ก่อนอื่นผมขอเท้าความไปถึงจุดเริ่มต้นของเรื่องความขัดแย้งของพี่น้องตั้งแต่สมัยวัยเด็กนะครับ น้องชายอายุน้อยกว่าผม 3 ปี เท่าที่ผมจำความได้น้องชายเริ่มไม่เชื่อฟังและสู้กับผมได้ ตั้งแต่อยู่ ม.2 คบเพื่อนเตะบอล หัดสูบบุหรี่ ฟังเพลงแนวพังค์ ร็อค หัดเล่นสเก็ตบอร์ด ซึ่งต่างกับผมมีนิสัยเป็นคนเงียบๆ ชอบเก็บตัว เล่นเกมส์ อ่านหนังสือการ์ตูน เท่าที่จำความได้น้องผมไม่เคยเรียกผมว่าพี่ มันเรียกผม"กู"ตลอด ผมเคยขอร้องให้แม่บอกน้องให้เรียกผมพี่ได้ไหม แม่บอกว่า มันก็เรียกเอ็งว่า"กู"มานานแล้ว จะให้อยู่ๆ เปลี่ยนมาเรียกพี่ก็คงไม่ได้ เพราะเล่นกับมันตลอดทำตัวไม่ให้น้องเคารพ ผมก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาเรื่องน้องชายเริ่มจะเกเรออกนอกลู่นอกทางยังไง ก็คงได้แต่เตือนบ้างบางครั้งแต่มันก็ไม่เชื่อ ผมก็เรียนๆ เล่นๆ ไป โดยส่วนตัวผมเป็นเด็กค่อนข้างเชื่อฟัง ไม่เคยแอบหนีเรียนหนีเที่ยว เรียนจบ ทำงาน มีเงินเดือน ตามวัฏจักรของชีวิต
จุดผันของชีวิตน้องผมคือตอนที่มันเรียนจบ ม.3 แล้วไปเรียนต่อ ป.ว.ช. ช่างไฟฟ้า แต่ชอบคบเพื่อน แต่งตัวผิดระเบียบ กลับบ้านดึก อาจารย์ฝ่ายปกครองเคยโทรมาแจ้งที่บ้านว่าน้องกับพวกเพื่อนมีพฤติกรรมก้าวร้าว ไม่เชื่อฟังอาจารย์ แอบสูบบุหรี่ แล้วยังจะจุดไฟเผาโรงเรียน โชคดีมีคนเห็นก่อนเลยดับไฟทัน วันหนึ่งน้องมาคุยกับพ่อแม่ว่าทนพฤติกรรมอาจารย์ที่โรงเรียนไม่ไหวแล้ว อาจารย์ชอบแกล้งจับผิดพวกตนเองตลอดเวลา น้องเลยจะขอลาออกจากโรงเรียน ตอนแรกพ่อแม่ก็ขอร้องให้ทนเรียนๆ ไปให้จบ แต่น้องยืนยันจะลาออกให้ได้ ผมก็ขอร้องให้อย่าลาออกเลย แต่มันก็ไม่เชื่อลาออกจนได้ (ผมสันนิษฐานว่ามันคงไปหาเรื่องโรงเรียนคู่อริแล้วเขาตามล่า น้องกับพวกเพื่อนกลัวก็เลยลาออกเสีย) แล้วน้องก็ทำงานเลยไม่คิดจะเรียนต่ออีก
ในเรื่องการงานคือตั้งแต่ลาออกจากโรงเรียนอาชีวะตอนอายุ 17 ปี จนกระทั่งอายุ 29 ปี น้องทำงานได้ที่ไหนไม่ค่อยนานหนัก เพราะขี้เกียจมาก นอนตื่นสาย (ยังสูบกัญชาอยู่) ออกจากงานหลายที่นับสิบแห่ง เคยทำงานร้านสะดวกซื้อ โรงงานอุตสาหกรรม ขับวินมอเตอร์ไซต์ วนลูปอยู่แบบนี้ครับ เพราะจบแค่ ม.3 หางานที่ดีกว่านี้ทำไม่ได้ มันทุ่มเทในเรื่องการเล่นดนตรี เล่นสเก็ตบอร์ดและวาดรูปศิลปะแนวพังค์ ตั้งแต่ลาออกจากโรงเรียนอาชีวะตอนอายุ 17 ปี จนกระทั่งอายุ 29 ปี (ในปี 2560)
ในเรื่องสิ่งที่กระทำผิด เท่าที่จำได้น้องผมเริ่มขโมยเงินพ่อแม่ตั้งแต่อายุ 15่ ปีแล้ว เริ่มจากเงินจำนวนไม่กี่ร้อยบาทจนถึงหลักพันแต่ไม่บ่อยมาก เพราะน้องติดกัญชา ประกอบกับออกจากงานบ่อยบางครั้งไม่มีเงินไปห้องซ้อมดนตรีจำเป็นต้องขโมย ในปี พ.ศ. 2552 ที่บ้านผมเปิดร้านโชห่วย จับได้ว่าน้องขโมยบุหรี่กับเบียร์ไปเป็นประจำ เปิดร้านได้ 1 ปีครึ่งก็เลิกเพราะไม่ค่อยมีลูกค้า ในตอนเครื่องเล่น PS3 เข้ามา ผมไม่ค่อยได้เล่นเกมส์ น้องมันเคยเอาเครื่องเล่นเกม PS2 ของผมไปจำนำ ผมไปถามหา PS2 จึงรีบนำเงินไปไถ่คืน เคยเอาเครื่องมือของพ่อไปจำนำ แล้ววิธีการจำนำของน้องคือขโมยของในบ้านไปจำนำได้เงินมาจำนวนน้อยนิด แต่ไม่สนใจจะไปไถ่คืน ถ้าขาดจำนำ (หมดเวลาไปไถ่คืน) ก็แล้วกันไป อย่างมากก็แค่โดนด่า ล่าสุดวันที่ 1 มกราคม 2560 มันเอาแอมป์กีต้าร์ไฟฟ้าของผมไปจำนำ แอบขโมยไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพราะผมย้ายไปทำงานที่จังหวัดนนทบุรี (บ้านผมอยู่สมุทรปราการ) กลับบ้านเดือนละ 2-3 ครั้ง ไม่ค่อยได้สำรวจทรัพย์สินตัวเอง
ผมไม่ได้เกลียดมันแต่แรก แต่มันทำผมเกลียดเพราะพฤติกรรมต่างๆ ตั้งแต่สมัยเด็กๆ ทุกวันนี้ผมมีหน้าที่การงานที่มั่นคง ตอนทะเลาะกับมันบอกกับแม่ว่าผมมีทุกอย่าง (เงินผมซื้อเอง) แต่มันไม่มีอะไรเลย เกลียดผม แต่เรื่องแปลกคือตอนมันลำบากเรื่องเงิน ขอความเชื่อเหลือ ผมก็เคยช่วย แต่มันไม่สำนึก ถ้าเปรียบก็เหมือนงูพิษ ผมคิดว่าถ้าคนในบ้านขโมยของแล้วจะให้ไปไว้ใจใครได้ ล่าสุดก็ที่ขโมยแอมป์กีต้าร์ไฟฟ้าของผมไปจำนำ ผมควรทำอย่างไรดี
เอือมระอากับพฤติกรรมของน้องชาย
จุดผันของชีวิตน้องผมคือตอนที่มันเรียนจบ ม.3 แล้วไปเรียนต่อ ป.ว.ช. ช่างไฟฟ้า แต่ชอบคบเพื่อน แต่งตัวผิดระเบียบ กลับบ้านดึก อาจารย์ฝ่ายปกครองเคยโทรมาแจ้งที่บ้านว่าน้องกับพวกเพื่อนมีพฤติกรรมก้าวร้าว ไม่เชื่อฟังอาจารย์ แอบสูบบุหรี่ แล้วยังจะจุดไฟเผาโรงเรียน โชคดีมีคนเห็นก่อนเลยดับไฟทัน วันหนึ่งน้องมาคุยกับพ่อแม่ว่าทนพฤติกรรมอาจารย์ที่โรงเรียนไม่ไหวแล้ว อาจารย์ชอบแกล้งจับผิดพวกตนเองตลอดเวลา น้องเลยจะขอลาออกจากโรงเรียน ตอนแรกพ่อแม่ก็ขอร้องให้ทนเรียนๆ ไปให้จบ แต่น้องยืนยันจะลาออกให้ได้ ผมก็ขอร้องให้อย่าลาออกเลย แต่มันก็ไม่เชื่อลาออกจนได้ (ผมสันนิษฐานว่ามันคงไปหาเรื่องโรงเรียนคู่อริแล้วเขาตามล่า น้องกับพวกเพื่อนกลัวก็เลยลาออกเสีย) แล้วน้องก็ทำงานเลยไม่คิดจะเรียนต่ออีก
ในเรื่องการงานคือตั้งแต่ลาออกจากโรงเรียนอาชีวะตอนอายุ 17 ปี จนกระทั่งอายุ 29 ปี น้องทำงานได้ที่ไหนไม่ค่อยนานหนัก เพราะขี้เกียจมาก นอนตื่นสาย (ยังสูบกัญชาอยู่) ออกจากงานหลายที่นับสิบแห่ง เคยทำงานร้านสะดวกซื้อ โรงงานอุตสาหกรรม ขับวินมอเตอร์ไซต์ วนลูปอยู่แบบนี้ครับ เพราะจบแค่ ม.3 หางานที่ดีกว่านี้ทำไม่ได้ มันทุ่มเทในเรื่องการเล่นดนตรี เล่นสเก็ตบอร์ดและวาดรูปศิลปะแนวพังค์ ตั้งแต่ลาออกจากโรงเรียนอาชีวะตอนอายุ 17 ปี จนกระทั่งอายุ 29 ปี (ในปี 2560)
ในเรื่องสิ่งที่กระทำผิด เท่าที่จำได้น้องผมเริ่มขโมยเงินพ่อแม่ตั้งแต่อายุ 15่ ปีแล้ว เริ่มจากเงินจำนวนไม่กี่ร้อยบาทจนถึงหลักพันแต่ไม่บ่อยมาก เพราะน้องติดกัญชา ประกอบกับออกจากงานบ่อยบางครั้งไม่มีเงินไปห้องซ้อมดนตรีจำเป็นต้องขโมย ในปี พ.ศ. 2552 ที่บ้านผมเปิดร้านโชห่วย จับได้ว่าน้องขโมยบุหรี่กับเบียร์ไปเป็นประจำ เปิดร้านได้ 1 ปีครึ่งก็เลิกเพราะไม่ค่อยมีลูกค้า ในตอนเครื่องเล่น PS3 เข้ามา ผมไม่ค่อยได้เล่นเกมส์ น้องมันเคยเอาเครื่องเล่นเกม PS2 ของผมไปจำนำ ผมไปถามหา PS2 จึงรีบนำเงินไปไถ่คืน เคยเอาเครื่องมือของพ่อไปจำนำ แล้ววิธีการจำนำของน้องคือขโมยของในบ้านไปจำนำได้เงินมาจำนวนน้อยนิด แต่ไม่สนใจจะไปไถ่คืน ถ้าขาดจำนำ (หมดเวลาไปไถ่คืน) ก็แล้วกันไป อย่างมากก็แค่โดนด่า ล่าสุดวันที่ 1 มกราคม 2560 มันเอาแอมป์กีต้าร์ไฟฟ้าของผมไปจำนำ แอบขโมยไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพราะผมย้ายไปทำงานที่จังหวัดนนทบุรี (บ้านผมอยู่สมุทรปราการ) กลับบ้านเดือนละ 2-3 ครั้ง ไม่ค่อยได้สำรวจทรัพย์สินตัวเอง
ผมไม่ได้เกลียดมันแต่แรก แต่มันทำผมเกลียดเพราะพฤติกรรมต่างๆ ตั้งแต่สมัยเด็กๆ ทุกวันนี้ผมมีหน้าที่การงานที่มั่นคง ตอนทะเลาะกับมันบอกกับแม่ว่าผมมีทุกอย่าง (เงินผมซื้อเอง) แต่มันไม่มีอะไรเลย เกลียดผม แต่เรื่องแปลกคือตอนมันลำบากเรื่องเงิน ขอความเชื่อเหลือ ผมก็เคยช่วย แต่มันไม่สำนึก ถ้าเปรียบก็เหมือนงูพิษ ผมคิดว่าถ้าคนในบ้านขโมยของแล้วจะให้ไปไว้ใจใครได้ ล่าสุดก็ที่ขโมยแอมป์กีต้าร์ไฟฟ้าของผมไปจำนำ ผมควรทำอย่างไรดี