งงกับการทำresearch เชิงคุณภาพกะอ.ญี่ปุ่น , research ที่ไม่ต้องพูดเรื่องทฤษฎี
อยากทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าทำวิจัยแบบนี้ครับ
(ขอความกรุณางดการcommentแบบใช้อารมณ์ด้วยนะครับ แบบแนวๆไม่ชอบก็drop อะไรแบบนั้น กระทู้ตั้งเพราะอยากให้วิจารณ์แนวการการทำวิจัย คุณภาพของงานที่จะเกิดขึ้นครับ)
ปัจจุบันนี้ผมทำวิจัยแนวชาติพันธุ์วรรณา ป.โทอยู่ครับ
ระยะเวลาในการวิจัยประมาณ6เดือนที่ไทย โดยอ.มาดูพื้นที่ที่จะศึกษาด้วย1วัน อยู่ในภูเขาค่อนข้างไกลจากตัวเมือง
หลังจากนั้น ก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก เพราะอ.กลับญี่ปุ่น ส่วนผมจะไปๆมา ญี่ปุ่นไทยครับ
ลักษณะการทำวิจัยจะเป็นแบบนี้
1 อ.มีคำถามประมาณ10ข้อให้เราไปหามา โดยเรายังไม่ทันจะตั้งชื่อหัวข้อ ยังไม่มีจุดประสงค์ เป็นคำถามที่ไม่ลึก(ผมรู้ว่าไม่ลึก เพราะตอนหลังผมเริ่มเข้าใจ how to research ด้วยต้นเอง,ผมก็เลยเดาใจอ.ต่อว่า อ.อยากให้ตั้งหัวข้ออะไร) เมื่อถามว่า อ.เอาคำถามพวกนี้มาจากไหน อ.บอกว่าก็เป็นแค่guide line โดยส่วนตัวผมคิดว่ามันคือมาจากประสบการณ์ แล้วผมจะตั้งคำถามที่ครอบคลุมงานทั้งหมดได้ไง อ.ไม่ได้บอก แต่เปลี่ยนไปอธิบายว่า research คืออะไรแทน
2 เมื่อถามว่า research คือการพิสูจน์ theory หรือเปล่า อ.บอกว่า research มันก็คือการที่เราไปหาคำตอบจากคำถามที่เราตั้ง มันคือการเล่าเรื่องให้น่าสนใจ ขึ้นอยู่ว่าจะเล่ายังไง (ไม่มีการขยายความว่าน่าสนใจคืออะไร)>>ผมไม่ได้ถามว่าแล้ว research ต่างจาก reportยังไง
3 หลังจากตั้งหัวข้อแล้ว เมื่อพูดถึงtheory ที่จะใช้ศึกษา อ.บอกว่าก็มีเยอะแล้วแต่จะหยิบมาใช้ แต่ไม่ได้แนะ
อ.บอกว่าไม่ต้องอ้างอิงถึงทฤษฎีใดๆ ถ้าไม่มีอะไรน่าสนใจ ให้เขียนแต่สิ่งน่าสนใจ
ซึ่งผมจับได้ว่า สิ่งที่น่าสนใจในที่นี้มันก็คือสิ่งที่ญี่ปุ่นไม่มี ดังนั้นเวลาคุยอ. จะไม่มีการคุยเรื่อง theory ใดๆทั้งสิ้นๆ
ทุกวันนี้ก็อ่านtheory เพื่อสร้างคำถาม และใช้อธิบายผลที่เกิดขึ้น แต่จะไม่present ให้อ.รู้ว่า คำถามย่อยมาจากทฤษฏีใด
4 การทำ literature review อยากpresent ใดๆก็ทำไป จะไม่comment เนื้อหา ไม่comment วิธีการนำเสนอ
จะpresent ตั้งแต่หน้าแรกยันหน้าสุดท้าย
5. ไม่ต้องมีการdiscuss ในบทสรุป ไม่มีการเปรียบเทียบกับงานอื่นๆ เพราะมันจะกลายเป็นอีกหัวข้อแทน
8. ไม่ต้องมีบท ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพราะมันจะกลายเป็นอีกหัวข้อแทน
ประสบการณ์อื่นๆ
1ไม่มีการสอนการทำวิจัยมาก่อน มีหัวข้อนี้ตอนปี1 แต่เรียนแล้วกลายเป็นวิชาอื่น (ตรงนี้ออกจะเวียนหัว เพราะตอนหลังเวลาทำthesis ต้องทำไปพร้อมกับศึกษาว่าวิจัยคืออะไรด้วย)
2 อ.เล่าว่า เพื่อนๆป.โทคนญี่ปุ่นทำreportที่น่าสนใจ แต่ไม่ใช่ทำresearch อันนี้ไม่เข้าใจว่าทำไมเรียนโทแล้วทำreport
3.ในlab มีอ.1คน ต่อนักเรียนที่ต้องจบปีนี้11คน คือ ป.ตรี4 ป.โท
4 4เดือนผ่านไป ตรวจงาน4ครั้ง ไม่มีอ.ใดๆเป็นผู้ช่วย
5 ตอนนี้ เพื่อนต่างชาติอีกคน line มาหาผมบอกไม่อยากตรวจกะอ. เพราะพูดเรื่อง theory ทีไร อ.จะสับสน คือไม่มั่นใจว่าอ.จะเข้าใจเรื่องการทำวิจัยจริงๆหรือเปล่า... สำหรับผมเอง ผมทำเรื่องชาติพันธุ์วรรณา มีเวลาแค่6เดือน ลงพื้นที่จริง ได้แค่2ครั้ง ครั้งหนึ่ง 7-14วัน theory สำคัญสำหรับผมมาก สรุปว่าบท2 ผมกะเพื่อนจะพูดให้น้อยที่สุด จะเอางานคนอื่นที่เคยทำใน area ของเราจริงๆมาเป็นฐานข้อมูลทั่วไปเท่านั้น
6.ก่อนหน้านี้ ผมเคยสงสัยว่า ทำไมอ.ไม่สอนวิจัย หรือถกกันเรื่องการเรียนรู้ เคยมีคนบอกว่า อ.เขามีสิทธิ์ที่จะปล่อยให้คุณหลงทาง ไม่บอกอะไรใดๆ ตอนนั้นผมสงสัยว่าแล้วมันจะต่างจากที่ผมไม่เรียนโทยังไง ก็คงจะต่างที่อ.เขามีเกณในการหาความรู้ที่เป็นระบบ
แต่ตอนนี้ผมว่าหากเขาไม่เข้าใจคำว่า theory มันจะมีปัญหามาก ผมคิดว่าอาจจะมีอ.บางคนบอกว่าไม่มีเวลาตรวจงานเด็ก แล้วบอกว่าอ.มีสิทธิ์ที่จะปล่อยให้เด็กหลงทางเองก็ระดับหนึ่ง แต่ถ้าไม่เข้าใจ theory แล้วด้วยเนี่ย...ระดับสูงมาก... ผมว่านะครับ
อยากถามความเห็นคนเคยทำวิจัย หากเรียนกันแบบนี้ จะโอหรอครับ
เท่าที่ทราบ เป็นกันหลายม.ครับ
รทำresearch เชิงคุณภาพกะอ.ญี่ปุ่น,research ที่ไม่ต้องพูดเรื่องทฤษฎี จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทำวิจัยแบบนี้
อยากทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าทำวิจัยแบบนี้ครับ
(ขอความกรุณางดการcommentแบบใช้อารมณ์ด้วยนะครับ แบบแนวๆไม่ชอบก็drop อะไรแบบนั้น กระทู้ตั้งเพราะอยากให้วิจารณ์แนวการการทำวิจัย คุณภาพของงานที่จะเกิดขึ้นครับ)
ปัจจุบันนี้ผมทำวิจัยแนวชาติพันธุ์วรรณา ป.โทอยู่ครับ
ระยะเวลาในการวิจัยประมาณ6เดือนที่ไทย โดยอ.มาดูพื้นที่ที่จะศึกษาด้วย1วัน อยู่ในภูเขาค่อนข้างไกลจากตัวเมือง
หลังจากนั้น ก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก เพราะอ.กลับญี่ปุ่น ส่วนผมจะไปๆมา ญี่ปุ่นไทยครับ
ลักษณะการทำวิจัยจะเป็นแบบนี้
1 อ.มีคำถามประมาณ10ข้อให้เราไปหามา โดยเรายังไม่ทันจะตั้งชื่อหัวข้อ ยังไม่มีจุดประสงค์ เป็นคำถามที่ไม่ลึก(ผมรู้ว่าไม่ลึก เพราะตอนหลังผมเริ่มเข้าใจ how to research ด้วยต้นเอง,ผมก็เลยเดาใจอ.ต่อว่า อ.อยากให้ตั้งหัวข้ออะไร) เมื่อถามว่า อ.เอาคำถามพวกนี้มาจากไหน อ.บอกว่าก็เป็นแค่guide line โดยส่วนตัวผมคิดว่ามันคือมาจากประสบการณ์ แล้วผมจะตั้งคำถามที่ครอบคลุมงานทั้งหมดได้ไง อ.ไม่ได้บอก แต่เปลี่ยนไปอธิบายว่า research คืออะไรแทน
2 เมื่อถามว่า research คือการพิสูจน์ theory หรือเปล่า อ.บอกว่า research มันก็คือการที่เราไปหาคำตอบจากคำถามที่เราตั้ง มันคือการเล่าเรื่องให้น่าสนใจ ขึ้นอยู่ว่าจะเล่ายังไง (ไม่มีการขยายความว่าน่าสนใจคืออะไร)>>ผมไม่ได้ถามว่าแล้ว research ต่างจาก reportยังไง
3 หลังจากตั้งหัวข้อแล้ว เมื่อพูดถึงtheory ที่จะใช้ศึกษา อ.บอกว่าก็มีเยอะแล้วแต่จะหยิบมาใช้ แต่ไม่ได้แนะ
อ.บอกว่าไม่ต้องอ้างอิงถึงทฤษฎีใดๆ ถ้าไม่มีอะไรน่าสนใจ ให้เขียนแต่สิ่งน่าสนใจ
ซึ่งผมจับได้ว่า สิ่งที่น่าสนใจในที่นี้มันก็คือสิ่งที่ญี่ปุ่นไม่มี ดังนั้นเวลาคุยอ. จะไม่มีการคุยเรื่อง theory ใดๆทั้งสิ้นๆ
ทุกวันนี้ก็อ่านtheory เพื่อสร้างคำถาม และใช้อธิบายผลที่เกิดขึ้น แต่จะไม่present ให้อ.รู้ว่า คำถามย่อยมาจากทฤษฏีใด
4 การทำ literature review อยากpresent ใดๆก็ทำไป จะไม่comment เนื้อหา ไม่comment วิธีการนำเสนอ
จะpresent ตั้งแต่หน้าแรกยันหน้าสุดท้าย
5. ไม่ต้องมีการdiscuss ในบทสรุป ไม่มีการเปรียบเทียบกับงานอื่นๆ เพราะมันจะกลายเป็นอีกหัวข้อแทน
8. ไม่ต้องมีบท ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพราะมันจะกลายเป็นอีกหัวข้อแทน
ประสบการณ์อื่นๆ
1ไม่มีการสอนการทำวิจัยมาก่อน มีหัวข้อนี้ตอนปี1 แต่เรียนแล้วกลายเป็นวิชาอื่น (ตรงนี้ออกจะเวียนหัว เพราะตอนหลังเวลาทำthesis ต้องทำไปพร้อมกับศึกษาว่าวิจัยคืออะไรด้วย)
2 อ.เล่าว่า เพื่อนๆป.โทคนญี่ปุ่นทำreportที่น่าสนใจ แต่ไม่ใช่ทำresearch อันนี้ไม่เข้าใจว่าทำไมเรียนโทแล้วทำreport
3.ในlab มีอ.1คน ต่อนักเรียนที่ต้องจบปีนี้11คน คือ ป.ตรี4 ป.โท
4 4เดือนผ่านไป ตรวจงาน4ครั้ง ไม่มีอ.ใดๆเป็นผู้ช่วย
5 ตอนนี้ เพื่อนต่างชาติอีกคน line มาหาผมบอกไม่อยากตรวจกะอ. เพราะพูดเรื่อง theory ทีไร อ.จะสับสน คือไม่มั่นใจว่าอ.จะเข้าใจเรื่องการทำวิจัยจริงๆหรือเปล่า... สำหรับผมเอง ผมทำเรื่องชาติพันธุ์วรรณา มีเวลาแค่6เดือน ลงพื้นที่จริง ได้แค่2ครั้ง ครั้งหนึ่ง 7-14วัน theory สำคัญสำหรับผมมาก สรุปว่าบท2 ผมกะเพื่อนจะพูดให้น้อยที่สุด จะเอางานคนอื่นที่เคยทำใน area ของเราจริงๆมาเป็นฐานข้อมูลทั่วไปเท่านั้น
6.ก่อนหน้านี้ ผมเคยสงสัยว่า ทำไมอ.ไม่สอนวิจัย หรือถกกันเรื่องการเรียนรู้ เคยมีคนบอกว่า อ.เขามีสิทธิ์ที่จะปล่อยให้คุณหลงทาง ไม่บอกอะไรใดๆ ตอนนั้นผมสงสัยว่าแล้วมันจะต่างจากที่ผมไม่เรียนโทยังไง ก็คงจะต่างที่อ.เขามีเกณในการหาความรู้ที่เป็นระบบ
แต่ตอนนี้ผมว่าหากเขาไม่เข้าใจคำว่า theory มันจะมีปัญหามาก ผมคิดว่าอาจจะมีอ.บางคนบอกว่าไม่มีเวลาตรวจงานเด็ก แล้วบอกว่าอ.มีสิทธิ์ที่จะปล่อยให้เด็กหลงทางเองก็ระดับหนึ่ง แต่ถ้าไม่เข้าใจ theory แล้วด้วยเนี่ย...ระดับสูงมาก... ผมว่านะครับ
อยากถามความเห็นคนเคยทำวิจัย หากเรียนกันแบบนี้ จะโอหรอครับ
เท่าที่ทราบ เป็นกันหลายม.ครับ