สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 27
ถ้าไม่มีไทยลีกที่แกร่งขึ้น เป็นมืออาชีพมากขึ้น ผลิตนักเตะที่มีคุณภาพมาป้อนไว้ให้ มันก็กลับวังวนเก่าเหมือนเดิม
มีแฟนบอลไทยเกินกว่า 80% ไม่เคยดูไทยลีกเตะเลย. ไม่สนใจการพัฒนาของไทย แต่พอทีมชาติลืมตาอ้าปากได้ กลับยกความดีความชอบทั้งหมดให้โค้ชผู้ไม่เคยมีคุณูประการใดๆในการพัฒนาบอลลีกเราเลย
ผู้ที่ควรให้เครดิตมากกว่าคือ บรรดาสโมสรต่างๆ ที่ช่วยกันทุ่มทุนสร้าง แม้จะขาดทุนมากมาย หมดเนื้อหมดตัวไปหลายคนก็มี แต่ก็ยังไม่ละความฝัน ช่วยกันสร้าง ช่วยกันปลุกปั้น ไทยลีก จนบูมอย่างมากในเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง ขนาดสมาคมสมัยนั้นเป็นตัวถ่วงความเจริญบอลลีกด้วยนะ แต่บรรดาเหล่าสโมสรต่างๆ ก็ช่วยกันแก้ปัญหาจนเอาตัวรอดและพัฒนาลีกขึ้นมาได้จนปัจจุบัน
ส่วนที่ขาดไม่ได้และสำคัญที่สุดสำหรับการพัฒนาบอลภายในประเทศคือ แฟนบอลที่เหนียวแน่นและเป็นซัปปอร์เตอร์ที่แท้จริงให้แต่ละทีม
ด้ังนั้นคนที่มีส่วนในการพัฒนาบอลไทยที่แท้จริงคือ สโมสรที่เป็นมืออาชีพมากขึ้น และ แฟนบอลที่สนับสนุนสโมสรต่างๆ
ส่วนโค้ชทีมชาติ ก็คือ มือปืนรับจ้าง ที่เข้ามาตามวาระสัญญาและการประเมินผลงานของนายจ้าง ดีก็อยู่ต่อ ไม่พอใจก็ออกไป.
ซิโก้ตอนเข้ามาตอนแรก ผมชื่นชมมากที่กล้าเรียกนักเตะดาวรุ่งหน้าใหม่ๆ มาติดทีม เพราะผมชอบโค้ชที่ให้โอกาสนักเตะทุกๆคน
และเมินนักเตะทีมชาติชุดใหญ่ของเดิมเกือบทั้งหมด กล้าเปลี่ยนแปลง ถึงได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าตามมา
แต่หลังจากนั้นมาตลอดระยะเวลา 3 ปี กับกลายเป็นว่า นักเตะชุดแรกที่เรียกมา กลายมาเป็นขุนพลหลักแบบยาวนานผูกขาด ชนิดที่ว่า
ไม่สนใจฟอร์มในโสมสร ไม่สนใจว่า ณ ตอนนั้นจะฟอร์มดีหรือไม่ ไม่สนใจว่าตำแหน่งเดียวกันมีหลายคนที่ฟอร์มในลีกดีกว่ามาก ไม่สนใจ
แม้แต่ไปดูเกมลีกในสนามอย่างที่โค้ชทีมชาติควรจะทำ จนกลายมาเป็นระบบลูกรัก จากทีมชาติที่เคยมีชีวิตชีวา สมัยที่รวมตัวกันใหม่ๆ
นักเตะมีการตื่นตัว มีแอคทีฟที่จะโชว์ฟอร์มให้โค้ชประทับเพื่อยึดตัวจริง กลายเป็นว่านับวันยิ่งเฉื่อยชาลง ขาดแรงกระตุ้นการพัฒนาตัวเอง เพราะไม่ว่าฟอร์มในสโมสรจะห่วยแตกแค่ใหน หรือแม้กระทั่งได้เป็นสำรอง แทบไม่มีโอกาสได้ลงสนาม แต่เมื่อกลับมาติดทีมชาติ ยังไงก็การันตี 11 ตัวจริง หรืออย่างน้อยก็ถูกเรียกตัวมาติดตลอด โดยประโยคคลาสสิคว่า ความคุ้นเคยในทีม
มันเป็นการการันตีทีมชาติที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นอย่างยิ่ง สังเกตได้จากฟอร์มและสไตล์การเล่น ที่เปรี้ยงปร้างมากในช่วง 1 ปีแรกที่คุมทีม และเริ่มทรงๆในปีที่ 2 และตันสนิทในปีที่ 3 เพราะใช้นักเตะชุดเดิมมากเกอนไป (ขนาดสโมสรที่โดนจำกัดนักเตะเพียงฤดูกลาลละ 20 กว่าคน ยังไม่มีใครกล้าใช้นักเตะชุดเดิมติดต่อกัน 3 ฤดูกาล โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย แต่นี้ทีมชาติมีตัวเลือกมากมายในลีกกลับจำกัดนักเตะเพียงไม่กี่คน) ความท้าทายและกระหายในชัยชนะมันเริ่มลดน้อยลงไปเรื่อยๆ และยิ่งมาเจอทีมระดับเอเชียจริงๆ ยิ่งเห็นได้ชัดว่า สไตล์ซิโก้ ไปต่อเกินกว่านี้ไม่ได้แล้ว ถ้าเป็นกราฟก็เลยจุดสูงสุดมาแล้ว มีแต่ทรงกับทรุด
และไม่ชอบที่ทำทีมชาติให้กลายเป็นสโมสรทีมชาติ คือจำกัดนักเตะเพียงไม่กี่คนยังกะสโมสร ต้องใช้เวลารวมทีมกันนานๆ อาศัยความคุ้นเคยกันมาก ๆ ไปกินนอนร่วมกันนานๆ อย่างกะคุมสโมสร มีขอเวลลีกให้พักด้วยอีกต่างหาก ซึ่งในอนาคตถ้าทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ลีกจะค่อยๆอ่อนแอลง คุณภาพลีกจะต่ำลง แล้วบอลทีมชาตินั้นแหละจะสาละวันเตี้ยลงเอง อย่าพยายามทำทีมชาติให้เป็นดรีมทีม2 และอย่าให้ความสำคัญทีมชาติจนละเลยบอลลีกในประเทศ เพราะนี้คือฐานสำคัญในการวัดความสำเร็จทีมชาติที่ยั่งยืนและมั่นคงที่สุด
ถ้าเป้าหมายของสมาคมคือก้าวข้ามมอาเซี่ยนไประดับเอเชีย การวัดผลก็ต้องวัดจากการเจอกับทีมระดับเอเชียเท่านั้น
การเป็นแชมป์อาเซี่ยนจึงไม่มีผลใดๆในการวัดผลของเป้าหมายที่ตั้งไว้
แต่ถ้าเป้าหมายแค่แลมป์อาเซี่ยน ไม่ต้องจ้างแพงขนาดซิโก้ก็ได้ ตราบไดที่ลีกเรายังเหนือกว่าลีกเพื่อนบ้าน
ใครคุมก็ได้แชมป์ เหมือนกับที่ ซิโก้ เคยบอกกับโค้ชโชค จนโค้ชโชคน้อยใจต้องออกจากสตาฟโค้ชทีมชาติ ไปคุมสโมสร จนพาทีมประสบความสำเร็จ
ซึ่งช่วงที่ทีมชาติไทยชุดนี้ฟอร์มเปรี้ยงปร้างมากที่สุดก็เป็นในช่วงแรกที่สตาฟโค้ชทีมชาติ มีโค้ชโชคอยู่ด้วยนั้นแหละ
จนผมชักไม่แน่ใจแล้วว่า สไตล์ติกต๊อกที่ฮอตในช่วงแรกๆ และถูกนำมาบ่อยครั้งมากๆ ใครอยู่เบื้องหลังกันแน่
มีแฟนบอลไทยเกินกว่า 80% ไม่เคยดูไทยลีกเตะเลย. ไม่สนใจการพัฒนาของไทย แต่พอทีมชาติลืมตาอ้าปากได้ กลับยกความดีความชอบทั้งหมดให้โค้ชผู้ไม่เคยมีคุณูประการใดๆในการพัฒนาบอลลีกเราเลย
ผู้ที่ควรให้เครดิตมากกว่าคือ บรรดาสโมสรต่างๆ ที่ช่วยกันทุ่มทุนสร้าง แม้จะขาดทุนมากมาย หมดเนื้อหมดตัวไปหลายคนก็มี แต่ก็ยังไม่ละความฝัน ช่วยกันสร้าง ช่วยกันปลุกปั้น ไทยลีก จนบูมอย่างมากในเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง ขนาดสมาคมสมัยนั้นเป็นตัวถ่วงความเจริญบอลลีกด้วยนะ แต่บรรดาเหล่าสโมสรต่างๆ ก็ช่วยกันแก้ปัญหาจนเอาตัวรอดและพัฒนาลีกขึ้นมาได้จนปัจจุบัน
ส่วนที่ขาดไม่ได้และสำคัญที่สุดสำหรับการพัฒนาบอลภายในประเทศคือ แฟนบอลที่เหนียวแน่นและเป็นซัปปอร์เตอร์ที่แท้จริงให้แต่ละทีม
ด้ังนั้นคนที่มีส่วนในการพัฒนาบอลไทยที่แท้จริงคือ สโมสรที่เป็นมืออาชีพมากขึ้น และ แฟนบอลที่สนับสนุนสโมสรต่างๆ
ส่วนโค้ชทีมชาติ ก็คือ มือปืนรับจ้าง ที่เข้ามาตามวาระสัญญาและการประเมินผลงานของนายจ้าง ดีก็อยู่ต่อ ไม่พอใจก็ออกไป.
ซิโก้ตอนเข้ามาตอนแรก ผมชื่นชมมากที่กล้าเรียกนักเตะดาวรุ่งหน้าใหม่ๆ มาติดทีม เพราะผมชอบโค้ชที่ให้โอกาสนักเตะทุกๆคน
และเมินนักเตะทีมชาติชุดใหญ่ของเดิมเกือบทั้งหมด กล้าเปลี่ยนแปลง ถึงได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าตามมา
แต่หลังจากนั้นมาตลอดระยะเวลา 3 ปี กับกลายเป็นว่า นักเตะชุดแรกที่เรียกมา กลายมาเป็นขุนพลหลักแบบยาวนานผูกขาด ชนิดที่ว่า
ไม่สนใจฟอร์มในโสมสร ไม่สนใจว่า ณ ตอนนั้นจะฟอร์มดีหรือไม่ ไม่สนใจว่าตำแหน่งเดียวกันมีหลายคนที่ฟอร์มในลีกดีกว่ามาก ไม่สนใจ
แม้แต่ไปดูเกมลีกในสนามอย่างที่โค้ชทีมชาติควรจะทำ จนกลายมาเป็นระบบลูกรัก จากทีมชาติที่เคยมีชีวิตชีวา สมัยที่รวมตัวกันใหม่ๆ
นักเตะมีการตื่นตัว มีแอคทีฟที่จะโชว์ฟอร์มให้โค้ชประทับเพื่อยึดตัวจริง กลายเป็นว่านับวันยิ่งเฉื่อยชาลง ขาดแรงกระตุ้นการพัฒนาตัวเอง เพราะไม่ว่าฟอร์มในสโมสรจะห่วยแตกแค่ใหน หรือแม้กระทั่งได้เป็นสำรอง แทบไม่มีโอกาสได้ลงสนาม แต่เมื่อกลับมาติดทีมชาติ ยังไงก็การันตี 11 ตัวจริง หรืออย่างน้อยก็ถูกเรียกตัวมาติดตลอด โดยประโยคคลาสสิคว่า ความคุ้นเคยในทีม
มันเป็นการการันตีทีมชาติที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นอย่างยิ่ง สังเกตได้จากฟอร์มและสไตล์การเล่น ที่เปรี้ยงปร้างมากในช่วง 1 ปีแรกที่คุมทีม และเริ่มทรงๆในปีที่ 2 และตันสนิทในปีที่ 3 เพราะใช้นักเตะชุดเดิมมากเกอนไป (ขนาดสโมสรที่โดนจำกัดนักเตะเพียงฤดูกลาลละ 20 กว่าคน ยังไม่มีใครกล้าใช้นักเตะชุดเดิมติดต่อกัน 3 ฤดูกาล โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย แต่นี้ทีมชาติมีตัวเลือกมากมายในลีกกลับจำกัดนักเตะเพียงไม่กี่คน) ความท้าทายและกระหายในชัยชนะมันเริ่มลดน้อยลงไปเรื่อยๆ และยิ่งมาเจอทีมระดับเอเชียจริงๆ ยิ่งเห็นได้ชัดว่า สไตล์ซิโก้ ไปต่อเกินกว่านี้ไม่ได้แล้ว ถ้าเป็นกราฟก็เลยจุดสูงสุดมาแล้ว มีแต่ทรงกับทรุด
และไม่ชอบที่ทำทีมชาติให้กลายเป็นสโมสรทีมชาติ คือจำกัดนักเตะเพียงไม่กี่คนยังกะสโมสร ต้องใช้เวลารวมทีมกันนานๆ อาศัยความคุ้นเคยกันมาก ๆ ไปกินนอนร่วมกันนานๆ อย่างกะคุมสโมสร มีขอเวลลีกให้พักด้วยอีกต่างหาก ซึ่งในอนาคตถ้าทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ลีกจะค่อยๆอ่อนแอลง คุณภาพลีกจะต่ำลง แล้วบอลทีมชาตินั้นแหละจะสาละวันเตี้ยลงเอง อย่าพยายามทำทีมชาติให้เป็นดรีมทีม2 และอย่าให้ความสำคัญทีมชาติจนละเลยบอลลีกในประเทศ เพราะนี้คือฐานสำคัญในการวัดความสำเร็จทีมชาติที่ยั่งยืนและมั่นคงที่สุด
ถ้าเป้าหมายของสมาคมคือก้าวข้ามมอาเซี่ยนไประดับเอเชีย การวัดผลก็ต้องวัดจากการเจอกับทีมระดับเอเชียเท่านั้น
การเป็นแชมป์อาเซี่ยนจึงไม่มีผลใดๆในการวัดผลของเป้าหมายที่ตั้งไว้
แต่ถ้าเป้าหมายแค่แลมป์อาเซี่ยน ไม่ต้องจ้างแพงขนาดซิโก้ก็ได้ ตราบไดที่ลีกเรายังเหนือกว่าลีกเพื่อนบ้าน
ใครคุมก็ได้แชมป์ เหมือนกับที่ ซิโก้ เคยบอกกับโค้ชโชค จนโค้ชโชคน้อยใจต้องออกจากสตาฟโค้ชทีมชาติ ไปคุมสโมสร จนพาทีมประสบความสำเร็จ
ซึ่งช่วงที่ทีมชาติไทยชุดนี้ฟอร์มเปรี้ยงปร้างมากที่สุดก็เป็นในช่วงแรกที่สตาฟโค้ชทีมชาติ มีโค้ชโชคอยู่ด้วยนั้นแหละ
จนผมชักไม่แน่ใจแล้วว่า สไตล์ติกต๊อกที่ฮอตในช่วงแรกๆ และถูกนำมาบ่อยครั้งมากๆ ใครอยู่เบื้องหลังกันแน่
แสดงความคิดเห็น
ไม่ควรปลดซิโก้ เพิ่งเคยเห็นชาติแรกในโลกที่พาทีมคว้าแชมป์แล้วจะปลด
จะปลดทำไม
ก็มีแต่ประเทศไทยเท่านั้นที่มีตรรกะนี้
พาทีมคว้าแชมป์แล้วโดนปลด
เจริญแล้วบอลไทย