คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ก่อนการติดตั้งหินอ่อนหรือหินแกรนิต ผู้ใช้ควรจะมีการป้องกันการซึมของน้ำชั้นต้น ตั้งแต่พื้นปูนไปจนถึงเนื้อหินเอง เพื่อช่วยลดการซึมของน้ำ (Water Marks) โดยใช้ผลิตภัณฑ์กันซึมที่ใช้กับหินอ่อนหรือแกรนิตโดยเฉพาะ ทั้งนี้ควรทาน้ำยากันซึมทั้ง 6 ด้านของเนื้อหิน แล้วทิ้งไว้อย่างน้อย 1 วันเต็ม เพื่อให้น้ำยากันซึมเข้าไปทำปฏิกิริยากับหิน จากนั้นนำหินที่ทาน้ำยาไว้ผึ่งลมปล่อยให้แห้งสนิท
ข้อควรระวัง:
สำหรับการดูแลรักษาพื้นผิวของหินอ่อนและหินแกรนิต คือ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและขัดเงา ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ควรใช้อย่างมากกับการทำความสะอาดหินอ่อนและหินแกรนิต คือ ผงซักฟอก หรือน้ำยาขัดห้องน้ำ ตลอดจนน้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์เป็นกรด รวมทั้งน้ำมันก๊าดหรือน้ำมันมะกอก เพราะจะทำให้ผิวของหินด้าน หมดสภาพความเงา ส่วนปัญหาของคราบสกปรกที่เกิดจากสนิมเหล็ก, ยางไม้, น้ำปูน ฯลฯ ที่อาจเกิดจากการใช้งาน ก็ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเฉพาะเพื่อใช้ในการขจัดคราบสกปรกดังกล่าว ไม่ให้ทิ้งร่องรอยไว้บนพื้นหิน หลังจากการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแล้ว ควรใช้น้ำยาขัดเงาเป็นแวกซ์ชนิดน้ำที่เรียกว่า Liquid Wax
สำหรับพื้นผิวหินอ่อนมี 2 วิธีให้เลือกใช้ คือ
ใช้ผลิตภัณฑ์เคมีช่วยเพิ่มความเงาหิน โดยวิธี Crystallization ซึ่งเป็นกระบวนการปฏิกิริยาทางเคมี ที่ช่วยให้ พื้นผิวของหินอ่อนเงาและแข็งแรงขึ้น ใช้ควบคู่กับ Steel Wool และเครื่องขัดพื้นที่มีความเร็วรอบไม่ต่ำกว่า 175 รอบต่อนาที ทั้งนี้จะช่วยให้พื้นผิวหินอ่อนมีความเงาขึ้นมาได้ระดับหนึ่งเท่านั้น
การขัดลอกหน้าหิน หรือ Re-Surface เป็นการใช้เครื่องขัดพื้นคู่กับใบขัดที่มีส่วนผสมของเพชร ขัดปรับระดับ หินที่ไม่ได้ระดับให้เสมอกันก่อน แล้วขัดปรับผิวหยาบจนถึงผิวละเอียดของเนื้อหินแล้ว จึงลงขั้นตอนสุดท้าย คือ การขัดเงา ซึ่งภายหลังจบกระบวนการดังกล่าวผู้ใช้ก็จะได้ผิวหินที่สวยงามเสมือนติดตั้งใหม่ ผิดอยู่ตรงที่ระดับ ของหินทุก ๆ แผ่น จะเรียบเสมอกันหมด ไม่มีรอยสะดุด
สำหรับพื้นผิวหินแกรนิตที่หมดสภาพความเงาแล้ว มีอยู่วิธีเดียวที่ใช้ได้ คือ การขัดลอกหน้าหิน หรือ Re-Surface โดยกระบวนการปฏิบัติจะมีขั้นตอนคล้ายกับการขัดหินอ่อนแต่จะมีขั้นตอนเพิ่มมากกว่า อีกทั้งน้ำหนักในการขัดต้องมากขึ้น เพื่อเพิ่มแรงกดให้กับใบขัด จึงจะขัดหินแกรนิตได้ เนื่องจากหินแกรนิตมีความแข็งกว่าหินอ่อนมาก
ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดของการดูแลรักษาพื้นหินอ่อนและหินแกรนิตก็คือ ผู้ใช้ควรหมั่นดูแลทำความสะอาด โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ค้นคว้ามาสำหรับหินอ่อนและหินแกรนิตโดยเฉพาะค่ะ
ข้อควรระวัง:
สำหรับการดูแลรักษาพื้นผิวของหินอ่อนและหินแกรนิต คือ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและขัดเงา ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ควรใช้อย่างมากกับการทำความสะอาดหินอ่อนและหินแกรนิต คือ ผงซักฟอก หรือน้ำยาขัดห้องน้ำ ตลอดจนน้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์เป็นกรด รวมทั้งน้ำมันก๊าดหรือน้ำมันมะกอก เพราะจะทำให้ผิวของหินด้าน หมดสภาพความเงา ส่วนปัญหาของคราบสกปรกที่เกิดจากสนิมเหล็ก, ยางไม้, น้ำปูน ฯลฯ ที่อาจเกิดจากการใช้งาน ก็ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเฉพาะเพื่อใช้ในการขจัดคราบสกปรกดังกล่าว ไม่ให้ทิ้งร่องรอยไว้บนพื้นหิน หลังจากการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแล้ว ควรใช้น้ำยาขัดเงาเป็นแวกซ์ชนิดน้ำที่เรียกว่า Liquid Wax
สำหรับพื้นผิวหินอ่อนมี 2 วิธีให้เลือกใช้ คือ
ใช้ผลิตภัณฑ์เคมีช่วยเพิ่มความเงาหิน โดยวิธี Crystallization ซึ่งเป็นกระบวนการปฏิกิริยาทางเคมี ที่ช่วยให้ พื้นผิวของหินอ่อนเงาและแข็งแรงขึ้น ใช้ควบคู่กับ Steel Wool และเครื่องขัดพื้นที่มีความเร็วรอบไม่ต่ำกว่า 175 รอบต่อนาที ทั้งนี้จะช่วยให้พื้นผิวหินอ่อนมีความเงาขึ้นมาได้ระดับหนึ่งเท่านั้น
การขัดลอกหน้าหิน หรือ Re-Surface เป็นการใช้เครื่องขัดพื้นคู่กับใบขัดที่มีส่วนผสมของเพชร ขัดปรับระดับ หินที่ไม่ได้ระดับให้เสมอกันก่อน แล้วขัดปรับผิวหยาบจนถึงผิวละเอียดของเนื้อหินแล้ว จึงลงขั้นตอนสุดท้าย คือ การขัดเงา ซึ่งภายหลังจบกระบวนการดังกล่าวผู้ใช้ก็จะได้ผิวหินที่สวยงามเสมือนติดตั้งใหม่ ผิดอยู่ตรงที่ระดับ ของหินทุก ๆ แผ่น จะเรียบเสมอกันหมด ไม่มีรอยสะดุด
สำหรับพื้นผิวหินแกรนิตที่หมดสภาพความเงาแล้ว มีอยู่วิธีเดียวที่ใช้ได้ คือ การขัดลอกหน้าหิน หรือ Re-Surface โดยกระบวนการปฏิบัติจะมีขั้นตอนคล้ายกับการขัดหินอ่อนแต่จะมีขั้นตอนเพิ่มมากกว่า อีกทั้งน้ำหนักในการขัดต้องมากขึ้น เพื่อเพิ่มแรงกดให้กับใบขัด จึงจะขัดหินแกรนิตได้ เนื่องจากหินแกรนิตมีความแข็งกว่าหินอ่อนมาก
ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดของการดูแลรักษาพื้นหินอ่อนและหินแกรนิตก็คือ ผู้ใช้ควรหมั่นดูแลทำความสะอาด โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ค้นคว้ามาสำหรับหินอ่อนและหินแกรนิตโดยเฉพาะค่ะ
แสดงความคิดเห็น
สอบถามผู้รู้ติดตั้งหินอ่อนในห้องน้ำ เคลือบป้องกันผิวด้วยอะไรดี