ถึงเวลาประเทศไทย ปฏิรูปการศึกษา วัยมัธยมต้นเป็นต้นไป
ได้เวลาแล้วที่เราจะใช้เทคโนโลยีมาช่วยให้การศึกษาอนาคตของชาติครับ
เริ่มจากให้ความเท่าเทียมกันทางการศึกษาด้วย youtube
เพราะ "ครู" ที่มีความสามารถในการสอนเด็กให้เรียนหนังสือรู้เรื่องได้ มีน้อยเกินไป
เพราะ "ครู" มีความรู้ ความสามารถในวิชาที่สอน แต่ไม่มีความสามารถในการ "ถ่ายทอด" ความรู้ให้เด็กได้ นั้นมีเยอะกว่ามาก
เพราะ "ตำรา" เล่มเดียวกัน เรียนแบบเดียวกันทั้งประเทศ
ดังนั้นเนื้อหาการสอนมันก็เป็นแบบเดียวกันทั้งประเทศ
รัฐบาลก็แค่เฟ้นหาครูเก่งๆมาสอนออนไลน์ ผ่าน youtube สิครับ เด็กจะได้ดูกันทั้งประเทศ
ถ้านึกภาพไม่ออกก็ลองเปิดเว็บสอนภาษาอังกฤษ สารพัดครู ที่เขาเก็บค่าเรียนแพงๆ
พวกต่างชาตินี่ มาอยู่เมืองไทย เรียนภาษาไทยฟรีๆพอเข้าใจภาษาไทยก็ยกตัวเองมาเป็นครู เปิดสอนกวดวิชาภาษาอังกฤษ แล้วก็คิดค่าเรียนแพงๆ
ดังนั้นรัฐบาลจึงควร "เฟ้นหา" ครูที่มีศักยภาพในการถ่ายทอดการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ มาช่วยกันสร้างคลิปวีดีโอสอนหนังสือ โดยเฉพาะ "คณิต กับอังกฤษ"
ผมหมายถึงสอนทุกรูปแบบ ทั้งสอนแบบให้ความรู้ และสอนแบบ "ติว" ใครเรียนเก่งคงเข้าใจว่าผมพูดถึงอะไร สอนแบบตามหนังสือ กับสอนแบบติว หรือแบบ "ติวเข้ม" มันให้ผลคนละอย่างกันเลย
"เด็กๆ" จะไม่ต้องเสียเวลาจดตามกระดานดำ แล้วก็ไม่ได้กลับไปอ่านในสิ่งที่ตัวเองจด
"เด็กๆ" สามารถกดย้อนหลังดูการเรียนการสอนเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าดูแล้วไม่เข้าใจก็สามารถกดย้อนกลับไปดูใหม่หลายๆรอบจนกว่าจะเข้าใจ
"ครู" มีหน้าที่เพียงแค่ Support เด็กๆ ตอบคำถามข้องใจของเด็กๆ
"ครู" มีหน้าที่ support เด็กๆ ตรวจการบ้านเด็ก และสอนให้เด็กรู้คำตอบ กระบวนการคิด ฯลฯ
"ครู" มีหน้าที่เปิดห้องวิทฯ สอนเด็กลงมือปฏิบัติจริง
"ครู" มีหน้าที่สร้างแรงขับให้เด็กอยากเรียน
"ครู" มีหน้าที่สอนให้เด็กรักการอ่าน รักกีฬา รักดนตรี
"ครู" สอนอะไรได้อีกเยอะแยะ ตามใจท่านเลย เพราะถ้าเด็กอยากเรียนเขาก็แค่ไปเปิดคอมฯ สงสัยอะไรก็ถามในเน็ต รึไม่ก็วิ่งมาถามครู
เราไม่ต้องขึ้นเงินเดือนครูเท่าหมอ ก็สามารถให้การศึกษาเด็กอย่างเท่าเทียมกันได้
"เด็กๆ" ที่อยากเรียนก็จะเรียน จะเต็มใจเปิด youtube และเรียน
"เด็กๆ" ทุกคนในประเทศไทยสามารถเรียนได้โดยไม่ต้องมีคอมพิวเตอร์ที่บ้าน
ขอแค่มี computer ในศูนย์การเรียนรู้ หรือโรงเรียน ใกล้บ้าน และ internet ที่ทั่วถึง "การศึกษาก็จะเท่าเทียมกัน"
เด็กๆที่ไม่มีเงิน ก็ไม่ต้องไปเรียนตามสถาบันกวดวิชาแพงๆ
เด็กๆที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียนจะไม่มีคำว่าปิดเทอม หรือกลับบ้าน
เค้าสามารถเข้าถึงการศึกษาได้ตลอดเวลา ทุกที่ ทุกเวลา ตามใจตัวเขาเอง
เค้าสามารถเรียนรู้ได้ยาวนานเท่าที่เค้าต้องการ ไม่จำกัดแค่วิชาละ 50 นาที
เด็กๆสามารถเข้าถึงการศึกษาได้ ไม่ต้องเดินทางข้ามจังหวัดไปสถาบันกวดวิชาเพื่อ Admission เข้ามหาลัย
"ครู" ก็จะได้เรียนรู้ไปกับเด็กๆด้วย (คงเห็นข่าวครูสอนภาษาอังกฤษผิดๆกันนะครับ)
ถ้าท่านอ่านบทความนี้แล้วยังมองไม่เห็นภาพ
เปิด google ค้นคำว่า true ปลูกปัญญา
เปิด youtube ค้น channel ออมความรู้ (เนื้อหามีตั้งแต่ม.ต้นยันมหาลัย)
เปิด google ค้นคำว่า พี่เสือ calculus (คนนี้เทพจริงๆสอนเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายก็ได้ ยิ่งเรียนยิ่งสนุก)
จริงๆแล้ว ของกระทรวงศึกษาก็เริ่มมีแล้วนะครับ แต่ทำไว้นิดเดียว บางคลิปก็ทำค้างๆคาๆ แต่ของรัฐเนี่ยะมันเยิ่นเย้อน่ารำคาญไปหน่อย กว่าจะเข้าเนื้อหาได้อารัมภบทเสียยืดยาว
อยากเห็นรัฐบาลจริงใจทำสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ จัดเป็นหมวด หมู่ ประเภท ตามเนื้อหาในหนังสือ ให้เป็นรูปธรรมอย่างจริงๆจังๆ เริ่มจากม.1 ไปเลย
ครูที่มีความสามารถในการ "ถ่ายทอดความรู้" นั้น มีศักยภาพสูงในการถ่ายทอดความรู้มาก นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เด็กที่เรียนกับสถาบันกวดวิชาแล้วได้ผล
ใช้งบประมาณไม่มากเหมือนขึ้นเงินเดือนครูเท่าหมอหรอกครับ
คอมพิวเตอร์ฯ โปรเจคเตอร์ฯ แท็ปเล็ทฯ เป็นเครื่องมือที่จะทำให้เด็กๆเข้าถึงความรู้ ผมเชื่อว่าถ้ารัฐมีความจริงใจในการให้การศึกษาเด็กอย่างเท่าเทียมกันแล้วล่ะก็ ท่านจะต้องสามารถคิดวิธีการเรียนการสอนที่สามารถพานักเรียนทั้งโรงเรียนเข้าสู่การเรียนการสอนแบบใหม่นี้ได้แน่นอน ครูจะเหนื่อยน้อยลง เด็กที่อยากเรียนจะเข้าถึงการเรียนรู้ได้ดีขึ้น
เด็กในโรงเรียนจะได้เรียนหนังสือเท่ากันอย่างเสมอภาค ไม่ใช่เหมือนปัจจุบันใครมีเงินก็สามารถเข้าเรียนกวดวิชาได้ ได้เปรียบคนไม่มีเงิน
เด็กที่ไม่มีโอกาสทางการศึกษา เรียน กศน. ก็จะได้เรียนหนังสืออย่างเท่าเทียมกันกับเด็กในโรงเรียน
เด็กบ้านเรียน home school ก็จะได้สิทธิเรียนหนังสือ เท่าๆกันกับนักเรียนในโรงเรียนในระบบ โดยเฉพาะคณิต กับอังกฤษ
โดยเฉพาะภาษาอังกฤษเนี่ยะ น่าจะทำเป็น live แล้วคุยโต้ตอบกันได้ เรียนพร้อมกันทั้งประเทศไปเลยครับ คงสนุก วุ่นวายกันน่าดู
เด็กการศึกษาทางเลือกที่อยากเรียนควรจะได้รับโอกาสเข้ามาเรียนวิทยาศาสตร์ในห้องปฏิบัติการของโรงเรียนเป็นครั้งคราว
* ปล. สำหรับวิชาคณิตศาสตร์ ขายหนังสือเฉลยวิธีทำแบบฝึกหัดท้ายบทให้เยอะๆหน่อยเถอะครับ
* ผมเข้าใจว่าหนังสือคู่มือ H (hint) ที่ไม่วางขายทั่วไป เพราะท่านคงกลัวว่าเด็กจะลอก H ไปส่งครู คือไม่ยอมทำการบ้านด้วยตัวเอง
* แต่ท่านกำลังปิดโอกาสการเรียนรู้ด้วยตัวเองของเด็กอีกกลุ่มที่ใฝ่รู้ แต่ไม่กล้าถามครูนะครับ
อยากเห็นรัฐบาลไทยทำคลิปวีดีโอสอนหนังสือเด็กไทยฟรีผ่านเว็บไซท์ครับ
ได้เวลาแล้วที่เราจะใช้เทคโนโลยีมาช่วยให้การศึกษาอนาคตของชาติครับ
เริ่มจากให้ความเท่าเทียมกันทางการศึกษาด้วย youtube
เพราะ "ครู" ที่มีความสามารถในการสอนเด็กให้เรียนหนังสือรู้เรื่องได้ มีน้อยเกินไป
เพราะ "ครู" มีความรู้ ความสามารถในวิชาที่สอน แต่ไม่มีความสามารถในการ "ถ่ายทอด" ความรู้ให้เด็กได้ นั้นมีเยอะกว่ามาก
เพราะ "ตำรา" เล่มเดียวกัน เรียนแบบเดียวกันทั้งประเทศ
ดังนั้นเนื้อหาการสอนมันก็เป็นแบบเดียวกันทั้งประเทศ
รัฐบาลก็แค่เฟ้นหาครูเก่งๆมาสอนออนไลน์ ผ่าน youtube สิครับ เด็กจะได้ดูกันทั้งประเทศ
ถ้านึกภาพไม่ออกก็ลองเปิดเว็บสอนภาษาอังกฤษ สารพัดครู ที่เขาเก็บค่าเรียนแพงๆ
พวกต่างชาตินี่ มาอยู่เมืองไทย เรียนภาษาไทยฟรีๆพอเข้าใจภาษาไทยก็ยกตัวเองมาเป็นครู เปิดสอนกวดวิชาภาษาอังกฤษ แล้วก็คิดค่าเรียนแพงๆ
ดังนั้นรัฐบาลจึงควร "เฟ้นหา" ครูที่มีศักยภาพในการถ่ายทอดการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ มาช่วยกันสร้างคลิปวีดีโอสอนหนังสือ โดยเฉพาะ "คณิต กับอังกฤษ"
ผมหมายถึงสอนทุกรูปแบบ ทั้งสอนแบบให้ความรู้ และสอนแบบ "ติว" ใครเรียนเก่งคงเข้าใจว่าผมพูดถึงอะไร สอนแบบตามหนังสือ กับสอนแบบติว หรือแบบ "ติวเข้ม" มันให้ผลคนละอย่างกันเลย
"เด็กๆ" จะไม่ต้องเสียเวลาจดตามกระดานดำ แล้วก็ไม่ได้กลับไปอ่านในสิ่งที่ตัวเองจด
"เด็กๆ" สามารถกดย้อนหลังดูการเรียนการสอนเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าดูแล้วไม่เข้าใจก็สามารถกดย้อนกลับไปดูใหม่หลายๆรอบจนกว่าจะเข้าใจ
"ครู" มีหน้าที่เพียงแค่ Support เด็กๆ ตอบคำถามข้องใจของเด็กๆ
"ครู" มีหน้าที่ support เด็กๆ ตรวจการบ้านเด็ก และสอนให้เด็กรู้คำตอบ กระบวนการคิด ฯลฯ
"ครู" มีหน้าที่เปิดห้องวิทฯ สอนเด็กลงมือปฏิบัติจริง
"ครู" มีหน้าที่สร้างแรงขับให้เด็กอยากเรียน
"ครู" มีหน้าที่สอนให้เด็กรักการอ่าน รักกีฬา รักดนตรี
"ครู" สอนอะไรได้อีกเยอะแยะ ตามใจท่านเลย เพราะถ้าเด็กอยากเรียนเขาก็แค่ไปเปิดคอมฯ สงสัยอะไรก็ถามในเน็ต รึไม่ก็วิ่งมาถามครู
เราไม่ต้องขึ้นเงินเดือนครูเท่าหมอ ก็สามารถให้การศึกษาเด็กอย่างเท่าเทียมกันได้
"เด็กๆ" ที่อยากเรียนก็จะเรียน จะเต็มใจเปิด youtube และเรียน
"เด็กๆ" ทุกคนในประเทศไทยสามารถเรียนได้โดยไม่ต้องมีคอมพิวเตอร์ที่บ้าน
ขอแค่มี computer ในศูนย์การเรียนรู้ หรือโรงเรียน ใกล้บ้าน และ internet ที่ทั่วถึง "การศึกษาก็จะเท่าเทียมกัน"
เด็กๆที่ไม่มีเงิน ก็ไม่ต้องไปเรียนตามสถาบันกวดวิชาแพงๆ
เด็กๆที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียนจะไม่มีคำว่าปิดเทอม หรือกลับบ้าน
เค้าสามารถเข้าถึงการศึกษาได้ตลอดเวลา ทุกที่ ทุกเวลา ตามใจตัวเขาเอง
เค้าสามารถเรียนรู้ได้ยาวนานเท่าที่เค้าต้องการ ไม่จำกัดแค่วิชาละ 50 นาที
เด็กๆสามารถเข้าถึงการศึกษาได้ ไม่ต้องเดินทางข้ามจังหวัดไปสถาบันกวดวิชาเพื่อ Admission เข้ามหาลัย
"ครู" ก็จะได้เรียนรู้ไปกับเด็กๆด้วย (คงเห็นข่าวครูสอนภาษาอังกฤษผิดๆกันนะครับ)
ถ้าท่านอ่านบทความนี้แล้วยังมองไม่เห็นภาพ
เปิด google ค้นคำว่า true ปลูกปัญญา
เปิด youtube ค้น channel ออมความรู้ (เนื้อหามีตั้งแต่ม.ต้นยันมหาลัย)
เปิด google ค้นคำว่า พี่เสือ calculus (คนนี้เทพจริงๆสอนเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายก็ได้ ยิ่งเรียนยิ่งสนุก)
จริงๆแล้ว ของกระทรวงศึกษาก็เริ่มมีแล้วนะครับ แต่ทำไว้นิดเดียว บางคลิปก็ทำค้างๆคาๆ แต่ของรัฐเนี่ยะมันเยิ่นเย้อน่ารำคาญไปหน่อย กว่าจะเข้าเนื้อหาได้อารัมภบทเสียยืดยาว
อยากเห็นรัฐบาลจริงใจทำสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ จัดเป็นหมวด หมู่ ประเภท ตามเนื้อหาในหนังสือ ให้เป็นรูปธรรมอย่างจริงๆจังๆ เริ่มจากม.1 ไปเลย
ครูที่มีความสามารถในการ "ถ่ายทอดความรู้" นั้น มีศักยภาพสูงในการถ่ายทอดความรู้มาก นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เด็กที่เรียนกับสถาบันกวดวิชาแล้วได้ผล
ใช้งบประมาณไม่มากเหมือนขึ้นเงินเดือนครูเท่าหมอหรอกครับ
คอมพิวเตอร์ฯ โปรเจคเตอร์ฯ แท็ปเล็ทฯ เป็นเครื่องมือที่จะทำให้เด็กๆเข้าถึงความรู้ ผมเชื่อว่าถ้ารัฐมีความจริงใจในการให้การศึกษาเด็กอย่างเท่าเทียมกันแล้วล่ะก็ ท่านจะต้องสามารถคิดวิธีการเรียนการสอนที่สามารถพานักเรียนทั้งโรงเรียนเข้าสู่การเรียนการสอนแบบใหม่นี้ได้แน่นอน ครูจะเหนื่อยน้อยลง เด็กที่อยากเรียนจะเข้าถึงการเรียนรู้ได้ดีขึ้น
เด็กในโรงเรียนจะได้เรียนหนังสือเท่ากันอย่างเสมอภาค ไม่ใช่เหมือนปัจจุบันใครมีเงินก็สามารถเข้าเรียนกวดวิชาได้ ได้เปรียบคนไม่มีเงิน
เด็กที่ไม่มีโอกาสทางการศึกษา เรียน กศน. ก็จะได้เรียนหนังสืออย่างเท่าเทียมกันกับเด็กในโรงเรียน
เด็กบ้านเรียน home school ก็จะได้สิทธิเรียนหนังสือ เท่าๆกันกับนักเรียนในโรงเรียนในระบบ โดยเฉพาะคณิต กับอังกฤษ
โดยเฉพาะภาษาอังกฤษเนี่ยะ น่าจะทำเป็น live แล้วคุยโต้ตอบกันได้ เรียนพร้อมกันทั้งประเทศไปเลยครับ คงสนุก วุ่นวายกันน่าดู
เด็กการศึกษาทางเลือกที่อยากเรียนควรจะได้รับโอกาสเข้ามาเรียนวิทยาศาสตร์ในห้องปฏิบัติการของโรงเรียนเป็นครั้งคราว
* ปล. สำหรับวิชาคณิตศาสตร์ ขายหนังสือเฉลยวิธีทำแบบฝึกหัดท้ายบทให้เยอะๆหน่อยเถอะครับ
* ผมเข้าใจว่าหนังสือคู่มือ H (hint) ที่ไม่วางขายทั่วไป เพราะท่านคงกลัวว่าเด็กจะลอก H ไปส่งครู คือไม่ยอมทำการบ้านด้วยตัวเอง
* แต่ท่านกำลังปิดโอกาสการเรียนรู้ด้วยตัวเองของเด็กอีกกลุ่มที่ใฝ่รู้ แต่ไม่กล้าถามครูนะครับ