผ่าครั้งแรกยังสามหมื่นกว่า
แล้วถ้ามันครั้งเดียวไม่เสร็จ ถ้าจะให้รักษาหายเป็นหลักแสนจะทำยังไง จะมีจ่ายรึป่าว
ไม่พูดนะคะ คือถ้าคุณเพื่อนจะยอมจ่ายแพงเราก็ไม่ขัดอยู่แล้ว แต่คาดว่าอาการลังเลน่าจะออกทางสีหน้า
(ตอนนั้นไม่รู้ว่าอาการร้ายแรงแค่ไหน คิดว่าเสี่ยงเป็นอะไรที่รุนแรง ไม่รู้ว่าต้องรักษาต่ออีกรึป่าว)
คุณ จนท. ของรพ. เล็งเห็นอาการลังเล น่าจะกลัวเราไม่มีเงินจ่าย
เลยให้อีกทางเลือก ประมาณว่าให้แจ้งความประสงค์ยอดที่คิดว่าจะจ่ายไหว (เค้าแอบกระซิบว่าให้แจ้งที่ 2 หมื่น)
ตอนนั้นไม่รู้ว่ามีแบบนี้ได้ด้วย ก็ถามเค้าว่าแจ้งไปแล้วถ้าไม่ได้ล่ะค่ะ แต่จนท.บอกว่าถ้าเราแจ้งแล้วเป็นหน้าที่ของอีกฝ่ายที่ต้องทำให้อยู่ในงบ
เราก็ยังลังเลอีก คือ บางทีก็แอบแย่งเพื่อนซักถามนู่นนี่ คาดว่าสีหน้าความลังเลน่าจะออกชัดเจน
ระหว่างคุยสอบราคา รอถามฝ่ายนู้นฝ่ายนี้ ใช้เวลาไปอีกเกือบ 2 ชม.ค่ะ
จนท. กลับมาบอกว่า ถ้าไปรพ.ที่ใช้ประกันสังคม เค้าจะทำสดเลย เจ็บมากนะคะ
ถ้าทำที่รพ.นี้เลย จะวางยาสลบ น่าจะดีกับคนไข้มากกว่า
ตรงนี้ลึกๆ เราแอบไม่เชื่อนะคะ เพราะเคยได้ยินว่า การวางยาสลบมีความเสี่ยง
โดยปกติถ้าไม่จำเป็น เลี่ยงได้แพทย์จะเลี่ยงการวางยา
ที่ว่า รพ.เอกชนจะดีกว่าเพราะมีการวางยาสลบ เราเลยไม่เชื่อ เชื่อแค่ว่ามันเจ็บน้อยกว่า
จุดนี้ทำให้เริ่มรู้สึกว่า หรือมันจะไม่รุนแรง เพราะถ้าสามารถผ่าตัดได้โดยไม่วางยาสลบ
มันน่าจะไม่ร้ายแรงรึป่าว คือก็กลัวเพื่อนเจ็บอยู่ แต่ก็คิดว่าถ้าไปคุยกับหมอที่รพ.รัฐว่าขอฉีดยา กินยา วางยา ก็น่าจะทำได้และยังถูกกว่า
สุดท้าย เลยตัดสินใจยังไม่ทำที่รพ.เอกชนนี้ค่ะ แต่ขับรถไปรพ.รัฐอีกแห่งที่มีคนแนะนำมา
ตัดมาที่รพ. รัฐ แห่งหนึ่ง ซึ่งมีคนแนะนำเอาไว้ ใช้บริการคลีนิกพิเศษนอกเวลานะคะ
ไปถึงประมาณเกือบๆสี่โมง โชคดี เป็นรอยต่อระหว่างคลีนิกในเวลากับนอกเวลา ไม่มีคนไข้เลยค่ะ ยื่นบัตรปชช. แล้วก็ขึ้นไปรอที่แผนก
(จริงๆ จนท.ด้านล่างบอกให้ขึ้นไปตอนห้าโมงเย็น แต่ไม่รู้จะไปไหนก็เลยตั้งใจจะขึ้นไปดูลาดเลาห้องก่อน)
เจอคุณพี่พยาบาลใจดีมาก ก็แอบไปถาม เล่าอาการคร่าวๆ แล้วถามเค้าว่าไปกินข้าวได้ไหม
(คือที่ รพ.เอกชน จะมีการลมยา คุณหมอเลยสั่งห้ามน้ำ ห้ามอาหารเอาไว้)
ถามว่าถ้าเป็นแบบนี้คุณหมอจะผ่าเลยรึป่าว แล้วที่ว่าถ้ามารพ.รัฐใช้สิทธิประกันสังคม หมอจะผ่าสดเลย ไม่ใช้ยาลดความเจ็บปวดจริงมั๊ย
โรคนี้น่ากลัวรึป่าว อะไรทำนองนี้ค่ะ คุณพี่พยาบาลไม่ได้ฟันธงอะไรชัดเจน แต่ดูสีหน้าท่าทางแล้วแอบสบายใจขึ้นนิดนึงว่า
มันน่าจะไม่รุนแรงเท่าไหร่ ให้ไปกินข้าวได้แล้วกลับมา 5 โมงเย็น
"5 โมงเย็น"
คุณพยาบาลสอบอาการ ประมาณ 5:10 คุณหมอเริ่มตรวจคนไข้ที่นัดไว้ก่อน
เรื่องส่วนนี้ แอบฮา นะคะ (หลังจากรักษาเสร็จ แซวเรื่องนี้ หัวเราะกันน้ำตาร่วง)
พยาบาลบอกให้เพื่อนเราเปลี่ยนผ้านุ่ง ก็มองหน้ากันว่าเอ๊ะใส่ชุดกระโปรงมาแล้ว ยังต้องนุ่งผ้าอีกหรอ
เพื่อน: ใส่กระโปรงมาต้องเปลี่ยนด้วยหรอคะ
พยาบาล: จะได้ไม่โป๊ค่ะ ถอดทั้งกางเกงข้างใน และข้างนอกเลยนะคะ
มองหน้ากันงงๆ แล้วนางก็เข้าไปเปลี่ยน
กลับออกมา ใส่ผ้าถุงยาวๆ อยู่ใต้ชุดกระโปรงอีกที
เรา : แล้วมันจะช่วยให้ไม่โป๊ยังไงหว่า
เพื่อน: นั่นสิ ยังไงมันเปิดแล้วก็โป๊เหมือนกันมั๊ย?
แล้วก็แอบนั่งหัวเราะกันสองคน
ณ จุดนี้ ขอบอกว่า ถ้าคุณมีคนที่ไว้ใจได้ ขอให้พาไปเป็นเพื่อนนะคะ เชื่อว่าสภาพจิตใจดีกว่ากันเยอะ
อย่าได้อาย ให้ไปยืนข้างๆ ด้านศีรษะ ไม่ต้องเห็นน้องน้อยของเราตอนตรวจได้ค่ะ
ระหว่างทางมารพ. รัฐ เราคุยกับเพื่อนว่า ไม่ได้เข้าไปห้องตรวจไม่ได้ช่วยถามหมอเลย เพราะแกไม่บอกให้ฉันเข้าไป
คือ แอบบ่นเพื่อนทำนองว่า มันน่าจะต้องเป็นเธอที่ขอพยาบาลให้ฉันเข้าไปด้วย ฉันถึงจะได้เข้าไปเป็น moral support ให้ได้นะ
คราวนี้ก่อนขึ้นเขียง นางเลยถามพยาบาลว่าขอให้เพื่อนเข้ามาด้วยได้มั๊ย
คุณหมอและพยาบาล บอกตรงกันว่าถ้าคนไข้โอเคนะ
เราเลยได้มีส่วนร่วม
"คุยกับคุณหมอ"
คุณหมอเป็นผช. (ลืมบอกไปที่รพ.เอกชน ได้คุณหมอผญ.)
หมอสอบประวัติทั่วไป เคยมีเพศสัมพันธ์มั๊ย มีรอบเดือนปกติมั๊ย มีปวดท้องรึป่าว ไปตรวจมาแล้วเป็นยังไง
รู้สึกได้ว่า คุณหมอพยายามถามข้อมูล และชวนคุยให้ไม่เกร็ง
อันนี้เราแอบแทรกตอบ แทรกถามเป็นระยะ ทำหน้าที่เต็มที่ (กลัวเพื่อนหาว่าไม่มีประโยชน์แล้วไล่ออกจากห้อง)
จำบทสนทนาเป๊ะๆ ไม่ได้นะคะ แล้วก็งงๆ ว่าอันไหนใครถามด้วย
พวกเรา: ที่มีเลือดนี่เกี่ยวไหมคะ ว่ามีโอกาสเป็นมะเร็ง
หมอ: ไม่เกี่ยวนะ อันนั้นต้องส่งตรวจ
พวกเรา: แล้วอะไรเป็นสาเหตุคะ คือต้องดูแลตัวเองยังไง
หมอ: ไม่มีนะ อยากกินอะไรก็กิน ไม่เกี่ยวกัน
พวกเรา: (มองหน้ากัน อึ้งไปแป๊บนึง คือระหว่างขับรถมาที่รพ.เราสองคนคุยกันว่า สงสัยต้องลดการกินเนื้อสัตว์ซึ่งเชื่อว่าเป็นเหตุแห่งมะเร็ง)
พวกเรา: แล้ววันนี้ทำอะไรได้บ้างคะ (คือ งงๆ เพราะตรวจ ก็เพิ่งตรวจมาจากอีกรพ.นึง)
หมอ: จะตัดเลยมั๊ยล่ะ
พวกเรา: ห๊ะ ตัดได้เลยหรอคะ ทำที่ไหนคะ ไม่ต้องวางยา เข้าห้องผ่าตัดหรอคะ
หมอ: ต้องดูก่อนนะ ถ้าตัดได้ ตัดเลยมั๊ย หมอรับรองได้ว่าไม่เจ็บ ก็เหมือนมีประจำเดือนนั่นล่ะ
พวกเรา มองหน้ากัน เพื่อนคิดไรไม่รู้ แต่เราแบบว่าลังเล
หมอ: อ๊ะนี่ อธิบายให้ฟัง (แล้วหมอก็เอารูป pathway กลไกการมีรอบเดือน การควบคุมจากฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง) เนี่ยนะ มีฮอร์โมนหลั่งออกมา ทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อเพิ่ม แล้วเยื่อบุผนังมดลูกส่วนนี้มันก็หลุดออกมาทุกเดือน
พวกเรา: (แอบกระซิบปรึกษากันเบาๆ) แล้วพยักเพยิด งั้นมันคงเป็นพวกเยื่อบุผิวเนอะ ไม่ต้องเย็บแผลด้วย เอาไง ลุยเลยมั๊ย หมอบอกไม่เจ็บ
เพื่อน: งั้นตัดเลยค่ะ
เชื่อว่านางได้พลังใจจากเรา เลยกล้า
"ขึ้นเขียง"
พยาบาล: เอาขาวางตรงนี้ค่ะ แล้วเปิดกระโปรง
(เป็นเตียง แบบที่มีที่วางขาแล้วมันจะอยู่ในท่าชันเข่า อ้าขา)
เพื่อน: หันมาหาเรา มันโล่งๆเนอะ ตะกี้เค้ามีผ้าคลุมให้ (หมายถึงรพ.แรกที่ไปขึ้นเขียง)
เรา: เออนะ
เรา (คิดในใจ: จริง โล่งเกิ๊น แล้วอีชุดที่ให้เปลี่ยนนี่ก็ไม่ช่วยอะไรเลย เคยจินตนาการไว้ว่ามันมีผ้าคลุมปิดเข่าลงมา หมอกับเราไม่ต้องสบตากันได้ เหมือนฉากคลอดลูกในละคร)
คุณหมอเดินเข้ามา
หมอ: อ้าว ทำไมไม่ใส่กางเกงแดงล่ะคะ มันจะได้ไม่โป๊
(ประโยคนี้เป๊ะมาก คือคุณหมอพูดเพราะ พูดค่ะเหมือนเวลาพระเอกน่ารักๆพูด ค่ะ กับนางเอก)
พวกเรา มองหน้ากันแบบไม่เข้าใจ แต่เชื่อว่าเราต้องพลาดอะไรไปแน่ๆ
แต่คิดแค่แว่บเดียวเท่านั้นเพราะคุณหมอไม่ปล่อยให้คิดนาน
อันนี้หลายคนคงพอรู้เรื่องตรวจภายใน จะมีการใช้เครื่องมือในการถ่างและสอด
หมอ: จะใส่เครื่องถ่างเป็นโลหะนะ มันจะเย็นๆและตึงๆหน่อยนะคะ
เพื่อน - นางเริ่มหน้าซีด เรา - พยายามโฟกัสที่หน้าเพื่อนกับเสียงหมอ
หมอ: อ้อ อันนี้สบาย ตัดได้เลย
แล้วหมอก็พยายามชวนคุย แต่เพื่อนเราก็ไม่ค่อยตอบ (นางมาบอกทีหลังว่าตอนนั้นจิตใจมันไปโฟกัสอยู่ที่ด้านล่าง)
หมอ: ตัดเลยนะ
แล้วหมอก็ถามเป็นระยะๆ ว่าเจ็บมั๊ย ชวนคุยนู่นนี่
(เราเห็นหมอหยิบเครื่องมือที่เป็นลักษณะที่คีบ ยาวๆ แล้วสอดเข้าไป)
............................................
ปล. 1 ที่ไม่พอ เดี๋ยวเขียนต่อในคอมเมนท์ค่ะ
ปล. 2 ขอ tag ห้องชานเรือน กับ โต๊ะเครื่องแป้งด้วยนะคะ อยากให้สาวๆ ได้อ่าน
ปล. 3 อาจมีพิมพ์ผิด ตกหล่นบ้างขออภัยนะคะ พิมพ์ไปพิมพ์มาใช้เวลาไป 3 ชม.กว่า จขกท. ตาลายอ่านพิสูจน์อักษรไม่ไหวค่ะ