อย่างที่เรารู้กันดีว่าสังคมสมัยนี้เป็นสังคมที่มีความหลากหลายทางเพศ ทั้ง ชาย หญิง ทอม ดี้ เลส กะเทย เกย์ ไบท์ ซึ่งเพศที่ต่างออกมาจากชายจริงหญิงแท้ มักถูกมองในแง่ลบอยู่เนือง คนในสังคมมีทั้งรับได้และรับไม่ได้ ด้วยเหตุผลของแต่ละคน ทุกวันนี้จะสังเกตุเห็นได้ว่า กะเทยและเกย์ ส่วนใหญ่มีค่อนข้างมีความสามารถสูง เรื่องของการกล้าแสดงออกกล้าที่จะเป็นตัวเอง เกย์และกะเทยค่อนข้างมีจุดมุ่งหมายชัดเจนคล้ายๆกันคือต้องการเป็นที่ยอมรับของสังคม จึงแสดงศักยภาพออกมาเต็มที่ถือคติว่าจะเป็นอะไรก็ช่างขอแค่เป็นคนดีที่มีเงินก็พอ ทั้งกะเทยยังสามารถเป็นเพื่อนกับผู้หญิงได้โดยผู้หญิงก็ไม่ได้รังเกียจแถมยังชอบและเห็นเป็นเพื่อนสาวคนนึง ตรงกันข้ามกับทอมที่ส่วนใหญ่ขี้อายจนคนมองว่าขี้เก็ก ไม่ค่อยกล้าแสดงออกในวงสังคมเท่าเกย์และกะเทย (เท่าที่สังเกตุนะ) ทั้งทอมส่วนใหญ่ยังถูกผู้ชายเกลียด เพราะทอมพยายามจะเป็นชายมาก ชายจริงจึงไม่ชอบเพราะความเป็นชายของเขาไม่อยากให้คนที่ไม่ใช่ชายอย่างเขามาเลียนแบบเขา (ประมาณนี้เท่าที่อ่านในเว็บมา) ตรงนี้ก็แล้วแต่ว่าใจและความคิดของใครจะเปิดกว้างจะรับได้แล้วกันนะ
เอาละเข้าเรื่องเลย เราเป็นทอมคนนึงที่กำลังจะจบปีสี่ กำลังจะเข้าวัยทำงาน เราเป็นทอมมาตั้งแต่จำความได้ และคิดมาตลอดว่า ผู้หญิงทำไมเวลาไปเรียนต้องใส่กระโปรงใส่กางเกงไม่ได้หรอ เราถามผู้ใหญ่เขาก็บอกว่าเป็นระเบียบข้อบังคับ ไม่งั้นความเป็นไทยจะหายไป บลาๆๆ งั้นจะมีกฏเกณฑ์ไว้ทำไม เราไม่ชอบใส่กระโปรงไม่ชอบไว้ผมยาวแต่ก็ฝืนใจไปทั้งประถม มัธยมต้น-ปลาย เพื่อให้เรียนจบ เพราะพ่อบอกว่าถ้าอยากใส่ชุดนักศึกษาชายอยากตัดผมสั้นแบบผู้ชาย ก็รอตอนเรียนมหาวิทยาลัยแล้วกัน เราก็รอ พอเราได้มาเรียนมหาวิทยาลัยจริงๆ กลับกลายเป็นว่าเฉพาะสาขาที่เราเรียนให้แต่งกายถูกระเบียบ แต่งตามเพศสภาพหญิงแต่งหญิง ชายแต่งชาย. ตอนแรกเรารู้สึกโกรธ โมโหมาก ทำไมต้องแต่งด้วยวะ ทรงเอๆๆๆเกลียดๆๆๆ เดินก็ลำบาก ขัดใจสุดๆ แต่แฟนเราเขาเปลี่ยนความคิดเราหลายอย่างทั้งแฟนเราและอาจารย์ บอกว่า ควรเป็นในแบบที่สังคมคาดหวัง คือไม่ควรเป็นตัวเองเกินไป และจะอยู่ง่าย เราไม่ผิดที่มีแฟนเป็นเพศเดียวกัน แต่การวางตัวในสังคมควรพอดี จากนั้นเราก็เริ่มไว้ผมยาวรากไทรปิดหู เพราะมันเหมาะกะกระโปรงทรงเอมากกว่า แต่ก่อนที่ตัดเกรียนแบบผู้ชาย อันเดอร์คัต ไรแบบนี้ แลดูใส่กระโปรงไม่เหมาะมันแหม่งๆ จากนั้นก็ใส่กระโปรงมาเรียน แฟนก็คอยให้กำลังใจว่าน่ารักดีแล้ว แบบนี้ใครเห็นก็เอ็นดู ทั้งๆที่จริงๆมันขัดใจเราอยู่ไม่น้อย แต่ความเปลี่ยนแปลงก็เห็นได้ชัดคือ ผู้ชายพูดกะเราดีขึ้นแทนที่จะพูดกูเหมือนแต่ก่อน ตอนนี้กลับให้เกียรติเรามากขึ้น
และมาถึงวันนี้ที่เราจบปีสี่กำลังจะไปฝึกงาน ที่กทม. ฝึกในสถาบันใหญ่ เป็นแบบข้าราชการ&เอกชน เราขอถามว่าเราจะเป็นแบบที่ตัวเองอยากเป็นได้หรือยัง? เพราะเราเป็นแบบสังคมคาดหวังมานานแล้ว เราอยากตัดผมอันเดอร์คัต ใส่กางเกง มันได้รึยัง?ถึงเวลารึยัง?ที่สังคมจะรับฟังเราบ้าง
เราแคร์สังคม แต่สังคมไม่แคร์เราเลย เราเป็นเพศทางเลือก ขอเลือกทางของตัวเองบ้างได้ไหมคะ? ไม่อยากให้กระโปรงและกางเกงมาแบ่งแยกชายหญิง ไม่ได้ขอให้ทำชุดเพื่อเรา แต่เราขอเลือกใส่เองว่าจะเป็นกางเกงรึกระโปรง ขอสิทธิ์ให้เพศอย่างพวกเราได้เลือกบ้างเถอะค่ะ ทุกวันนี้จะเห็นว่าบางหน่วยงานไม่เคร่งกับการใส่ชุดอะไรมาทำงาน เพราะอยู่ที่ความรู้ความสารถของบุคคล แต่ในปัจจุบันก็มีหน่วยงานอยู่ไม่น้อยที่ใช้ยูนิฟอร์ม มาแบ่งแยกชายหญิง อยากจะบอกว่าฉันก็คือฉันจะแต่งตัวอย่างไง กิริยามารยาทก็จะยังคงไว้เช่นเดิม อยากให้กระทู้นี้ไปถึงท่านผู้มีอำนาจที่สามารถเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ระเบียบการใส่ชุดทำงาน อยากท่านให้เล็งเห็นถึงเพศทางเลือกอย่างพวกเรา ได้โปรดเห็นใจด้วยเถิดค่ะ เราแค่อยากเป็นตัวเองเท่านั้นค่ะ
เป็นทอมกับการวางตัวในสังคม (เป็นตัวเอง VS เป็นแบบที่สังคมคาดหวัง)
เอาละเข้าเรื่องเลย เราเป็นทอมคนนึงที่กำลังจะจบปีสี่ กำลังจะเข้าวัยทำงาน เราเป็นทอมมาตั้งแต่จำความได้ และคิดมาตลอดว่า ผู้หญิงทำไมเวลาไปเรียนต้องใส่กระโปรงใส่กางเกงไม่ได้หรอ เราถามผู้ใหญ่เขาก็บอกว่าเป็นระเบียบข้อบังคับ ไม่งั้นความเป็นไทยจะหายไป บลาๆๆ งั้นจะมีกฏเกณฑ์ไว้ทำไม เราไม่ชอบใส่กระโปรงไม่ชอบไว้ผมยาวแต่ก็ฝืนใจไปทั้งประถม มัธยมต้น-ปลาย เพื่อให้เรียนจบ เพราะพ่อบอกว่าถ้าอยากใส่ชุดนักศึกษาชายอยากตัดผมสั้นแบบผู้ชาย ก็รอตอนเรียนมหาวิทยาลัยแล้วกัน เราก็รอ พอเราได้มาเรียนมหาวิทยาลัยจริงๆ กลับกลายเป็นว่าเฉพาะสาขาที่เราเรียนให้แต่งกายถูกระเบียบ แต่งตามเพศสภาพหญิงแต่งหญิง ชายแต่งชาย. ตอนแรกเรารู้สึกโกรธ โมโหมาก ทำไมต้องแต่งด้วยวะ ทรงเอๆๆๆเกลียดๆๆๆ เดินก็ลำบาก ขัดใจสุดๆ แต่แฟนเราเขาเปลี่ยนความคิดเราหลายอย่างทั้งแฟนเราและอาจารย์ บอกว่า ควรเป็นในแบบที่สังคมคาดหวัง คือไม่ควรเป็นตัวเองเกินไป และจะอยู่ง่าย เราไม่ผิดที่มีแฟนเป็นเพศเดียวกัน แต่การวางตัวในสังคมควรพอดี จากนั้นเราก็เริ่มไว้ผมยาวรากไทรปิดหู เพราะมันเหมาะกะกระโปรงทรงเอมากกว่า แต่ก่อนที่ตัดเกรียนแบบผู้ชาย อันเดอร์คัต ไรแบบนี้ แลดูใส่กระโปรงไม่เหมาะมันแหม่งๆ จากนั้นก็ใส่กระโปรงมาเรียน แฟนก็คอยให้กำลังใจว่าน่ารักดีแล้ว แบบนี้ใครเห็นก็เอ็นดู ทั้งๆที่จริงๆมันขัดใจเราอยู่ไม่น้อย แต่ความเปลี่ยนแปลงก็เห็นได้ชัดคือ ผู้ชายพูดกะเราดีขึ้นแทนที่จะพูดกูเหมือนแต่ก่อน ตอนนี้กลับให้เกียรติเรามากขึ้น
และมาถึงวันนี้ที่เราจบปีสี่กำลังจะไปฝึกงาน ที่กทม. ฝึกในสถาบันใหญ่ เป็นแบบข้าราชการ&เอกชน เราขอถามว่าเราจะเป็นแบบที่ตัวเองอยากเป็นได้หรือยัง? เพราะเราเป็นแบบสังคมคาดหวังมานานแล้ว เราอยากตัดผมอันเดอร์คัต ใส่กางเกง มันได้รึยัง?ถึงเวลารึยัง?ที่สังคมจะรับฟังเราบ้าง
เราแคร์สังคม แต่สังคมไม่แคร์เราเลย เราเป็นเพศทางเลือก ขอเลือกทางของตัวเองบ้างได้ไหมคะ? ไม่อยากให้กระโปรงและกางเกงมาแบ่งแยกชายหญิง ไม่ได้ขอให้ทำชุดเพื่อเรา แต่เราขอเลือกใส่เองว่าจะเป็นกางเกงรึกระโปรง ขอสิทธิ์ให้เพศอย่างพวกเราได้เลือกบ้างเถอะค่ะ ทุกวันนี้จะเห็นว่าบางหน่วยงานไม่เคร่งกับการใส่ชุดอะไรมาทำงาน เพราะอยู่ที่ความรู้ความสารถของบุคคล แต่ในปัจจุบันก็มีหน่วยงานอยู่ไม่น้อยที่ใช้ยูนิฟอร์ม มาแบ่งแยกชายหญิง อยากจะบอกว่าฉันก็คือฉันจะแต่งตัวอย่างไง กิริยามารยาทก็จะยังคงไว้เช่นเดิม อยากให้กระทู้นี้ไปถึงท่านผู้มีอำนาจที่สามารถเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ระเบียบการใส่ชุดทำงาน อยากท่านให้เล็งเห็นถึงเพศทางเลือกอย่างพวกเรา ได้โปรดเห็นใจด้วยเถิดค่ะ เราแค่อยากเป็นตัวเองเท่านั้นค่ะ