ถ้าเป็นสายทัวร์ริ่งจริงๆจักรยานอะไรก็เอามาทำทัวร์ริ่งได้ครับ เพราะอุปสรรคของทัวร์ริ่งจริงๆ ไม่ใช่จักรยานแต่คือใจของเราเองต่างหาก
ชีวิตผมเคยผ่านการเอาจักรยานตั้งแต่ราคา 2400 บาทยันสองหมื่นมาปั่นทัวร์ริ่งครับ แตกต่างมั้ยแตกต่างครับแต่เราควบคุมและวางแผนการเดินทางเราให้เข้ากับจักรยานของเราได้ครับ

จักรยานคันแรก Turbo ล้อ 24 นิ้วซื้อมาราคา 2400 บาทที่บิ๊กซีลาดพร้าว

การเดินทาง
กรุงเทพ-ภูเก็ต 1000 กิโล
กรุงเทพ-นครสวรรค์ปั่นหนีน้ำท่วมแบบอ้อมนครนายกลพบุรีก่อน 350 กิโล

จักรยานคันที่สองไม่รู้ยี่ห้อซื้อมือสองมา 2000 บาท

การเดินทาง กรุงเทพ-ปิล็อก กาญจนบุรี

จักรยานคันที่สาม Optima Corsa 2400 ราคา 13000 บาท

การเดินทาง
เชียงใหม่-ภูเก็ต-ปาดังเบซาร์  2000 กิโล
ภูเก็ต-กรุงเทพ 900 กิโล

จักรยานคันที่สี่คันปัจจุบัน Alton Roadmaster 816RB คันนี้ลุยสุดเพราะเฟรมมันนุ่มและมีความทนทานเหลือเชื่อ

การเดินทาง
ลพบุรี-เชียงใหม่  600 กว่ากิโล
กรุงเทพ-สังขละบุรี-ปิล็อก 600 กิโล
นครสวรรค์-สงขลา-ปาดังเบซาร์-สตูล-ภูเก็ต 2000 กิโล

จะเห็นเลยว่ารถทุกประเภทเอามาปั่นทัวร์ริ่งทางไกลได้หมดครับ ถ้าเราวางแผนการเดินทางเป็น
จุดสำคัญของทัวร์ริ่งไม่ใช่คุณปั่นจักรยานทัวร์ริ่งแต่คือคุณมีหัวใจของทัวร์ริ่งและวางแผนการเดินทางเก่งครับ
รวมถึงร่างกายของคนแต่ละคนแตกต่างกัน ผมอยู่กลุ่ม Bicycle Touring ที่นักปั่นทัวร์ริ่งจากทั่วโลกเป็นหมื่นๆคุยกัน
ส่วนใหญ่ก็ตอบเหมือนกันคือเลือกรถให้เข้ากับร่างกายและรูปแบบการเดินทางของเรา บางคนเลือกเสือภูเขาก็ชอบลุยปั่นทัวร์ริ่งทางโหด
บางคนเลือกเสือหมอบเพื่อไปไวขึ้น

แต่มีหลักง่ายๆในการเลือกรถของเราครับ โยนความคิดที่ว่าปั่นทัวร์ริ่งต้องจักรยานทัวร์ริ่งทิ้งไปก่อนแล้วเช็คตามข้อที่ผมบอกอันไหนใช่ก็คือใช่ครับ

1. อยากปั่นทัวร์ริ่งหรือแค่มีจักรยานทัวร์ริ่ง  ถ้าคำตอบอยากมีจักรยานทัวร์ริ่งปิดทุกข้อที่เหลือไปครับ
2. สไตล์การเดินทางว่าลุย hardcore แค่ไหน
------------------------------------------------
มีผลครับถ้า hardcore มากหมายถึงหุงหาอาหารเอง แสดงว่าต้องโหลดเยอะ
ความแข็งแรงของรถมีผลเยอะมากเพราะต้องรองรับการโหลดน้ำหนักมากๆได้เช่น 60 กิโล
รวมถึงจุดยึดติดสัมภาระกับจักรยานต้องมีมากพอสมควรเพื่อกระจายโหลดน้ำหนักได้

ถ้าไม่ hardcore คือระดับ light touring ไม่กางเต็นท์จองที่พักตามรายทางเอา เอาเสือหมอบมาติดกระเป๋าท้ายอานยังได้เลยครับ หรืองบเยอะลากรถพ่วงเลยเท่ดี

3. รูปแบบถนนที่คิดว่าจะปั่นในการเดินทางแบบทัวร์ริ่ง
------------------------------------------------
ปั่นบนทางหลวง ปั่นทางชนบท หรือปั่นทางป่า
อันนี้เกี่ยวกับเรื่องล้อและยางเป็นหลักครับ ปั่นทางหลวงก็ไม่ต้องคิดมากล้อติดรถของหมอบรุ่นเริ่มต้นก็ลุยได้จนจบผมเคยลองมาหลายรอบแล้ว แต่ปั่นทางชนบทที่อาจจะต้องเจอทางปูนและลูกรังบ่อยๆ หรือ hardcore สุดๆปั่นทางป่าผ่านถนนหินก้อนเท่าหัวเด็กเยอะๆ ลุยลำธารน้ำตก

พวกนี้ล้อและยางจะต้องทนทานมากหน่อยครับ ปั่นทางชนบทหมอบยังได้ แต่ปั่นทางป่านี่คงต้องเอาเสือภูเขาติดตะแกรงหรือลากรถพ่วงเท่านั้นครับ ไม่งั้นจะต้องเข็นมากเกินไป  ส่วนมากสายทางโหด hardcore touring จะนิยมรถพ่วงลากเพราะเวลาเจอเนินหินดินถล่มที่ปั่นข้ามไม่ได้ต้องจูงหรือยกยถรถข้ามเนี่ย นึกภาพการอุ้มจักรยานและสัมภาระหนักหลายสิบกิโลขึ้นสะพานลอยน่ะครับกระอักแน่นอน

4. ระยะทางที่คิดว่าจะปั่นทัวร์ริ่งคิดว่าจะไกลแค่ไหน
------------------------------------------------
ข้อนี้เกี่ยวกับเรื่ององศาเฟรมของจักรยาน เพราะปั่นไกลมากๆ ความอ่อนล้าสะสมที่เกิดก็จะยิ่งมาก วัสดุเฟรมเช่นเฟรมเหล็ก เฟรมอลู รวมกับองศาเฟรมมีผลในข้อนี้เยอะครับ ถ้าจะไปไกลมากก็แนะนำเฟรมเหล็ก เช่นโครโมลี่  แต่จริงๆอยากแนะนำเหล็ก DP780 มากกว่าเพราะผมลองมาแล้วกับคันที่สี่ของผม นุ่มไม่ต่างจากโครโมลี่แต่เบาพอๆกับทอปอลู แถมในราคาจับต้องได้ด้วยครับ เรียกง่ายๆ หมดทริปทัวร์ริ่งผมถอดตะแกรงออกเอาไปหวดทริประยะสั้นต่อสบายๆ ไม่ต้องงอกรถคันใหม่อีกคัน