สวัสดีครับ หลังจากเมื่อวานเต็มอิ่มกับ Te Anau ไปเรียบร้อยแล้ว วันนี้ก็จะขอ take a day trip จาก Te Anau ไปยังเมืองข้างเคียงก็คือ Manapouri ที่ห่างไปเพียง 20 นาทีเท่านั้น เพื่อที่จะล่องเรือไปดู “Doubtful Sound” ฟยอร์ดขนาดใหญ่กว่า Milford Sound สิบเท่า อีกสถานที่เที่ยวอันซีนที่น่าตื่นตามากของเกาะใต้ครับ
น่าเสียดายที่วันนี้อากาศไม่ค่อยดีเลย ตื่นเช้ามาฝนก็ตกหนักมากแล้ว (และมันก็จะเป็นอย่างนี้ไปอีกทั้งวัน ฮือออออ) เลยต้องบอกไว้ก่อนว่าบางรูปวันนี้ผมแต่งแสงให้มันดูโอเคหน่อย แต่ไม่เวอร์นะครับ เพราะว่าของจริงมันมืดมัวไป ถ่ายมาแล้วดูไม่ปัง
Doubtful Sound นั้นไม่สารถเข้าจากทางถนนได้ ต้องนั่งเรือผ่านทะเลสาบ Manapouri เท่านั้น ซึ่งคนที่จะพาเราเข้าไปก็คือ Real Journeys อีกแล้วครับ เจอทุกวันจริงๆ
ปล. ในทัวร์เขามีแพคเกจแถมอาหารกลางวันด้วยแต่ต้องเพิ่มตังเยอะอยู่ ดูเมนูแล้วรู้สึกว่าไม่คุ้ม เลยเตรียมเบเกอรี่มาเองจาก Te Anau ส่วนบนเรือจะมีน้ำเปล่า ชา กาแฟบริการฟรีอยู่แล้ว
9.15 เรือของเราก็เทียบท่าพร้อม เตรียมเดินทางเข้าสู่ดินแดนไกลโพ้น ปล. เรือหรูและใหม่มาก ถ่ายกับเรือไปร้อยกว่ารูปได้5555
Lake Manapouri สมัยก่อนชาวเมารีเคยตั้งฉายาให้เป็น “The Rainy Lake” และ “The Lake of Many Islands” น่าเศร้าครับที่วันนี้ความ rainy ของมันทำให้เราแทบไม่เห็น many islands เลย T-T
ไกด์เล่าให้ฟังว่าป่าแถวนี้อุดมสมบูรณ์มาก มีนกหายากอย่าง Kiwi Bird อาศัยอยู่ตามเกาะพวกนี้ด้วย
ก็ฝนตกขนาดนี้ จะไม่อุดมสมบูรณ์ได้ไงล่ะ
มองไปไกลๆจะเห็นเสาไฟฟ้าของโรงงานไฟฟ้าอยู่เต็มเลย เพราะใต้นี้คือโรงไฟฟ้า Manapouri Power Station โรงไฟฟ้าใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกใต้ มีทัวร์พาไปชมด้วยนะสำหรับผู้ที่สนใจ
บรรยากาศเหมือนโรงงานลับกลางป่า ไว้ทดลองระเบิดอะไรประมาณนั้น
ล่องเรือประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็จะสุดทะเลสาบ Manapouri ก็จะมีรถบัสพาเราลัดเลาะภูเขาไปยังจุดเริ่มต้นของ Doubtful Sound ที่เรียกว่า Deep Cove
ก่อนขึ้นรถก็ให้เข้าไปอ่านความรู้เล่นๆที่ Visitor’s Centre
Doubtful Sound ถูกค้นพบโดยกัปตัน James Cook นักสำรวจรุ่นบุกเบิกของอังกฤษ ที่ให้ชื่อนี้เพราะเขาไม่กล้าเข้าไปจากทะเล “สงสัย”ว่าฟยอร์ดแห่งนี้จะเข้าไปได้จริงๆหรอ5555 เข้าใจนะ เห็นสภาพอากาศแบบนี้เรือที่ไหนจะกล้าเข้ามาสำรวจ
ระหว่างทางครับ อยู่บนรถบัสท่ามกลางพายุฝนที่ดูท่าจะไม่หยุดง่ายๆ
มีจอดรถให้ลงไปดูวิวได้เป็นระยะ
OMG นั่นมันน้ำตก สูงอะไรขนาดนั้น
ตอนแรกๆก็จะแตกตื่นกันทั้งทัวร์เวลาเห็นน้ำตกใหญ่ๆ ผ่านไปสักครึ่งทาง ทุกคนก็จะเงียบ เก็บแบตกล้องไว้ถ่ายอย่างอื่นละกัน คือมันมีน้ำตกทุกๆสองนาทีอ่ะครับ
เห็นแล้วนึกถึงข่าวน้ำป่าไหลลากล้นตลิ่ง พัดบ้านเรือนเสียหาย ในฤดูมรสุมที่บ้านเรา
นั่งไป 30 นาทีโดยประมาณ ก็ถึงท่าเรือที่ Deep Cove แล้วครับ
จะมีเรืออีกลำมารับเรา เตรียมไปผจญภัยใน Doubtful Sound เย่ ;p
ว่าไปจริงๆบรรยากาศแบบนี้ก็ดูสวย แบบแปลกๆ เนอะ
เห็นแล้วนึกถึงในหนังอีกละ บรรยากาศแบบนี้เดี๋ยวต้องมีมังกรโผล่มาแน่เลย #มโน
เออ เรือออกละนะลืมบอก เตรียมเข้าสู่ดินแดนลึกลับในสายหมอก เพื่อตามหามังกรกับคาลีซี
ต้องยอมรับด้วยความที่หมอกหนามาก ทำให้เห็นภูเขาทุกลูกหน้าตาเหมือนกันไปหมด แยกไม่ออกว่าลูกไหนเป็นลูกไหน อยู่ตรงไหนของ Doubtful Sound
เห็นน้ำตกเยอะแยะเลย อันไหนสวยๆ เรือเขาก็จะพาไปดูใกล้ๆครับ
ลองถ่ายเป็นขาวดำดูบ้าง
บางทีเมฆก็อยู่ใกล้มากเลยครับ ใกล้จนเริ่มรำคาญเพราะมองอะไรไม่เห็นเลย
ป่าที่นี่ดูใหญ่มาก แบบ ต้นไม้ทำไมมันเยอะขนาดนี้ ด้วยความอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ทำให้ Doubtful Sound เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์หายากหลายชนิด อย่าง Fiordland Crested Penguin, Blue Penguin, โลมาปากขวด รวมถึงแมวน้ำ สิงโตทะเล มาติดตามกันดีกว่าว่าจะเจอตัวไหนบ้าง555555
เจอเจ้าตัวนี้ก่อนตัวแรกเลย
นั่งไปสักชั่วโมงกว่าๆ ก็จะถึงทางออกไปสู่มหาสมุทรแปซิฟิค ก็คือสุดทางของฟยอร์ดนั่นเอง แต่ดูท่าว่าฝนจะยังไม่หยุดตกสักที แมวน้ำ นก โลมา ก็นกหมด ยังไม่เห็นสักตัว
ถ่ายภูเขาใกล้เคียง มันสูงมากๆเลยนะครับ เพราะมันเป็นฟยอร์ดไง
รูปนี้ดาร์คดี ชอบๆ
พาโนรามา รอบๆปากอ่าว ถ่ายไปงั้นแหละ เบื่อละ ไม่เห็นตัวอะไรสักที
[CR] Dreamlike NZ South Island, Chapter VI : Doubtful Sound, The Sound of Silence
สวัสดีครับ หลังจากเมื่อวานเต็มอิ่มกับ Te Anau ไปเรียบร้อยแล้ว วันนี้ก็จะขอ take a day trip จาก Te Anau ไปยังเมืองข้างเคียงก็คือ Manapouri ที่ห่างไปเพียง 20 นาทีเท่านั้น เพื่อที่จะล่องเรือไปดู “Doubtful Sound” ฟยอร์ดขนาดใหญ่กว่า Milford Sound สิบเท่า อีกสถานที่เที่ยวอันซีนที่น่าตื่นตามากของเกาะใต้ครับ
น่าเสียดายที่วันนี้อากาศไม่ค่อยดีเลย ตื่นเช้ามาฝนก็ตกหนักมากแล้ว (และมันก็จะเป็นอย่างนี้ไปอีกทั้งวัน ฮือออออ) เลยต้องบอกไว้ก่อนว่าบางรูปวันนี้ผมแต่งแสงให้มันดูโอเคหน่อย แต่ไม่เวอร์นะครับ เพราะว่าของจริงมันมืดมัวไป ถ่ายมาแล้วดูไม่ปัง
Doubtful Sound นั้นไม่สารถเข้าจากทางถนนได้ ต้องนั่งเรือผ่านทะเลสาบ Manapouri เท่านั้น ซึ่งคนที่จะพาเราเข้าไปก็คือ Real Journeys อีกแล้วครับ เจอทุกวันจริงๆ
ปล. ในทัวร์เขามีแพคเกจแถมอาหารกลางวันด้วยแต่ต้องเพิ่มตังเยอะอยู่ ดูเมนูแล้วรู้สึกว่าไม่คุ้ม เลยเตรียมเบเกอรี่มาเองจาก Te Anau ส่วนบนเรือจะมีน้ำเปล่า ชา กาแฟบริการฟรีอยู่แล้ว
9.15 เรือของเราก็เทียบท่าพร้อม เตรียมเดินทางเข้าสู่ดินแดนไกลโพ้น ปล. เรือหรูและใหม่มาก ถ่ายกับเรือไปร้อยกว่ารูปได้5555
Lake Manapouri สมัยก่อนชาวเมารีเคยตั้งฉายาให้เป็น “The Rainy Lake” และ “The Lake of Many Islands” น่าเศร้าครับที่วันนี้ความ rainy ของมันทำให้เราแทบไม่เห็น many islands เลย T-T
ไกด์เล่าให้ฟังว่าป่าแถวนี้อุดมสมบูรณ์มาก มีนกหายากอย่าง Kiwi Bird อาศัยอยู่ตามเกาะพวกนี้ด้วย
ก็ฝนตกขนาดนี้ จะไม่อุดมสมบูรณ์ได้ไงล่ะ
มองไปไกลๆจะเห็นเสาไฟฟ้าของโรงงานไฟฟ้าอยู่เต็มเลย เพราะใต้นี้คือโรงไฟฟ้า Manapouri Power Station โรงไฟฟ้าใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกใต้ มีทัวร์พาไปชมด้วยนะสำหรับผู้ที่สนใจ
บรรยากาศเหมือนโรงงานลับกลางป่า ไว้ทดลองระเบิดอะไรประมาณนั้น
ล่องเรือประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็จะสุดทะเลสาบ Manapouri ก็จะมีรถบัสพาเราลัดเลาะภูเขาไปยังจุดเริ่มต้นของ Doubtful Sound ที่เรียกว่า Deep Cove
ก่อนขึ้นรถก็ให้เข้าไปอ่านความรู้เล่นๆที่ Visitor’s Centre
Doubtful Sound ถูกค้นพบโดยกัปตัน James Cook นักสำรวจรุ่นบุกเบิกของอังกฤษ ที่ให้ชื่อนี้เพราะเขาไม่กล้าเข้าไปจากทะเล “สงสัย”ว่าฟยอร์ดแห่งนี้จะเข้าไปได้จริงๆหรอ5555 เข้าใจนะ เห็นสภาพอากาศแบบนี้เรือที่ไหนจะกล้าเข้ามาสำรวจ
ระหว่างทางครับ อยู่บนรถบัสท่ามกลางพายุฝนที่ดูท่าจะไม่หยุดง่ายๆ
มีจอดรถให้ลงไปดูวิวได้เป็นระยะ
OMG นั่นมันน้ำตก สูงอะไรขนาดนั้น
ตอนแรกๆก็จะแตกตื่นกันทั้งทัวร์เวลาเห็นน้ำตกใหญ่ๆ ผ่านไปสักครึ่งทาง ทุกคนก็จะเงียบ เก็บแบตกล้องไว้ถ่ายอย่างอื่นละกัน คือมันมีน้ำตกทุกๆสองนาทีอ่ะครับ
เห็นแล้วนึกถึงข่าวน้ำป่าไหลลากล้นตลิ่ง พัดบ้านเรือนเสียหาย ในฤดูมรสุมที่บ้านเรา
นั่งไป 30 นาทีโดยประมาณ ก็ถึงท่าเรือที่ Deep Cove แล้วครับ
จะมีเรืออีกลำมารับเรา เตรียมไปผจญภัยใน Doubtful Sound เย่ ;p
ว่าไปจริงๆบรรยากาศแบบนี้ก็ดูสวย แบบแปลกๆ เนอะ
เห็นแล้วนึกถึงในหนังอีกละ บรรยากาศแบบนี้เดี๋ยวต้องมีมังกรโผล่มาแน่เลย #มโน
เออ เรือออกละนะลืมบอก เตรียมเข้าสู่ดินแดนลึกลับในสายหมอก เพื่อตามหามังกรกับคาลีซี
ต้องยอมรับด้วยความที่หมอกหนามาก ทำให้เห็นภูเขาทุกลูกหน้าตาเหมือนกันไปหมด แยกไม่ออกว่าลูกไหนเป็นลูกไหน อยู่ตรงไหนของ Doubtful Sound
เห็นน้ำตกเยอะแยะเลย อันไหนสวยๆ เรือเขาก็จะพาไปดูใกล้ๆครับ
ลองถ่ายเป็นขาวดำดูบ้าง
บางทีเมฆก็อยู่ใกล้มากเลยครับ ใกล้จนเริ่มรำคาญเพราะมองอะไรไม่เห็นเลย
ป่าที่นี่ดูใหญ่มาก แบบ ต้นไม้ทำไมมันเยอะขนาดนี้ ด้วยความอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ทำให้ Doubtful Sound เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์หายากหลายชนิด อย่าง Fiordland Crested Penguin, Blue Penguin, โลมาปากขวด รวมถึงแมวน้ำ สิงโตทะเล มาติดตามกันดีกว่าว่าจะเจอตัวไหนบ้าง555555
เจอเจ้าตัวนี้ก่อนตัวแรกเลย
นั่งไปสักชั่วโมงกว่าๆ ก็จะถึงทางออกไปสู่มหาสมุทรแปซิฟิค ก็คือสุดทางของฟยอร์ดนั่นเอง แต่ดูท่าว่าฝนจะยังไม่หยุดตกสักที แมวน้ำ นก โลมา ก็นกหมด ยังไม่เห็นสักตัว
ถ่ายภูเขาใกล้เคียง มันสูงมากๆเลยนะครับ เพราะมันเป็นฟยอร์ดไง
รูปนี้ดาร์คดี ชอบๆ
พาโนรามา รอบๆปากอ่าว ถ่ายไปงั้นแหละ เบื่อละ ไม่เห็นตัวอะไรสักที