.•´`•» ♫~* คิดแบบนี้สิ "ดีต่อใจ" ดีมั้ย? ” *~♫ «•´`•.

ดอกไม้สวัสดีค่ะ สมาชิกทุกท่าน

A postive mental attitude is essential for success and happiness in every area of life.
"ทัศนคติด้านบวก คือ สิ่งสำคัญต่อความสำเร็จ และความสุขทุกด้านของชีวิต"

หากเราเดินเข้าร้านหนังสือ จะพบว่ามุมหนังสือแนะนำขายดีของร้านหนังสือชื่อดังต่าง ๆ มักจะเป็นหนังสือในเชิงให้กำลังใจ ให้แนวคิด
หลายคนมักจะหาหนังสือเหล่านี้มาอ่านเพื่อพัฒนาตนเอง สร้างกำลังใจให้กับตัวเอง ทำให้เกิดมุมมองใหม่ ๆ หรือแม้แต่การคิดนอกกรอบ
อันนำมาซึ่งความคิดสร้างสรรค์ดี ๆ มากมาย และที่สำคัญการมีทัศนคติที่เป็นบวกนั้น มักจะทำให้เปลี่ยน "วิกฤต" เป็น "โอกาส" ได้เสมอ

ในฐานะที่เราเป็นพุทธศาสนิกชน หากเราได้ศึกษาธรรมะของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จะพบว่าหลักการต่าง ๆ ที่นำไปสู่การแก้ปัญหาด้วยทัศนคติบวกนั้น ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก ซึ่งพระพุทธองค์ได้ทรงนำมาเทศนาสั่งสอนมากกว่า 2,500 ปีแล้ว ดังจะเห็นได้จากแง่คิดที่แฝงอยู่ในพุทธประวัติ เช่นทศชาติชาดก เราจะเห็นได้ว่าพระชาติที่เป็นมโหสถบัณฑิตนั้น พระองค์ล้วนแต่พบเจอเรื่องที่วิกฤตเสมอ แต่ทรงแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่ไม่ก่อให้เกิด "กรรม" ใหม่กับใคร ๆ เลย เป็นพระชาติที่แสดงให้เห็นว่าทรงเป็นผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมีอย่างแท้จริง

วันนี้จึงขอนำเรื่องราวของแนวคิด "ทัศนคติบวก" มาแบ่งปันกัน ด้วยการนำธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเป็นกำลังใจในการดำรงชีวิตประจำวันกันค่ะ

ในสมัยพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า เศรษฐีผู้หนึ่งชื่อว่า สุมงคล เป็นผู้มีความเคารพ เลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งนัก เศรษฐีได้สร้างพระคันธกุฎีถวายพระพุทธองค์ และไปคอยเฝ้าอุปัฏฐากอยู่ทุกเช้า

เช้าวันหนึ่ง เศรษฐีออกเดินทางไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเช่นเคย เมื่อมาถึงประตูเมือง เศรษฐีได้เห็นชายผู้หนึ่งนอนคลุมโปงอยู่นอกประตูเมือง เท้าเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน เศรษฐีรู้สึกสงสารจึงกล่าวกับคนรับใช้ที่ติดตามมาว่า "ชายผู้นี้ คงเที่ยวดึก กลับเข้าเมืองไม่ทัน จึงต้องมานอนลำบากอย่างนี้" ชายผู้นั้นเป็นโจรใจพาล เมื่อได้ยินถ้อยคำของเศรษฐี ก็รู้สึกโกรธ หาว่าเศรษฐีมายุ่งเรื่องของตน จึงคิดหาทางแก้แค้น แต่เมื่อไม่สามารถทำร้ายเศรษฐีโดยตรงได้ โจรจึงลอบทำลายทรัพย์สิน ด้วยการเผานาของเศรษฐีถึง ๗ ครั้ง ตัดเท้าวัวอีก ๗ หน แต่เศรษฐีก็ไม่โกรธ ทั้งไม่ติดใจตามหาตัวคนร้ายอีกด้วย โจรยิ่งแค้นใจ หาโอกาสเผาบ้านของเศรษฐีอีกถึง ๗ ครั้ง แต่เศรษฐีก็ยังไม่โกรธอยู่ดี

ผิดกับโจรผู้เต็มไปด้วยโทสะ เฝ้าคิดร้ายต่อผู้อื่น เมื่อเศรษฐีไม่โกรธไม่สนใจ ตนเองกลับยิ่งทุรนทุรายด้วยความแค้น  เมื่อสืบทราบว่า เศรษฐีมีความเคารพรักในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงกับสร้างพระคันธกุฎีถวาย โจรใจพาลจึงคิดแผนการทำลายพระคันธกุฎี เพื่อให้เศรษฐีเจ็บช้ำน้ำใจ ครั้นถึงเวลาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงออกไปบิณฑบาต โจรร้ายก็ลอบไปจุดไฟเผาพระคันธกุฎีจนวอดวาย จากนั้นจึงมายืนรวมกลุ่มกับฝูงชน  เพื่อรอดูอาการเจ็บช้ำน้ำใจของเศรษฐี ฝ่ายเศรษฐี เมื่อทราบข่าวร้ายเรื่องไฟไหม้พระคันธกุฎี ก็รีบรุดมายังที่เกิดเหตุทันที แต่พระคัธกุฎีได้มอดไหม้จนเหลือแต่ซากเสียแล้ว ท่ามกลางความสลดหดหู่นั้นเอง เศรษฐีกลับตบมือด้วยความดีอกดีใจ  ประกาศกับชาวเมืองทั้งหลายว่า "โชคดีจริง ๆ เราจะได้บุญใหญ่อีกแล้ว คราวนี้เราจะสร้างพระคันธกุฎีใหม่ให้ดียิ่งกว่าเดิมอีก" โจรได้ยินเช่นนั้น ก็แค้นใจอย่างหนัก เฝ้าครุ่นคิดหาทางจะกำจัดเศรษฐีให้ได้

เมื่อเศรษฐีสร้างพระคันธกุฎีหลังใหม่เสร็จก็จัดงานฉลอง โจรจึงได้ช่องทางที่จะลอบสังหารเศรษฐี โดยเหน็บมีดปลายแหลมไว้ที่ชายพก แล้วแทรกตัวปะปนไปกับฝูงชน จนได้โอกาสเข้าไปใกล้ตัวเศรษฐี ฝ่ายเศรษฐี เมื่อถวายทานแด่พระพุทธเจ้าแล้ว ก็รู้สึกปลื้มปีติลุกขึ้นประกาศกับฝูงชนว่า "ท่านทั้งหลาย การที่ข้าพเจ้าได้บุญใหญ่ในวันนี้ ก็เพราะมีบุคคลหนึ่งได้เผาพระคันธกุฎีหลังเก่าไป ถ้าหากไม่มีเขา ข้าพเจ้าก็คงไม่ได้บุญใหญ่เช่นนี้อีก ข้าพเจ้าจึงขอแบ่งส่วนบุญนี้ให้เขาเป็นคนแรก" โจรร้าย เมื่อได้เห็นน้ำใจเศรษฐี ก็เกิดความละอาย นึกเสียใจในสิ่งที่ตนได้กระทำลงไป จึงคุกเข่าลงตรงหน้าเศรษฐี กราบขอขมาด้วยความสำนึกผิด เศรษฐีก็ให้อภัย พิธีฉลองพระคันธกุฎีหลังใหม่ จึงดำเนินไปอย่างมีความสุขถ้วนหน้า

เหตุร้ายต่าง ๆ นั้น  เป็นเหมือนบททดสอบใจ ใจใครเย็นแค่ไหน จะรู้ได้ก็เมื่อเกิดเหตุร้ายนี่เอง เช่นเหตุการณ์ที่พระคันธกุฎีถูกไฟเผาผลาญจนมอดไหม้ แต่ใจของสุมงคลเศรษฐีกลับมิได้รุ่มร้อนไปด้วยเลย ใจเย็น ๆ เช่นนี้  ทำให้มองเห็นโอกาสดี ๆ ในชีวิตได้เสมอ เพราะเมื่อใจเราเย็น ปัญญาย่อมเกิด และเมื่อเกิดปัญญา....เรื่องที่เป็นปัญหาก็จางหาย เรื่องร้ายก็กลับกลายเป็นดี เมื่อเรารู้ความข้อนี้ ก็ไม่ควรเสียใจกับปัญหาที่ต้องพบ ควรรับไว้ด้วยความยินดี สร้างปัญญาบารมีต่อไป


ขอบคุณเนื้อหาจาก : หนังสือ "แรงบันดาลใจ"
ภาพ : https://www.facebook.com/picturesofaday/?ref=ts&fref=ts
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
ขอบคุณ จขกท นะคะ ที่นำบทความดีดีแบบนี้มาให้อ่าน
ข้าพเจ้าอ่านแล้วชอบมาก อ่านแล้วดีต่อใจ อ่านแล้วมีความสุข
ข้าพเจ้าไม่รู้หรอกว่าคนอื่นเมื่ออ่านแล้วรู้สึกอย่างไร
รู้แต่ว่า อ่านแล้วเกิดความรู้สึกปลื้มปิติใจ มีกำลังใจในการทำความดีให้เพิ่มมากยิ่งๆ ขึ้นไป
บทความแบบนี้มันริดรอนความท้อใจ หัวใจเบิกบานดีค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ศาสนาพุทธ พระไตรปิฎก กฎแห่งกรรม ธรรมกาย ทำบุญ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่