"เราทำงานในความมืด เพื่อรับใช้แสงสว่าง...เราคือนักฆ่า"
------------------------------------

------------------------------------
"Assassin's Creed" (7/10)

ล้มลุกคลุกคลานเรื่องบทอยู่นาน ภาพยนตร์ที่สร้างจากเกมชื่อดังอย่าง Assassin’s Creed ก็ได้ฤกษ์ฉายลงโรงกับเขาเสียที โดยหนังเป็นเรื่องราวของ "คัลลัม ลินซ์" (ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์) ผู้สืบเชื้อสายจาก "อกีลาร์" สมาชิกองค์กรนักฆ่าในศตวรรษที่ 15 ของอาณาจักรสเปน ได้ถูกนำเข้าโปรแกรมสุดล้ำสมัยที่จะช่วยให้เขาย้อนไประลึกถึงความทรงจำและไขความลับจากอกีลาร์ เพื่อจะได้นำมาใช้ในการรับมือกับพลังอันชั่วร้ายขององค์กรอัศวินนามว่า "เทมปลาร์" ในยุคปัจจุบัน

ภาพรวมของพล๊อตถือว่าไม่ได้หวือหวามากนัก เล่าง่ายๆคือ "อยากไขปริศราเพื่อให้หลุดพ้นจากอันตรายจากอำนาจชั่วร้าย เลยจับพระเอกที่มีเชื้อสายนักฆ่าในอดีตไปเข้าโปรแกรมย้อนเวลา เพื่อหาคำตอบ" แต่ใครจะรู้ว่าประเด็นแบบนี้ หนังเลือกที่จะเล่าในช่วงแรก โดยการใส่รายละเอียดจากเกมและประเด็นศาสนาเข้าไปจนงงและขาดความน่าสนใจไปเลย กว่าจะมาดูสนุก ตื่นเต้นก็ปาไปครึ่งชั่วโมงสุดท้ายแล้ว

อย่างไรก็ตาม ข้อดีของหนังก็ยังพอมีอยู่ ผมต้องขอชมงานด้านลำดับภาพของหนังเลย หนังตัดสลับอดีตกับปัจจุบันได้เนียนแบบไร้รอยต่อ (จะรำคาญก็นกอินทรีย์บินวนไปวนมานั่นเท่านั้นแหละ) งานแอ็กชั่นก็ทำได้ดี ดูได้พอลุ้น แต่ไม่ได้อินถึงขั้นนั่งตัวโก่ง ตัวละครก็เยอะแยะไปหมด (คงเป็นเพราะมาจากเกม) แต่จะมีตัวเด่นๆไม่ถึง 5 ตัว

ในภาพรวม "Assassin's Creed" อาจมันส์ไม่มากเหมือนที่ใครๆตั้งความหวังไว้ (หรืออาจไม่มีใครคาดหวังกับหนังเรื่องนี้ อันนี้ผมก็ไม่ทราบ) แต่หากใครอยากชม แนะนำให้อ่านเรื่องย่อของหนังเรื่องนี้ไว้ก่อนก็ดี เพราะหนังรายละเอียดเยอะ แต่เล่าไวมาก ไม่งั้นอาจงงเหมือนผมตอนออกจากโรง จนต้องมาหาอ่านเรื่องราวของหนังย้อนหลัง

MoviesFeedback No.99/2016 (231)
ฝากติดตามการรีวิวของหนังดังก่อนใครได้ที่เพจผมนะครับ www.facebook.com/FeedbackMovies