รถไฟฟ้าสายสีม่วงวิ่งผ่านหน้าคอนโดทุกวัน แต่ตั้งแต่เค้าเปิดอย่างเป็นทางการก็ไม่เคยได้ลองนั่งดูสักที เพราะยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เลยสักครั้ง
ความจริงถนนรัตนาธิเบศร์ เป็นถนนที่จัดว่ารถติดมากๆสายหนึ่ง โดยเฉพาะช่วงสี่แยกแครายมาจนถึงหน้าห้างเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์นั้น อูย ย ย ติดมั่กๆ วันธรรมดาจันทร์ ถึง ศุกร์ ติดมากตอนช่วงเวลาเร่งด่วนทั้งเช้าและเย็น ส่วนวันเสาร์ - อาทิตย์ ติดมากเป็นสองเท่า โดยเฉพาะช่วงห้างเปิดถึงสองทุ่ม คือมันติดมากๆ เหมือนกับติดเป็นชาติ ติดชั่วนาตาปี
ตอนที่สร้างทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง คนที่อาศัยอยู่แถวนี้ต่างก็อดทนรอ เปล๊า ! ไม่ใช่รอที่จะใช้หรอกค่ะ แต่ ร ร ร รอ ให้มันสร้างเสร็จเร็วๆ เพราะช่วงที่กำลังสร้างอยู่นั้น จากรถที่ติดเป็นชาติ ติดชั่วนาตาปี ยกระดับเป็น ติดชั่วกัปชั่วกัลป์เหมือนตกนรกเลยทีเดียว (เป็นการเปรียบเปรยนะคะ)
ตอนแรกที่เค้าจะสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงนี้ ก็คิดว่าคงจะพอช่วยบรรเทาทุกข์ชาวบ้านไปได้บ้าง แต่เอาเข้าจริงเหมือนจะยังไม่ตอบโจทย์ รถก็ยังติดมากๆอยู่เหมือนเดิม เพราะอะไร?
เข้ากรุงเทพฯครั้งนี้ เพชรน้ำนิล ไม่ได้เอารถมาจึงไม่มีรถส่วนตัวใช้ เมื่อวานมีธุระต้องไปแถวๆเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ขาไปนั่งแท็กซี่ไปเพราะรีบมาก เดินออกมาหน้าปากซอยเจอแท็กซี่ก็เรียกใช้บริการก่อนเลย จ่ายค่าแท็กซี่ไป 250 บาท สบายใจ เอิ๊กกก ...
ทำธุระเสร็จขากลับเดินออกมาถนนใหญ่ อั่ยยะ ! รถติดเป็นพืดไม่กระดิกกระเดี้ย อาจเป็นเพราะเป็นวันคริศมาสต์ ผู้คนออกไปฉลองกันหรืออย่างไร เพชรน้ำนิลเห็นท่าไม่ดี ถ้านั่งแท็กซี่กลับรัตนาฯ อาจจะจ่ายถึง 500 อัพป่ะ โอยไม่ไหวหรอก เสียดายตังค์ ก็เลยถามคุณป้าขายผลไม้ใกล้ๆป้ายรถเมล์ว่า “จากนี่ไป ...รัตนาธิเบศร์ต้องไปยังไงคะ ?”
คุณป้างง มันมาได้ยังไงฟะ! อิอิ ไม่ใช่หรอกค่ะ ล้อเล่น คุณป้าบอกว่านั่งรถเมล์สาย 127 ไปถึงบางบัวทอง จากนั้นค่อยต่อรถอีกที รถเมล์รถตู้แถวนั้นวิ่งเข้าเส้นรัตนาธิเบศร์เยอะแยะ รถไฟฟ้าสีม่วงก็มีจร้าาาา
ฮ้าาา จริงสิ มีรถไฟฟ้าสายสีม่วงแล้วนินา โอกาสที่จะได้ลองนั่งรถไฟฟ้าสายนี้มาถึงแย๊วววว เย้ๆๆๆ ขอบคุณนะค้า
สอบถามเส้นทางกับคุณป้าเสร็จ ก็เดินต๊อกๆมารอรถเมล์ โชคดีเป็นจังหวะที่รถเลื่อนกระดี๊บๆไปได้หน่อย รถสาย 127 ก็มา โชคดีรอบสองที่รถว่าง พอนั่งแหมะลงข้างๆน้าผู้หญิงคนหนึ่งได้ กระเป๋ารถเมล์ก็มาเคาะกะลา เอ๊ยไม่ใช่ เคาะกระป๋องเก็บตังค์ กำลังจะอ้าปากถาม ก็พอดีเหลือบไปเห็นป้ายตัวเบ้อเริ่มติดอยู่เหนือประตูทางขึ้น
“13 บาทตลอดสายนะจ๊ะ”
โห รถเมล์คันนี้คนขับและกระเป๋าคงมารยาทดีมากแน่ๆ พูดจาไพเราะเสนาะหูจริงๆ !! แต่พอรถเคลื่อนตัวได้และหลุดจากสายใต้เก่าไป คนขับต้องเหยียบเบรคตัวโก่ง เพราะเกือบจะทิ่มท้ายรถเมล์คันหน้าซะอย่างงั้น เฮ้อ !
มาถึงบางบัวทองด้วยใจเต้นตุ้มๆต่อมๆต้องคอยลุ้นมาตลอดทาง เปล๊า !! ไม่ใช่คนขับขับรถเร็วหรอก ขับช้าต่างหาก คือคิดในใจ “ตรูจะได้ลงไปเข็นรถช่วยคนขับตอนไหนฟร่ะ” ...บั่บว่า ...สภาพรถแบบนั้นท่านได้แต่ใดมา
ลงจากรถเมล์ได้ก็ไม่รอช้า พุ่งตรงเข้าหารถไฟฟ้าสีม่วงทันที โหยยตื่นเต้นอะ ไม่เคยนั่ง รีบก้มหน้าเดินดุ่มๆไปซื้อตั๋ว ด้วยกลัวว่าตั๋วจะหมด คนจะแน่นไม่มีที่ยืน แต่เอ๊ะ ทำไมทางเดินมันโล๊งโล่ง คนน๊อยน้อย ! สงสัยวันคริสมาสต์ (อีกแล้ว)
“ผู้โดยสารต้องลงสถานีนนทบุรี 1 นะคะ 33 บาทค่ะ”
เจ้าหน้าที่ขายชิฟสาวแสนสวยใส่เสื้อสีสดใส (ม่วง) บอกเพชรน้ำนิล ด้วยรอยยิ้มที่แสนจะน่ารัก พร้อมกับยื่นชิฟให้ เพชรน้ำนิลยื่นเงินให้ พร้อมกับยิ้มตอบด้วยคิดว่าหวานสุดๆเช่นกัน โลกช่างน่าอยู่จริงๆนะถ้าเราเจอคนมีจิตไมตรียิ้มแย้มแจ่มใสรู้หน้าที่เยี่ยงนี้
เอาอีกแล้ว ความเป็นลูกทุ่งเริ่มเข้าสิงเพชรน้ำนิลอีกแล้ว ชิฟที่ถือมา พอแตะเข้ากับเครื่องเปิดแต่ประตูทางเข้ามันไม่ยอมเปิดให้เหมือนคนอื่นเค้า แตะอีกครั้งก็ยังไม่เปิด แตะอีกก็ยังไม่เปิด แตะ แตะ แล้วก็แตะ มันก็ยังไม่ยอมเปิด...ฮ่วยจั๊งได๋นิ !z
“ผู้โดยสารอย่าให้เท้าข้ามเส้นเหลืองนี้ค่ะ ถอยออกมาอีกนิดนะคะ”
เสียงเจ้าหน้าที่ประจำสถานีที่ยืนคอยดูแลบริการให้ความสะดวกกับผู้โดยสาร ตรงปรี่เข้ามาหยิบชิฟจากมือเพชรน้ำนิลไปช่วยแตะกับเครื่องเปิด ในขณะที่เพชรน้ำนิลเองก็ถอยออกมายืนนอกเส้นเหลือง แต่ประตูเจ้ากรรมมันก็ไม่ยอมเปิดอยู่ดี เจ้าหน้าที่ลองอยู่ 2-3 ครั้ง ก็ยังเปิดไม่ได้ สงสัยว่าชิฟตัวนั้นน่าจะมีปัญหา
อิอิ๊ แสดงว่าไม่ใช่เพราะเพชรน้ำนิลเสร่อไปยืนล้ำเส้นหรอก
ยืนรอรถไฟฟ้าอยู่ซักพักรถก็มา คนที่ยืนรออยู่สถานีเดียวกันคือสถานีบางบัวทองแถวๆ รพ.เกษมราษฎร์นั้น ค่อนข้างน้อยถึงน้อยมาก ทั้งๆที่เป็นย่านชุมชน มีห้างตั้งหลายห้าง มีทั้งโรงพยาบาล มีทั้งตลาด แล้วพอเข้ามาภายในรถคนก็ยังน้อยอีก รถว่างมาก เห็นรถว่างแบบนี้ แอบคิดกลัวว่าเค้าจะยกเลิกสัมปทานไปรึป่าว ปล่อยทิ้งร้างเหมือนโทลเวย์สมัยก่อนล่ะยุ่งเลย
เลยมานั่งคิดว่า มีเหตุผลอะไรบ้างที่คนจะเลือกใช้หรือไม่เลือกใช้บริการรถไฟฟ้าสายนี้ ? และเหตุผลหลักๆต่อการตัดสินใจคืออะไร ?
- ราคาค่าโดยสาร แพง ?
- มีรถยนต์ส่วนตัวอยู่แล้ว ?
- มีทางเลือกอื่นมากมาย รถเมล์ ปอ. รถตู้ แท็กซี่ มอไซด์ จักรยาน ?
- ไม่มีสถานีปลายทางที่ต้องการจะไป ?
- การให้บริการของเจ้าหน้าที่ ?
หรืออื่นๆ มันคืออะไรล่ะ ?
นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนเกือบจะเลยสถานีที่จะลง เพราะไม่คุ้นเคยเส้นทาง พอดีเหลือบไปเห็นป้ายห้างใหญ่เข้าจึงนึกได้ รีบตาลีตาเหลือกออกจากรถแทบไม่ทัน
พอเดินลงบันไดมาก็ต้องสะดุ้ง เพราะเจอเข้ากับสายไฟห้อยระโยงระยางยังกับผ้าม่านขวางหน้าอยู่ คือถ้าคนตัวสูงหน่อยก็จะเดินชนพอดี ก็ไม่รู้มันจะเป็นอันตรายรึป่าวนะ แต่คิดว่าคงจะไม่มั๊ง เพราะเห็นเค้า (ซึ่งไม่รู้ว่าใคร) เก็บม้วนไว้แล้ว แต่ทำไมถึงไม่ยกขึ้นไปเก็บไว้สูงๆ ให้เรียบร้อยไม่เกะกะผู้คนที่เดินสัญจรไปมาบนฟุตปาทก็ไม่รู้ หรือว่าเค้าเอาไว้ดักมอไซด์ที่แอบขับบนฟุตปาท?
เฮ้อ อุตส่าห์ฟินมาตั้งนานที่ได้นั่งรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ใหม่และทันสมัย แถมยังได้นั่งข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาดูบรรยากาศยามค่ำคืนที่สวยงามแม้จะเป็นข่วงสั้นๆก็ตาม แต่มาเจออะไรแบบนี้แล้วก็ ... เซงอะ
เดินอย่างเซ็งๆผ่านหน้าห้างมาจะเข้าซอยกลับคอนโด มาเจอร้านก๋วยเตี๋ยวไก่มะระเข้าให้ โอ้โห ... ขายดีอะไรเยี่ยงนี้ คนนั่งเต็มร้านแถมมียืนต่อคิวกันสั่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย คิดในใจ คงจะอร่อยมากแน่ๆ ซื้อมั่งดีกว่า
ระหว่างที่รอต่อคิวจะสั่งก๋วยเตี๋ยวไก่มะระอยู่นั้น เพชรน้ำนิลนึกถึงเสี่ยเกี๊ยกขึ้นมาทันที เสี่ยเกี๊ยกเค้ามักจะออกสำรวจเศรษฐกิจไปถ่ายรูปร้านอาหารตามห้างที่คนเยอะๆ แล้วมาโพสต์อวดเพื่อนสมาชิกว่า เศรษฐกิจดี๊ดี ... เราเอามั่งดีกว่า
แต่ตอนที่เอี้ยวตัวแตกออกมาจากแถวนิดนึง เพื่อจะถ่ายรูป ขาซ้ายยังอยู่ในแถวอยู่เลย ซักครู่ก็มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง เข้ามายืนจะแทรกคิว เพชรน้ำนิลก็เลยบอกว่า
“ดิฉันต่อคิวอยู่นะคะ”
ฝ่ายสามีก็เลยหันไปดุภรรยาว่า
“เธอไม่ดูบ้างว่าเค้าต่อคิวกันอยู่ ยังจะไปแทรกคิวเค้าอีก”
ฝ่ายภรรยาตาเขียวปั๊ด
“ก็ไม่รู้นิ เห็นยืนออกห่าง”
ฝ่ายเพชรน้ำนิลก็เงิบสิคะจะรออะไร รีบกลับเข้ามายืนตรงแน่วในคิวเลย พอถึงตอนสั่งก็บอกคนขาย
“เส้นเล็กน้ำ พิเศษกลับบ้าน ไม่เอาตีนค่ะ”
“คนต่อไปสั่งต่อได้เลยครับ” คนขายร้องบอกเพื่ออำนวยความสะดวกรวดเร็วให้กับลูกค้า
“เส้นใหญ่แห้ง พิเศษกลับบ้าน เอาตีนนนนน อย่างเดียว” !!
เสียงของเธอเน้นคำว่า
“ตีนนน” เป็นพิเศษ
+ + + รถไฟฟ้าสายสีม่วง .... ( Pechnamnil) + + +
ความจริงถนนรัตนาธิเบศร์ เป็นถนนที่จัดว่ารถติดมากๆสายหนึ่ง โดยเฉพาะช่วงสี่แยกแครายมาจนถึงหน้าห้างเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์นั้น อูย ย ย ติดมั่กๆ วันธรรมดาจันทร์ ถึง ศุกร์ ติดมากตอนช่วงเวลาเร่งด่วนทั้งเช้าและเย็น ส่วนวันเสาร์ - อาทิตย์ ติดมากเป็นสองเท่า โดยเฉพาะช่วงห้างเปิดถึงสองทุ่ม คือมันติดมากๆ เหมือนกับติดเป็นชาติ ติดชั่วนาตาปี
ตอนที่สร้างทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง คนที่อาศัยอยู่แถวนี้ต่างก็อดทนรอ เปล๊า ! ไม่ใช่รอที่จะใช้หรอกค่ะ แต่ ร ร ร รอ ให้มันสร้างเสร็จเร็วๆ เพราะช่วงที่กำลังสร้างอยู่นั้น จากรถที่ติดเป็นชาติ ติดชั่วนาตาปี ยกระดับเป็น ติดชั่วกัปชั่วกัลป์เหมือนตกนรกเลยทีเดียว (เป็นการเปรียบเปรยนะคะ)
ตอนแรกที่เค้าจะสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงนี้ ก็คิดว่าคงจะพอช่วยบรรเทาทุกข์ชาวบ้านไปได้บ้าง แต่เอาเข้าจริงเหมือนจะยังไม่ตอบโจทย์ รถก็ยังติดมากๆอยู่เหมือนเดิม เพราะอะไร?
เข้ากรุงเทพฯครั้งนี้ เพชรน้ำนิล ไม่ได้เอารถมาจึงไม่มีรถส่วนตัวใช้ เมื่อวานมีธุระต้องไปแถวๆเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ขาไปนั่งแท็กซี่ไปเพราะรีบมาก เดินออกมาหน้าปากซอยเจอแท็กซี่ก็เรียกใช้บริการก่อนเลย จ่ายค่าแท็กซี่ไป 250 บาท สบายใจ เอิ๊กกก ...
ทำธุระเสร็จขากลับเดินออกมาถนนใหญ่ อั่ยยะ ! รถติดเป็นพืดไม่กระดิกกระเดี้ย อาจเป็นเพราะเป็นวันคริศมาสต์ ผู้คนออกไปฉลองกันหรืออย่างไร เพชรน้ำนิลเห็นท่าไม่ดี ถ้านั่งแท็กซี่กลับรัตนาฯ อาจจะจ่ายถึง 500 อัพป่ะ โอยไม่ไหวหรอก เสียดายตังค์ ก็เลยถามคุณป้าขายผลไม้ใกล้ๆป้ายรถเมล์ว่า “จากนี่ไป ...รัตนาธิเบศร์ต้องไปยังไงคะ ?”
คุณป้างง มันมาได้ยังไงฟะ! อิอิ ไม่ใช่หรอกค่ะ ล้อเล่น คุณป้าบอกว่านั่งรถเมล์สาย 127 ไปถึงบางบัวทอง จากนั้นค่อยต่อรถอีกที รถเมล์รถตู้แถวนั้นวิ่งเข้าเส้นรัตนาธิเบศร์เยอะแยะ รถไฟฟ้าสีม่วงก็มีจร้าาาา
ฮ้าาา จริงสิ มีรถไฟฟ้าสายสีม่วงแล้วนินา โอกาสที่จะได้ลองนั่งรถไฟฟ้าสายนี้มาถึงแย๊วววว เย้ๆๆๆ ขอบคุณนะค้า
สอบถามเส้นทางกับคุณป้าเสร็จ ก็เดินต๊อกๆมารอรถเมล์ โชคดีเป็นจังหวะที่รถเลื่อนกระดี๊บๆไปได้หน่อย รถสาย 127 ก็มา โชคดีรอบสองที่รถว่าง พอนั่งแหมะลงข้างๆน้าผู้หญิงคนหนึ่งได้ กระเป๋ารถเมล์ก็มาเคาะกะลา เอ๊ยไม่ใช่ เคาะกระป๋องเก็บตังค์ กำลังจะอ้าปากถาม ก็พอดีเหลือบไปเห็นป้ายตัวเบ้อเริ่มติดอยู่เหนือประตูทางขึ้น
“13 บาทตลอดสายนะจ๊ะ”
โห รถเมล์คันนี้คนขับและกระเป๋าคงมารยาทดีมากแน่ๆ พูดจาไพเราะเสนาะหูจริงๆ !! แต่พอรถเคลื่อนตัวได้และหลุดจากสายใต้เก่าไป คนขับต้องเหยียบเบรคตัวโก่ง เพราะเกือบจะทิ่มท้ายรถเมล์คันหน้าซะอย่างงั้น เฮ้อ !
มาถึงบางบัวทองด้วยใจเต้นตุ้มๆต่อมๆต้องคอยลุ้นมาตลอดทาง เปล๊า !! ไม่ใช่คนขับขับรถเร็วหรอก ขับช้าต่างหาก คือคิดในใจ “ตรูจะได้ลงไปเข็นรถช่วยคนขับตอนไหนฟร่ะ” ...บั่บว่า ...สภาพรถแบบนั้นท่านได้แต่ใดมา
ลงจากรถเมล์ได้ก็ไม่รอช้า พุ่งตรงเข้าหารถไฟฟ้าสีม่วงทันที โหยยตื่นเต้นอะ ไม่เคยนั่ง รีบก้มหน้าเดินดุ่มๆไปซื้อตั๋ว ด้วยกลัวว่าตั๋วจะหมด คนจะแน่นไม่มีที่ยืน แต่เอ๊ะ ทำไมทางเดินมันโล๊งโล่ง คนน๊อยน้อย ! สงสัยวันคริสมาสต์ (อีกแล้ว)
“ผู้โดยสารต้องลงสถานีนนทบุรี 1 นะคะ 33 บาทค่ะ”
เจ้าหน้าที่ขายชิฟสาวแสนสวยใส่เสื้อสีสดใส (ม่วง) บอกเพชรน้ำนิล ด้วยรอยยิ้มที่แสนจะน่ารัก พร้อมกับยื่นชิฟให้ เพชรน้ำนิลยื่นเงินให้ พร้อมกับยิ้มตอบด้วยคิดว่าหวานสุดๆเช่นกัน โลกช่างน่าอยู่จริงๆนะถ้าเราเจอคนมีจิตไมตรียิ้มแย้มแจ่มใสรู้หน้าที่เยี่ยงนี้
เอาอีกแล้ว ความเป็นลูกทุ่งเริ่มเข้าสิงเพชรน้ำนิลอีกแล้ว ชิฟที่ถือมา พอแตะเข้ากับเครื่องเปิดแต่ประตูทางเข้ามันไม่ยอมเปิดให้เหมือนคนอื่นเค้า แตะอีกครั้งก็ยังไม่เปิด แตะอีกก็ยังไม่เปิด แตะ แตะ แล้วก็แตะ มันก็ยังไม่ยอมเปิด...ฮ่วยจั๊งได๋นิ !z
“ผู้โดยสารอย่าให้เท้าข้ามเส้นเหลืองนี้ค่ะ ถอยออกมาอีกนิดนะคะ”
เสียงเจ้าหน้าที่ประจำสถานีที่ยืนคอยดูแลบริการให้ความสะดวกกับผู้โดยสาร ตรงปรี่เข้ามาหยิบชิฟจากมือเพชรน้ำนิลไปช่วยแตะกับเครื่องเปิด ในขณะที่เพชรน้ำนิลเองก็ถอยออกมายืนนอกเส้นเหลือง แต่ประตูเจ้ากรรมมันก็ไม่ยอมเปิดอยู่ดี เจ้าหน้าที่ลองอยู่ 2-3 ครั้ง ก็ยังเปิดไม่ได้ สงสัยว่าชิฟตัวนั้นน่าจะมีปัญหา
อิอิ๊ แสดงว่าไม่ใช่เพราะเพชรน้ำนิลเสร่อไปยืนล้ำเส้นหรอก
ยืนรอรถไฟฟ้าอยู่ซักพักรถก็มา คนที่ยืนรออยู่สถานีเดียวกันคือสถานีบางบัวทองแถวๆ รพ.เกษมราษฎร์นั้น ค่อนข้างน้อยถึงน้อยมาก ทั้งๆที่เป็นย่านชุมชน มีห้างตั้งหลายห้าง มีทั้งโรงพยาบาล มีทั้งตลาด แล้วพอเข้ามาภายในรถคนก็ยังน้อยอีก รถว่างมาก เห็นรถว่างแบบนี้ แอบคิดกลัวว่าเค้าจะยกเลิกสัมปทานไปรึป่าว ปล่อยทิ้งร้างเหมือนโทลเวย์สมัยก่อนล่ะยุ่งเลย
เลยมานั่งคิดว่า มีเหตุผลอะไรบ้างที่คนจะเลือกใช้หรือไม่เลือกใช้บริการรถไฟฟ้าสายนี้ ? และเหตุผลหลักๆต่อการตัดสินใจคืออะไร ?
- ราคาค่าโดยสาร แพง ?
- มีรถยนต์ส่วนตัวอยู่แล้ว ?
- มีทางเลือกอื่นมากมาย รถเมล์ ปอ. รถตู้ แท็กซี่ มอไซด์ จักรยาน ?
- ไม่มีสถานีปลายทางที่ต้องการจะไป ?
- การให้บริการของเจ้าหน้าที่ ?
นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนเกือบจะเลยสถานีที่จะลง เพราะไม่คุ้นเคยเส้นทาง พอดีเหลือบไปเห็นป้ายห้างใหญ่เข้าจึงนึกได้ รีบตาลีตาเหลือกออกจากรถแทบไม่ทัน
พอเดินลงบันไดมาก็ต้องสะดุ้ง เพราะเจอเข้ากับสายไฟห้อยระโยงระยางยังกับผ้าม่านขวางหน้าอยู่ คือถ้าคนตัวสูงหน่อยก็จะเดินชนพอดี ก็ไม่รู้มันจะเป็นอันตรายรึป่าวนะ แต่คิดว่าคงจะไม่มั๊ง เพราะเห็นเค้า (ซึ่งไม่รู้ว่าใคร) เก็บม้วนไว้แล้ว แต่ทำไมถึงไม่ยกขึ้นไปเก็บไว้สูงๆ ให้เรียบร้อยไม่เกะกะผู้คนที่เดินสัญจรไปมาบนฟุตปาทก็ไม่รู้ หรือว่าเค้าเอาไว้ดักมอไซด์ที่แอบขับบนฟุตปาท?
เฮ้อ อุตส่าห์ฟินมาตั้งนานที่ได้นั่งรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ใหม่และทันสมัย แถมยังได้นั่งข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาดูบรรยากาศยามค่ำคืนที่สวยงามแม้จะเป็นข่วงสั้นๆก็ตาม แต่มาเจออะไรแบบนี้แล้วก็ ... เซงอะ
เดินอย่างเซ็งๆผ่านหน้าห้างมาจะเข้าซอยกลับคอนโด มาเจอร้านก๋วยเตี๋ยวไก่มะระเข้าให้ โอ้โห ... ขายดีอะไรเยี่ยงนี้ คนนั่งเต็มร้านแถมมียืนต่อคิวกันสั่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย คิดในใจ คงจะอร่อยมากแน่ๆ ซื้อมั่งดีกว่า
ระหว่างที่รอต่อคิวจะสั่งก๋วยเตี๋ยวไก่มะระอยู่นั้น เพชรน้ำนิลนึกถึงเสี่ยเกี๊ยกขึ้นมาทันที เสี่ยเกี๊ยกเค้ามักจะออกสำรวจเศรษฐกิจไปถ่ายรูปร้านอาหารตามห้างที่คนเยอะๆ แล้วมาโพสต์อวดเพื่อนสมาชิกว่า เศรษฐกิจดี๊ดี ... เราเอามั่งดีกว่า
แต่ตอนที่เอี้ยวตัวแตกออกมาจากแถวนิดนึง เพื่อจะถ่ายรูป ขาซ้ายยังอยู่ในแถวอยู่เลย ซักครู่ก็มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง เข้ามายืนจะแทรกคิว เพชรน้ำนิลก็เลยบอกว่า
“ดิฉันต่อคิวอยู่นะคะ”
ฝ่ายสามีก็เลยหันไปดุภรรยาว่า
“เธอไม่ดูบ้างว่าเค้าต่อคิวกันอยู่ ยังจะไปแทรกคิวเค้าอีก”
ฝ่ายภรรยาตาเขียวปั๊ด
“ก็ไม่รู้นิ เห็นยืนออกห่าง”
ฝ่ายเพชรน้ำนิลก็เงิบสิคะจะรออะไร รีบกลับเข้ามายืนตรงแน่วในคิวเลย พอถึงตอนสั่งก็บอกคนขาย
“เส้นเล็กน้ำ พิเศษกลับบ้าน ไม่เอาตีนค่ะ”
“คนต่อไปสั่งต่อได้เลยครับ” คนขายร้องบอกเพื่ออำนวยความสะดวกรวดเร็วให้กับลูกค้า
“เส้นใหญ่แห้ง พิเศษกลับบ้าน เอาตีนนนนน อย่างเดียว” !!