ภาพจาก nike running
ผมเพิ่งวิ่งจบ full marathon งานเชียงใหม่ มาราธอน 2016 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมา
ใจผมรู้ว่า มือถือ Samsung Galaxy Note5 วิ่งไม่จบแน่ถ้าเปิด 4G จึงทำการปิด 4G แล้ว เปิด GPS ปรากฏ แอพจับได้จบเกม
ระยะเวลาวิ่งประมาณเกือบ 7 ชม. แบตเหลือ 23%
ส่วน นาฬิกา Samsung Gear S2 จับได้แค่ 6 ชม. ไม่รู้ว่าต้องไปปรับตรงไหนไหม เสียดายมาก อยากให้จับได้มากกว่า 6 ชม.
พอรู้ตัวก็กดใหม่
แต่ชอบ software ที่สามารถคำนวนการวิ่ง 42km แล้วบอกได้ว่า ถ้าเราวิ่งได้ทุกๆ 0.5km เราจะถึงเวลาเท่าใด
ปรากฎตอนวิ่งที่ กม.25 เข่าเริ่มเจ็บ ผมต้องเดินเร็วแทนวิ่งเหยาะๆ เพื่อเซฟเข่า
นาฬิกาคอยบอกว่า ถ้าคงเวลานี้ จะถึงเส้นชัย 6 ชม. 11 นาที ตอนแรกก็ใจชื้น
พอถึง กม.35 นาฬิกาบอกว่า ถ้าเดินไปแบบนี้จะถึงเส้นชัย 6 ชม. 31 นาที ตอนนี้รู้แล้วว่าไม่ทัน cut off 7 ชม. แน่ๆ จึงเริ่มเร่งสปีด
กม.37 นาฬิกาครบ 6 ชม. และแจ้งผล ผมตกใจมาก จึงรีบกด record อีกครั้ง แล้วดูนาฬิกาแทนว่าอย่าเกิน 11 โมงเช้า
สุดท้าย จบที่ 10:55 น. ก่อน cut off เพียง 5 นาทีเพราะช่วยเพื่อนที่ start แล้วโดยชาวต่างชาติเจาะยาง เจ็บขาซ้าย
นาฬิกาตอนถึงสนามรับเหรียญกับเสื้อ Finisher แบตเหลือ 52% แสดงว่าเกือบจะอัลตร้าได้
ตลอดระยะทางเชื่อม bluetooth ระหว่างนาฬิกากับมือถือเพื่อดูชีพจรด้วยครับ เพราะจะได้ทราบถึงการกระทำต่างๆ
ว่าช่วงใด ชีพจรเป็นอย่างไร และเราจะแก้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร
อย่างตอนขึ้นเนินพยายามประหยัดพลังงานด้วยการเดินขึ้น แล้วพอลงเนินวิ่งเหยาะๆ ลงเนิน
แบต Gear S2 เหลือ 52% เชื่อม bluetooth บน Note 5 ตลอด แสดงว่าถ้าวิ่ง Ultra Marathon 100 kilometers
นาฬิกา Samsung Gear S3 ทำได้สบายๆ แน่ๆ
แถมมี gps ในตัวหายห่วง มือถือแบตหมดก็ส่งข้อมูลครบไม่ขาดหายแบบ Samsung Gear S2
ส่วนแอพที่ใช้มี 2 แอพบนมือถือคือ
1. Endomondo
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.endomondo.android&hl=th
2. Nike Running
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.nike.plusgps&hl=th
ส่วนแอพบน Gear S2 ใช้แอพ S Health ที่มากับเครื่อง เปิดวิ่งกำหนด 42km ครับ
คร่าวๆ ก็เท่านี้ครับ ปล.จบมาราธอนนี้ไม่เจ็บ พรุ่งนี้ไปวิ่งสวนลุมต่อครับ สู้ สู้ เพื่อ อัลตร้า...
ภาพจาก endomondo
[CR] Samsung Gear S2 + Samsung Galaxy Note5 บนสนาม Full Marathon 42.195 kilometers จากสนาม Chiangmai Marathon
ภาพจาก nike running
ผมเพิ่งวิ่งจบ full marathon งานเชียงใหม่ มาราธอน 2016 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมา
ใจผมรู้ว่า มือถือ Samsung Galaxy Note5 วิ่งไม่จบแน่ถ้าเปิด 4G จึงทำการปิด 4G แล้ว เปิด GPS ปรากฏ แอพจับได้จบเกม
ระยะเวลาวิ่งประมาณเกือบ 7 ชม. แบตเหลือ 23%
ส่วน นาฬิกา Samsung Gear S2 จับได้แค่ 6 ชม. ไม่รู้ว่าต้องไปปรับตรงไหนไหม เสียดายมาก อยากให้จับได้มากกว่า 6 ชม.
พอรู้ตัวก็กดใหม่
แต่ชอบ software ที่สามารถคำนวนการวิ่ง 42km แล้วบอกได้ว่า ถ้าเราวิ่งได้ทุกๆ 0.5km เราจะถึงเวลาเท่าใด
ปรากฎตอนวิ่งที่ กม.25 เข่าเริ่มเจ็บ ผมต้องเดินเร็วแทนวิ่งเหยาะๆ เพื่อเซฟเข่า
นาฬิกาคอยบอกว่า ถ้าคงเวลานี้ จะถึงเส้นชัย 6 ชม. 11 นาที ตอนแรกก็ใจชื้น
พอถึง กม.35 นาฬิกาบอกว่า ถ้าเดินไปแบบนี้จะถึงเส้นชัย 6 ชม. 31 นาที ตอนนี้รู้แล้วว่าไม่ทัน cut off 7 ชม. แน่ๆ จึงเริ่มเร่งสปีด
กม.37 นาฬิกาครบ 6 ชม. และแจ้งผล ผมตกใจมาก จึงรีบกด record อีกครั้ง แล้วดูนาฬิกาแทนว่าอย่าเกิน 11 โมงเช้า
สุดท้าย จบที่ 10:55 น. ก่อน cut off เพียง 5 นาทีเพราะช่วยเพื่อนที่ start แล้วโดยชาวต่างชาติเจาะยาง เจ็บขาซ้าย
นาฬิกาตอนถึงสนามรับเหรียญกับเสื้อ Finisher แบตเหลือ 52% แสดงว่าเกือบจะอัลตร้าได้
ตลอดระยะทางเชื่อม bluetooth ระหว่างนาฬิกากับมือถือเพื่อดูชีพจรด้วยครับ เพราะจะได้ทราบถึงการกระทำต่างๆ
ว่าช่วงใด ชีพจรเป็นอย่างไร และเราจะแก้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร
อย่างตอนขึ้นเนินพยายามประหยัดพลังงานด้วยการเดินขึ้น แล้วพอลงเนินวิ่งเหยาะๆ ลงเนิน
แบต Gear S2 เหลือ 52% เชื่อม bluetooth บน Note 5 ตลอด แสดงว่าถ้าวิ่ง Ultra Marathon 100 kilometers
นาฬิกา Samsung Gear S3 ทำได้สบายๆ แน่ๆ
แถมมี gps ในตัวหายห่วง มือถือแบตหมดก็ส่งข้อมูลครบไม่ขาดหายแบบ Samsung Gear S2
ส่วนแอพที่ใช้มี 2 แอพบนมือถือคือ
1. Endomondo
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.endomondo.android&hl=th
2. Nike Running
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.nike.plusgps&hl=th
ส่วนแอพบน Gear S2 ใช้แอพ S Health ที่มากับเครื่อง เปิดวิ่งกำหนด 42km ครับ
คร่าวๆ ก็เท่านี้ครับ ปล.จบมาราธอนนี้ไม่เจ็บ พรุ่งนี้ไปวิ่งสวนลุมต่อครับ สู้ สู้ เพื่อ อัลตร้า...
ภาพจาก endomondo
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น