ด้วยประสบการณ์ของหนูที่ผ่านมากับการเรียน และเป็นเด็กห้อง IQ
เป็นเรื่องจริงที่ระบบการศึกษาของไทยไม่ไปไหน
และไม่ใช่เพราะใคร ก้อตามที่คริสได้โพสต์ไว้ (ทุกๆส่วน)
สำหรับหนูในฐานะที่ขึ้นชื่อว่าอยู่ในห้องเด็กเก่ง (แต่จริงๆไม่ได้เก่งอะไรเลย)
ปัจจุบันยิ่งเรียน ยิ่งยากขึ้นก้อจริง แต่ไม่สามารถเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เลย
เนื้อหาที่เรียนๆไป ก้อแค่สอบเข้า สอบนู่น สอบนี่ และสุดท้ายก้อวัดกันที่เกรดว่าคนนั้นเก่ง คนนู้นเก่ง
แต่ที่จริงพอทำงาน แล้วเนื้อหาที่เราเรียนยากๆก้อแทบจะไม่ได้ใช้ซะด้วยซ้ำ
ทั้งหมดเราเรียนไป เพื่อสอบล้วนๆ ลองคิดดูสิค่ะว่าตอนนี้เด็กเราก้อจะเรียนไปเพื่อแค่สอบเท่านั้นหรือ
เวลาอยุ่ในห้องเรียน ครูบอกแนวข้อสอบ ก้อตั้งใจจดกันอย่างใจจดใจจ่อ
แต่พอเรียนเนื้อหาปกติก้อแทบจะไม่สนใจอะไรเลย
มันทำให้เราคนหนึ่งที่ไม่อยากจะกลับไปทบทวนเนื้อหาอะไรเลย
และสำหรับครูสอนภาษาอังกฤษ ปัจจุบันครูต่างชาติที่สอนน้อยมากจริงๆ มีแต่ครูไทยที่สอนภาษาอังกฤษ
ซึ่งครูภาษาอังกฤษ ที่เห็นอายุมากๆก้อไม่ใช่ว่าจะอ่านออก เขียนได้หมด ที่อายุมากอาจจะเพราะมากประสบการณ์
แต่ไม่ได้มากความรู้เอาซะเลย หรือถ้าหากมากความรู้ ก้อมากแต่ในตำรา แกรมมาร์นู่นนี่ แต่เวลาพูดบางคนก้อแทบ
จะพูดไม่เป็น ฟังไม่ออกซะด้วยซ้ำ เผลอๆเด็กบางคนก้อเก่งกว่าครุซะอีก
สำหรับวิชาภาษาอังกฤษของไทย
เน้นเรียนเนื้อหามากกว่าการฟัง การพูดซะงั้น เหมือนกับคลิปที่บอกว่าการเรียนภาษาอังกฤษของไทย
เรียนกลับกันกับการเรียนภาษาไทย เพราะเราใช้การฟัง การพูด มาก่อนที่จะเข้าหลักการยากๆ
แต่ทำไมภาษาอังกฤษ กลับใช้หลักการยากๆมากกว่าการฟัง การพูด ทำให้เด็กบางคนไม่กล้าพูดกับฝรั่ง
เพราะกลัวว่าจะผิดหลักไวยากรณ์บ้าง สำเนียงผิดบ้าง ทำให้จนกระทั่งปัจจุบันก้อยังสื่อสารไม่ได้
ต่อไปวิชาวิทย์ ที่เราเรียนๆกัน แตกแรงนั่น เคลื่อนที่ไปนี่ ถามจริงๆเอาไปใช้อะไรได้บ้างในชีวิตประจำวัน
ตอบตรงๆก้อคงจะแค่สอบ สอบ สอบ และก้อสอบ แล้วครูบางคน ก้อชอบเอาเนื้อหายากๆมาให้
เอาข้อสอบยากๆๆมาให้ เด็กเรียนไม่ไหว สอบตก ครูก้อหาว่าเด็กไม่พยายาม ไม่ขวนขวาย หรือโง่นั่นเอง
บางทีที่เขัยนมาทั้งหมดอยากจะให้การศึกษาไทยเปลี่ยนเป็นเรียนสิ่งที่เราจะอยู่ร่วมกับคนอื่นได้
ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ไม่ใช่ใช้ได้แต่ในห้องเรียนกับห้องสอบ แล้วก้อจบอยู่ที่คำว่าลูกจ้าง
เด็กบางคนเข้ากับเพื่อนแทบไม่ได้ เพราะหวังแต่คะแนนสอบ ใช้ชีวิตประจำวันไม่เป็น เพราะเรียนแต่
เนื้อหาที่พูดกับใครเค้าไม่รู้เรื่อง บางทีถ้าเปลี่ยนมาเป็นวิชาการงาน ให้มากกว่า 5 วิชาหลักดสิ
ทำอาหาร ออกแบบนั่นนี่ ใช้ในชีวิตประจำวันได้มากกว่าชัวร์และเราก้อจะรู้ตัวเองด้วยว่าที่แท้จริงเราชอบด้าน
ไหน พร้อมที่จะทำอาชีพอะไร ไม่ใช่ขลุกตัว แต่ในห้อง ท่องตำรารอคะแนนสอบ แต่กลับไม่รู้เลยว่าตัวเองชอบอะไร
(ที่เขียนไปหากใครขัดแย้ง เม้นได้เลย ไม่ว่าอะไร เพราะมันคือเรื่องจริง)
(เขียนระบายเฉยๆ อย่าซีเรียสให้มันเยอะ เพราะไม่ใช่คะแนนสอบ)
หนูคนหนึ่งนะที่เห็นด้วยกับคริส ไรท์กับระบบการศึกษาไทย
เป็นเรื่องจริงที่ระบบการศึกษาของไทยไม่ไปไหน
และไม่ใช่เพราะใคร ก้อตามที่คริสได้โพสต์ไว้ (ทุกๆส่วน)
สำหรับหนูในฐานะที่ขึ้นชื่อว่าอยู่ในห้องเด็กเก่ง (แต่จริงๆไม่ได้เก่งอะไรเลย)
ปัจจุบันยิ่งเรียน ยิ่งยากขึ้นก้อจริง แต่ไม่สามารถเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เลย
เนื้อหาที่เรียนๆไป ก้อแค่สอบเข้า สอบนู่น สอบนี่ และสุดท้ายก้อวัดกันที่เกรดว่าคนนั้นเก่ง คนนู้นเก่ง
แต่ที่จริงพอทำงาน แล้วเนื้อหาที่เราเรียนยากๆก้อแทบจะไม่ได้ใช้ซะด้วยซ้ำ
ทั้งหมดเราเรียนไป เพื่อสอบล้วนๆ ลองคิดดูสิค่ะว่าตอนนี้เด็กเราก้อจะเรียนไปเพื่อแค่สอบเท่านั้นหรือ
เวลาอยุ่ในห้องเรียน ครูบอกแนวข้อสอบ ก้อตั้งใจจดกันอย่างใจจดใจจ่อ
แต่พอเรียนเนื้อหาปกติก้อแทบจะไม่สนใจอะไรเลย
มันทำให้เราคนหนึ่งที่ไม่อยากจะกลับไปทบทวนเนื้อหาอะไรเลย
และสำหรับครูสอนภาษาอังกฤษ ปัจจุบันครูต่างชาติที่สอนน้อยมากจริงๆ มีแต่ครูไทยที่สอนภาษาอังกฤษ
ซึ่งครูภาษาอังกฤษ ที่เห็นอายุมากๆก้อไม่ใช่ว่าจะอ่านออก เขียนได้หมด ที่อายุมากอาจจะเพราะมากประสบการณ์
แต่ไม่ได้มากความรู้เอาซะเลย หรือถ้าหากมากความรู้ ก้อมากแต่ในตำรา แกรมมาร์นู่นนี่ แต่เวลาพูดบางคนก้อแทบ
จะพูดไม่เป็น ฟังไม่ออกซะด้วยซ้ำ เผลอๆเด็กบางคนก้อเก่งกว่าครุซะอีก
สำหรับวิชาภาษาอังกฤษของไทย
เน้นเรียนเนื้อหามากกว่าการฟัง การพูดซะงั้น เหมือนกับคลิปที่บอกว่าการเรียนภาษาอังกฤษของไทย
เรียนกลับกันกับการเรียนภาษาไทย เพราะเราใช้การฟัง การพูด มาก่อนที่จะเข้าหลักการยากๆ
แต่ทำไมภาษาอังกฤษ กลับใช้หลักการยากๆมากกว่าการฟัง การพูด ทำให้เด็กบางคนไม่กล้าพูดกับฝรั่ง
เพราะกลัวว่าจะผิดหลักไวยากรณ์บ้าง สำเนียงผิดบ้าง ทำให้จนกระทั่งปัจจุบันก้อยังสื่อสารไม่ได้
ต่อไปวิชาวิทย์ ที่เราเรียนๆกัน แตกแรงนั่น เคลื่อนที่ไปนี่ ถามจริงๆเอาไปใช้อะไรได้บ้างในชีวิตประจำวัน
ตอบตรงๆก้อคงจะแค่สอบ สอบ สอบ และก้อสอบ แล้วครูบางคน ก้อชอบเอาเนื้อหายากๆมาให้
เอาข้อสอบยากๆๆมาให้ เด็กเรียนไม่ไหว สอบตก ครูก้อหาว่าเด็กไม่พยายาม ไม่ขวนขวาย หรือโง่นั่นเอง
บางทีที่เขัยนมาทั้งหมดอยากจะให้การศึกษาไทยเปลี่ยนเป็นเรียนสิ่งที่เราจะอยู่ร่วมกับคนอื่นได้
ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ไม่ใช่ใช้ได้แต่ในห้องเรียนกับห้องสอบ แล้วก้อจบอยู่ที่คำว่าลูกจ้าง
เด็กบางคนเข้ากับเพื่อนแทบไม่ได้ เพราะหวังแต่คะแนนสอบ ใช้ชีวิตประจำวันไม่เป็น เพราะเรียนแต่
เนื้อหาที่พูดกับใครเค้าไม่รู้เรื่อง บางทีถ้าเปลี่ยนมาเป็นวิชาการงาน ให้มากกว่า 5 วิชาหลักดสิ
ทำอาหาร ออกแบบนั่นนี่ ใช้ในชีวิตประจำวันได้มากกว่าชัวร์และเราก้อจะรู้ตัวเองด้วยว่าที่แท้จริงเราชอบด้าน
ไหน พร้อมที่จะทำอาชีพอะไร ไม่ใช่ขลุกตัว แต่ในห้อง ท่องตำรารอคะแนนสอบ แต่กลับไม่รู้เลยว่าตัวเองชอบอะไร
(ที่เขียนไปหากใครขัดแย้ง เม้นได้เลย ไม่ว่าอะไร เพราะมันคือเรื่องจริง)
(เขียนระบายเฉยๆ อย่าซีเรียสให้มันเยอะ เพราะไม่ใช่คะแนนสอบ)