Review : Sausage Party (หนังบ้าๆแบบนี้ก็มีด้วย)

ผู้กำกับ : Greg Tiernan, Conrad Vernon (Happily N’ever After, Shrek 2, Madagascar 3 : Europe’s most wanted)

ติดตามรีวิว+พูดคุยเกี่ยวกับเกม ภาพยนตร์ และการ์ตูนได้ที่เพจของผมนะครับhttps://www.facebook.com/Old-Geeks-1275369035829195/

เมื่อครั้งที่ผมได้ชม trailer แรกของ Sausage Party ผมก็รู้สึกสนใจมันทันทีครับ เพราะดูจะเป็นหนังที่จะมาฉีกขนบของ 3d อนิเมชั่นจากตะวันตกได้เป็นอย่างดี แบบไม่ต้องโลกสวยกันอีกต่อไปแล้ว แต่ตอนแรกผมก็คิดว่าความแรงของมันจะแค่นิดๆหน่อยๆ อาจจะแรงกว่า Shrek นิดหน่อยแค่นั้น แต่ผมคิดผิดครับ...


Sausage Party เล่าถึง Frank (Seth Rogen) ไส้กรอกที่มีชิวิตอยู่ในห่อในห้างสรรพสินค้า โดยเหล่าสินค้าในห้างนี้ต่างก็มีกฎว่าห้ามออกมานอกห่อเด็ดขาด จนกว่าวันที่คุณจะมีพระเจ้าพาคุณออกไปยังสวรรค์ชั้นฟ้า ที่ซึ่งชีวิตสุขสบายนิรันดรรออยู่ Frank และ Brenda (Kristen Wiig) ขนมปังฮอทดอกแสนสวยแฟนสาวของเขาจึงเฝ้ารอวันที่จะได้ไปยังสวรรค์อย่างใจจดใจจ่อ แต่เมื่อมีข่าวลือขึ้นว่าสวรรค์นั้นจริงๆแล้วเป็นสถานที่ที่เลวร้ายยังกับนรก Frank และเพื่อนๆจึงต้องออกเดินทางค้นหาความจริง เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามต่อได้ใน Sausage Party ครับ


ผมเห็นมีรีวิวเจ้าหนึ่งบอกว่า Sausage Party เป็น “หนังที่ที่สุด” ซึ่งผมว่ามันไม่ได้เกินความจริงไปเลยครับ หนังเต็มไปด้วยมุกตลกทรามๆซึ่งปล่อยกันเต็มเรื่องอย่างกับปืนกล ซึ่งมันไม่ได้มีแต่มุกทะลึ่งตึงตังนะครับ มุกเหยียดเชื้อชาติ เหยียดศาสนาก็มา (ส่วนมุกทะลึ่งนั่นก็เรต X เลยทีเดียว) ถ้าเป็นคนที่มีหัวสมองเป็นเด็ก แค่ได้ยินอะไรหยาบโลนก็ขำแล้วละก็ ก็คงจะสนุกกับหนังได้ครับ...ซึ่งผมก็คือคนๆนั้น!!! 5555 ถึงมุกมันจะทรามแค่ไหน แต่ด้วยความที่เราเก็ทมันซะแทบทุกมุกทำให้ Sausage Party เป็นหนึ่งในหนังที่ตลกมากๆเรื่องหนึ่งของปีเลยครับ (แต่ปีนี้ก็เพิ่งดูหนังไปสองเรื่อง...ก็นะ) ตอนผมดูในโรงผู้คนรอบตัวก้ดูจะสนุกสนานเฮฮากันดี บางทีก็ขำในความเลวทราม ความกล้าเล่นของหนังครับ ไม่มีลิมิตชีวิตเกินร้อยจริงๆ ซึ่งใครรับได้ตรงจริตก็จะสามารถเอนจอยกับมันได้ครับ แต่จะพาใครไปดูก็คงต้องเช็คดีๆ ใครใสๆนี่ก็อาจจะรับไม่ได้นะครับ ใครไม่ชอบหนังนี่ก็เข้าใจเลยครับ มันค่อนข้างเฉพาะกลุ่มจริงๆ หนังยังแอบมีเมสเสจที่ดีด้วยนะ เกี่ยวกับเรื่องความเชื่อ แอบมีความ pro atheist นิดหน่อย ถึงมันจะโต้งๆไปหน่อยแต่ก็รู้สึกว่าดีเกินคาดครับเพราะตอนแรกนึกว่าจะมาเล่นมุกกันอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม หนังก้ยังมีข้อติในด้านการดำเนินเรื่อง ที่ยังประดักประเดิดโดดไปโดดมา บางทีก็ไม่สมเหตุสมผลบ้าง และเรื่องของตัวละครที่ถึงมันจะเตะตาเราด้วยดีไซน์อุบาทว์ๆของมัน (ชมนะ) แต่การปูพื้นตัวละครผมว่ายังทำได้ไม่ดีพอครับ ก็คือ มีดีที่มุกทรามๆไม่มีลิมิตกับเมสเสจของเรื่อง แต่กลับตกมาตายนิดหน่อยที่พื้นฐานการเล่าเรื่องนี่ละนะ


งานภาพของหนังนั้นไม่ค่อยดี ยังไม่สามารถสู้งานของสตูดิโอตะวันตกอื่นๆได้ครับ แต่อย่างว่า หนังคงไม่ค่อยเน้นงานภาพเท่าไหร่ เพลงในหนังนั้นมีทั้งเพลงที่ล้อขนบของหนังอนิเมชั่นอื่นๆ และเพลง end credit ที่ใช้เพลงเก่ายุค 70 มาใช้ ซึ่งดันเป็นเพลงที่ผมชอบซะด้วยเลยได้คะแนนตรงนี้ไปครับ 555 การพากย์เสียงนั้น ผมชอบนะ การผรุสวาทคำต่างๆทำได้สะแด่วแห้วสะใจดีแท้ 555 อาจจะเป็นธาตุแท้ของดาราคนนั้นๆที่เก็บกดอยู่ก็ได้นะครับ 555

สรุป : เป็นหนังที่มีมุก offensive ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ซึ่งใครชอบแนวนี้ก็คงเอนจอยกับมันได้ แต่ถ้าใครรับมุกทรามๆไม่ได้นี่จงหนีให้ไกลเลยครับ เฉพาะกลุ่มจริงๆ

คะแนน : 7.6/10 (B+), ชอบ ครับ

**เตือนอีกครั้ง ไม่ควรพาบุตรหลานหรือเด็กๆเข้าไปดูอย่างแรงครับ**