ในวันศุกร์ที่รถติดมากๆ และเรากำลังนั่งเล่นโทรศัพท์แก้เบื่ออยู่ในรถนั้น น้องคนหนึ่งได้ text มาหาเราว่าเบื่อมาก ไม่มีอะไรทำ ไปเที่ยวกันไหม เราตอบตกลง แล้วจึงโทรไปชวนเพื่อนอีกคนให้ไปเที่ยวด้วยกัน เพื่อนรีเควสมาว่าอยากดูหนังเรื่อง passenger ตัวเราซึ่งไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยก็ดันเซเยส บอกว่า เอาดิ ไปไหนไปกัน (แลดูเป็นคนใจง่าย 555) เพื่อนจึงบอกว่าจะมีเพื่อนของเพื่อนอีกคนไปด้วยนะ สรุปรวมทริปดูหนังครั้งนี้มีสี่คน ซึ่งสองคนในนั้นไม่รู้จักกัน
พวกเรานัดเจอกันเพื่อดูหนังรอบ 18:45 น.ที่สกาล่า เป็นครั้งแรกที่เราได้ไปดูหนังที่โรงหนังสกาล่า (ปกติดูแต่ที่ลิโด้) มันดีกว่าที่คิดเยอะมาก โรงหนังสะอาด ใหญ่และ สวย เราชอบเพดานข้างบนมาก มันดูอลังการดี เราไปซื้อตั๋วที่ราคาไม่แพงเลยแค่ 120 บาท (ตั๋วมีราคาตั้งแต่ 120-160) แล้วก็ซื้อป๊อปคอร์นรสเค็ม ในราคาแค่ 40 บาท เข้าไปกินในโรงหนัง เพื่อนบอกว่านี่น่ะมันป๊อปคอร์นในตำนาน ซึ่งเราก็เห็นด้วยเพราะ รสชาติมันคลาสสิก แต่อร่อย และราคามันถูกมากสำหรับป๊อบคอร์นหน้าโรงหนัง โดยรวมแล้วเราประทับใจโรงหนังสกาล่าตั้งแต่ครั้งแรกที่ดูเลยทีเดียว
แล้วพวกเราก็เข้าไปดูหนังกัน ในโรงหนังที่คลาสสิกมากแห่งหนึ่งของประเทศไทย....................
เราดูหนังเรื่องนี้ด้วยความตั้งใจ เราชอบที่ภาพมันสวย นักแสดงแสดงดี ทำให้เราไม่หลับได้ ( เราเคยหลับในโรงหนังมาแล้ว เมื่อหนังมันน่าเบื่อเกินไป 555 ) ก็ขอชมที่หนังเรื่องนี้ทำให้เราตื่นได้แม้ว่าเราจะค่อนข้างเหนื่อยจากการเดินทางพอสมควร ดูหนังจบเรารู้สึกประทับใจจนคิดว่าจะต้องเขียนรีวิวแล้วล่ะ
เนื้อเรื่องของหนัง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้โดยหลักๆแล้วหนังเรื่องนี้ พูดถึงการเดินทางในอวกาศของมนุษย์โลกกว่า 5000คน ไปยัง ดาวโฮมเสตททู เพื่อเริ่มต้นสร้างที่อยู่ใหม่ให้กับมนุษย์ การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลา 120 ปี โดยยานอวกาศอวาลอน ยานอวกาศสุดหรูที่มีอาหาร เครื่องอำนวยความสะดวกและกิจกรรมสันทนาการครบครัน เหมือนกำลังเดินทางอยู่ในเรือสำราญยังไงยังงั้น ทุกคนที่ขึ้นไปบนยานอวกาศไม่ว่าจะเป็นผู้โดยสารหรือลูกเรือจะต้องเข้าสู่ภาวะจำศีลในกระสวย เพื่อหยุดการทำงานของระบบร่างกายสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในอีกดาวหนึ่ง โดยที่ตามกำหนดแล้วทุกคนจะต้องฟื้นก่อนที่ยานจะถึงดาวใหม่ในอีกสี่เดือน
แต่นับเป็นความโชคร้ายของพระเอก ที่มีอุกกาบาตชนกับยานอวกาศจนทำให้ระบบภายในยานเสีย และทำให้กระสวยของพระเอกขัดข้องจนปลุกเขาขึ้นมาก่อนกำหนดถึง 90 ปี
พระเอก ( จิม เพรสตัน )ฟื้นขึ้นมาอย่างงงๆ แล้วต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ทำทุกอย่างคนเดียวบนยาน โดยมีแค่อาเธอร์ เจ้าหุ่นยนต์แอนดรอยด์บาร์เทนเดอเป็นเพื่อน แม้ว่าเขาจะพยายามทุกวิถีทางก็ไม่อาจกลับไปจำศีลต่อได้ คงไม่ต้องบอกว่า เขาจะเหงาสักเท่าไหน แม้จะพยายามทำกิจกรรมต่างๆเพื่อฆ่าเวลาแต่ก็ไม่หายเหงา เหงาจนกระทั่งเขาคิดฆ่าตัวตาย แต่ก็หักห้ามใจได้ทัน ในวันที่เขาคิดสั้นนั้นเองที่เขาได้พบกับ ออโรร่า สาวสวยนักข่าวที่เดินทางขึ้นมาบนยาน วินาทีที่เขาได้พบเธอก็ทำให้เขารู้สึกมีความหวังในชีวิต เขาอ่านประวัติของเธอและงานของเธอทุกชิ้น จนรู้สึกตกหลุมรักเธอ ความรู้สึกนี้แรงกล้าจนกระทั่งเขาอยากที่จะปลุกเธอขึ้นมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันบนยาน เป็นเพื่อน ‘มนุษย์’ คนเดียวของเขา แต่เขาก็พยายามห้ามใจไม่ให้ทำลงไปเพราะเขาเองก็รู้ดีว่าถ้าเขาทำอย่างนั้นมันก็เหมือนการฆ่าเธอทั้งเป็น แต่ที่สุดแล้วเขาก็ยอมแพ้ให้กับการต่อสู้ของศีลธรรมในจิตใจ สุดท้ายแล้วเขาก็ปลุกเธอขึ้นมา
ออโรร่าฟื้นขึ้นมาโดยคิดว่าการฟื้นขึ้นมาของเธอคืออุบัติเหตุ เธอเองก็ได้ลองพยายามทุกทางเพื่อที่จะกลับไปนอนต่อตามเดิมเช่นกัน แต่ก็ทำไม่ได้ ด้วยความใกล้ชิดระหว่างเขาและเธอ ก็ทำให้เธอเองตกหลุมรักจิมเช่นกัน และถึงแม้ว่าจะต้องติดอยู่ในยานอวกาศนี้แต่เธอก็รู้สึกว่าเพราะมีจิมชีวิตของเธอจึงมีความหมายมากขึ้น ออโรร่าพยายามทำชีวิตบนยานให้มีประโยชน์ด้วยการเขียนหนังสือ ขณะที่จิมก็ใช้ชีวิตบนยานด้วยการประดิษฐ์ คิดค้นสิ่งต่างๆตามอาชีพนายช่างของเขา
แต่แล้ว ความจริงก็เปิดเผย ในวันที่จิมกำลังจะขอเธอแต่งงานโดยการมอบแหวนที่เขาทำขึ้นเองให้เธอ เธอก็ได้รู้จาก หุ่นยนตร์บาร์เทนเดอนั่นเองว่า จิมเป็นคนปลุกเธอขึ้นมา ติดแหงกบนยานนี่ด้วยกัน ออโรร่าผิดหวังและเสียใจอย่างรุนแรง ราวกับว่าหัวใจจะแตกสลายเพราะเธอรู้สึกว่านี่มันคือการฆาตกรรมกันทั้งเป็น เธอจึงไม่คุยกับจิมอีกเลย ทั้งคู่ต่างก็มึนตึงใส่กัน จนกระทั่ง กระสวยอีกลำเกิดขัดข้องขึ้นมา ทำให้ กัส หัวหน้าลูกเรือฟื้นขึ้น เขาเป็นเหมือนกุญแจสำคัญที่ช่วยแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพราะกัสมีไอดีที่สามารถใช้เปิดส่วนสำคัญต่างๆของยาน เพื่อหาทางแก้ไขระบบที่รวนของยานอวกาศได้ แม้ว่าสุดท้ายกัสจะตายเพราะระบบร่างกายล้มเหลว แต่ไอดีที่กัสมอบให้พระเอกและนางเอกก็ช่วยทำให้ทั้งสองช่วยแก้ไขความผิดพลาดของระบบจนยานสามารถเดินทางต่อไปยังดาวใหม่ และช่วยให้คนอีกห้าพันคนปลอดภัย
เราชอบประเด็นที่หนัง เล่นเรื่องของความเหงาของคน แล้วก็ความไม่รู้จักพอของคน เอาจริงๆแล้วเราก็ยังเห็นด้วยนะว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต่อให้เราเป็นคนโลกส่วนตัวสูงขนาดไหน เราก็ยังต้องการใครสักคนไว้พูดคุย ปรึกษาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ต่อให้ไม่ใช่การพูดคุยต่อหน้า จะพูดคุยผ่านจอคอม ก็ยังนับเป็นการพูดคุยอย่างหนึ่ง ซึ่งเมื่อพระเอกฟื้นขึ้นมาโดยที่ไม่มีใครให้พูดคุยด้วยเลย ขนาดจะส่งข่าวสารไปยังโลกก็ต้องใช้เวลาถึง 55 ปี ก็ไม่แปลกเลยที่เขาจะรู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำ เหมือนชีวิตจะไร้เป้าหมายจนทำให้คิดฆ่าตัวตาย จนกระทั่งได้พบกับนางเอก และถูกชะตาทั้งๆที่ยังไม่ได้พูดคุยกัน ทำให้เขาู้สึกว่าชีวิตมีความหมายมากขึ้น หนังพยายามบอกว่า ความรักช่วยชีวิตคนได้ แต่เอาจริงๆแล้ว ก็เป็นจุดนึงที่ต้องถามว่า การกระทำของพระเอกสมควรแล้วหรือไม่ การที่เขาปลุกนางเอกขึ้นมาก็คือการ ฆ่า นางเอกทั้งเป็น สิ่งที่เขาทำเห็นแก่ตัวไปไหม? การยอมตายไปแค่คนเดียวจะดีกว่าการฉุดอีกคนให้ตายไปด้วยกันไหม? และเราก็กลับมาถามตัวเองเช่นกันว่าถ้าเราเป็นพระเอกเราจะทำเช่นเดียวกันไหม? หรือเราจะยอมเสียสละ รักนางเอกไปแบบคนที่รักใครได้แค่ข้างเดียวไปจนตัวตาย?
สำหรับ นางเอกนั้น ตัวละครตัวนี้สอนให้เห็นถึง การให้อภัย ถ้าจะว่าไปแล้วรักของนางเอกที่มีให้พระเอกนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่รักของพระเอกมีให้นางเอกซะอีก เพราะความรักของพระเอกยังเจือปนไปด้วยความอยากครอบครอง แต่ความรักของนางเอกเป็นความรักที่มีแต่ให้ และเสียสละ แม้เขาจะพรากเอาชีวิตของเธอไป แต่เธอก็ไม่เรียกมันคืนมาโดยการไม่ยอมจำศีลต่อ หนังพยายามสื่อผ่านนางเอกว่า การมีความสุขกับปัจจุบันอาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะนางเอกนั้นมีความทะเยอทะยานมาก ทั้งๆที่ชีวิตบนโลกของเธอก็เป็นชีวิตที่ดี มีความสุข มีเงินใช้ สะดวกสบายอยู่แล้ว แต่เธอก็รู้สึกไม่เติมเต็ม ยังไขว่คว้าหาสิ่งต่างๆจนขึ้นยานมาเพราะหวังจะได้เจอกับความท้าทายในดาวดวงใหม่เพื่อมาเติมเต็มชีวิต จนมาเจอกับพระเอกที่เป็นคนที่เติมเต็มหัวใจเธอได้ ทำให้เธอยอมอยู่กับปัจจุบัน แม้ว่าปัจจุบันนั้นอาจจะไม่ได้สวยงามอย่างที่ฝันไว้
เช่นกัน เราเชื่อว่าหลายๆคนบนโลกใบนี้ก็คงรู้สึกเหงาและหวังว่าจะมีใครสักคนมาช่วยเติมเต็มชีวิต เติมเต็มหัวใจ มันคงจะดีถ้าเราไม่ยอมหมดหวังว่าวันนึงจะเจอได้ใครสักคน เหมือนที่หนังสอนเราว่าอย่าหมดหวังในสิ่งต่างๆในชีวิต แต่เราเองต้องเตือนตัวเองด้วยว่าความสุขต่างๆอยู่ที่ใจ สิ่งต่างๆที่วุ่นวายภายนอกก็อาจทำให้เราสนุกได้ แต่ก็ไม่ใช่ความสุข ระหว่างที่เรารอคนๆนั้นเราก็ต้องรู้จักเติมตัวเองให้เต็มก่อน นั่นแหละคือความสุขที่จริงแท้
อย่างไรก็ตามมันมีจุดที่เรายังไม่ชอบในหนังเรื่องนี้ คือ หนังมีความโอเวอร์ไป ตรงที่พระเอกตายยากมาก ขนาดโดนไฟเผาขนาดนั้นยังไม่ตาย ชุดอวกาศอะไรจะทนไฟได้ขนาดนั้น ทั้งๆที่ไฟไหม้ยานอวกาศส่วนอื่นได้ ตรงนี้ไม่เมกเซนส์ แล้วขนาดพระเอกขาดออกซิเจน ตายไปแล้วก็ยังฟื้นมาได้ ตรงนี้ดูหนังพยายามให้เป็นหนังรักโรแมนติก happy ending มากไป ทำให้หนังขาดความสมเหตุสมผลไปในบางจุด และการดำเนินเรื่องก็ดูมีความเอื่อยเฉื่อยในช่วงแรกๆ
สรุปแล้ว เราให้คะแนนหนังเรื่องนี้ที่ 8/10 เราว่าหนังเรื่องถ้าใครชอบแนว Romantic Drama Sci-fi และเป็นติ่งเจน ลอว์ก็คงชอบ สำหรับเราแล้วเธอเป็นนักแสดงที่มีเสน่ห์มาก หรือถ้าไม่ใช่คอหนังแนวนี้แต่ไม่ได้ซีเรียสมาก ก็ดูสบายๆ ได้เหมือนกัน ถือเป็นหนังอีกเรื่องที่คนโสดก็ดูได้ คนมีคู่ก็ดูดีค่ะ
[CR] Passenger หนังรักข้ามอวกาศ (มีสปอยล์)
พวกเรานัดเจอกันเพื่อดูหนังรอบ 18:45 น.ที่สกาล่า เป็นครั้งแรกที่เราได้ไปดูหนังที่โรงหนังสกาล่า (ปกติดูแต่ที่ลิโด้) มันดีกว่าที่คิดเยอะมาก โรงหนังสะอาด ใหญ่และ สวย เราชอบเพดานข้างบนมาก มันดูอลังการดี เราไปซื้อตั๋วที่ราคาไม่แพงเลยแค่ 120 บาท (ตั๋วมีราคาตั้งแต่ 120-160) แล้วก็ซื้อป๊อปคอร์นรสเค็ม ในราคาแค่ 40 บาท เข้าไปกินในโรงหนัง เพื่อนบอกว่านี่น่ะมันป๊อปคอร์นในตำนาน ซึ่งเราก็เห็นด้วยเพราะ รสชาติมันคลาสสิก แต่อร่อย และราคามันถูกมากสำหรับป๊อบคอร์นหน้าโรงหนัง โดยรวมแล้วเราประทับใจโรงหนังสกาล่าตั้งแต่ครั้งแรกที่ดูเลยทีเดียว
แล้วพวกเราก็เข้าไปดูหนังกัน ในโรงหนังที่คลาสสิกมากแห่งหนึ่งของประเทศไทย....................
เราดูหนังเรื่องนี้ด้วยความตั้งใจ เราชอบที่ภาพมันสวย นักแสดงแสดงดี ทำให้เราไม่หลับได้ ( เราเคยหลับในโรงหนังมาแล้ว เมื่อหนังมันน่าเบื่อเกินไป 555 ) ก็ขอชมที่หนังเรื่องนี้ทำให้เราตื่นได้แม้ว่าเราจะค่อนข้างเหนื่อยจากการเดินทางพอสมควร ดูหนังจบเรารู้สึกประทับใจจนคิดว่าจะต้องเขียนรีวิวแล้วล่ะ
เนื้อเรื่องของหนัง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราชอบประเด็นที่หนัง เล่นเรื่องของความเหงาของคน แล้วก็ความไม่รู้จักพอของคน เอาจริงๆแล้วเราก็ยังเห็นด้วยนะว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต่อให้เราเป็นคนโลกส่วนตัวสูงขนาดไหน เราก็ยังต้องการใครสักคนไว้พูดคุย ปรึกษาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ต่อให้ไม่ใช่การพูดคุยต่อหน้า จะพูดคุยผ่านจอคอม ก็ยังนับเป็นการพูดคุยอย่างหนึ่ง ซึ่งเมื่อพระเอกฟื้นขึ้นมาโดยที่ไม่มีใครให้พูดคุยด้วยเลย ขนาดจะส่งข่าวสารไปยังโลกก็ต้องใช้เวลาถึง 55 ปี ก็ไม่แปลกเลยที่เขาจะรู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำ เหมือนชีวิตจะไร้เป้าหมายจนทำให้คิดฆ่าตัวตาย จนกระทั่งได้พบกับนางเอก และถูกชะตาทั้งๆที่ยังไม่ได้พูดคุยกัน ทำให้เขาู้สึกว่าชีวิตมีความหมายมากขึ้น หนังพยายามบอกว่า ความรักช่วยชีวิตคนได้ แต่เอาจริงๆแล้ว ก็เป็นจุดนึงที่ต้องถามว่า การกระทำของพระเอกสมควรแล้วหรือไม่ การที่เขาปลุกนางเอกขึ้นมาก็คือการ ฆ่า นางเอกทั้งเป็น สิ่งที่เขาทำเห็นแก่ตัวไปไหม? การยอมตายไปแค่คนเดียวจะดีกว่าการฉุดอีกคนให้ตายไปด้วยกันไหม? และเราก็กลับมาถามตัวเองเช่นกันว่าถ้าเราเป็นพระเอกเราจะทำเช่นเดียวกันไหม? หรือเราจะยอมเสียสละ รักนางเอกไปแบบคนที่รักใครได้แค่ข้างเดียวไปจนตัวตาย?
สำหรับ นางเอกนั้น ตัวละครตัวนี้สอนให้เห็นถึง การให้อภัย ถ้าจะว่าไปแล้วรักของนางเอกที่มีให้พระเอกนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่รักของพระเอกมีให้นางเอกซะอีก เพราะความรักของพระเอกยังเจือปนไปด้วยความอยากครอบครอง แต่ความรักของนางเอกเป็นความรักที่มีแต่ให้ และเสียสละ แม้เขาจะพรากเอาชีวิตของเธอไป แต่เธอก็ไม่เรียกมันคืนมาโดยการไม่ยอมจำศีลต่อ หนังพยายามสื่อผ่านนางเอกว่า การมีความสุขกับปัจจุบันอาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะนางเอกนั้นมีความทะเยอทะยานมาก ทั้งๆที่ชีวิตบนโลกของเธอก็เป็นชีวิตที่ดี มีความสุข มีเงินใช้ สะดวกสบายอยู่แล้ว แต่เธอก็รู้สึกไม่เติมเต็ม ยังไขว่คว้าหาสิ่งต่างๆจนขึ้นยานมาเพราะหวังจะได้เจอกับความท้าทายในดาวดวงใหม่เพื่อมาเติมเต็มชีวิต จนมาเจอกับพระเอกที่เป็นคนที่เติมเต็มหัวใจเธอได้ ทำให้เธอยอมอยู่กับปัจจุบัน แม้ว่าปัจจุบันนั้นอาจจะไม่ได้สวยงามอย่างที่ฝันไว้
เช่นกัน เราเชื่อว่าหลายๆคนบนโลกใบนี้ก็คงรู้สึกเหงาและหวังว่าจะมีใครสักคนมาช่วยเติมเต็มชีวิต เติมเต็มหัวใจ มันคงจะดีถ้าเราไม่ยอมหมดหวังว่าวันนึงจะเจอได้ใครสักคน เหมือนที่หนังสอนเราว่าอย่าหมดหวังในสิ่งต่างๆในชีวิต แต่เราเองต้องเตือนตัวเองด้วยว่าความสุขต่างๆอยู่ที่ใจ สิ่งต่างๆที่วุ่นวายภายนอกก็อาจทำให้เราสนุกได้ แต่ก็ไม่ใช่ความสุข ระหว่างที่เรารอคนๆนั้นเราก็ต้องรู้จักเติมตัวเองให้เต็มก่อน นั่นแหละคือความสุขที่จริงแท้
อย่างไรก็ตามมันมีจุดที่เรายังไม่ชอบในหนังเรื่องนี้ คือ หนังมีความโอเวอร์ไป ตรงที่พระเอกตายยากมาก ขนาดโดนไฟเผาขนาดนั้นยังไม่ตาย ชุดอวกาศอะไรจะทนไฟได้ขนาดนั้น ทั้งๆที่ไฟไหม้ยานอวกาศส่วนอื่นได้ ตรงนี้ไม่เมกเซนส์ แล้วขนาดพระเอกขาดออกซิเจน ตายไปแล้วก็ยังฟื้นมาได้ ตรงนี้ดูหนังพยายามให้เป็นหนังรักโรแมนติก happy ending มากไป ทำให้หนังขาดความสมเหตุสมผลไปในบางจุด และการดำเนินเรื่องก็ดูมีความเอื่อยเฉื่อยในช่วงแรกๆ
สรุปแล้ว เราให้คะแนนหนังเรื่องนี้ที่ 8/10 เราว่าหนังเรื่องถ้าใครชอบแนว Romantic Drama Sci-fi และเป็นติ่งเจน ลอว์ก็คงชอบ สำหรับเราแล้วเธอเป็นนักแสดงที่มีเสน่ห์มาก หรือถ้าไม่ใช่คอหนังแนวนี้แต่ไม่ได้ซีเรียสมาก ก็ดูสบายๆ ได้เหมือนกัน ถือเป็นหนังอีกเรื่องที่คนโสดก็ดูได้ คนมีคู่ก็ดูดีค่ะ