เรื่องของเรื่องคือผมกับแฟนจองตั๋วเครื่องบินผ่าน expedia ไปเที่ยวไต้หวันด้วยกันเมื่อคริสต์มาสที่ผ่านมา
เนื่องจากการจองผ่าน expedia ทั้งตั๋วเครื่องบินและที่พักได้ราคาถูก
ขาไปเรานั่ง Air Macau ไป transit ที่มาเก๊าประมาณ 2 ชั่วโมง ส่วนขากลับเป็นของสายการบิน China southern airline แวะ transit ที่ Shenzhen ประมาณ 4 ชั่วโมง
ในส่วนของขาไปนั้นไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้นครับ
ขากลับ เราได้ flight ออกจาก Taipei วันที่ 30 ธค 59 เวลาประมาณ 12.20 น และควรจะถึงไทยประมาณสองทุ่มวันเดียวกัน
เราไป check in แต่เช้า เพราะพยายามเข้าเลือกที่นั่งจากใน web ของ China southern airline แล้วปรากฏว่าต้องสมัครอะไรหลายอย่างที่ทำไม่ได้ จึงอยากรีบไปเลือกที่นั่ง
ผมกับแฟนเข้าคิวเช็คอิน ตั้งแต่เคาน์เตอร์เปิด ประมาณ 9.30 น. พอเข้าไปก็เช็คอินกับพนักงานผู้ชายชาวไต้หวัน เขาก็เปิดๆหน้า passport แล้วก็เช็คอินพร้อมออกตั๋วให้คนละใบจาก Taipei ไป Shenzhen ตอนนั้นผมก็เริ่มงงว่าทำไมไม่ได้ตั๋วไปถึงกรุงเทพเลยถามเขาไป พนักงานตอบว่าให้ไปเช็คอินอีกครั้งที่ Shenzhen (ตอนนั้นคิดว่าคงต้องไปขอตั๋วอีกใบที่เคาน์เตอร์ transit มั้ง) และถามผมต่อว่าจะโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องหรือไม่ ตอนนั้นไม่ได้โหลดครับ เพราะกระเป๋าใบไม่ใหญ่มากทั้งคู่ แล้วเราก็เดินเข้าไปตรวจสัมภาระเตรียมผ่าน ตม.
พอผ่านจุดตรวจสัมภาระ ปรากฏว่าผมมีขาตั้งกล้อง ที่ จนท บอกว่ายาวเกินไป ไม่สามารถเอาขึ้นเครื่องได้ (ณ ขณะนั้นงงมากว่าทำไมเราเอาขึ้นเครื่องมาได้ ผ่านทั้งที่ไทย และมาเก๊า) เขาก็ถามว่าผมจะโหลดกระเป๋าไหม ซึ่งผมก็โอเคที่จะโหลด จึงต้องเดินย้อนกลับออกมาตรงเคาน์เตอร์เช็คอินอีกครั้ง ทีนี้ผมเลยบอกแฟนผมให้เดินเข้า ตม ไปก่อนเลย เพื่อจะได้ไม่เสียเวลา ส่วนผมเดินกลับออกมาโหลดกระเป๋าอีกครั้ง
กลับมาตรงเคาน์เตอร์ คราวนี้ผมได้เจอ จนท สายการบินอีกคน เป็นผู้หญิง เขาก็จัดการเตรียมโหลดกระเป๋าผม และปริ้นใบแปะกระเป๋ามีจุดหมายว่า Shenzhen จุดนี้เองที่ผมเริ่มเอะใจขึ้นมาว่า ถ้าโหลดกระเป๋าไป ผมต้องเดินออกมาเอากระเป๋าที่สนามบินก่อนหรือ? ซึ่งทางนั้นตอบว่า ใช่ ครับ ผมเลยสงสัยว่าถ้าอย่างนั้น ผมต้องผ่าน ตม. ที่จีน แล้วออกมาเอากระเป๋าเหรอ แต่ผมไม่มี visa จีน จะทำยังไง…จุดนี้ จนท หญิงคนนั้นตอบผมมาว่า สามารถบอก จนท ได้ว่าเรามี flight จะบินออกจากจีน ไป กรุงเทพต่อ ซึ่งถ้าไม่เกิน 24 ชม ก็จะไม่เป็นอะไร ผมก็โล่งใจ (แต่นางดูไม่มั่นใจในคำตอบมากนัก เหมือนต้องถาม จนท คนข้างๆด้วย) แต่หลังจากกระเป๋าขึ้นสายพานไปแปบเดียว เหมือนเธอเช็คอะไรบางอย่างในคอม เสร็จแล้วก็วิ่งไปเอากระเป๋าผมกลับมา แล้วบอกผมว่า ผมไม่สามารถโหลดกระเป๋าได้ เพราะผมต้องใช้ visa เพื่อออกจากสนามบินไปเอากระเป๋าและเช็คอินใหม่ที่ Shenzhen นั่นคือ ผมและแฟนไม่สามารถขึ้นเที่ยวบินนี้ได้
ตอนนั้นหน้าชาเลยครับ อึ้งไปเลย และก็ถามเขาให้ออกตั๋วไปถึงไทยเลยไม่ได้หรือ เขาตอบไม่ได้…ปกติเวลา transit ไม่เคยต้องใช้ visa เลย หลังจากนั้นผมก็ถามเธอว่าทำอะไรได้บ้าง เธอบอกว่าให้เปลี่ยนไปขึ้นเครื่องที่ไปเมืองที่ไม่ต้องใช้ visa ได้เช่นกวางโจว…คือ แต่เธอก็ไม่ช่วยหาเที่ยวบินให้ ตอนนั้นประมาณว่า…คุณต้องหาเที่ยวบินใหม่เองแล้วล่ะ
ตอนนั้นเหมือนโดนตบหน้า งงไปหมด ทำอะไรไม่ถูกเลย…โชคดีที่ที่สนามบินมี internet ฟรี ผมส่งไลน์ไปบอกแฟนว่าอย่าเพิ่งผ่าน ตม ไป แต่โชคร้าย แฟนผมเดินเข้าไปแล้ว ทำไงดีทีนี้ เลยบอกให้แฟนอธิบายเขาแล้วขอเขาออกมา เพราะเราไม่สามารถบินเที่ยวบินนี้ได้ แต่เหมือน จนท จะไม่เข้าใจ โชคดีที่ จนท ผู้ชายของสายการบินคนแรกที่เราคุยด้วย เดินมาบอกว่า เขาจะไปพาแฟนผมออกมาให้ ขณะนั้นเป็นเวลาสิบโมงนิดๆ
พอแฟนผมเดินกลับออกมาได้ ตอนนั้นก็เริ่มคิดกันว่าจะทำยังไงดี ใจผมคิดว่าคงต้องไปขึ้นเครื่องที่บินตรงกลับกรุงเทพ หรือไป transit ประเทศที่ไม่มีปัญหา นั่นคือหาไฟล์ทใหม่ตรงนั้นเลย ประเด็นคือวันนั้นเป็นวันที่ 30 และคนเดินทางเยอะมากๆ เราจะหาไฟล์ทใหม่กันได้ยังไง เราเดินหาเคาน์เตอร์ของสายการบินต่างๆ EVA air, Cathay, China airlines,… แต่ทุกไฟล์ทที่จะไปกรุงเทพวันนั้นคือเต็ม…ตอนนั้นคือเดินถามแทบทุกเคาน์เตอร์ที่มีสนามบินแล้ว
เราจึงต้องหาไฟล์ทใหม่จากใน internet แทน ตอนนั้นกดในมือถือหาไฟล์ทจาก skyscanner เจอไฟล์ทของ Vietnam airlines บินออกจาก Taipei เวลา 22.20 ไปต่อเครื่องที่ Ho Ji Minh 8 โมงเช้าของวันที่ 31 ธค และกลับถึงกรุงเทพ 10 โมงเช้าของวันที่ 31.
ผมคุยกับแฟนแล้วว่าไฟล์ทนี้ราคาพอไหว เวลาพอได้ เราต้องจัดการธุระของวันที่ 31 ออกไป และคิดว่าต้องจองไฟล์ทนี้ให้ได้
ผมพยายามจองผ่าน web โดยใช้บัตรเครดิต โชคร้ายที่บัตรใบแรกต้องใส่ OTP ซึ่งผมต้องรับมันจาก SMS มือถือ…แต่ไปเที่ยวครั้งนี้ผมไม่ได้เปิด roaming ไว้เลย จึงไม่สามารถใส่ได้ เลยพยายามใช้บัตรอีกใบของอีกธนาคารหนึ่ง ก็ต้องกรอกข้อมูลมากมายเพื่อ confirm แต่ก็ยัง confirm ไม่ได้ เพราะผมไม่ทราบวงเงินของบัตรนี้เนื่องจากไม่ค่อยได้ใช้…
ตอนนั้นสิ้นหวังมากครับ ผมนั่งกรอกการจองไปหลายรอบมากแต่ก็ยังทำไม่ได้ และทั้งหมดนี่คือทำในมือถือ พยายามถามหา travel agency เพื่อจอง แต่ที่สนามบินในไต้หวันเหมือนจะไม่มีเคาน์เตอร์ใดๆครับ
หลังจากนั้นผมก็พยายามติดต่อคนที่บ้านที่ยังอยู่ในไทย ขอให้ส่งเลขบัตรเครดิต และเตรียมรอ OTP ทางมือถือในขณะที่ผมกดซื้อตั๋ว ใจก็กลัวว่าตั๋วที่ต้องการจองจะเต็มด้วย เพราะขณะนั้นก็เป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว (ผ่านมาสอง ชม ตั้งแต่เริ่มหาไฟล์ทใหม่) โชคดีที่ทัก messenger facebook คนทางบ้านได้พอดี ผมจึงกดซื้อตั๋วนี้ได้ และเมื่อ email confirm e-ticket ส่งมา ผมก็รู้สึกโล่งใจมาก
…หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดเราก็มาหาข้อมูลเรื่องการ transit ที่จีนจาก pantip ก็พบว่ามีคนเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ เพราะกฎเกณฑ์ใหม่ที่ทางจีนออกเมื่อต้นปี 59 นี้เอง ว่าในบางเมือง, บางประเทศต้องมี visa ในการจะ transit และ Shenzhen ก็เป็นหนึ่งในนั้น…
เหตุการณ์นี้ทำให้ผมรู้สึกว่าไม่อยากซื้อตั๋ว transit ที่ใดอีกแล้ว ยอมเสียเงินเยอะบินตรงดีกว่ามากๆจริงครับ และเวลาเกิดปัญหาที่ต่างประเทศแบบนี้ ไม่มีใครจะช่วยเราหรอกครับ ระหว่างช่วงเวลานั้นผมถามความช่วยเหลือจากหลายคนมาก แม้แต่พยายามจะหา computer ใช้ (เนื่องจากกดในมือถือยากมากกก) ก็ยังไม่ได้คำตอบจาก จนท สนามบินอย่างไร ส่วนตัวคิดว่าโชคดีมากที่สนามบินมี free wifi และคนที่บ้าน online อยู่ ช่วยเหลือได้พอดี
บทเรียนสำคัญของผมคือ
1. ไม่จองตั๋วสายการบินของพี่จีนอีกแล้วครับ และถ้าเป็นไปได้ บิน direct ดีกว่า
2. เปิด Roaming ไว้เถอะครับ ไปเที่ยวไหน ไม่ต้องใช้ data ก็ได้ เผื่อยามฉุกเฉินจริงๆ
3. ติดต่อกับบัตรเครดิตก่อนเราไปต่างประเทศครับ
แค่อยากเล่าเป็นประสบการณ์ไว้ครับ เผื่อคนอื่นๆเจอจะได้ทำตัวถูก…เพราะเวลานั้น เราต้องช่วยตัวเอง เท่านั้นครับ
ประสบการณ์แย่ๆ China southern airline…ต่อจากนี้ไม่มีอีกแล้ว
เนื่องจากการจองผ่าน expedia ทั้งตั๋วเครื่องบินและที่พักได้ราคาถูก
ขาไปเรานั่ง Air Macau ไป transit ที่มาเก๊าประมาณ 2 ชั่วโมง ส่วนขากลับเป็นของสายการบิน China southern airline แวะ transit ที่ Shenzhen ประมาณ 4 ชั่วโมง
ในส่วนของขาไปนั้นไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้นครับ
ขากลับ เราได้ flight ออกจาก Taipei วันที่ 30 ธค 59 เวลาประมาณ 12.20 น และควรจะถึงไทยประมาณสองทุ่มวันเดียวกัน
เราไป check in แต่เช้า เพราะพยายามเข้าเลือกที่นั่งจากใน web ของ China southern airline แล้วปรากฏว่าต้องสมัครอะไรหลายอย่างที่ทำไม่ได้ จึงอยากรีบไปเลือกที่นั่ง
ผมกับแฟนเข้าคิวเช็คอิน ตั้งแต่เคาน์เตอร์เปิด ประมาณ 9.30 น. พอเข้าไปก็เช็คอินกับพนักงานผู้ชายชาวไต้หวัน เขาก็เปิดๆหน้า passport แล้วก็เช็คอินพร้อมออกตั๋วให้คนละใบจาก Taipei ไป Shenzhen ตอนนั้นผมก็เริ่มงงว่าทำไมไม่ได้ตั๋วไปถึงกรุงเทพเลยถามเขาไป พนักงานตอบว่าให้ไปเช็คอินอีกครั้งที่ Shenzhen (ตอนนั้นคิดว่าคงต้องไปขอตั๋วอีกใบที่เคาน์เตอร์ transit มั้ง) และถามผมต่อว่าจะโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องหรือไม่ ตอนนั้นไม่ได้โหลดครับ เพราะกระเป๋าใบไม่ใหญ่มากทั้งคู่ แล้วเราก็เดินเข้าไปตรวจสัมภาระเตรียมผ่าน ตม.
พอผ่านจุดตรวจสัมภาระ ปรากฏว่าผมมีขาตั้งกล้อง ที่ จนท บอกว่ายาวเกินไป ไม่สามารถเอาขึ้นเครื่องได้ (ณ ขณะนั้นงงมากว่าทำไมเราเอาขึ้นเครื่องมาได้ ผ่านทั้งที่ไทย และมาเก๊า) เขาก็ถามว่าผมจะโหลดกระเป๋าไหม ซึ่งผมก็โอเคที่จะโหลด จึงต้องเดินย้อนกลับออกมาตรงเคาน์เตอร์เช็คอินอีกครั้ง ทีนี้ผมเลยบอกแฟนผมให้เดินเข้า ตม ไปก่อนเลย เพื่อจะได้ไม่เสียเวลา ส่วนผมเดินกลับออกมาโหลดกระเป๋าอีกครั้ง
กลับมาตรงเคาน์เตอร์ คราวนี้ผมได้เจอ จนท สายการบินอีกคน เป็นผู้หญิง เขาก็จัดการเตรียมโหลดกระเป๋าผม และปริ้นใบแปะกระเป๋ามีจุดหมายว่า Shenzhen จุดนี้เองที่ผมเริ่มเอะใจขึ้นมาว่า ถ้าโหลดกระเป๋าไป ผมต้องเดินออกมาเอากระเป๋าที่สนามบินก่อนหรือ? ซึ่งทางนั้นตอบว่า ใช่ ครับ ผมเลยสงสัยว่าถ้าอย่างนั้น ผมต้องผ่าน ตม. ที่จีน แล้วออกมาเอากระเป๋าเหรอ แต่ผมไม่มี visa จีน จะทำยังไง…จุดนี้ จนท หญิงคนนั้นตอบผมมาว่า สามารถบอก จนท ได้ว่าเรามี flight จะบินออกจากจีน ไป กรุงเทพต่อ ซึ่งถ้าไม่เกิน 24 ชม ก็จะไม่เป็นอะไร ผมก็โล่งใจ (แต่นางดูไม่มั่นใจในคำตอบมากนัก เหมือนต้องถาม จนท คนข้างๆด้วย) แต่หลังจากกระเป๋าขึ้นสายพานไปแปบเดียว เหมือนเธอเช็คอะไรบางอย่างในคอม เสร็จแล้วก็วิ่งไปเอากระเป๋าผมกลับมา แล้วบอกผมว่า ผมไม่สามารถโหลดกระเป๋าได้ เพราะผมต้องใช้ visa เพื่อออกจากสนามบินไปเอากระเป๋าและเช็คอินใหม่ที่ Shenzhen นั่นคือ ผมและแฟนไม่สามารถขึ้นเที่ยวบินนี้ได้
ตอนนั้นหน้าชาเลยครับ อึ้งไปเลย และก็ถามเขาให้ออกตั๋วไปถึงไทยเลยไม่ได้หรือ เขาตอบไม่ได้…ปกติเวลา transit ไม่เคยต้องใช้ visa เลย หลังจากนั้นผมก็ถามเธอว่าทำอะไรได้บ้าง เธอบอกว่าให้เปลี่ยนไปขึ้นเครื่องที่ไปเมืองที่ไม่ต้องใช้ visa ได้เช่นกวางโจว…คือ แต่เธอก็ไม่ช่วยหาเที่ยวบินให้ ตอนนั้นประมาณว่า…คุณต้องหาเที่ยวบินใหม่เองแล้วล่ะ
ตอนนั้นเหมือนโดนตบหน้า งงไปหมด ทำอะไรไม่ถูกเลย…โชคดีที่ที่สนามบินมี internet ฟรี ผมส่งไลน์ไปบอกแฟนว่าอย่าเพิ่งผ่าน ตม ไป แต่โชคร้าย แฟนผมเดินเข้าไปแล้ว ทำไงดีทีนี้ เลยบอกให้แฟนอธิบายเขาแล้วขอเขาออกมา เพราะเราไม่สามารถบินเที่ยวบินนี้ได้ แต่เหมือน จนท จะไม่เข้าใจ โชคดีที่ จนท ผู้ชายของสายการบินคนแรกที่เราคุยด้วย เดินมาบอกว่า เขาจะไปพาแฟนผมออกมาให้ ขณะนั้นเป็นเวลาสิบโมงนิดๆ
พอแฟนผมเดินกลับออกมาได้ ตอนนั้นก็เริ่มคิดกันว่าจะทำยังไงดี ใจผมคิดว่าคงต้องไปขึ้นเครื่องที่บินตรงกลับกรุงเทพ หรือไป transit ประเทศที่ไม่มีปัญหา นั่นคือหาไฟล์ทใหม่ตรงนั้นเลย ประเด็นคือวันนั้นเป็นวันที่ 30 และคนเดินทางเยอะมากๆ เราจะหาไฟล์ทใหม่กันได้ยังไง เราเดินหาเคาน์เตอร์ของสายการบินต่างๆ EVA air, Cathay, China airlines,… แต่ทุกไฟล์ทที่จะไปกรุงเทพวันนั้นคือเต็ม…ตอนนั้นคือเดินถามแทบทุกเคาน์เตอร์ที่มีสนามบินแล้ว
เราจึงต้องหาไฟล์ทใหม่จากใน internet แทน ตอนนั้นกดในมือถือหาไฟล์ทจาก skyscanner เจอไฟล์ทของ Vietnam airlines บินออกจาก Taipei เวลา 22.20 ไปต่อเครื่องที่ Ho Ji Minh 8 โมงเช้าของวันที่ 31 ธค และกลับถึงกรุงเทพ 10 โมงเช้าของวันที่ 31.
ผมคุยกับแฟนแล้วว่าไฟล์ทนี้ราคาพอไหว เวลาพอได้ เราต้องจัดการธุระของวันที่ 31 ออกไป และคิดว่าต้องจองไฟล์ทนี้ให้ได้
ผมพยายามจองผ่าน web โดยใช้บัตรเครดิต โชคร้ายที่บัตรใบแรกต้องใส่ OTP ซึ่งผมต้องรับมันจาก SMS มือถือ…แต่ไปเที่ยวครั้งนี้ผมไม่ได้เปิด roaming ไว้เลย จึงไม่สามารถใส่ได้ เลยพยายามใช้บัตรอีกใบของอีกธนาคารหนึ่ง ก็ต้องกรอกข้อมูลมากมายเพื่อ confirm แต่ก็ยัง confirm ไม่ได้ เพราะผมไม่ทราบวงเงินของบัตรนี้เนื่องจากไม่ค่อยได้ใช้…
ตอนนั้นสิ้นหวังมากครับ ผมนั่งกรอกการจองไปหลายรอบมากแต่ก็ยังทำไม่ได้ และทั้งหมดนี่คือทำในมือถือ พยายามถามหา travel agency เพื่อจอง แต่ที่สนามบินในไต้หวันเหมือนจะไม่มีเคาน์เตอร์ใดๆครับ
หลังจากนั้นผมก็พยายามติดต่อคนที่บ้านที่ยังอยู่ในไทย ขอให้ส่งเลขบัตรเครดิต และเตรียมรอ OTP ทางมือถือในขณะที่ผมกดซื้อตั๋ว ใจก็กลัวว่าตั๋วที่ต้องการจองจะเต็มด้วย เพราะขณะนั้นก็เป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว (ผ่านมาสอง ชม ตั้งแต่เริ่มหาไฟล์ทใหม่) โชคดีที่ทัก messenger facebook คนทางบ้านได้พอดี ผมจึงกดซื้อตั๋วนี้ได้ และเมื่อ email confirm e-ticket ส่งมา ผมก็รู้สึกโล่งใจมาก
…หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดเราก็มาหาข้อมูลเรื่องการ transit ที่จีนจาก pantip ก็พบว่ามีคนเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ เพราะกฎเกณฑ์ใหม่ที่ทางจีนออกเมื่อต้นปี 59 นี้เอง ว่าในบางเมือง, บางประเทศต้องมี visa ในการจะ transit และ Shenzhen ก็เป็นหนึ่งในนั้น…
เหตุการณ์นี้ทำให้ผมรู้สึกว่าไม่อยากซื้อตั๋ว transit ที่ใดอีกแล้ว ยอมเสียเงินเยอะบินตรงดีกว่ามากๆจริงครับ และเวลาเกิดปัญหาที่ต่างประเทศแบบนี้ ไม่มีใครจะช่วยเราหรอกครับ ระหว่างช่วงเวลานั้นผมถามความช่วยเหลือจากหลายคนมาก แม้แต่พยายามจะหา computer ใช้ (เนื่องจากกดในมือถือยากมากกก) ก็ยังไม่ได้คำตอบจาก จนท สนามบินอย่างไร ส่วนตัวคิดว่าโชคดีมากที่สนามบินมี free wifi และคนที่บ้าน online อยู่ ช่วยเหลือได้พอดี
บทเรียนสำคัญของผมคือ
1. ไม่จองตั๋วสายการบินของพี่จีนอีกแล้วครับ และถ้าเป็นไปได้ บิน direct ดีกว่า
2. เปิด Roaming ไว้เถอะครับ ไปเที่ยวไหน ไม่ต้องใช้ data ก็ได้ เผื่อยามฉุกเฉินจริงๆ
3. ติดต่อกับบัตรเครดิตก่อนเราไปต่างประเทศครับ
แค่อยากเล่าเป็นประสบการณ์ไว้ครับ เผื่อคนอื่นๆเจอจะได้ทำตัวถูก…เพราะเวลานั้น เราต้องช่วยตัวเอง เท่านั้นครับ