ผิดผลาดยังไงขออภัยด้วยนะครับ (ยาวมากนะครับ อยากอ่านทนหน่อย 55)
แค่อยากแชร์ประสบการณ์ เล่นๆ นะครับไม่ต้องคิดมาก ด่าไม่เอานะครับ กลัว เหอะๆ
อยากให้เด็กรุ่นใหม่อ่าน
เล่าตั้งแต่เริ่มเลยนะครับ...
ผมก็เด็กทั่วไป ตอนประถม เรียนๆโง่ๆ ไปวันๆ ตั้งแต่ ป1- ม.3 ผมนี่ ขี้เกียจมากโง่มาก
ผมหน้าตาเหมือนเด็กเรียน ไม่เกเร แต่ผมชอบ เล่นเกม โดดเรียนกินเหล้า บ่อยมาก กิจกรรมก็ไม่ทำหนีอย่างเดียว
ตอนเด็ก ก็สนุกครับ ยอมรับ 55 ชีวิตวัยเด็กดีจริงๆ (เกรดผม ก็ 1.5-2.2 เต็มที่ละ)
แต่เมื่อเวลาผ่านไป จนกำลังจะจบ ม.3 ผมเริ่มรู้สึกตัว ว่า ผมอยากเป็น Programmer
ในตอนนั้น มันเป็นแค่ความรู้สึกเล็กๆ ในใจ น้อยๆ ของผมแหละคับ เด็กจะตัดสินใจอะไรได้
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำ Programmer คืออะไร ทำงานยังไง ผมแค่เห็นแต่ในหนังที่ Programmer กดๆๆๆๆ คอม
อยู่ๆ บอก Hack เสร็จแล้ว ประตูเปิดเหล็กได้ แบบในใจโครตเจ๋ง (อารมเหมือนว่า ถ้าไม่มีมัน งานนี้คงทำต่อไปไม่ได้)
แต่ว่าGPA ของผมมัน น้อยนิดเหลือเกินที่จะเข้าสาย วิทย์-คณิต ด้วยความเป็นเด็ก ก็ไม่รู้เรื่องอะไร
(ตอนนั้นคิดว่าเรียนอะไรก็เรียนไปเถอะ) ผมเลยเข้าสาย ศิล-คำนวน แทน แต่ในใจจริงๆ ผิดหวัง อย่างแรง
ผมได้ ข่าวว่าจะเป็น Programmer ต้องเรียน วิทย์-คณิต โอ้ความรู้ สึกพัง เศร้ามาก แล้วท้อใหม
ทุกๆ ครั้งเวลาท้อ ผมจะนึก ถึงว่า "ทั้งโลกมีคนเป็นล้าน มันต้องมีคน สักคนที่เคยผ่านจุดเราไปได้หน่า"
เป็นสิ่งที่ทำให้ผมยังไปต่อได้
พอเริ่มขึ้น ม.4 มันก็เริ่มเป็นเด็ก ม ปลายละ ผมเริ่ม รู้สึกว่า ถ้าผมเรียนต่อไปแบบนี้ ความฝันมันก็ไกลออกไปเรื่อยๆ
นี่เป็นจุดเริ่มต้นความเปรี่ยนแปลงของผมละ ผมเที่ยว กินเหล้าเล่นเกมเหมื่อนเดิม(อ้าว แล้วมันเปรี่ยน ตรงไหน?)
ทุกอย่างเหมือนเดิม สิ่งที่เพิ่มขึ้น คือ ผมทำงานส่ง และ ผมยังอ่านหนังสือก่อนเข้าสอบ 1 ชม
(เปรี่ยนแค่นี้หลอวะ) ใช่ครับ แค่นี้ ความตั้งใจเรียนเท่าเดิม คือหลับในห้อง 555
แต่คุณรู้ใหม ก้าวเล็กๆ แค่นิดเดียว ในการเริ่มทำอะไรใหม่ๆ โรงเรียนผมเวลาออกเกรด จะให้ผู้ปกครองไปรับ
ผมก็ทำตาม เสต็บเดิม ผมหนีไปบ้านเพื่อน นั้งเล่นเกมในวันเกรดออก 55 (ไม่หนีก็โดนด่าดิ เป็นเรื่องปกติทุกปี)
แต่ในวันนั้น แม่โทรมา ทำเสียงแข๊ง "เรียนยังไงของวะ เกรด 3.2" ผมก็ ซีอค ถามแม่อีกทีว่า จริงเปล่า แม่:"จริงดิโกหกไม"
วันนั้นดีใจมากเลยครับ มันเป็นก้าวเล็กๆ แต่ มันใหญ่มากสำหรับ เด็กหนึงคน
จากนั้นมา ผมก็เล่นเกม กินเหล้าเหมือนเดิม 55 แต่สิ่งที่เพิ่มมา คือ ผมเริ่มอ่านหนังสือ เวลาอ่านจะอ่านกับเด็ก ห้องคิง ตลอดเวลามีสอบ
ทำให้ผม มีเพื่อน 2 กลุ่ม เที่ยวกับกลุ่มหลังห้อง เรียนกับห้องคิง แต่ว่า อยู่ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนว่า ผมเป็น "นกเป็ดน้ำ"
ทำไมอะหลอ เพราะ เรียนก็ ศิลป์-คำนวน เพื่อนก็มี2กลุ่มเรียนไม่เรียน แล้วตัวผมเอง จะเรียนก็ไม่ จะเหี... ก็ไม่ เก่งเลขไม่เท่า วิทย์-คณิต ภาษาไม่เท่าศิลป์
เหมือนจะเป็นปลาก็ไม่ นกก็ไม่ไช่ รู้สึกเหมือนไม่มีอะไรเด่นสักอย่าง
ม.5 จากนั้นผมเริ่มหาจุดเด่นของ ตัวเอง เพราะช่วงนี้เกรดผมเริ่มไม่น่าเป็นห่วงแล้ว 3+ ทุกเทอม(โชวหน่อยๆ)
ผมเริ่มรู้จุดเด่นจากคนรอบข้างผม เนื่องจากเล่นเกมบ่อย ผม crack เกม กับโปรแกรมเถื่อน เป็น ขณะที่เพื่อนผม หลายคนทำไม่ได้
(สนับสนุนของแท้แล้วนะครับเดี๋ยวนี้สมัยก่อนไม่รู้จะซื้อจากไหนตังก็ไม่มี)
ผมเริ่มลง โปรแกรม เป็น ลง window เป็น ดีใจสำหรับเด็ก ฮิฮิ ผมก็เริ่มศึกษาด้าน คอม เรื่อยมา
จบ ม.5 เกรดตก เหลือ 3.05 หุหุ
ม.6 ละเป็นช่วง ที่ คนสั่นใหญ่เรียกหัวเลี้ยวหัวต่อ แต่ผมก็ไม่เห็นจะเจอทางเลี้ยวหรือไฟแดงตรงไหนนะ ถุ้ย เล่นเองตบมุขเอง 55
ที่ผ่านมา ผมก็พยามหาความรู้ด้านคอมมาตลอด แต่ จะบอกว่า ความรู้ด้านนี้ไม่ได้หาง่ายๆ หาได้บางที่ก็อ่านไม่รู้เรื่อง ถ้าไม่มีคนช่วย
ผมเลย หยุดอ่าน สักพัก ถึงกลางเทอม 2 ม.6 (พักใหญ่มากอะ 4เดือน) ช่วงที่เด็กทุกคนต้องสอบเค้า มหาลัยละ
วิชาสุด Hot วิชา แนะแนว ออกตัวชมเลยครับ คุณครูเป็นคนตรงมาก คำถามยอดฮิต
#โตขึ้นเธออยากเป็นอะไร
ญ : อยากเป็นแอร์ค่ะ (มุขในห้องแนะแนว แอร์กี่หลอค่ะ)
ญ : อยากเป็นไกด์ค่ะ (มีอนาคตทุกคนเลยผู้ ญ )
ช : อยากเป็น หมอคับ
กู : อยากเป็นโปรแกรมเมอร์ (เพื่อนทั้งห้องก็หัวเราะ เนื่องจากหน้าผมหืน จะเขียนเว็ปโป๊หลอ อ้าว นี่กูผิดหลอ 55)
ช : ไม่รู้ครับ (เป็นคำตอบที่ไม่น่าตอบ โดน ครูล้อ "อ้าวไม่มีอนาคตนี่เอง" แสบมากครับ 55)
ผมเข้าห้องแนะแนวบ่อยมาก เพื่อติดตาม มหาวิทยาลัย ที่ ให้เด็ก ศิล-คำนวน เข้าสาขาเกี่ยวกับคอมได้
แต่ว่า ไม่ค่อยจะมี ผมก็เริ่มใจแป่วๆ ละ วันหนึ่งผมไป คุยกับ เพื่อนกับครูที่เรียนพิเศษของผม
ผมก็ เปิดใจคุย ว่าอนาคตอยากทำอะไร
อนาคตผมอยากจะเขียนโปรแกรม ของไทยให้ดังๆ สักโปรแกรม คนใช้เยอะๆ
อยากสร้าง อะไรใหม่ๆ เช่น โทรสับ ที่สามารถ เอาไปวางบนกระจก แล้ว จะมีจอเหมือนคอมขึ้นบนกระจก แล้วใช้ได้เหมือนคอม
แบบ ในหนัง เรื่อง "total recall" ประมาณนั้น
สิ่งที่ ครูคนนั้นตอบผม เค้าบอกผมว่า "เพ้อเจ้อ ลมๆแล้งๆ เป็นไปไม่ได้ เรียนศิลป์-คำนวนมาจะเข้าได้ไง เค้ารับแต่วิทย์"
ผมยอมรับว่าโกรทมาก ผมจะบอไว้เลยว่า "ดูถูกคนได้ แต่อย่าดูถูกสิ่งที่คนนั้นเชื่อมั่น" ผมเลยตั้งใจกับเป้าหมายเดิม มากขึ้น
เก็บคำดูถูกมาพัฒนาเรา
อ่านข้ามได้
*เปรี่ยนเรื่องนิด เดี๋ยว จะหาว่าเรียนอย่างเดียว 55
ผู้หญิงในใจผมก็มี สำหรับตอนนั้น ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก
ผมหน้าตาไม่ค่อยดีตอนนั้น ตอนนี้ก็ไม่รู้ดีป่าว 55 ไม่เคยมีแฟน
ผมจีบ มานานมาก พยามมากแต่ ทำยังไงเค้าก็ไม่เห็นค่า ตีคัวออกห่าง
ไม่คุยด้วย ผมก็เลยคิดว่า ชั่งมัน
เพื่อน ผม มาเลยครับ : "ผู้หญิง หาตอนไหนก็ได้ ยังไงก็มีเพื่อนย้อมใจเสมอ เชื่อกู"
#จำไว้ว่า คำว่าเชื่อกูจากเพื่อน เหี้.. เสมอ วันนั้น กินเหล้าบ้านเพื่อน เมาไปเรียนไม่ไหวเลย ร้องให้ อกหักบลาๆๆๆ
(ทั้งที่ยังไม่ได้คบกับเค้าเลย)*
ก่อนจบ ม.6 นิดหน่อย ต้องสอบ Onet 7วิชาสามัญ เท่าที่จำได้
เนื่องจาก สอบต้องสอบ โรงเรียนอื่น เพื่อนก็ขับรถไป สอบ ผมเลยติดรถไปด้วย
ตรงๆ ว่า ไม่ได้อ่านอะไรมาเลย ผมเข้าไปนั่งมั่วๆ ในห้องสอบ บางคนก็จริงจัง
บางคนก็ ไม่ทำรอหมดเวลาค่อยทำ
อย่างที่รู้ผลสอบผมไม่ดีนัก ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำ มันมีสอบ แบบนี้หลอวะ (อ้างๆข้ออ้างเยอะ)
ไม่ไช่ ไม่จริงจัง แต่ ช่วงนั้นก็ ท้อหน่อยๆ ไม่รู้จะเรียนไหน ยังไงดี ชีวิตเหลวมาก
สอบอยู่ บางวิชา ก็โดนสอบ หนีไปเที่ยว (ไม่แนะนำให้ทำตามนะ 55)
จบ ม.6 ต้องไปดู มหาลัย ต้องมาเลือก 4 อันดับ
ไปดูหมาลัย ไปเจอมหาลัย ยาน กทม แห่งหนึ่ง openhouse บูท IT อย่างเจ๋ง พี่ๆ เค้า ปริ้น โคทลงกระดาษ
คล้ายๆ QR code แต่เมื่อแสกนดู มันเป็นรูปภาพ 3D ขึ้นมา เป็นข้อความ อย่างเจ๋ง วิธีทำแบบเดียวกับ หนังสือมีชีวิต
ประทับใจมาก ตรงๆ (ผมเลยเก็บเอาไว้ในใจ)
สอบตรง ผมก็ไปสอบ สอบคณะ ศิลปกรรม (อ้าวแล้วเกี่ยวกับคอมไง)
ก็สาขาเค้าเขียน เอกกราฟฟิก ตอนนั้นอยากเข้ามาก กราฟฟิกทำเกมอะไรแบบนี้แน่เลย
จะบอกว่า เปล่า ต้องดูหลักสูตร แต่ละที่ด้วยครับ สาขานี้ วาดรูปยาวๆ จร้า ไม่รู้ มหาลัยอื่นเป็นไหมนะ
"แนะนำสำหรับคนที่จะเรียน คณะ ศิลปกรรม นะครับ ศึกษาดีดี เพราะเพื่อนๆ พี่ๆ ผมพลาดเข้าผิดไปเยอะละ"
เช่น สาขากราฟฟิกดีไซท์ เพื่อนผม คิดว่าจะได้ ใช้เมาส์ปากกาวานในคอม ป่าวเลย วาดล้วนๆ อาจมีใช้คอมนิดหน่อย
ศิลปกรรม ระวังสับสนกับ นิเทศ นะครับ ดีนะผมไม่ติดนอนนั้น 55
เข้าเรื่อง
4 อันดับผมเลือก
1.ศิลปกรรม กราฟฟิก
2.ศิลปกรรม เอกภาพพิมพ์
3.ศิลปกรรม เซรามิค(มาไง กลัวไม่มีที่เรียน)
4.IT เทคโนโลยีสาระสนเทศ (ภาคพิเศษ กลัวไม่ติด) รับ วิทย์-คณิต #ถามว่าเลือกได้ไง ก็ผมหน้าด้านหน้าทนอะ จะเลือกมีไรปะ
เครียดมาก กลัวไม่ติด เนื่อง จาก รับ วิทย์-คณิต ทุกอันเลย 55
ผู้ใหญ่ถาม แล้วลงแบบนี้ทำไม ผมจะตอบว่า "การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาก่อนการลงทุน" กวนตี.. ไหมละ
เหมือนโชคเข้าข้าง ติด อันดับ 4 ที่อยากได้เฉยเลย มหาลัยดังไกล้บ้านด้วย ช๊อค
ประสบห์การ สอบสัมภาษณ์ นะครับ ไปถึง ตรวจร่างกาย ก่อน ทาง มหาลัยมีให้
ก็ลงชื่อ เดินตามๆกับไป ก็ทักมั่ว เห็นคนนั้นสวย ทัก (ไม่ใช่หน้าหม้อนะครับ อยากสานสัมพันเฉยๆ 55)
หลังตรวจร่างกายเสร็จ คนครึ่งคณะ รู้ชื่อผม เพราะทักมั่ว แต่ผมจำไครไม่ได้เลย 55
จากนั้น ก็มีรุ่นพี่ที่คณะ พาเดินไปตึกสอบสัมภาษณ์ คนเยอะมากครับ นั่งในห้อง ประชุม มีรุ่นพี่มาคุยให้ กำลังใจลดความกดดันในห้อง
โดยการ เปิด โดเรม่อน กับ Lavar (หนอน 2 ตัวแดงเหลือ) ให้ดู บอกเลยว่า ความเครียดผมไม่ได้หายเลย 55
จากนั้นก็ถึงคิวของผม ลุกจากที่นั่ง ไปเจออาจารในอีกห้อง ผมก็เอาเอกสารให้ดู ก็ใบเกรด สำเนาบัตร ต่างๆ(วินาทีนั้นเอง)
ผมเหลือบไปเห็นคนข้างๆ หยิบพอทโอริโอ้ขึ้นมา (เขียนไม่เป็น ขอโทษด้วย) ผมก็ ช๊อก "อ้าวกูลืมทำของสำคัญหลอเนี่ย"
ผมก็นั่งเนียนๆไป อาจารก็ถาม
อ. : เรียนศิลป์-คำนวน ทำไม อยากมาเรียนคณะนี้ละ
ผม : ความผันคับ อยากเป็นProgrammer
อ. : คณะนี้เรียนยากนะ จะไหวหลอ
ผม : ไหวครับ
อ. : รู้ใหม อาจารเขียนโปรแกรมที งานมาตอนไกล้ปีใหม่ เขียนส่งเสร็จก่อนปีใหม่
โปรแกรมมี บัค อาจารต้องกลับมาแก้ บัค 5 ตัว บัค1ตัวแก้ 1 อาทิต หัวหน้าให้แก้ 5ตัว ใน 1 อาทิตย์
อาจารไม่ได้หยุดปีใหม่เลยนะ คณะนี้มันยากนะ
ผม : รู้ครับ ผมจะเรียน (ผมดื้อ ไม่ฟังหลอก)
อ : อยากเรียนไหม
ผม :อยากครับ(ไม่งั้นสมัครทำไม)55
อ : งั้นโอเคร อาจารให้ผ่าน ไว้เจอกัน ศึกษา java มาด้วย
จากนั้น ไม่นาน ผมก็ผ่าน สอบพร้อมเรียน
ก่อนเรียน จากวั้นนั้น ผมรู้สึกว่า ความฟันของผมมันกองอยู่ตรงนี้แล้ว ยังไงก็ต้องตั้งใจ
ผมก็ไปซื้อ หนังสือ Java เล่มเท่า ควา.. มาอ่าน ใครเคยอ่าน หนังสือ คอมจะรู้ดีครับ มันหนามากๆ
ผมอ่าน ครึ่งเล่ม นั้ง System.out...... int ..... for array ฯลฯ
ทำให้ผมรู้ว่า การเรียนเอง ยากกว่าการเรียนในห้องเรียน การเรียนโดยเราไม่รู้จุดหมาย
เหมือนวิ่งโดย ไม่มีที่ไปอะครับ เราจะไม่รู้ว่าต้องไปทางไหน บวกกับ ต้องบังคับตัวเอง ยากมาก
จนถึงเปิดเรียน ปี1
เพื่อนมากมายครับ รับน้องสนุก
ผมต้องเรียนวิชา ชื่อ programming 1 วิชานี้ตามชื่อครับเขียนโปรแกรมเบื้องต้น และ programming 2 OOP ยากอยู่ สำหรับมือใหม่
แต่ การที่ผมนั่งอ่านหนังสือมา พึ่งเห็นผลครับ ผมเก่งมาก เทียบกับคนอื่น (ไม่ได้ยอนะ)
ผมสอบ ได้เต็มทุกครัง ข้อสอบปลายภาค ใครไช้ method เป็นได้คะแนนเพิ่ม 10คะแนนช่วย
คะแนน วิชานี้ผมเกินครับ 110 คะแนน แต่ก็ตันแค่ A ครับ 55 โชวๆ ด้วยความเก่ง
ผมก็ได้สอนเพื่อนหลายคนมากมาย บางคนเข้าใจก็ทำได้ บางคน ก็ทำไม่ได้ ผมจะดุด่าก็ไม่ได้
เป็นห่วงแค่ใหนก็ชีวิตเพื่อน เพื่อนมหาลัยไม่เหมือนเพื่อน มปลายครับ ค่อนข้าง จะ sensitive
แต่ก็ทำให้ผมเจอแฟนคนแรกครับ รักมาบอกเลย เป็นเด็กเรียน แข่งงโน่นนี่มาเยอะ พอมองผม ไม่มีอะไรเลย 55
ผมสอนแฟนผม ตลอด เพราะผมเก่งวิชาเกี่ยวกับคอม แฟนผมก็เก่ง ภาษญี่ปุ่นคับ ผมก็ดู AV แบบเพลินๆมีคนแปล (ล้อเล่นนะเดี๋ยวโดนล่อ)
ขณะที่เรียน ไม่ใช่ว่าผมเก่งคนเดี่ยวนะครับ
มันเหมือนว่า จะแบ่งได้เป็นขั้นๆ
1.เก่ง
(ผมจะอยู่ประมานนี้ ศึกษาเองมาเยอะ พวกศึกษานอกห้องจะอยู่ประมานนี้)
2.เก่ง
3.เฉยๆ
4.ไม่เอาอะไรเลย หรือ ไม่ใช่ทางนี้
ในคณะจะมี พวก คนแบบที่ 4 เยอะมากครับ เพราะ คิดว่า มาเรียนจะได้ใช้คอมเล่นเกม หรือ เขียนโปรแกรม ก็ลากๆ มาใส่ วาดภาพ
ความจริงช่างโหดร้าย นั่งเขียนโคท ยาวๆ เจอแต่หน้าจอที่มีแต่ตัวหนังสือ GUI (Graphical User Interface)หน้าจอที่เราใช้ แบบ word
จะไม่ค่อยได้เจอนะ น่ากลัวมาก บางทีเจอแต่ CMD
จบ ปี 1 คนคณะผมจาก 1500+คน เหลือ 500คน ลาออกหมด
ปี2 ได้เรียน Algorithm เขียนโปรแกรมไครก็เขียนได้แต่จะเขียนให้เก่งต้องเข้าใจวิชานี้ครับ หินมาก ยากมากด้วย คนดรอปวิชานี้ครึ่งคณะ
เขียนเว็ป Database แทบจะเป็นวิชาแรกๆ ที่ได้เห็น แสงสี ผมเหมือนคนป่าไม่เคยเจอ แสงสีเลยตอนใช้คอมเจอแต่ ตัวอักษร 55
ผมก็ A วิชา Algorithm เหมือนเดิม มันไม่ไดง่ายเลยกว่าจะถึ
แชร์ประสบการณ์วัยเรียน ก่อน จะเริ่มกลายเป็น Programmer ตัวน้อย หมดกำลังใจเรียนควรอ่าน กลัวสอบไม่ติดก็ควรอ่าน
แค่อยากแชร์ประสบการณ์ เล่นๆ นะครับไม่ต้องคิดมาก ด่าไม่เอานะครับ กลัว เหอะๆ
อยากให้เด็กรุ่นใหม่อ่าน
เล่าตั้งแต่เริ่มเลยนะครับ...
ผมก็เด็กทั่วไป ตอนประถม เรียนๆโง่ๆ ไปวันๆ ตั้งแต่ ป1- ม.3 ผมนี่ ขี้เกียจมากโง่มาก
ผมหน้าตาเหมือนเด็กเรียน ไม่เกเร แต่ผมชอบ เล่นเกม โดดเรียนกินเหล้า บ่อยมาก กิจกรรมก็ไม่ทำหนีอย่างเดียว
ตอนเด็ก ก็สนุกครับ ยอมรับ 55 ชีวิตวัยเด็กดีจริงๆ (เกรดผม ก็ 1.5-2.2 เต็มที่ละ)
แต่เมื่อเวลาผ่านไป จนกำลังจะจบ ม.3 ผมเริ่มรู้สึกตัว ว่า ผมอยากเป็น Programmer
ในตอนนั้น มันเป็นแค่ความรู้สึกเล็กๆ ในใจ น้อยๆ ของผมแหละคับ เด็กจะตัดสินใจอะไรได้
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำ Programmer คืออะไร ทำงานยังไง ผมแค่เห็นแต่ในหนังที่ Programmer กดๆๆๆๆ คอม
อยู่ๆ บอก Hack เสร็จแล้ว ประตูเปิดเหล็กได้ แบบในใจโครตเจ๋ง (อารมเหมือนว่า ถ้าไม่มีมัน งานนี้คงทำต่อไปไม่ได้)
แต่ว่าGPA ของผมมัน น้อยนิดเหลือเกินที่จะเข้าสาย วิทย์-คณิต ด้วยความเป็นเด็ก ก็ไม่รู้เรื่องอะไร
(ตอนนั้นคิดว่าเรียนอะไรก็เรียนไปเถอะ) ผมเลยเข้าสาย ศิล-คำนวน แทน แต่ในใจจริงๆ ผิดหวัง อย่างแรง
ผมได้ ข่าวว่าจะเป็น Programmer ต้องเรียน วิทย์-คณิต โอ้ความรู้ สึกพัง เศร้ามาก แล้วท้อใหม
ทุกๆ ครั้งเวลาท้อ ผมจะนึก ถึงว่า "ทั้งโลกมีคนเป็นล้าน มันต้องมีคน สักคนที่เคยผ่านจุดเราไปได้หน่า"
เป็นสิ่งที่ทำให้ผมยังไปต่อได้
พอเริ่มขึ้น ม.4 มันก็เริ่มเป็นเด็ก ม ปลายละ ผมเริ่ม รู้สึกว่า ถ้าผมเรียนต่อไปแบบนี้ ความฝันมันก็ไกลออกไปเรื่อยๆ
นี่เป็นจุดเริ่มต้นความเปรี่ยนแปลงของผมละ ผมเที่ยว กินเหล้าเล่นเกมเหมื่อนเดิม(อ้าว แล้วมันเปรี่ยน ตรงไหน?)
ทุกอย่างเหมือนเดิม สิ่งที่เพิ่มขึ้น คือ ผมทำงานส่ง และ ผมยังอ่านหนังสือก่อนเข้าสอบ 1 ชม
(เปรี่ยนแค่นี้หลอวะ) ใช่ครับ แค่นี้ ความตั้งใจเรียนเท่าเดิม คือหลับในห้อง 555
แต่คุณรู้ใหม ก้าวเล็กๆ แค่นิดเดียว ในการเริ่มทำอะไรใหม่ๆ โรงเรียนผมเวลาออกเกรด จะให้ผู้ปกครองไปรับ
ผมก็ทำตาม เสต็บเดิม ผมหนีไปบ้านเพื่อน นั้งเล่นเกมในวันเกรดออก 55 (ไม่หนีก็โดนด่าดิ เป็นเรื่องปกติทุกปี)
แต่ในวันนั้น แม่โทรมา ทำเสียงแข๊ง "เรียนยังไงของวะ เกรด 3.2" ผมก็ ซีอค ถามแม่อีกทีว่า จริงเปล่า แม่:"จริงดิโกหกไม"
วันนั้นดีใจมากเลยครับ มันเป็นก้าวเล็กๆ แต่ มันใหญ่มากสำหรับ เด็กหนึงคน
จากนั้นมา ผมก็เล่นเกม กินเหล้าเหมือนเดิม 55 แต่สิ่งที่เพิ่มมา คือ ผมเริ่มอ่านหนังสือ เวลาอ่านจะอ่านกับเด็ก ห้องคิง ตลอดเวลามีสอบ
ทำให้ผม มีเพื่อน 2 กลุ่ม เที่ยวกับกลุ่มหลังห้อง เรียนกับห้องคิง แต่ว่า อยู่ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนว่า ผมเป็น "นกเป็ดน้ำ"
ทำไมอะหลอ เพราะ เรียนก็ ศิลป์-คำนวน เพื่อนก็มี2กลุ่มเรียนไม่เรียน แล้วตัวผมเอง จะเรียนก็ไม่ จะเหี... ก็ไม่ เก่งเลขไม่เท่า วิทย์-คณิต ภาษาไม่เท่าศิลป์
เหมือนจะเป็นปลาก็ไม่ นกก็ไม่ไช่ รู้สึกเหมือนไม่มีอะไรเด่นสักอย่าง
ม.5 จากนั้นผมเริ่มหาจุดเด่นของ ตัวเอง เพราะช่วงนี้เกรดผมเริ่มไม่น่าเป็นห่วงแล้ว 3+ ทุกเทอม(โชวหน่อยๆ)
ผมเริ่มรู้จุดเด่นจากคนรอบข้างผม เนื่องจากเล่นเกมบ่อย ผม crack เกม กับโปรแกรมเถื่อน เป็น ขณะที่เพื่อนผม หลายคนทำไม่ได้
(สนับสนุนของแท้แล้วนะครับเดี๋ยวนี้สมัยก่อนไม่รู้จะซื้อจากไหนตังก็ไม่มี)
ผมเริ่มลง โปรแกรม เป็น ลง window เป็น ดีใจสำหรับเด็ก ฮิฮิ ผมก็เริ่มศึกษาด้าน คอม เรื่อยมา
จบ ม.5 เกรดตก เหลือ 3.05 หุหุ
ม.6 ละเป็นช่วง ที่ คนสั่นใหญ่เรียกหัวเลี้ยวหัวต่อ แต่ผมก็ไม่เห็นจะเจอทางเลี้ยวหรือไฟแดงตรงไหนนะ ถุ้ย เล่นเองตบมุขเอง 55
ที่ผ่านมา ผมก็พยามหาความรู้ด้านคอมมาตลอด แต่ จะบอกว่า ความรู้ด้านนี้ไม่ได้หาง่ายๆ หาได้บางที่ก็อ่านไม่รู้เรื่อง ถ้าไม่มีคนช่วย
ผมเลย หยุดอ่าน สักพัก ถึงกลางเทอม 2 ม.6 (พักใหญ่มากอะ 4เดือน) ช่วงที่เด็กทุกคนต้องสอบเค้า มหาลัยละ
วิชาสุด Hot วิชา แนะแนว ออกตัวชมเลยครับ คุณครูเป็นคนตรงมาก คำถามยอดฮิต
#โตขึ้นเธออยากเป็นอะไร
ญ : อยากเป็นแอร์ค่ะ (มุขในห้องแนะแนว แอร์กี่หลอค่ะ)
ญ : อยากเป็นไกด์ค่ะ (มีอนาคตทุกคนเลยผู้ ญ )
ช : อยากเป็น หมอคับ
กู : อยากเป็นโปรแกรมเมอร์ (เพื่อนทั้งห้องก็หัวเราะ เนื่องจากหน้าผมหืน จะเขียนเว็ปโป๊หลอ อ้าว นี่กูผิดหลอ 55)
ช : ไม่รู้ครับ (เป็นคำตอบที่ไม่น่าตอบ โดน ครูล้อ "อ้าวไม่มีอนาคตนี่เอง" แสบมากครับ 55)
ผมเข้าห้องแนะแนวบ่อยมาก เพื่อติดตาม มหาวิทยาลัย ที่ ให้เด็ก ศิล-คำนวน เข้าสาขาเกี่ยวกับคอมได้
แต่ว่า ไม่ค่อยจะมี ผมก็เริ่มใจแป่วๆ ละ วันหนึ่งผมไป คุยกับ เพื่อนกับครูที่เรียนพิเศษของผม
ผมก็ เปิดใจคุย ว่าอนาคตอยากทำอะไร
อนาคตผมอยากจะเขียนโปรแกรม ของไทยให้ดังๆ สักโปรแกรม คนใช้เยอะๆ
อยากสร้าง อะไรใหม่ๆ เช่น โทรสับ ที่สามารถ เอาไปวางบนกระจก แล้ว จะมีจอเหมือนคอมขึ้นบนกระจก แล้วใช้ได้เหมือนคอม
แบบ ในหนัง เรื่อง "total recall" ประมาณนั้น
สิ่งที่ ครูคนนั้นตอบผม เค้าบอกผมว่า "เพ้อเจ้อ ลมๆแล้งๆ เป็นไปไม่ได้ เรียนศิลป์-คำนวนมาจะเข้าได้ไง เค้ารับแต่วิทย์"
ผมยอมรับว่าโกรทมาก ผมจะบอไว้เลยว่า "ดูถูกคนได้ แต่อย่าดูถูกสิ่งที่คนนั้นเชื่อมั่น" ผมเลยตั้งใจกับเป้าหมายเดิม มากขึ้น
เก็บคำดูถูกมาพัฒนาเรา
อ่านข้ามได้
*เปรี่ยนเรื่องนิด เดี๋ยว จะหาว่าเรียนอย่างเดียว 55
ผู้หญิงในใจผมก็มี สำหรับตอนนั้น ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก
ผมหน้าตาไม่ค่อยดีตอนนั้น ตอนนี้ก็ไม่รู้ดีป่าว 55 ไม่เคยมีแฟน
ผมจีบ มานานมาก พยามมากแต่ ทำยังไงเค้าก็ไม่เห็นค่า ตีคัวออกห่าง
ไม่คุยด้วย ผมก็เลยคิดว่า ชั่งมัน
เพื่อน ผม มาเลยครับ : "ผู้หญิง หาตอนไหนก็ได้ ยังไงก็มีเพื่อนย้อมใจเสมอ เชื่อกู"
#จำไว้ว่า คำว่าเชื่อกูจากเพื่อน เหี้.. เสมอ วันนั้น กินเหล้าบ้านเพื่อน เมาไปเรียนไม่ไหวเลย ร้องให้ อกหักบลาๆๆๆ
(ทั้งที่ยังไม่ได้คบกับเค้าเลย)*
ก่อนจบ ม.6 นิดหน่อย ต้องสอบ Onet 7วิชาสามัญ เท่าที่จำได้
เนื่องจาก สอบต้องสอบ โรงเรียนอื่น เพื่อนก็ขับรถไป สอบ ผมเลยติดรถไปด้วย
ตรงๆ ว่า ไม่ได้อ่านอะไรมาเลย ผมเข้าไปนั่งมั่วๆ ในห้องสอบ บางคนก็จริงจัง
บางคนก็ ไม่ทำรอหมดเวลาค่อยทำ
อย่างที่รู้ผลสอบผมไม่ดีนัก ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำ มันมีสอบ แบบนี้หลอวะ (อ้างๆข้ออ้างเยอะ)
ไม่ไช่ ไม่จริงจัง แต่ ช่วงนั้นก็ ท้อหน่อยๆ ไม่รู้จะเรียนไหน ยังไงดี ชีวิตเหลวมาก
สอบอยู่ บางวิชา ก็โดนสอบ หนีไปเที่ยว (ไม่แนะนำให้ทำตามนะ 55)
จบ ม.6 ต้องไปดู มหาลัย ต้องมาเลือก 4 อันดับ
ไปดูหมาลัย ไปเจอมหาลัย ยาน กทม แห่งหนึ่ง openhouse บูท IT อย่างเจ๋ง พี่ๆ เค้า ปริ้น โคทลงกระดาษ
คล้ายๆ QR code แต่เมื่อแสกนดู มันเป็นรูปภาพ 3D ขึ้นมา เป็นข้อความ อย่างเจ๋ง วิธีทำแบบเดียวกับ หนังสือมีชีวิต
ประทับใจมาก ตรงๆ (ผมเลยเก็บเอาไว้ในใจ)
สอบตรง ผมก็ไปสอบ สอบคณะ ศิลปกรรม (อ้าวแล้วเกี่ยวกับคอมไง)
ก็สาขาเค้าเขียน เอกกราฟฟิก ตอนนั้นอยากเข้ามาก กราฟฟิกทำเกมอะไรแบบนี้แน่เลย
จะบอกว่า เปล่า ต้องดูหลักสูตร แต่ละที่ด้วยครับ สาขานี้ วาดรูปยาวๆ จร้า ไม่รู้ มหาลัยอื่นเป็นไหมนะ
"แนะนำสำหรับคนที่จะเรียน คณะ ศิลปกรรม นะครับ ศึกษาดีดี เพราะเพื่อนๆ พี่ๆ ผมพลาดเข้าผิดไปเยอะละ"
เช่น สาขากราฟฟิกดีไซท์ เพื่อนผม คิดว่าจะได้ ใช้เมาส์ปากกาวานในคอม ป่าวเลย วาดล้วนๆ อาจมีใช้คอมนิดหน่อย
ศิลปกรรม ระวังสับสนกับ นิเทศ นะครับ ดีนะผมไม่ติดนอนนั้น 55
เข้าเรื่อง
4 อันดับผมเลือก
1.ศิลปกรรม กราฟฟิก
2.ศิลปกรรม เอกภาพพิมพ์
3.ศิลปกรรม เซรามิค(มาไง กลัวไม่มีที่เรียน)
4.IT เทคโนโลยีสาระสนเทศ (ภาคพิเศษ กลัวไม่ติด) รับ วิทย์-คณิต #ถามว่าเลือกได้ไง ก็ผมหน้าด้านหน้าทนอะ จะเลือกมีไรปะ
เครียดมาก กลัวไม่ติด เนื่อง จาก รับ วิทย์-คณิต ทุกอันเลย 55
ผู้ใหญ่ถาม แล้วลงแบบนี้ทำไม ผมจะตอบว่า "การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาก่อนการลงทุน" กวนตี.. ไหมละ
เหมือนโชคเข้าข้าง ติด อันดับ 4 ที่อยากได้เฉยเลย มหาลัยดังไกล้บ้านด้วย ช๊อค
ประสบห์การ สอบสัมภาษณ์ นะครับ ไปถึง ตรวจร่างกาย ก่อน ทาง มหาลัยมีให้
ก็ลงชื่อ เดินตามๆกับไป ก็ทักมั่ว เห็นคนนั้นสวย ทัก (ไม่ใช่หน้าหม้อนะครับ อยากสานสัมพันเฉยๆ 55)
หลังตรวจร่างกายเสร็จ คนครึ่งคณะ รู้ชื่อผม เพราะทักมั่ว แต่ผมจำไครไม่ได้เลย 55
จากนั้น ก็มีรุ่นพี่ที่คณะ พาเดินไปตึกสอบสัมภาษณ์ คนเยอะมากครับ นั่งในห้อง ประชุม มีรุ่นพี่มาคุยให้ กำลังใจลดความกดดันในห้อง
โดยการ เปิด โดเรม่อน กับ Lavar (หนอน 2 ตัวแดงเหลือ) ให้ดู บอกเลยว่า ความเครียดผมไม่ได้หายเลย 55
จากนั้นก็ถึงคิวของผม ลุกจากที่นั่ง ไปเจออาจารในอีกห้อง ผมก็เอาเอกสารให้ดู ก็ใบเกรด สำเนาบัตร ต่างๆ(วินาทีนั้นเอง)
ผมเหลือบไปเห็นคนข้างๆ หยิบพอทโอริโอ้ขึ้นมา (เขียนไม่เป็น ขอโทษด้วย) ผมก็ ช๊อก "อ้าวกูลืมทำของสำคัญหลอเนี่ย"
ผมก็นั่งเนียนๆไป อาจารก็ถาม
อ. : เรียนศิลป์-คำนวน ทำไม อยากมาเรียนคณะนี้ละ
ผม : ความผันคับ อยากเป็นProgrammer
อ. : คณะนี้เรียนยากนะ จะไหวหลอ
ผม : ไหวครับ
อ. : รู้ใหม อาจารเขียนโปรแกรมที งานมาตอนไกล้ปีใหม่ เขียนส่งเสร็จก่อนปีใหม่
โปรแกรมมี บัค อาจารต้องกลับมาแก้ บัค 5 ตัว บัค1ตัวแก้ 1 อาทิต หัวหน้าให้แก้ 5ตัว ใน 1 อาทิตย์
อาจารไม่ได้หยุดปีใหม่เลยนะ คณะนี้มันยากนะ
ผม : รู้ครับ ผมจะเรียน (ผมดื้อ ไม่ฟังหลอก)
อ : อยากเรียนไหม
ผม :อยากครับ(ไม่งั้นสมัครทำไม)55
อ : งั้นโอเคร อาจารให้ผ่าน ไว้เจอกัน ศึกษา java มาด้วย
จากนั้น ไม่นาน ผมก็ผ่าน สอบพร้อมเรียน
ก่อนเรียน จากวั้นนั้น ผมรู้สึกว่า ความฟันของผมมันกองอยู่ตรงนี้แล้ว ยังไงก็ต้องตั้งใจ
ผมก็ไปซื้อ หนังสือ Java เล่มเท่า ควา.. มาอ่าน ใครเคยอ่าน หนังสือ คอมจะรู้ดีครับ มันหนามากๆ
ผมอ่าน ครึ่งเล่ม นั้ง System.out...... int ..... for array ฯลฯ
ทำให้ผมรู้ว่า การเรียนเอง ยากกว่าการเรียนในห้องเรียน การเรียนโดยเราไม่รู้จุดหมาย
เหมือนวิ่งโดย ไม่มีที่ไปอะครับ เราจะไม่รู้ว่าต้องไปทางไหน บวกกับ ต้องบังคับตัวเอง ยากมาก
จนถึงเปิดเรียน ปี1
เพื่อนมากมายครับ รับน้องสนุก
ผมต้องเรียนวิชา ชื่อ programming 1 วิชานี้ตามชื่อครับเขียนโปรแกรมเบื้องต้น และ programming 2 OOP ยากอยู่ สำหรับมือใหม่
แต่ การที่ผมนั่งอ่านหนังสือมา พึ่งเห็นผลครับ ผมเก่งมาก เทียบกับคนอื่น (ไม่ได้ยอนะ)
ผมสอบ ได้เต็มทุกครัง ข้อสอบปลายภาค ใครไช้ method เป็นได้คะแนนเพิ่ม 10คะแนนช่วย
คะแนน วิชานี้ผมเกินครับ 110 คะแนน แต่ก็ตันแค่ A ครับ 55 โชวๆ ด้วยความเก่ง
ผมก็ได้สอนเพื่อนหลายคนมากมาย บางคนเข้าใจก็ทำได้ บางคน ก็ทำไม่ได้ ผมจะดุด่าก็ไม่ได้
เป็นห่วงแค่ใหนก็ชีวิตเพื่อน เพื่อนมหาลัยไม่เหมือนเพื่อน มปลายครับ ค่อนข้าง จะ sensitive
แต่ก็ทำให้ผมเจอแฟนคนแรกครับ รักมาบอกเลย เป็นเด็กเรียน แข่งงโน่นนี่มาเยอะ พอมองผม ไม่มีอะไรเลย 55
ผมสอนแฟนผม ตลอด เพราะผมเก่งวิชาเกี่ยวกับคอม แฟนผมก็เก่ง ภาษญี่ปุ่นคับ ผมก็ดู AV แบบเพลินๆมีคนแปล (ล้อเล่นนะเดี๋ยวโดนล่อ)
ขณะที่เรียน ไม่ใช่ว่าผมเก่งคนเดี่ยวนะครับ
มันเหมือนว่า จะแบ่งได้เป็นขั้นๆ
1.เก่ง (ผมจะอยู่ประมานนี้ ศึกษาเองมาเยอะ พวกศึกษานอกห้องจะอยู่ประมานนี้)
2.เก่ง
3.เฉยๆ
4.ไม่เอาอะไรเลย หรือ ไม่ใช่ทางนี้
ในคณะจะมี พวก คนแบบที่ 4 เยอะมากครับ เพราะ คิดว่า มาเรียนจะได้ใช้คอมเล่นเกม หรือ เขียนโปรแกรม ก็ลากๆ มาใส่ วาดภาพ
ความจริงช่างโหดร้าย นั่งเขียนโคท ยาวๆ เจอแต่หน้าจอที่มีแต่ตัวหนังสือ GUI (Graphical User Interface)หน้าจอที่เราใช้ แบบ word
จะไม่ค่อยได้เจอนะ น่ากลัวมาก บางทีเจอแต่ CMD
จบ ปี 1 คนคณะผมจาก 1500+คน เหลือ 500คน ลาออกหมด
ปี2 ได้เรียน Algorithm เขียนโปรแกรมไครก็เขียนได้แต่จะเขียนให้เก่งต้องเข้าใจวิชานี้ครับ หินมาก ยากมากด้วย คนดรอปวิชานี้ครึ่งคณะ
เขียนเว็ป Database แทบจะเป็นวิชาแรกๆ ที่ได้เห็น แสงสี ผมเหมือนคนป่าไม่เคยเจอ แสงสีเลยตอนใช้คอมเจอแต่ ตัวอักษร 55
ผมก็ A วิชา Algorithm เหมือนเดิม มันไม่ไดง่ายเลยกว่าจะถึ