น่าน.....หน้าฝน
เมืองน่าน จังหวัดเล็ก ๆ ทางภาคเหนือที่มีดินแดนติดกับ สปป.ลาว แต่ถึงแม้จะเป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มากและประชากรจำนวนไม่เยอะแต่ยังคนเต็มด้วยธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ รวมถึงวิถีชาวบ้านท้องถิ่นที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ให้รุ่นหลังได้เห็น เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้มีมนตร์เสน่ห์ดึงดูดเหล่านักท่องเที่ยวหลายต่อหลายคนให้เข้าไปสัมผัสด้วยตัวเอง วิถีชีวิตแบบ Slow Life ตามสไตล์ น่าน...เนิบ...เนิบ ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีเข้าถึงมากเพียงใดเมืองนี้ก็ยังคงความน่ารักในแบบเดิมอยู่เสมอ
---------------------------------------------------------------------------------
สรุปแผนเที่ยว 4 วัน 3 คืน
Day1: กรุงเทพ-น่าน
Day2: อ.เมือง -อ.บ่อเกลือ
Day3: อ.บ่อเกลือ-อ.ปัว-อ.เมือง
Day4: น่าน-กรุงเทพ
การเดินทางจากกรุงเทพมหานคร
ถ้าหากเดินทางด้วยรถยนต์ จะใช้เวลาประมาณ9ชั่วโมง กรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 32 จนถึงจังหวัดนครสวรรค์ แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 17 ไปจนถึง จังหวัดพิษณุโลก จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 11 โดยจะผ่านจังหวัดอุตรดิตถ์และอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 101 ผ่านจังหวัดแพร่ไปจนถึงจังหวัดน่าน รวมระยะทางประมาณ 668 กิโลเมตร
Day1: กรุงเทพ-น่าน
เมื่อเข้าเขตรอยต่อระหว่างจังหวัดน่านและแพร่ บรรยากาศ 2 ข้างทางก็เปลี่ยนไปจากป่าเขาที่เคยอุดมสมบูรณ์ เป็น พืชสวนไร่นาของเกษตรกร แต่นี่ก็เป็นเพียงส่วนเดียวของทั้งจังหวัด
ที่พักภายในจังหวัดน่านมีให้เลือกมากมาย ในราคาที่แตกต่างกันไป
แต่ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวติดใจกับจังหวัดน่านได้นั่นคงเป็น ความเงียบสงบที่หาไม่ได้ในนครหลวง ผู้คนที่เป็นมิตรต่อกัน ยิ้มแย้มแจ่มใสกับพวกเราที่เป็นเพียงคนต่างถิ่น สิ่งเหล่านี้มันคือมนต์เสน่ห์ที่ทำให้ผมตกหลุมรักจังหวัดนี้อย่างมาก
กว่าจะเดินทางมาถึงที่พักก็เป็นเวลาประมาณ 5 โมงเย็นแล้ว น่านในบรรยากาศนี้ก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่ทำให้ประทับใจ แสงตะวันที่คอยสาดส่องเมืองนี้ก็ค่อยๆหายไป กลายเป็นแสงจากดวงไฟที่ฉายไปบนอาคารบ้านเรือนและ วัดวาอาราม ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย สิ่งเหล่านี้มันจึงกลายเป็นการผ่อนคลายจากการเดินทางมาอย่างหนักทั้งวัน
Day2: อ.เมือง-อ.บ่อเกลือ
จริงๆแล้วภายในเมืองน่านมีที่เที่ยวที่เยอะแยะมากมายไม่ว่าจะเป็นวัดวาอารามรวมทั้งโบราณสถานต่างๆ
การเดินทางท่องเที่ยวในตัวเมือง จ.น่านนั้นเดินทางไม่ยากมาก ถ้าหากมีกำลังพอก็สามารถเดินเที่ยวในตัวเมืองได้อย่างสบายแม้ว่าตัวเมืองน่านจะไม่ใหญ่มากนักแต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวกระจายตัวอยู่ทั่งเมือง
เดินออกจากที่พักมานิดหน่อยก็มาถึงวัดภูมินทร์ความสวยแปลกของวัดภูมินทร์ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน เป็นหนึ่งเดียวในประเทศไทยก็คือ เป็นพระอุโบสถทรงจตุรมุข พระประธานจตุรพักตร์นาคสะดุ้งขนาดใหญ่แห่แหนพระอุโบสถเทินไว้กลางลำตัวนาควัดภูมินทร์ตั้งอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑสถาน-แห่งชาติน่านพระอุโบสถจตุรมุขนี้ ตรงใจกลาง ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพระพักตร์ออก ด้านประตูทั้งสี่ทิศอุโบสถนี้ไม่ว่าจะเดินขึ้นบันไดทิศไหนก็จะพบพระพักตร์ของพระพุทธรูปทุกด้านภายในพระอุโบสถ จะมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยสดงดงามนั้นคือ ภาพจิตรกรรม ปู่ม่าน ย่าม่าน(ภาพกระซิบรัก บรรลือโลก)
เดินถัดจากวัดภูมินทร์ไปหน่อยก็จะเจอวัดช้างค้ำวรวิหารซึ่งเป็นพระอารามหลวง พระวิหารหลวงวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เป็นวิหารขนาด ใหญ่รูปทรงสร้างตามสถาปัตยกรรมทางภาคเหนือ ลักษณะภายในโอ่โถง ด้านหน้ามีสิงห์คู่ยืนตรงเชิงบันใดด้านละตัว มีทางเข้า 3 ทาง ประตูกลางทำเป็นประตูใหญ่ และประตูเล็กอยู่ด้านซ้าย และด้านขวา
ภายในวัดยังประดิษฐาน เจดีย์ช้างค้ำ ซึ่งเป็นศิลปะสมัยสุโขทัยรอบเจดีย์มีรูปปั้นช้างปูนปั้นครึ่งตัว ประดับอยู่โดยรอบ
เดินข้ามฝากถนนอีกนิดเดียวก็จะเจอพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านแต่เป็นที่น่าเสียดายในช่วงที่ผมไปทางพิพิธภัณฑ์ปิดปรับปรุง (เดือนสิงหาคม) ภายในบริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน มี ซุ้มต้นลีลาวดีที่ขึ้นเป็นแถวเรียงรายยาวนานไปกับตัวอาคารเติบโต กลายเป็นอุโมงค์ต้นไม้ยิ่งใหญ่สวยงามคนที่ได้มาท่องเที่ยวเมืองน่านนิยมมาถ่ายรูปเพราะเปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองน่าน
ลักษณะตัวอาคารโอ่โถงงดงามก่ออิฐถือปูนแข็งแรง แต่ตกแต่งให้อ่อนช้อยสวยงามด้วยลายลูกไม้ นับเป็นด้านหน้าพิพิธภัณฑ์เป็นที่ตั้งอนุสาวรีย์เจ้า สุริยพงษ์ผริตเดช ผู้เป็นเจ้าของหอคำ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เดิมเป็นที่ประทับของ เจ้าผู้ครองนครน่าน
มองจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านเราก็เห็นวัดหัวข่วงตั้งเด่นอยู่ทางด้านซ้ายกับตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ วัดหัวข่วงมีลักษณะศิลปกรรมแบบท้องถิ่นล้านนาที่โดดเด่น วัดนี้ไม่ปรากฏว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยใด มีเพียงหลักฐานว่าได้รับการบูรณะในราว พ.ศ.2425โดยเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าเมืองน่าน
จากนั้นผมขับรถออกจากตัวเมืองน่านไม่ไกลมากนักเราก็มาถึงที่หออัตลักษณ์นครน่าน สถานที่แห่งนี้คือที่ๆไว้เล่าขานความเป็นมาของเมืองน่านไว้อย่างละเอียดเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาด
ภายในมีห้องฉายวีดีทัศน์เกี่ยวกับเมืองน่าน,ห้องแสดงวิวัฒนาการสายสัมพันธ์เมืองน่านสู่รัตนโกสินทร์ ,สายสัมพันธ์ล้านนาตะวันออก เชียงราย แพร่ น่าน พระเยา ,กลุ่มชาติพันธุ์คนน่าน ม้ง เมี่ยน ก่อ ไทลื้อ ฯลฯ,,สถาปัตยกรรมเมืองน่าน,มรดกทางธรรมชาติ,อุทยานธรรมชาติต่างๆ และห้องจัดแสดงสินค้าและจำหน่ายของที่ระลึก ร้อยเรียงเรื่องเล่าขานด้วยเทคโนโลยีทันสมัย จึงจัดได้ว่าที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าเข้าเยี่ยมชมมากๆ
วกกลับเข้ามาในเมืองอีกรอบคราวนี้เรามาเติมพลังกับของหวานที่ร้านขนมหวานป้านิ่ม น่านเป็นอีกเมืองหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักกินก็ว่าได้
ร้านขนมหวานป้านิ่มมี ขนมหวานขายอยู่หลากหลายแต่ที่ผมเลือกกินในวันนี้คือไอศกรีมบัวลอย
ร้านขนมหวานป้านิ่มตั้งอยู่ตรงข้ามวัดศรีพันต้นที่สามารถมองเห็นได้แต่ไกลเนื่องจากตัวอุโบสถมีสีทองระยิบระยับ
วัดศรีพันต้นเป็นอีกวัดหนึ่งในจังหวัดน่านที่มีจิตรกรรมปูนปั้นที่สวยงามโดยเฉพาะพญานาคเจ็ดเศียรเฝ้าบันได หน้าวิหารวัด
จากนั้นผมเดินทางต่อไปยังวัดพระบรมธาตุแช่แห้งภายในประกอบด้วยวิหารหลวง และเจดีย์วัดพระธาตุแช่แห้งองค์กระธาตุแช่แห้ง มีสีเหลืองอร่าม เนื่องจากบุด้วยแผ่นทองเหลือง ลักษณะของเจดีย์ทรง ระฆัง
วิหารหลวง
พระบรมธาตุแช่แห้งเป็นศิลปะการก่อสร้าง ที่มีความวิจิตรงดงาม อีกแห่งหนึ่ง ของภาคเหนือ ที่เป็นศิลปะที่ได้รับอิทธิพล การก่อสร้างมาจากเจดีย์พระธาตุหริภุณไชย
หลังจากเดินชมวัดกันแล้วก็อย่าลืมอุดหนุนเสื้อผ้าที่มาขายอยู่ข้างๆลานจอดรถ มีให้เลือกในราคาย่อมเยาเลยทีเดียว
จากนั้นเราเดินทางไปยังอำเภอบ่อเกลือ ใช้เวลาเดินทางประมาณ2ชั่วโมง โดยเดินทางผ่านอ.สันติสุข การเดินทางในช่วงนี้เป็นการเดินทางขึ้นเขาซะเป็นส่วนมาก แต่ถนนที่เดินทางขึ้นไปเป็นถนนที่พึ่งทำใหม่มีการขยายทางทำให้ขับขี่ได้สะดวกขึ้นบรรยากาศ2ข้างทางเป็นภูเขาหัวโล้นที่มีการทำไร่ข้าวโพดที่มองเห็นไกลสุดลูกหูลูกตา
บรรยากาศระหว่างทางไปอ.บ่อเกลือ
อ.บ่อเกลือ อยู่ห่างจากตัวเมืองน่าน ประมาณ 80 กิโลเมตร มีชื่อเสียงในด้านการทำเกลือบนภูเขาที่ตั้งแต่แต่อดีต บ่อเกลือหลายบ่อ แต่เดี๋ยวนี้ได้แห้งไปหมด เหลืออยู่เพียงสองบ่อเท่านั้น
เมื่อมาถึงบ่อเกลือก็เกือบค่ำแล้วผมรีบตรงไปชมบ่อเกลือธรรมชาติที่ที่ยังคงมีการผลิตเกลือมาจนปัจจุบันแต่น่าเสียดายช่วงที่ผมไปเป็นช่วงเข้าพรรษาชาวบ้านจึงงดต้มเกลือ
บ่อเกลือโบราณ
ตกเย็นเราก็มาฝากท้องกันที่ร้านบ่อเกลือวิวรีสอร์ท ที่นี่บรรยากาศของร้านอาหารสวยงานสามารถมองเห็นอ.บ่อเกลือ วิวภูเขาและแม่น้ำมางได้ชัดเจน
[SR] น่านน่าฝน...เมืองในฝัน สวรรค์บนดอย
Day1: กรุงเทพ-น่าน
Day2: อ.เมือง -อ.บ่อเกลือ
Day3: อ.บ่อเกลือ-อ.ปัว-อ.เมือง
Day4: น่าน-กรุงเทพ
กว่าจะเดินทางมาถึงที่พักก็เป็นเวลาประมาณ 5 โมงเย็นแล้ว น่านในบรรยากาศนี้ก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่ทำให้ประทับใจ แสงตะวันที่คอยสาดส่องเมืองนี้ก็ค่อยๆหายไป กลายเป็นแสงจากดวงไฟที่ฉายไปบนอาคารบ้านเรือนและ วัดวาอาราม ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย สิ่งเหล่านี้มันจึงกลายเป็นการผ่อนคลายจากการเดินทางมาอย่างหนักทั้งวัน
การเดินทางท่องเที่ยวในตัวเมือง จ.น่านนั้นเดินทางไม่ยากมาก ถ้าหากมีกำลังพอก็สามารถเดินเที่ยวในตัวเมืองได้อย่างสบายแม้ว่าตัวเมืองน่านจะไม่ใหญ่มากนักแต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวกระจายตัวอยู่ทั่งเมือง
วัดศรีพันต้นเป็นอีกวัดหนึ่งในจังหวัดน่านที่มีจิตรกรรมปูนปั้นที่สวยงามโดยเฉพาะพญานาคเจ็ดเศียรเฝ้าบันได หน้าวิหารวัด
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น