เกริ่นก่อนว่าแม่เราทานยาด้านจิตเวชมา เกือบ 30 ปี
แต่ไปรับแต่ยามากินเท่านั้นไม่ได้ปรึกษาหรือพูดคุยอะไรกับหมอ
ที่ทานยาก็เพื่อให้ตัวเองหลับ เพราะแม่บอกไม่ทานยาแล้วนอนไม่หลับ (ประมาณว่าติดยา)
หลายปีมานี้ทัศนคติของแม่เราทิ้งดิ่งมากค่ะ เดินผ่านใคร(แม้ไม่รู้จักกัน) ก็บอกเค้าว่าตัวเอง
บอกว่ามีคนเอาประวัติเค้าไปลงอินเตอร์เนตว่าเค้าเป็นคนไม่ดี
ใครเจอหน้าก็จะว่าเค้าเป็นคนเลวไปหมด(แม้ไม่รู้จักกัน)
มีอยู่ครั้งนึงที่เราพาแม่ห้าง แม่เดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วเดินออกมา
มาบอกเราว่าเนี่ย เมื่อกี๊ผู้ ญที่เดินสวนเค้าไปด่าเค้าว่าอีอ้วน -*-
มีอีกสารพัดเรื่องมาก ๆ ไหนจะมีปัญหาแม่ผัวพี่สะใภ้อีก
ไม่ว่าในบ้านจะเกิดอะไรขึ้น (เกิดจริงหรือหลอนเราก็ไม่รู้)
ทุกอย่างพี่สะใภ้เราทำหมด ทุกอย่างแม่เรามองว่าพี่สะใภ้เรากลั่นแกล้งแม่หมด
เราพยายามพูดว่าให้มองเป็นอย่างอื่นบ้าง ของหาย ก็แค่ของหาย
แม่อาจจะลืมหรืออะไร พื้นเปื้อน ทั้งหลายแหล่ก็ให้คิดว่ามันเปื้อนเอง
หรือแม่ทำเองแล้วลืม แต่แม่ก็มองว่าพี่สะใภ้ทำทุกอย่าง
แกล้งให้แม่ต้องเหนื่อยเช็ด(เราอยู่คนละบ้านกับแม่ค่ะ)
พอเราพยายามพูดให้คิดอย่างอื่นไม่ให้มองเพ่งโทษใคร เพื่อตัวเองจะได้สบายใจขึ้น
กลับกลายเป็นว่าเราคือลูกเลว เข้าข้างพี่สะใภ้แล้วว่าแม่
มีอยู่ช่วงที่เราทะเลาะกับแม่แทนเพราะพยายามเปลี่ยนทัศนะคติเค้า (แต่ทำไม่ได้จริงๆ)
มันกลายว่าเราเป็นนางร้ายไปเลย ช่วงนั้นแม่มาอยู่บ้านพี่สาวซึ่งเราต้องทำงานที่นั่น
กุญแจบ้านที่แม่อยู่กับพี่สะใภ้หายแม่บอกกับพี่สาวว่าเราขโมยเอาไปให้พี่สะใภ้เปิดห้องเค้า
(2เดือนผ่านไปเค้าก็ไปเปิดเจอในเก๊ะรถของพี่สาวเราเอง)
รีโมทย์แอร์ที่ห้องนอนพังก็เรียกพี่สาวเราขึ้นไปบนห้องคุยกันสองคนกับพี่ว่าเราแกล้งทำรีโมทย์ห้องเค้าให้เสีย เค้าจะได้นอนร้อน ๆ
หนังสือสวดมนต์หาย ก็บอกกับพี่สาวว่าเราขโมยไป(เพราะวันที่หายแม่กับพี่ชวนกันไปกินข้าวนอกบ้านแต่เราอยู่บ้านทำงาน)
ยังมีอีกสารพัดเรื่องจริง ๆ สาธยายไม่หมด
ตอนนี้ทุกคนเหนื่อยจะคุยกับแม่แล้ว ทุกคนหันหลังให้แม่กันหมด
เพราะไม่ว่าจะพูดอะไรไป คือไม่ฟังแล้วก็คิดว่ามารุมรังแกเค้ากันหมด
อย่าบอกให้พึ่งพาธรรมมะค่ะแม่เราสวดมนต์นั่งสมาธิทุกวัน
แต่ธรรมมะไม่ได้ช่วยอะไรถ้าอัตตาเจ้าตัวยังแรงกล้าค่ะ
ล่าสุดเราเหนื่อยจนไม่อยากจะคุยไม่อยากจะรับโทรศัพท์(อยากจะหันหลังให้เหมือนคนอื่นละ)
แต่กลับยิ่งเลวร้ายลง การเงียบของเราคือยิ่งเลวลง เลวลง
เราส่งคลิ้ปธรรมมะให้ฟัง หัวข้อประมาณ "สิ้นคิด" คือให้หยุดคิด อย่าปล่อยตัวเองให้จมกับความคิด
เพราะเรารู้ว่าตัวการในการสร้างทุกข์ของแม่คือความคิด คิดไม่หยุด
และคิดเรื่องดี ๆ สร้างสุขให้ตัวเองด้วยความคิดไม่ได้เลย
ความหวังสุดท้ายของเราจริงๆ ที่คิดว่าท้ายสุดธรรมมะอาจจะพอช่วยได้บ้าง
แต่มันกลายเป็นว่า เราไปตอกย้ำเค้า รังแกเค้า ด้วย คลิ้ปวีดีโอ
และท้ายสุดแม่ sms มาบอกว่าจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอก เพราะทุกคนในบ้านคิดว่าเค้าคือตัวปัญหา
เราขอคำแนะนำค่ะ จิตแพทย์ที่รับฟังแบบใจเย็นให้ด้วยค่ะ
เราเคยพบจิตแพทย์มาแล้วช่วงหลายปีก่อน(เหมือนตัวเองจะเป็นซึมเศร้าเนื่องจากปัญหาขีวิตช่วงนั้น)
จิตแพทย์(รพ.รัฐ)บางท่านต้องบอกว่า อีโก้สูงกว่าคนไข้อีก
ใช้คำพูดที่ฟังแล้ว จะทะเลาะกับเราแทน
เราไม่ได้รับการรักษาแน่ ๆ แบบนี้ และที่นั่นก็แจกแต่ยาแก้เครียดให้ทานให้ได้หลับพอ
จนเราเปลี่ยนไปหาอีกท่าน(รพ. เอกชน)
ใช้น้ำเสียงค่อนข้างใจเย็น เหมือนคนที่พร้อมรับฟังเรา
เราพร้อมจะเปิดใจกับท่านนี้มากกว่า ท่านนี้จ่ายยาปรับระดับฮอร์โมนในสมองให้เราค่ะ
(ตอนนี้เราไม่ต้องทานยาแล้วค่ะ หายแล้ว)
ฉะนั้นเราคิดว่าถ้าเราสุ่มสี่สุ่มห้าพาแม่ไปไปหาจิตแพทย์ท่านไหนก็ได้
เรากลัวว่าจะเหมือนกับจิตแพทย์ท่านแรกที่เราเคยหา
แล้วแม่เรา มองโลกด้านเดียวยิ่งกว่าเรา คาดว่าจะไมไ่ด้รักษากันอ่ะค่ะ(จะไปเถียงหมอแทน)
ทุกวันนี้ถ้าเราถาม แม่ยังบ่นหมอ(จิตแพทย์)ที่ต้องไปรับยาเป็นประจำอยู่เลย
แล้วอาการบ่นเราพอจะเข้าใจว่าคงเจอหมอที่รีบปิดเคส(หมอรพ.รัฐ) หรือไม่ก็แม่เราเองที่หัวดื้อไม่ฟัง
อยากรบกวนเพื่อนๆ แนะนำคุณหมอที่ใจเย็น มีเวลารับฟังเพื่อช่วยบำบัดความคิดของแม่เราทีค่ะ
จริงๆ เราสนใจคุณหมอที่รักษาคุณเต๋า สมชายมาก .. แต่เราไม่ทราบจริงๆ ว่าเป็นท่านใด
ไม่สามารถหาข้อมูลได้จริง ๆ ค่ะ ทราบแต่ว่าไม่น่าจะอยู่ในกทม.
(ไกลแค่ไหนถ้าพอพาแม่ไปได้และทำให้ดีขึ้นได้เราจะพาไปค่ะ)
ท่านใดพอทราบ หลังไมค์หาเราก็ได้ค่ะ เราไม่อยากตัวเองต้องเป็นอีกคนที่ต้องยอมแพ้แล้วละทิ้งแม่ตัวเองจริงๆค่ะ
ขอบคุณทุกท่านค่ะ
รบกวนแนะนำจิตแพทย์ หรือมีท่านใดทราบจิตแพทย์ที่รักษาคุณเต๋าสมชาย รบกวนบอกหน่อยค่ะ
แต่ไปรับแต่ยามากินเท่านั้นไม่ได้ปรึกษาหรือพูดคุยอะไรกับหมอ
ที่ทานยาก็เพื่อให้ตัวเองหลับ เพราะแม่บอกไม่ทานยาแล้วนอนไม่หลับ (ประมาณว่าติดยา)
หลายปีมานี้ทัศนคติของแม่เราทิ้งดิ่งมากค่ะ เดินผ่านใคร(แม้ไม่รู้จักกัน) ก็บอกเค้าว่าตัวเอง
บอกว่ามีคนเอาประวัติเค้าไปลงอินเตอร์เนตว่าเค้าเป็นคนไม่ดี
ใครเจอหน้าก็จะว่าเค้าเป็นคนเลวไปหมด(แม้ไม่รู้จักกัน)
มีอยู่ครั้งนึงที่เราพาแม่ห้าง แม่เดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วเดินออกมา
มาบอกเราว่าเนี่ย เมื่อกี๊ผู้ ญที่เดินสวนเค้าไปด่าเค้าว่าอีอ้วน -*-
มีอีกสารพัดเรื่องมาก ๆ ไหนจะมีปัญหาแม่ผัวพี่สะใภ้อีก
ไม่ว่าในบ้านจะเกิดอะไรขึ้น (เกิดจริงหรือหลอนเราก็ไม่รู้)
ทุกอย่างพี่สะใภ้เราทำหมด ทุกอย่างแม่เรามองว่าพี่สะใภ้เรากลั่นแกล้งแม่หมด
เราพยายามพูดว่าให้มองเป็นอย่างอื่นบ้าง ของหาย ก็แค่ของหาย
แม่อาจจะลืมหรืออะไร พื้นเปื้อน ทั้งหลายแหล่ก็ให้คิดว่ามันเปื้อนเอง
หรือแม่ทำเองแล้วลืม แต่แม่ก็มองว่าพี่สะใภ้ทำทุกอย่าง
แกล้งให้แม่ต้องเหนื่อยเช็ด(เราอยู่คนละบ้านกับแม่ค่ะ)
พอเราพยายามพูดให้คิดอย่างอื่นไม่ให้มองเพ่งโทษใคร เพื่อตัวเองจะได้สบายใจขึ้น
กลับกลายเป็นว่าเราคือลูกเลว เข้าข้างพี่สะใภ้แล้วว่าแม่
มีอยู่ช่วงที่เราทะเลาะกับแม่แทนเพราะพยายามเปลี่ยนทัศนะคติเค้า (แต่ทำไม่ได้จริงๆ)
มันกลายว่าเราเป็นนางร้ายไปเลย ช่วงนั้นแม่มาอยู่บ้านพี่สาวซึ่งเราต้องทำงานที่นั่น
กุญแจบ้านที่แม่อยู่กับพี่สะใภ้หายแม่บอกกับพี่สาวว่าเราขโมยเอาไปให้พี่สะใภ้เปิดห้องเค้า
(2เดือนผ่านไปเค้าก็ไปเปิดเจอในเก๊ะรถของพี่สาวเราเอง)
รีโมทย์แอร์ที่ห้องนอนพังก็เรียกพี่สาวเราขึ้นไปบนห้องคุยกันสองคนกับพี่ว่าเราแกล้งทำรีโมทย์ห้องเค้าให้เสีย เค้าจะได้นอนร้อน ๆ
หนังสือสวดมนต์หาย ก็บอกกับพี่สาวว่าเราขโมยไป(เพราะวันที่หายแม่กับพี่ชวนกันไปกินข้าวนอกบ้านแต่เราอยู่บ้านทำงาน)
ยังมีอีกสารพัดเรื่องจริง ๆ สาธยายไม่หมด
ตอนนี้ทุกคนเหนื่อยจะคุยกับแม่แล้ว ทุกคนหันหลังให้แม่กันหมด
เพราะไม่ว่าจะพูดอะไรไป คือไม่ฟังแล้วก็คิดว่ามารุมรังแกเค้ากันหมด
อย่าบอกให้พึ่งพาธรรมมะค่ะแม่เราสวดมนต์นั่งสมาธิทุกวัน
แต่ธรรมมะไม่ได้ช่วยอะไรถ้าอัตตาเจ้าตัวยังแรงกล้าค่ะ
ล่าสุดเราเหนื่อยจนไม่อยากจะคุยไม่อยากจะรับโทรศัพท์(อยากจะหันหลังให้เหมือนคนอื่นละ)
แต่กลับยิ่งเลวร้ายลง การเงียบของเราคือยิ่งเลวลง เลวลง
เราส่งคลิ้ปธรรมมะให้ฟัง หัวข้อประมาณ "สิ้นคิด" คือให้หยุดคิด อย่าปล่อยตัวเองให้จมกับความคิด
เพราะเรารู้ว่าตัวการในการสร้างทุกข์ของแม่คือความคิด คิดไม่หยุด
และคิดเรื่องดี ๆ สร้างสุขให้ตัวเองด้วยความคิดไม่ได้เลย
ความหวังสุดท้ายของเราจริงๆ ที่คิดว่าท้ายสุดธรรมมะอาจจะพอช่วยได้บ้าง
แต่มันกลายเป็นว่า เราไปตอกย้ำเค้า รังแกเค้า ด้วย คลิ้ปวีดีโอ
และท้ายสุดแม่ sms มาบอกว่าจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอก เพราะทุกคนในบ้านคิดว่าเค้าคือตัวปัญหา
เราขอคำแนะนำค่ะ จิตแพทย์ที่รับฟังแบบใจเย็นให้ด้วยค่ะ
เราเคยพบจิตแพทย์มาแล้วช่วงหลายปีก่อน(เหมือนตัวเองจะเป็นซึมเศร้าเนื่องจากปัญหาขีวิตช่วงนั้น)
จิตแพทย์(รพ.รัฐ)บางท่านต้องบอกว่า อีโก้สูงกว่าคนไข้อีก
ใช้คำพูดที่ฟังแล้ว จะทะเลาะกับเราแทน
เราไม่ได้รับการรักษาแน่ ๆ แบบนี้ และที่นั่นก็แจกแต่ยาแก้เครียดให้ทานให้ได้หลับพอ
จนเราเปลี่ยนไปหาอีกท่าน(รพ. เอกชน)
ใช้น้ำเสียงค่อนข้างใจเย็น เหมือนคนที่พร้อมรับฟังเรา
เราพร้อมจะเปิดใจกับท่านนี้มากกว่า ท่านนี้จ่ายยาปรับระดับฮอร์โมนในสมองให้เราค่ะ
(ตอนนี้เราไม่ต้องทานยาแล้วค่ะ หายแล้ว)
ฉะนั้นเราคิดว่าถ้าเราสุ่มสี่สุ่มห้าพาแม่ไปไปหาจิตแพทย์ท่านไหนก็ได้
เรากลัวว่าจะเหมือนกับจิตแพทย์ท่านแรกที่เราเคยหา
แล้วแม่เรา มองโลกด้านเดียวยิ่งกว่าเรา คาดว่าจะไมไ่ด้รักษากันอ่ะค่ะ(จะไปเถียงหมอแทน)
ทุกวันนี้ถ้าเราถาม แม่ยังบ่นหมอ(จิตแพทย์)ที่ต้องไปรับยาเป็นประจำอยู่เลย
แล้วอาการบ่นเราพอจะเข้าใจว่าคงเจอหมอที่รีบปิดเคส(หมอรพ.รัฐ) หรือไม่ก็แม่เราเองที่หัวดื้อไม่ฟัง
อยากรบกวนเพื่อนๆ แนะนำคุณหมอที่ใจเย็น มีเวลารับฟังเพื่อช่วยบำบัดความคิดของแม่เราทีค่ะ
จริงๆ เราสนใจคุณหมอที่รักษาคุณเต๋า สมชายมาก .. แต่เราไม่ทราบจริงๆ ว่าเป็นท่านใด
ไม่สามารถหาข้อมูลได้จริง ๆ ค่ะ ทราบแต่ว่าไม่น่าจะอยู่ในกทม.
(ไกลแค่ไหนถ้าพอพาแม่ไปได้และทำให้ดีขึ้นได้เราจะพาไปค่ะ)
ท่านใดพอทราบ หลังไมค์หาเราก็ได้ค่ะ เราไม่อยากตัวเองต้องเป็นอีกคนที่ต้องยอมแพ้แล้วละทิ้งแม่ตัวเองจริงๆค่ะ
ขอบคุณทุกท่านค่ะ