ปีใหม่ใครจะอยากอยู่กรุงเทพฯ หยุดยาวทั้งทีผมก็ต้องหาที่เที่ยว
แต่เราไม่ได้แพลนไว้ล่วงหน้าก็เลยต้องไปในประเทศใกล้ๆ นี่แหละ เพราะถ้าเพิ่งมาจองตั๋วเครื่องบินตอนนี้ก็คงแพงไปหมดแล้ว

หาข้อมูลในกูเกิ้ลว่าเที่ยวไหนดีที่ไม่ไกลกรุงเทพฯ เจอ... เกาะช้าง นี่แหละที่ดูน่าสนใจ
ไม่ได้ไปมาแล้วเกือบ 10 ปี นั่งรถจากกรุงเทพฯ ไปแค่ 5 ชั่วโมง ขึ้นเรืออีก 30 นาที
ตัดสินใจได้ปุ๊บก็โทรไปถามเชิดชัยทัวร์ เค้าบอกว่ายังมีตั๋วให้ไปซื้อที่สถานีขนส่งเอกมัย ก็เลยไปซื้อวันนั้นเลย

ถ้าตั๋วรถไปกลับ รวมค่าขึ้นเรือข้ามฝากไปกลับในราคารวม  596 บาท
แบ่งเป็นตั๋วรถขาไป 236 บาท ตั๋วรถขากลับ 210 บาท ค่าเรือข้ามฝากขาละ 75 บาทไปกลับ 150 บาท

โรงแรมเราจองโฮสเทลคือ Habitat Hostel ไว้หนึ่งเตียง อยู่หาดคลองพร้าว ตรงแหลมไชยเชษฐ์
เป็นโรงแรมที่เพิ่งเปิดใหม่มาได้ 3 เดือน เตียงและห้องยังใหม่อยู่ นอนห้องรวม 4 คน ราคาคืนละ 500 บาทในช่วงปีใหม่


ถึงบขส. ตราดเวลาประมาณตี 5 ให้ขึ้นรถสองแถวไปท่าเรือ Center point ค่ารถคนละ 60 บาท
(ตั๋วเรือที่ซื้อมาพร้อมกับตั๋วรถต้องขึ้นที่ ท่าเรือ Center point เท่านั้น)

ท่าเรือจะเปิดเวลา 6.00 น. รอบแรกและจะมีเรือเข้าออกเรื่อยๆ มีเรือเข้าออกทุกๆ 15 นาทีแหละ จนรอบสุดท้ายคือ 19.00 น.
เผื่อเวลาหน่อยถ้ามาไม่ทันเรือรอบสุดท้ายอาจจะต้องกลับไปนอนในตัวเมืองตราดซึ่งก็จะเสียเวลามากๆ






เรือชั้นล่างไว้สำหรับให้รถเข้าไปจอด ได้ทั้งรถใหญ่รถเล็ก ส่วนคนก็ขึ้นไปนั่งบนชั้น2หรือชั้น3
บนเรือมีร้านขายของ เผื่อใครหิวน้ำ อยากกินไอติม,ขนมบนเรือก็มีขาย
ลงจากเรือมาจะมีรถสองแถวจอดอยู่คอยรับเราไปส่งตามโรงแรม
ราคาก็ขึ้นอยู่กับระยะทางระหว่างท่าเรือกับโรงแรม มีตั้งแต่ 50-200 บาท/คน


มาถึงโรงแรม Habitat Hostel แต่ยังเชคอินไม่ได้เพราะมาถึงเร็วเกินไป
พอดีว่าเจ้าของเป็นเพื่อนของเพื่อนพอดี แล้วเค้ามีโรงแรมอยู่ริมหาด ชื่อโรงแรม V.J. Searinity ผมเลยขอเค้าไปดู
เป็นการไปเดินเล่นเพื่อรอเวลาเชคอินด้วยเลย เวลาอยู่ในร่มและมีลมพัด มันเป็นลมเย็นๆ ไม่ใช่ลมร้อนๆ เหมือนตอนหน้าร้อน
อากาศดีนะผมว่า ไม่มีฝนเลย ท้องฟ้าโปร่ง

เริ่มหิวแล้ว นั่งรถสองแถวกลับมาแถว Habitat Hostel
ด้วยความที่ไม่มีรถขับ ขี่มอไซก็ไม่เป็น แต่ยังดีที่แถวโรงแรมมีร้านอาหารค่อนข้างเยอะ
ผมเลือกมื้อแรกบนเกาะเป็น “เย็นตาโฟทะเล”
ร้านนี้ใส่เครื่องพวกปลาหมึก, แมงกระพรุน, กุ้ง ให้เยอะมาก ราคา 60 บาท
กินชามเดียวอิ่มจริงๆ พอทานอิ่มผมก็เดินกลับไปนั่งรอเชคอิน ที่โฮสเทล







“ขออนุญาติเตือนนิดนึง การขับรถจักรยานบนเกาะช้างค่อนข้างอันตรายเพราะถนนเป็นถนนสองเลน ไม่กว้างมากนัก
ควรขับอย่างระมัดระวัง และไม่ควรขับในช่วงเวลากลางคืนเพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายมากขึ้น”


ผ่านบ้านช้างเราก็จะเจอต้นไม้สองข้างทางค่อนข้างร่มรื่น
อัตราค่าเข้าน้ำตกคลองพลูสำหรับคนไทยผู้ใหญ่อยู่ที่ 40 บาท เด็กอยู่ที่ 20 บาท
ถ้าเป็นชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 200 บาท และเด็กจะอยู่ที่ 100 บาท
เดินเข้าไปตามทาง ต้องเดินผ่านหิน เลียบน้ำไปเรื่อยๆ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร เราก็จะเจอน้ำตกคลองพลู
น้ำข้างล่างใสแบบมองเห็นปลา มีนักท่องเที่ยวลงไปเล่นน้ำกันเยอะ นั่งเล่นจนพอใจ
พระอาทิตย์ใกล้ตกเราก็ต้องทำเวลานิดนึง เพราะจะหลงอยู่ในป่าแบบมืดๆ ไม่ได้
และต้องขับจักรยานให้ถึที่พักก่อนพระอาทิตย์ตกด้วยเพราะความปลอดภัยของตัวเอง

อยากไปดูควงกระบองไฟที่สบายบาร์ ได้ข่าวว่าน่าจะเป็นจุดที่ดีที่สุดในการดูการแสดงชุดนี้
และใกล้ๆ สบายบาร์ จะมี food stalls เยอะแยะบริเวณริมถนน เรียงรายขายอยู่ประมาณ 100-200 เมตร
ผมก็ฝากท้องไว้ที่ร้านแถวนี้แหละ กินหอยเชลล์ย่างตัวใหญ่นะ ไม้ละ 40 บาท
กินข้าวหน้าเป็ดที่ร้านชายสี่หมี่เกี๊ยวนี่แหละ 40 บาท แต่บริมาณนี่ไม่เท่าที่กรุงเทพฯ คือเค้าให้เยอะกว่ามาก เรียกว่าอิ่มจนจุกที่ร้านนี่แหละ

หลังจากนั้นก็เดินไปดูควงกระบองไฟที่สบายบาร์
ไม่ใช่ร้านอื่นจะไม่มีนะ แต่เป็นเด็กๆ 4-5 คนมาควงแล้วควงแบบเงียบๆ คือไม่มีดนตรีประกอบ เหมือนเพิ่งฝึกกันมา
แต่ที่สบายบาร์จะมี Stage เล็กๆ มีมืออาชีพประมาณ 4-5 คนมาแสดง เห็นชัดว่าต่างกัน
(แต่ผมถ่ายของสบายบาร์ไม่ทัน ทันแต่ของร้านข้างๆ)
งานนี้ดูฟรีครับ หรือถ้าใครอยากได้ที่นั่งสบายๆ ก็เข้าไปทานอาหารร้านสบายบาร์ด้วยก็ได้
ช่วงหลังสามทุ่มก็จะมีดนตรีสด ดึกๆ ก็จะมีบริเวณที่เป็นผับให้เข้าไปเต้นข้างในได้ด้วยครับ