สวัสดีครับ ผม Yod หรือ Yodster จาก Chinchilla ครับ หลังจากที่รีวิวรถไปแล้ว 4 คัน เที่ยวนี้ผมจะมารีวิวรถ C-Segment พ่วงเทอร์โบที่มีฟีลลิ่งการขับขี่ที่มันส์ที่สุดแห่งปีรุ่นนึงนั่นก็คือ Ford Focus Ecoboost ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับการ Minorchange มาจากรุ่นปี 2011 ต้องบอกเลยครับว่าถือว่าเป็นกึ่งๆ Big Minorchange เลยเพราะมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์แบบยกเซดเลยและมีการปรับออพชั่นหลายๆอย่างด้วย เพราะส่วนใหญ่เวลารถจะ Minorchange ก็จะปรับเปลี่ยนแค่ดีไซน์ภายนอก, เพิ่มออพชั่น, หรือไม่ก็เพิ่มแรงม้าเครื่องยนต์นิดหน่อย
เอาล่ะครับ เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง
ภายนอก
ดีไซน์ภายนอกไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปมาก การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนก็จะมีกระจังหน้าซึ่งจะเป็นเอกลักษณ์ของรถฟอร์ดรุ่นใหม่ๆ (แต่ดูรวมๆแล้วเหมือนแอสตัน (มาร์ติน) เหลือเกิน), ไฟท้ายที่ดูเพรียวลง, ล้อดีไซน์ใหม่ซึ่งแอบแก่นิดนึง, และเส้นสายบนตัวถังที่ถูกปรับนิดหน่อย แต่ถ้าไม่สังเกตจะดูไม่ค่อยออก ผมว่าถ้าดูโดยรวมแล้วทรงรถแบบนี้ถ้าเอาไปแต่งซิ่งน่าจะออกมางามไม่ใช่น้อย
ออพชั่นภายนอกก็จะมี ไฟหน้า Auto พร้อมไฟ Daytime แบบ LED แต่ไฟหน้าดันเจือกเป็นฮาโลเจน ซึ่งรถราคาระดับนี้ไม่น่าจะให้ไฟแบบนี้มา, ไฟท้าย LED, ไฟตัดหมอกหน้า-หลัง, เซนเซอร์หน้า-หลัง, ที่ปัดน้ำฝนออโต้, ชุดแต่งสเกิร์ต-สปอยเลอร์รอบคัน แต่ในรุ่นนี้จะถูกตัดซันรูฟและออพชั่นบางอย่างออก เหมือนเป็นการลดของเล่นแล้วเอาเงินไปพัฒนาเครื่องยนต์แทน
ภายใน
ภายในก็ไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปมากเช่นเดียวกัน การตกแต่งก็เป็นไปตามสไตล์รถอเมริกันคือ Dashboard จะเรียบๆไม่ได้มีปุ่มเยอะๆแบบรถญี่ปุ่น มีแค่ปุ่ม Controller อันเดียวกับหน้าจอ Display ตรงกลาง ซึ่งผมว่าข้อดีคือมันใช้งานง่ายและไม่ต้องงงกับปุ่มว่าอันไหนเป็นอันไหน เบาะนั่งด้านหน้าถือว่าทำมาได้ดี กระชับตัว คล้ายๆเบาะรถแข่ง Bucket Seat แต่เบาะนั่งด้านหลังนี่ถ้าให้พูดตรงๆเลยนี่คือต้องบอกว่า แคบ อึดอัด ไม่ได้มีความสบายเลยแม้แต่นิดเดียว ด้านวัสดุภายในถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่หรือจะให้เรียกว่าห่วยเลยก็ได้ คือเวลาไปสัมผัสแล้วรู้สึกว่าวัสดุเหมือนเอาของถูกๆมาให้ใช้ครับ ต้องบอกเลยว่าเป็นรถที่เน้นสมรรถนะอย่างเดียวจริงๆครับ ถ้าจะหาความสะดวกสบายกับความพรีเมี่ยมคงต้องไปหายี่ห้ออื่นแทน
ออพชั่นภายในก็จะมีแอร์ Dual-Zone, ปุ่ม Push Start, พวงมาลัย Multi-Function ซึ่งโดยส่วนตัวผมชอบดีไซน์พวงมาลัยแบบนี้ มันให้อารมณ์รถแข่งดีพร้อม Paddle Shift, ระบบสั่งการด้วยเสียง Sync 3, มาตรวัดแสดงข้อมูลการขับขี่, Cruise Control, เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง, เบาะหลังปรับพับได้ 60:40, กระจก Auto 4 บาน
ระบบ Infotainment
ระบบ Infotainment ใน Ford Focus Ecoboost จะใช้เครื่องเสียงของ Sony ควบคุมผ่านหน้าจอ 8 นิ้วหรือไม่ก็ผ่านปุ่ม Controller ตรงกลางพร้อมการเชื่อมต่อ Bluetooth และ WiFi แถมรองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto ด้วย ถือว่าจัดหนักจัดเต็มจริงๆครับสำหรับระบบความบันเทิง
ฟีลลิ่งลำโพงตัวนี้ถือว่าดีเลยทีเดียวครับ มันตึบมาก เสียงแน่น ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีครบทุกชิ้นเลยครับ สามารถเล่นเพลงผ่าน Bluetooth, USB, และ CD ได้ จะไม่ให้ดีได้ยังไงล่ะครับ ได้เครื่องเสียง Sony แบบพรีเมี่ยมแถมลำโพงอีก 9 ตัว ถ้ายังไม่ดีนี่ Sony ขายหน้าเลยนะครับ เป็นถึงบริษัทผลิตเครื่องเสียงระดับโลกเนี่ย
เครื่องยนต์และสมรรถนะ
เครื่องยนต์ที่สถิตอยู่ใน Ford Focus Ecoboost เป็นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แต่เวอร์ชั่นต่างประเทศจะเป็น 182 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 240 นิวตันเมตรที่ 1,600-5,000 รอบต่อนาที ถือว่าเป็นเครื่องเบนซินที่แรงบิดมาไวพอๆกับเครื่องดีเซลเลย จะบอกว่าเสียงเครื่องยนต์บล็อกนี้เพราะมาก กึ่งๆรถแว้นเลย อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 9.2 วินาที ถือว่าแรงเอาเรื่องอยู่ในรถระดับนี้ ช่วงความเร็วต้น Civic Turbo จะออกตัวเร็วกว่า แต่ช่วงปลายยังไงเจ้านี่ก็ชนะ จะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเครื่องตัวนี้แรงขึ้นกว่าตัว 2.0 GDI อย่างชัดเจน
เกียร์เป็นเกียร์ออโต้ 6 สปีดแบบ Torque Converter มันได้ถูกเปลี่ยนจากตัว 2.0 GDI ซี่งใช้เกียร์แบบ Dual Clutch ที่เป็นเกียร์เจ้าปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้มาจนถึงทุกวันนี้
อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 13.2 กม./ลิตร ถือว่าเปลืองกว่าคู่แข่งนิดนึง แต่ถ้าต้องยอมแลกด้วยสมรรถนะที่เหนือกว่าบางคนก็ยอม
ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีอื่นๆ
ระบบความปลอดภัยใน Ford Focus Ecoboost ก็จะมีของมาตรฐานอย่างระบบเบรก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบควบคุมการทรงตัว ESP, ระบบ Hill Launch Assist, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้างพร้อมม่านถุงลม, และระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง Torque Vectoring Control
ระบบอื่นก็จะมีระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ ซึ่งผมว่าเหมาะกับคนชอบเหม่อมากครับ มันช่วยลดอุบัติเหตุได้จริงๆ, และระบบช่วยจอด Active Parking Assist ซึ่งเมื่อก่อนจะใช้ถอยเทียบฟุตบาทได้อย่างเดียว แต่ในรุ่นนี้มันถูกพัฒนาให้สามารถถอยเข้าซองได้ด้วย วิธีการใช้ก็จะเหมือนกับใน Mercedes-Benz E220d AMG Dynamic, และ BMW X1 18d F48 ที่ผมเคยรีวิวไปแล้ว คือ กดปุ่มสแกนหาที่จอดรถ พอระบบเจอที่จอดก็กดปุ่ม Ok ถ้าคุณต้องการจะจอดแล้วก็เข้าเกียร์ R แต่เราต้องคอยเลี้ยงเบรกและเปลี่ยนเกียร์ พอจอดเสร็จก็ใส่เกียร์ P ได้เลย ต้องบอกเลยครับว่าฟอร์ดนี่ใจป้ำจริงๆครับที่อัดออพชั่นแบบนี้มาให้ในรถบ้านๆ ทำให้พวกเรามีของล้ำๆเทียบเท่ารถหรูไว้ใช้
คุณสามารถอ่านรีวิว Mercedes-Benz E220d AMG Dynamic และ BMW X1 F48 ได้ตามลิ้งนี้ครับ
Mercedes-Benz E220d AMG Dynamic
http://ppantip.com/topic/35778523
BMW X1 18d F48
http://ppantip.com/topic/35822057
Test Drive
เส้นทางการทดสอบคราวนี้จะเป็นเส้นราชพฤกษ์-กาญจนาภิเษก ตอนออกตัวจากโชว์รูม ผมลองกดคันเร่งลึกๆดู มันออกตัวไวมาก แรงบิดมาเร็วแบบเครื่องดีเซลเลยครับ แล้วมันก็ลากยาวเรื่อยๆ เรียกกำลังได้ดั่งใจจริงๆ ฟีลลิ่งช่วงล่างต้องบอกเลยว่าอยู่อันดับต้นๆของรถ C-Segment เลยครับ พอๆกับ Mazda 3 เลย ตอนเข้าโค้งที่ความเร็วสูงให้ความมั่นใจได้ดีมาก สาดได้ไม่ต้องยั้งเลย ตอนผมเหยียบถึง 185 ผมรู้สึกว่ารถยังคุมได้ดีอยู่ การเก็บเสียงถือว่าดีกว่าคู่แข่งจากแดนอาทิตย์อุทัยทุกรุ่นครับ เงียบพอตัวเลย จะเริ่มมีเสียงลมเข้ามาตอนความเร็วแตะ 170 การซับแรงถือว่าโอเคครับ นิ่มใช้ได้เลย ความสบายเบาะหลังทดสอบโดยเจ้าตังและเจ้าไนน์ ผู้ร่วมทดสอบของผม ทั้งสองคนพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า “ห่_” อึดอัดมาก นั่งนานๆมีขาชาแน่นอน เป็นรถที่เน้นสมรรถนะอย่างเดียวจริงๆ อย่างอื่นช่างมัน ผมว่าเจ้า Ford Focus Ecoboost ตัวนี้มันเป็นรถเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ชอบขับรถ เน้นสมรรถนะอย่างเดียว ความหรูหราและสะดวกสบายไม่ต้องมีทำให้ยอดขายไม่เยอะมากเพราะคนส่วนใหญ่ก็ชอบรถที่มันนั่งสบายๆมากกว่ารถแบบนี้ แถมศูนย์บริการยังแย่ อะไหล่รอนานด้วย ทำให้ยอดขายตกอย่างมากเลยครับ
สรุป
• ดีไซน์ภายนอกถือว่าสวย เหมาะกับการเอาไปแต่งต่อ
• งานประกอบถือว่าเนี๊ยบอยู่
• ภายในถือว่าทำได้ไม่ดี วัสดุแย่
• เบาะนั่งคู่หน้าพอดีตัว กระชับมาก
• เบาะหลังแคบมาก Headroom กับ Legroom น้อยมาก
• ระบบ Infotainment เล่นง่าย ใช้เวลาศึกษาไม่นานก็เล่นได้คล่อง
• เครื่องเสียงโหด คุณภาพเสียงดีมาก
• ระบบความปลอดภัยสูง ลูกเล่นเยอะ
• เครื่องแรง คันเร่งไว เหยียบปุ๊บมาปั๊บ ตอนแซงไม่ต้องลุ้น
• ช่วงล่างถือว่าอยู่ระดับแถวหน้าของ Segment
• พวงมาลัยคม แม่นยำ
• ออพชั่นจัดเต็มที่สุดใน Segment
• เป็นรถที่ไม่เหมาะกับพ่อบ้านใจกล้าเอาซะเลย เหมาะกับคนโสดตีนหนักมากกว่า
Ford Focus Ecoboost สนนราคาอยู่ที่ 1,099,000 บาท ถือว่าคุ้มค่ากับการซื้อความมันส์ในการขับขี่ แต่ไม่คุ้มค่ากับการใช้งานระยะยาวครับ ตอนนี้มีโปรโมชั่นลด 100,000 บาทเหลือ 999,000 บาทด้วยถึง 31 ธันวาคมนี้ครับ
คุณสามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์ ยานยนต์ รีวิวรถใหม่ได้ที่ ID Pantip ผมครับ Yod Chinchilla
สำหรับใครที่สนใจเรื่องรถยนต์ ยานยนต์ รถแต่ง สามารถติดตามเราบน Instagram ได้ครับ Ig: Chinchilla_autoholic
รีวิว: 2016 Ford Focus Ecoboost เด็กแว้นเมกันที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี
เอาล่ะครับ เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง
ภายนอก
ดีไซน์ภายนอกไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปมาก การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนก็จะมีกระจังหน้าซึ่งจะเป็นเอกลักษณ์ของรถฟอร์ดรุ่นใหม่ๆ (แต่ดูรวมๆแล้วเหมือนแอสตัน (มาร์ติน) เหลือเกิน), ไฟท้ายที่ดูเพรียวลง, ล้อดีไซน์ใหม่ซึ่งแอบแก่นิดนึง, และเส้นสายบนตัวถังที่ถูกปรับนิดหน่อย แต่ถ้าไม่สังเกตจะดูไม่ค่อยออก ผมว่าถ้าดูโดยรวมแล้วทรงรถแบบนี้ถ้าเอาไปแต่งซิ่งน่าจะออกมางามไม่ใช่น้อย
ออพชั่นภายนอกก็จะมี ไฟหน้า Auto พร้อมไฟ Daytime แบบ LED แต่ไฟหน้าดันเจือกเป็นฮาโลเจน ซึ่งรถราคาระดับนี้ไม่น่าจะให้ไฟแบบนี้มา, ไฟท้าย LED, ไฟตัดหมอกหน้า-หลัง, เซนเซอร์หน้า-หลัง, ที่ปัดน้ำฝนออโต้, ชุดแต่งสเกิร์ต-สปอยเลอร์รอบคัน แต่ในรุ่นนี้จะถูกตัดซันรูฟและออพชั่นบางอย่างออก เหมือนเป็นการลดของเล่นแล้วเอาเงินไปพัฒนาเครื่องยนต์แทน
ภายใน
ภายในก็ไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปมากเช่นเดียวกัน การตกแต่งก็เป็นไปตามสไตล์รถอเมริกันคือ Dashboard จะเรียบๆไม่ได้มีปุ่มเยอะๆแบบรถญี่ปุ่น มีแค่ปุ่ม Controller อันเดียวกับหน้าจอ Display ตรงกลาง ซึ่งผมว่าข้อดีคือมันใช้งานง่ายและไม่ต้องงงกับปุ่มว่าอันไหนเป็นอันไหน เบาะนั่งด้านหน้าถือว่าทำมาได้ดี กระชับตัว คล้ายๆเบาะรถแข่ง Bucket Seat แต่เบาะนั่งด้านหลังนี่ถ้าให้พูดตรงๆเลยนี่คือต้องบอกว่า แคบ อึดอัด ไม่ได้มีความสบายเลยแม้แต่นิดเดียว ด้านวัสดุภายในถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่หรือจะให้เรียกว่าห่วยเลยก็ได้ คือเวลาไปสัมผัสแล้วรู้สึกว่าวัสดุเหมือนเอาของถูกๆมาให้ใช้ครับ ต้องบอกเลยว่าเป็นรถที่เน้นสมรรถนะอย่างเดียวจริงๆครับ ถ้าจะหาความสะดวกสบายกับความพรีเมี่ยมคงต้องไปหายี่ห้ออื่นแทน
ออพชั่นภายในก็จะมีแอร์ Dual-Zone, ปุ่ม Push Start, พวงมาลัย Multi-Function ซึ่งโดยส่วนตัวผมชอบดีไซน์พวงมาลัยแบบนี้ มันให้อารมณ์รถแข่งดีพร้อม Paddle Shift, ระบบสั่งการด้วยเสียง Sync 3, มาตรวัดแสดงข้อมูลการขับขี่, Cruise Control, เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง, เบาะหลังปรับพับได้ 60:40, กระจก Auto 4 บาน
ระบบ Infotainment
ระบบ Infotainment ใน Ford Focus Ecoboost จะใช้เครื่องเสียงของ Sony ควบคุมผ่านหน้าจอ 8 นิ้วหรือไม่ก็ผ่านปุ่ม Controller ตรงกลางพร้อมการเชื่อมต่อ Bluetooth และ WiFi แถมรองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto ด้วย ถือว่าจัดหนักจัดเต็มจริงๆครับสำหรับระบบความบันเทิง
ฟีลลิ่งลำโพงตัวนี้ถือว่าดีเลยทีเดียวครับ มันตึบมาก เสียงแน่น ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีครบทุกชิ้นเลยครับ สามารถเล่นเพลงผ่าน Bluetooth, USB, และ CD ได้ จะไม่ให้ดีได้ยังไงล่ะครับ ได้เครื่องเสียง Sony แบบพรีเมี่ยมแถมลำโพงอีก 9 ตัว ถ้ายังไม่ดีนี่ Sony ขายหน้าเลยนะครับ เป็นถึงบริษัทผลิตเครื่องเสียงระดับโลกเนี่ย
เครื่องยนต์และสมรรถนะ
เครื่องยนต์ที่สถิตอยู่ใน Ford Focus Ecoboost เป็นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แต่เวอร์ชั่นต่างประเทศจะเป็น 182 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 240 นิวตันเมตรที่ 1,600-5,000 รอบต่อนาที ถือว่าเป็นเครื่องเบนซินที่แรงบิดมาไวพอๆกับเครื่องดีเซลเลย จะบอกว่าเสียงเครื่องยนต์บล็อกนี้เพราะมาก กึ่งๆรถแว้นเลย อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 9.2 วินาที ถือว่าแรงเอาเรื่องอยู่ในรถระดับนี้ ช่วงความเร็วต้น Civic Turbo จะออกตัวเร็วกว่า แต่ช่วงปลายยังไงเจ้านี่ก็ชนะ จะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเครื่องตัวนี้แรงขึ้นกว่าตัว 2.0 GDI อย่างชัดเจน
เกียร์เป็นเกียร์ออโต้ 6 สปีดแบบ Torque Converter มันได้ถูกเปลี่ยนจากตัว 2.0 GDI ซี่งใช้เกียร์แบบ Dual Clutch ที่เป็นเกียร์เจ้าปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้มาจนถึงทุกวันนี้
อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 13.2 กม./ลิตร ถือว่าเปลืองกว่าคู่แข่งนิดนึง แต่ถ้าต้องยอมแลกด้วยสมรรถนะที่เหนือกว่าบางคนก็ยอม
ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีอื่นๆ
ระบบความปลอดภัยใน Ford Focus Ecoboost ก็จะมีของมาตรฐานอย่างระบบเบรก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบควบคุมการทรงตัว ESP, ระบบ Hill Launch Assist, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้างพร้อมม่านถุงลม, และระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง Torque Vectoring Control
ระบบอื่นก็จะมีระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ ซึ่งผมว่าเหมาะกับคนชอบเหม่อมากครับ มันช่วยลดอุบัติเหตุได้จริงๆ, และระบบช่วยจอด Active Parking Assist ซึ่งเมื่อก่อนจะใช้ถอยเทียบฟุตบาทได้อย่างเดียว แต่ในรุ่นนี้มันถูกพัฒนาให้สามารถถอยเข้าซองได้ด้วย วิธีการใช้ก็จะเหมือนกับใน Mercedes-Benz E220d AMG Dynamic, และ BMW X1 18d F48 ที่ผมเคยรีวิวไปแล้ว คือ กดปุ่มสแกนหาที่จอดรถ พอระบบเจอที่จอดก็กดปุ่ม Ok ถ้าคุณต้องการจะจอดแล้วก็เข้าเกียร์ R แต่เราต้องคอยเลี้ยงเบรกและเปลี่ยนเกียร์ พอจอดเสร็จก็ใส่เกียร์ P ได้เลย ต้องบอกเลยครับว่าฟอร์ดนี่ใจป้ำจริงๆครับที่อัดออพชั่นแบบนี้มาให้ในรถบ้านๆ ทำให้พวกเรามีของล้ำๆเทียบเท่ารถหรูไว้ใช้
คุณสามารถอ่านรีวิว Mercedes-Benz E220d AMG Dynamic และ BMW X1 F48 ได้ตามลิ้งนี้ครับ
Mercedes-Benz E220d AMG Dynamic
http://ppantip.com/topic/35778523
BMW X1 18d F48
http://ppantip.com/topic/35822057
Test Drive
เส้นทางการทดสอบคราวนี้จะเป็นเส้นราชพฤกษ์-กาญจนาภิเษก ตอนออกตัวจากโชว์รูม ผมลองกดคันเร่งลึกๆดู มันออกตัวไวมาก แรงบิดมาเร็วแบบเครื่องดีเซลเลยครับ แล้วมันก็ลากยาวเรื่อยๆ เรียกกำลังได้ดั่งใจจริงๆ ฟีลลิ่งช่วงล่างต้องบอกเลยว่าอยู่อันดับต้นๆของรถ C-Segment เลยครับ พอๆกับ Mazda 3 เลย ตอนเข้าโค้งที่ความเร็วสูงให้ความมั่นใจได้ดีมาก สาดได้ไม่ต้องยั้งเลย ตอนผมเหยียบถึง 185 ผมรู้สึกว่ารถยังคุมได้ดีอยู่ การเก็บเสียงถือว่าดีกว่าคู่แข่งจากแดนอาทิตย์อุทัยทุกรุ่นครับ เงียบพอตัวเลย จะเริ่มมีเสียงลมเข้ามาตอนความเร็วแตะ 170 การซับแรงถือว่าโอเคครับ นิ่มใช้ได้เลย ความสบายเบาะหลังทดสอบโดยเจ้าตังและเจ้าไนน์ ผู้ร่วมทดสอบของผม ทั้งสองคนพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า “ห่_” อึดอัดมาก นั่งนานๆมีขาชาแน่นอน เป็นรถที่เน้นสมรรถนะอย่างเดียวจริงๆ อย่างอื่นช่างมัน ผมว่าเจ้า Ford Focus Ecoboost ตัวนี้มันเป็นรถเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ชอบขับรถ เน้นสมรรถนะอย่างเดียว ความหรูหราและสะดวกสบายไม่ต้องมีทำให้ยอดขายไม่เยอะมากเพราะคนส่วนใหญ่ก็ชอบรถที่มันนั่งสบายๆมากกว่ารถแบบนี้ แถมศูนย์บริการยังแย่ อะไหล่รอนานด้วย ทำให้ยอดขายตกอย่างมากเลยครับ
สรุป
• ดีไซน์ภายนอกถือว่าสวย เหมาะกับการเอาไปแต่งต่อ
• งานประกอบถือว่าเนี๊ยบอยู่
• ภายในถือว่าทำได้ไม่ดี วัสดุแย่
• เบาะนั่งคู่หน้าพอดีตัว กระชับมาก
• เบาะหลังแคบมาก Headroom กับ Legroom น้อยมาก
• ระบบ Infotainment เล่นง่าย ใช้เวลาศึกษาไม่นานก็เล่นได้คล่อง
• เครื่องเสียงโหด คุณภาพเสียงดีมาก
• ระบบความปลอดภัยสูง ลูกเล่นเยอะ
• เครื่องแรง คันเร่งไว เหยียบปุ๊บมาปั๊บ ตอนแซงไม่ต้องลุ้น
• ช่วงล่างถือว่าอยู่ระดับแถวหน้าของ Segment
• พวงมาลัยคม แม่นยำ
• ออพชั่นจัดเต็มที่สุดใน Segment
• เป็นรถที่ไม่เหมาะกับพ่อบ้านใจกล้าเอาซะเลย เหมาะกับคนโสดตีนหนักมากกว่า
Ford Focus Ecoboost สนนราคาอยู่ที่ 1,099,000 บาท ถือว่าคุ้มค่ากับการซื้อความมันส์ในการขับขี่ แต่ไม่คุ้มค่ากับการใช้งานระยะยาวครับ ตอนนี้มีโปรโมชั่นลด 100,000 บาทเหลือ 999,000 บาทด้วยถึง 31 ธันวาคมนี้ครับ
คุณสามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์ ยานยนต์ รีวิวรถใหม่ได้ที่ ID Pantip ผมครับ Yod Chinchilla
สำหรับใครที่สนใจเรื่องรถยนต์ ยานยนต์ รถแต่ง สามารถติดตามเราบน Instagram ได้ครับ Ig: Chinchilla_autoholic