[CR] ฉงชิ่ง-เฉิงตู-จิ่วจ้าวโกว-หวงหลง VS คุนหมิง-ลี่เจียง-แชงกรีล่า เลือกที่ไหนดี

เริ่มที่เส้นทาง ฉงชิ่ง-เฉิงตู-จิ่วจ้ายโกว (ถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์มือถือ ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ความอยากไปอาจลดน้อยลง)



จิ่วจ้ายโกว เราไปมาเมื่อปีที่แล้วช่วงวันที่ 31 ต.ค. - 7 พ.ย. อากาศค่อนข้างหนาว ประมาณ 5-12 องศา ทริปนี้ No Plan No Book ไม่มีการวางแผนการเดินทางใดๆ มีแค่ตั๋วเครื่องบินไปกลับแค่นั้น ไปกัน 3 คน จองตั๋วแล้วแบกกระเป๋าเดินทางกันเลย

วันแรกลงเครื่องบินที่ฉงชิ่ง จากนั้นนั่งรถไฟหัวกระสุนไปที่เมืองเฉิงตู แต่ด้วยความที่ไม่ได้วางแผนมาไปถึงสถานีรถไฟ ขบวนที่ต้องการจะไปเต็ม ต้องรอที่สถานีอยู่หลายชั่วโมง ได้ขึ้นรถไฟปาเข้าไปตอนเย็น ใครจะไปลองเช็คตารางรถไฟ ขบวนรถต่างๆ ให้ดีก่อนนะคะ อย่าไปหาเอาดาบหน้าแบบเราไม่ดี รอเหนื่อย แต่ระหว่างรอก็หาที่พักที่เฉิงตูไว้ก่อน


สถานีรถไฟฉงชิ่ง


หน้าตาตั๋วรถไฟ


พอใกลถึงเวลาก็ไปเข้าแถวเตรียมตัวขึ้นรถไฟกันค่ะ


กำลังจะขึ้นรถละ แวะถ่ายรูปนิดนึง พี่เจ้าหน้าที่รถไฟ ทีแรกเห็นหน้าดุๆ เดินเข้ามาร่วมเฟรมด้วยซะงั้น

จากสนามบินฉงชิ่งไปสถานีรถไฟฉงชิ่ง ไม่ยากค่ะ นั่งแท็กซี่ไปก็ได้ประมาณ 30 กว่าหยวน หรือจะไปรถไฟใต้ดิน ที่โน่นเค้าเรียก Subway ตอนเราไปด้วยความงุ่ยถามคนจีนว่า  MRT  ไปยังไง ไม่ได้คำตอบ ฮ่าาาา เลยตัดใจไปแท็กซี่ดีกว่า ค่ารถไฟฟ้าที่โน่นถูกค่ะ คนละ 5 หยวนเอง สะดวก สบายกระเป๋า ค่าตั๋วรถไฟหัวกระสุนไปเฉิงตู 96 หยวน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึง ออกจากสถานีรถไฟ พวกเราต่อรถไฟฟ้า ไปที่พัก เราพักที่ Panda Hostel เป็นห้อง 4 เตียง แต่เรานอนกัน 3 คน สบายไปอีกในราคาถูกมาก หารแล้วคนละ 200  กว่าบาท


ที่พักที่เฉิงตู

ที่เมืองเฉิงตูเดินทางสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้า ที่ท่องเที่ยวสวยๆ ก็มี อาหารก็พอใช้ได้ เราให้คะแนนอาหาร 8 เต็ม 10 เพราะมีให้เลือกเยอะ  ที่นี่มีปลา เนื้อ หมู ไก่ ให้เลือก มีผลไม้สดๆ ถูกๆ ให้เลือกซื้อ เลือกหากันเพลิดเพลิน ร้านอาหารส่วนใหญ่จะเป็นหม้อไฟ ลวกๆ จิ้มๆ เผ็ดๆ ร้อนๆ มันๆ ที่เราชอบมากที่สุดส่วนตัวคือผลไม้ แอปเปิ้ลที่นี่อร่อย หวาน กรอบ ที่สำคัญถูกดี


เดินเล่นหาของกินตอนเช้าที่ตลาดสดข้างๆ โรงแรมที่พักที่เฉิงตู


อาหารในร้านบุฟเฟ่ต์ที่เฉิงตู


ร้านหม้อไฟ จุ่มๆ ลวกๆ เผ็ดๆ ร้อนๆ แม่ค้าที่ร้านเสียงดังมาก ตอนแรกคิดว่าดุ แต่ใจดีจัง


อันนี้เรียกอะไรไม่รู้ ไปนวดมาที่เฉิงตู แถวๆ ที่พัก นวดเสร็จหลังช้ำกันเลยทีเดียว แต่พี่ชายบอกสบายตัวดี

เราเดินทางออกจากเฉิงตูตอนเช้ามืด เพื่อไปจิ่วจ้ายโกว โดยรถบัส ราคาคนละ 139 หยวน ซึ่งเป็นการเดินทางอันแสนยาวนาน ต้องนั่งรถกันประมาณ 10 ชั่วโมง แต่ระหว่างการเดินทางไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด 2 ข้างทางเต็มไปด้วยภูเขา ใบไม้เปลี่ยนสีแม่น้ำ เราแทบไม่หลับเลย ดูแล้วเพลินดี คนขับรถที่นี่เค้าจะเปลี่ยนกะกัน และจอดให้เข้าห้องน้ำ หาอาหารทาน หลายรอบ เรื่องห้องน้ำระหว่างทาง ก็อย่างที่เคยได้ยินกันมา เป็นแบบรางนั่งต่อๆ กัน มีที่กั้นแต่ละคนแต่ไม่มีประตู ใครอยู่ช่องหลังสุดก็รับไปเต็มๆ 10 ชั่วโมง เราโดนไป 2 รอบถ้วน อาหารการกินระหว่างทาง ก็จะมีตั้งแต่ข้าวแกง (ไม่อร่อย) จามรีเสียบไม้ย่าง น้องกับพี่ชายบอกอร่อย ส่วนเราไม่กินเนื้อ เห็นเดินขนปุกปุยข้างทาง ถัดไปอีกหน่อย ก็เห็นอีกตัวถูกเชือด เลือดอาบข้างถนน สงสาร ไม่กล้ากิน


ภายในสถานีรถบัสเฉิงตู


แปะไว้ก่อนขึ้นรถ กันเมารถ หูอื้อ แปะไว้ได้ 72 ชั่วโมงเลยค่ะ เราลองแล้วไม่เมา หูอื้อนิดหน่อย ปกติเป็นคนหูอื้อ ปวดหูมากเมื่อขึ้นที่สูง หรืออุปทานไปเองก็ไม่รู้ ใครลองแล้วมาคุยกัน


ขึ้นรถออกเดินทาง อีกอย่างหนึ่งที่ชอบที่จีนคือ ในเมืองเค้ามีต้นไม้เยอะมากๆ บางที่ยังกะป่า เดินบนฟุตบาทแทบจะไม่โดนแดด ความร่มเย็นของหลังคายังไม่เท่ากับความร่มเย็นของต้นไม้จริงๆ อยากให้ผู้ใหญ่ในไทยที่ไปดูงานที่จีน เอาข้อดีแบบนี้มาใช้ที่ไทยบ้างจัง ^^


จามรีย่างระหว่างทางไปจิ่ว


รูปปั้นอะไรไม่รู้ระหว่างทางเช่นกัน

ถึงสถานีรถบัสที่จิ่วจ้ายโกว ค่ำๆ เราไม่ได้จองโรงแรมไว้ จะเดินหาก็หนาว ขี้เกียจแบกกระเป๋าด้วย มีคนของโรงแรมมาดักลูกค้าหน้าสถานีรถบัสหลายเจ้า เราเลือกเจ้าแรกที่เจอ พัก 2  คืน 1 ห้อง 3 เตียง ราคาคืนละ 150 หยวน หารแล้วก็คนละ 50 หยวน เค้ารับส่งฟรี ถ้าเราต้องการจะไปไหน ที่นี่บริการดี wifi ดี  อ่อ ก่อนไปเราซื้อ VPN ไปด้วย เผื่อหาข้อมูลจาก google, pantip มีประโยชน์สำหรับพวกไม่เตรียมพร้อมอย่างเรามากๆ


ปากทางเข้าที่พักที่จิ่ว

รุ่งเช้าตื่นแต่เช้า ก็พร้อมเข้าไปเที่ยวในอุทยานจิ่วจ้ายโกว


จุดขึ้นรถบัสรับส่งในอุทยาน ค่ารถบัสรวมไปกับค่าตั๋วแล้วนะคะขึ้นลงได้ไม่จำกัด ตอนขึ้นรถบัสเราโดนแซงตลอด ขนาดยืนจ่ออยู่หน้าประตูยังไม่ทันพี่จีนเลยค่ะ โดนเบียดจนกระเด็นออกมา ได้แต่ยื่นขำกัน 3 คนพี่น้อง รถผ่านไป 3 คันยังขึ้นไม่ได้

ที่นี่ค่าเข้าอุทยานราคาน่าจะประมาณ 390 หยวน เป็นคุณค่าที่คุณคู่ควรแน่นอนค่ะ ข้างในระบบการจัดการดีมาก เป็นอย่างนึงที่เราชื่นชมจีนเลย สถานที่ท่องเที่ยวระดับ 5A แบบนี้ แน่นอนว่านักท่องเที่ยวต้องหลั่งไหลกันไม่ขาดสาย เฉพาะคนของเค้าเองก็ล้นหลามแล้ว บวกกับต่างชาติอีก แต่เรากลับไม่รู้สึกอึดอัดแฮะ เข้าด้านในโดยใช้บริการรถบัส โดยต่อคิว (รึเปล่า) ขึ้นรถแล้วทยอยเข้าไปเรื่อยๆ โดยรถบัสจะไปส่งจุดบนสุดของอุทยานแล้วเที่ยวลงมาเรื่อยๆ อุทยานที่นี่เป็นรูปตัว Y จะมีสองฝั่ง รถบัสที่ขึ้นจากจุดแรกจะพาคนแบ่งไปทั้ง 2 ฝั่ง แล้วมาบรรจบกันแล้วล่องลงมาที่ฐานตัว Y ดังนั้นนั่งท่องเที่ยวจะกระจายตัวกันไปตามตัว Y ไม่กระจุกกันอยู่จุดใดจุดหนึ่ง ในอุทยานจะจัดทางให้เดินไม่เดินออกนอกเส้นทาง มีจุดให้ขึ้นรถ ทั้งขาขึ้น และขาลง เราแทบไม่เดินกันเลย กลัวเหนื่อย แล้วเที่ยวไม่สนุก ใช้วิธีลงรถตามจุดถี่ๆ เอา เราใช้เวลา 1 วันเต็มๆ กับที่นี่ ไม่เบื่อ ไม่เหนื่อยเลย เพราะทุกจุดสวยมากๆ จริงๆ  อย่างที่บอกไปว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 5A ของจีน พอเข้าไปแล้วก็สมกับ 5A ที่ได้จริงๆ ข้างในสวยทุกจุดจริงๆ เราไม่ได้ใช้กล้องดีๆ ถ่าย แต่รูปภาพยังออกมาสวยเพราะของจริงสวยมากๆ ทุกอย่างเหมือนหลุดไปอีกโลกนึง หลุดจากที่ๆ เคยอยู่ น้ำใสกิ๊งๆ ใสไหลเย็นมองเห็นตัวปลา




รถบัสสีเขียวจอดรับส่งตามจุดต่างๆ แต่สีครีม น่าจะเป็นรถของทัวร์ (อันนี้คิดเอาเอง ฮ่าาา)






จุดนี้เราเสียดายสุด เพราะลงมาเจอตอนเย็นแสงกำลังจะหมดแล้ว วิวสวยมากๆ มันเป็นจุดที่ใกล้จะออกจากอุทยานแล้ว







อีกหนึ่งวันที่หวงหลง เราออกเดินทางกันแต่เช้า มีรถของโรงแรมมาส่งที่รถบัสเช่นเดิม (พี่เค้าใจดีมากจริงๆ) นั่งรถกันประมาณ 3 ชั่วโมงเพื่อไปที่นี่ 2 ข้างทางก็เหมือนเดิมไม่น่าเบื่อมีอะไรให้ดูตลอด ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับไปมา ทางวกวนขึ้นเข้าไปเรื่อยๆ แวะพักระหว่างทางให้ซื้อหาออกซิเจน หาของกิน เข้าห้องน้ำระหว่างทางเป็นระยะพอใกล้ถึงอุทยานพนักงานบนรถพูดภาษาจีน แล้วเก็บตัวไปด้วย เรา 3 ไม่รู้เรื่องว่าจ่ายค่าอะไรกัน โชคดีมีคู่หนุ่มสาวที่นั่งข้างๆ อธิบายให้ฟัง แฟนหนุ่มเป็นคนอังกฤษ แฟนสาวเป็นคนจีนพูดอังกฤษไม่ได้ แต่ทั้งคู่เรียนที่ญี่ปุ่น สาวจีนอธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นให้แฟนหนุ่มอังกฤษ หนุ่มอังกฤษก็อธิบายเราอีกที เรียกได้ว่าเป็น “Super Translate จริงๆ ต้องแปลกันหลายภาษากว่าจะเข้าใจกัน” ถ้าไม่ได้ 2 หนุ่มสาวคู่นี้พวกเราคงงมโข่งอยู่นาน กว่าจะได้ตั๋วเข้า ตั๋วค่ากระเช้า แถมขากลับยังไม่มีรถกลับอีกต่างหาก ยังรู้สึกขอบคุณจนถึงทุกวันนี้

กลับมาที่หวงหลงกันต่อ ที่ได้ชื่อว่าหวงหลงเพราะหมายถึงเล็บมังกร และลักษณะของหวงหลงก็คล้ายกับเล็บมังกรจริงๆ ถ้าไปช่วงหิมะตก ก็จะขาวโพลนไปด้วยหิมะ เราไปช่วงที่หิมะเริ่มตก น้ำจะเร่ิมเป็นเกล็ดน้ำแข็ง ที่นี่สวยคนละแบบกับจิ่วจ้ายโกว มีน้ำเป็นชั้นๆ ขาขึ้นต้องขึ้นด้วยกระเช้า หรือจะเดินขึ้นไปก็ไม่ว่ากัน กระเช้าไปปล่อยไว้ที่จุดหนึ่ง แล้วเดินต่อขึ้นไป น้องสาวเราแพ้ความสูงที่นี่ อาการก็จะเวียนๆ งงๆ อยากจะอาเจียน เหมือนท้องจะเสีย ประมาณนั้น แต่พอได้อาเจียนออกมาก็จะดีขึ้น หรืออัดออกซิเจนเข้าไปก็ช่วยได้นิดนึง ส่วนเรากับพี่ชายไม่เป็นไรเลย















ทางขึ้นจะเป็นน้ำแข็งเล็กน้อย ร้องเท้าใครที่ไม่มีดอกอาจจะลื่นได้ ต้องระวังค่ะ เราลงมาที่จุดที่ขึ้นรถประมาณเกือบ 4 โมง นั่งรถกลับมาที่จิ่วจ้ายโก่วก็เกือบค่ำ หาข้าวเย็นกินกันที่ทางเข้าอุทยานจิ่วจ้ายโกว มีให้เลือกหลายร้าน อาหารที่นี่อร่อย มีปลาสดๆ เลือกจากตู้ปลาได้เลยค่ะ ตอนเราเลือก แม่ค้าตักปลาออกมาแล้วฟาดลงที่พื้นต่อหน้าเราเลยค่ะ กลายเป็นว่ามื้อนั้นไม่แตะปลาเลย ภาพปลาดิ้นกระแด่วๆ ต่อหน้า ติดตา กินไม่ลง เลยไม่ได้ลิ้มรสความหวานของปลาสดๆ 2 เพื่อนใหม่หนุ่มอังกฤษ และสาวจีน หัวเราะเราใหญ่เมื่อรู้ว่าเหตุผลที่ไม่แตะปลาเลยมื้อนี้ รู้แล้วว่าสด แต่ไม่ต้องฟาดตรงหน้าได้มั้ยเล่า  T T


ปิดท้ายที่อาหารมื้อเย็นหลังจากกลับจากหวงหลง

คืนสุดท้ายเรากลับมาที่ฉงชิ่ง ที่นี่ก็ชอบนะ แนะนำให้ลองดูค่ะ


เราพัก Motel 168 ค่ะ อยู่ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ที่เที่ยว ใกล้สะพานอะไรไม่รู้สวยดี

โดยรวมแล้วเส้นทาง ฉงชิ่ง-เฉิงตู-จิ่วจ้ายโกว-หวงหลง เราให้ 9 เต็ม 10 เดินทางค่อนข้างสะดวก ที่เที่ยวสวย อาหารโอเค ผู้คนก็ดี นี่อยากไปเก็บรายละเอียดที่ฉงชิ่งอีกรอบ

เดี๋ยวมาต่ออีกเส้นทางนะคะ
ชื่อสินค้า:   สำหรับคนที่มี 2 เส้นทางนี้ไว้ในใจ แต่ไม่รู้จะเลือกที่ไหนดี ลองดูเผื่อเป็นตัวช่วย
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่