[Review] - Rogue One: A Star Wars Story
.
"ฉกแผนจารกรรมดาวพิฆาตสะท้านกาแลกซี่"
.
อีกตำนานที่ไม่เคยถูกกล่าวถึง Rogue One: A Star Wars Story กับเรื่องราวของกบฏหน่วยกล้าตาย 6 คนได้วางแผนชิงแบบแปลนดาวมรณะ Death Star ก่อนที่ฝ่ายจักรวรรดิจะใช้มันเพื่อครองกาแลกซี่
.
ใน Rogue One ก็จะมีโทนหนังที่แตกจาก Star Wars อย่างสิ้นเชิงโดยจะเน้นหนักที่สงคราม การต่อสู้ของกองทหาร การจารกรรมข้อมูล จนแทบจะตัดแนวหนังที่เป็น Action-Adventure ออกแล้วเป็น Action-War มากกว่า อีกทั้งตัวหนังก็มีความมืดหม่นไม่ว่าจะเป็นธีมหนังหรือตัวละครของเรื่อง
.
ซึ่งความมืดหม่นนี่แหละก็เป็นจุดเด่นของ Rogue One เพราะเราจะเห็นอีกด้านของฝ่ายกบฏที่ก่อนหน้านี้ถูกมองว่าเป็นฝ่ายดีขาวสะอาดทำทุกอย่างเพื่อความถูกต้องแต่ใน Rogue One จะได้เห็นมุมมืดชนิดที่ว่าพวกเอ็งก็ไม่ต่างอะไรจากฝ่ายจักรวรรดิหรอกและนั่นก็ทำให้หนังดูมีมิติมากขึ้นเป็นตัวละครแบบสีเทาไม่ดีเลิศแต่ก็ไม่เลวบริสุทธิ์
.
นอกจากความมืดหม่นแล้วสิ่งที่ดีงามก็คือการนำเสนอเรื่องราวที่ไม่มีเจได พลัง Force ดาบไลท์เซเบอร์ ให้สนุก+มันส์ได้ก็ต้องคารวะผู้กำกับที่ทำได้ถึง มีการโฟกัสไปที่สงครามกองทหารเต็มรูปแบบหรือจะเป็นการออกแบบฉากต่อสู้ทั้งบนบกหรือบนฟ้าก็สุดยอดอลังการเป็นหนังสงครามอวกาศที่ดูแล้วรู้สึกเลยว่าทุกที่ที่เกิดสงครามย่อมมีความโหดร้ายความสูญเสียอยู่เสมอหรือจะเรียกอีกอย่างว่าฉากต่อสู้ใน Rogue One เหมือนกับวัน D-Day ยกพลขึ้นบกในสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยก็ว่าได้
.
สำหรับตัวละครที่ใส่เข้ามาเป็นชาวแก็งค์ 6 คนแม้ว่าบทบาทจะเกลี่ยได้ไม่เท่ากันแต่ทั้งหมดก็มีฉากที่น่าจดจำได้ทุกคนไม่ทำให้รู้สึกว่า จิน เออร์โซคือตัวละครสำคัญเพียงคนเดียวแต่อีก 5 คนก็สำคัญไม่แพ้กันเหมือนเป็นฟันเฟืองหลาย ๆ อันที่ช่วยกันขับเคลื่อนต่อไปจะขาดอันใดอันหนึ่งไปไม่ได้
.
แม้ว่าบทบาทหน้าที่แต่ละคนจะสำคัญเท่ากันแต่ก็มีบางตัวละครที่โดดเด่นเหนือใครก็คงจะเป็น ดอนนี่ เยน หรือ อาจารย์ ยิปมัน หรือตามท้องเรื่องคือ ซีรุตที่ยืนเด่นท้าทายศัตรูด้วยไม้พลองลูกเสือกับความเชื่อเรื่องพลังและอีกตัวก็คงเป็นหุ่นดรอยด์ K-2SO กับความเท่ผสมความฮาแบบไร้เดียงสา
.
ถ้า Star Wars ภาคหลักมี R2-D2 กับ C3PO ใน Rogue One ก็มีเจ้า K-2SO นี่แหละ
.
แถมอีกนิดกับตัวละครทั้งหมดไม่ว่าจะฝั่งกบฏหรือฝั่งจักรวรรดิทุกคนมีความเท่มาก ๆ ทั้งบุคลิก ท่าทาง เครื่องแต่งกาย ทุกอย่างมันออกมาดูเท่แมน ๆ ขนาด จิน เออร์โซ เป็นผู้หญิงก็รู้สึกได้เลยว่านางเท่มากกว่าสวยน่ารัก
.
อีกอย่างที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Darth Vader ท่านลอร์ดมืดขวัญใจมหาชนผู้มีปัญหาเรื่องต่อมท็อกซิลอักเสบโขกก...ขากกกตลอดเวลากับการมาที่ทรงพลัง โคตรโหด โคตรเหี้ยม ชนิดที่ว่าถ้าต้องต่อสู้กับพี่แกขอฆ่าตัวตายดีกว่า เป็น Bad-guy ที่ Bad-ass ที่สุด
.
มาถึงข้อเสียกันบ้างก็คงจะเป็นในช่วงเริ่มแรกของเรื่องที่มีการปูบทค่อนข้างนานใครไม่ชอบบทสนทนาเยอะ ๆ อาจหลับปุ๋ยคาโรงก็ได้แต่ในบทสนทนาเหล่านั้นก็ไม่น่าเบื่อนักต้องใช้สมาธิกับมันนิดนึง อีกอย่างที่ขัดใจก็คือบางการกระทำของ จิน ก็ดูงี่เง่าไปหน่อยและการอยู่ผิดที่ผิดทางในบางฉาก
.
Rogue One ก็ยังให้แง่คิดด้วยไม่ใช่แค่สักแต่ยิงถล่มกันอย่างเดียวถ้าหาก Star Wars จะเน้นที่พลังแต่ใน Rogue One จะมุ่งเน้นที่ความเชื่อ ความไว้ใจ ความตั้งใจ ความหวังถ้าคิดจะทำอะไรแล้วมันต้องทำให้สำเร็จ
.
แน่นอนว่าภาคนี้เป็นกึ่งกลางของ Episode 3 จนถึงใกล้กับ Episode 4 ดังนั้นในหนังเรื่องนี้ก็จะมีการส่งต่อปูทางไปยัง Episode 4: A New Hope ซึ่งส่งไม้ต่อได้อย่างสวยงามมีที่มาที่ไปให้ความสำคัญกับคำว่า A New Hope ที่เป็นความหวังใหม่มาก ๆ
.
สรุปสุดท้าย Rogue One: A Star Wars Story เป็นภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งชอบมากกว่า Star Wars: The Force Awakens เสียอีก มีความกล้าที่จะทำแนวทางหนังให้แตกต่างจากจักรวาลภาคหลักให้อารมณ์สงคราม จารกรรม สายลับ สมกับชื่อหนัง แม้ช่วงต้นจะเนือย ๆ เปื่อย ๆ แต่พอถึงช่วงหลังแล้วมันส์สุดยอดโอ้จอร์จมันส์สุดตีน!
.
"กบฏเกิดขึ้นได้เพราะความหวัง"
.
"May the Force Be With You"
.
"A+" Rank
ที่มา -
https://www.facebook.com/myinnermovie
[Review] - Rogue One: A Star Wars Story โรกวัน: ตำนานสตาร์วอร์ส
.
"ฉกแผนจารกรรมดาวพิฆาตสะท้านกาแลกซี่"
.
อีกตำนานที่ไม่เคยถูกกล่าวถึง Rogue One: A Star Wars Story กับเรื่องราวของกบฏหน่วยกล้าตาย 6 คนได้วางแผนชิงแบบแปลนดาวมรณะ Death Star ก่อนที่ฝ่ายจักรวรรดิจะใช้มันเพื่อครองกาแลกซี่
.
ใน Rogue One ก็จะมีโทนหนังที่แตกจาก Star Wars อย่างสิ้นเชิงโดยจะเน้นหนักที่สงคราม การต่อสู้ของกองทหาร การจารกรรมข้อมูล จนแทบจะตัดแนวหนังที่เป็น Action-Adventure ออกแล้วเป็น Action-War มากกว่า อีกทั้งตัวหนังก็มีความมืดหม่นไม่ว่าจะเป็นธีมหนังหรือตัวละครของเรื่อง
.
ซึ่งความมืดหม่นนี่แหละก็เป็นจุดเด่นของ Rogue One เพราะเราจะเห็นอีกด้านของฝ่ายกบฏที่ก่อนหน้านี้ถูกมองว่าเป็นฝ่ายดีขาวสะอาดทำทุกอย่างเพื่อความถูกต้องแต่ใน Rogue One จะได้เห็นมุมมืดชนิดที่ว่าพวกเอ็งก็ไม่ต่างอะไรจากฝ่ายจักรวรรดิหรอกและนั่นก็ทำให้หนังดูมีมิติมากขึ้นเป็นตัวละครแบบสีเทาไม่ดีเลิศแต่ก็ไม่เลวบริสุทธิ์
.
นอกจากความมืดหม่นแล้วสิ่งที่ดีงามก็คือการนำเสนอเรื่องราวที่ไม่มีเจได พลัง Force ดาบไลท์เซเบอร์ ให้สนุก+มันส์ได้ก็ต้องคารวะผู้กำกับที่ทำได้ถึง มีการโฟกัสไปที่สงครามกองทหารเต็มรูปแบบหรือจะเป็นการออกแบบฉากต่อสู้ทั้งบนบกหรือบนฟ้าก็สุดยอดอลังการเป็นหนังสงครามอวกาศที่ดูแล้วรู้สึกเลยว่าทุกที่ที่เกิดสงครามย่อมมีความโหดร้ายความสูญเสียอยู่เสมอหรือจะเรียกอีกอย่างว่าฉากต่อสู้ใน Rogue One เหมือนกับวัน D-Day ยกพลขึ้นบกในสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยก็ว่าได้
.
สำหรับตัวละครที่ใส่เข้ามาเป็นชาวแก็งค์ 6 คนแม้ว่าบทบาทจะเกลี่ยได้ไม่เท่ากันแต่ทั้งหมดก็มีฉากที่น่าจดจำได้ทุกคนไม่ทำให้รู้สึกว่า จิน เออร์โซคือตัวละครสำคัญเพียงคนเดียวแต่อีก 5 คนก็สำคัญไม่แพ้กันเหมือนเป็นฟันเฟืองหลาย ๆ อันที่ช่วยกันขับเคลื่อนต่อไปจะขาดอันใดอันหนึ่งไปไม่ได้
.
แม้ว่าบทบาทหน้าที่แต่ละคนจะสำคัญเท่ากันแต่ก็มีบางตัวละครที่โดดเด่นเหนือใครก็คงจะเป็น ดอนนี่ เยน หรือ อาจารย์ ยิปมัน หรือตามท้องเรื่องคือ ซีรุตที่ยืนเด่นท้าทายศัตรูด้วยไม้พลองลูกเสือกับความเชื่อเรื่องพลังและอีกตัวก็คงเป็นหุ่นดรอยด์ K-2SO กับความเท่ผสมความฮาแบบไร้เดียงสา
.
ถ้า Star Wars ภาคหลักมี R2-D2 กับ C3PO ใน Rogue One ก็มีเจ้า K-2SO นี่แหละ
.
แถมอีกนิดกับตัวละครทั้งหมดไม่ว่าจะฝั่งกบฏหรือฝั่งจักรวรรดิทุกคนมีความเท่มาก ๆ ทั้งบุคลิก ท่าทาง เครื่องแต่งกาย ทุกอย่างมันออกมาดูเท่แมน ๆ ขนาด จิน เออร์โซ เป็นผู้หญิงก็รู้สึกได้เลยว่านางเท่มากกว่าสวยน่ารัก
.
อีกอย่างที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Darth Vader ท่านลอร์ดมืดขวัญใจมหาชนผู้มีปัญหาเรื่องต่อมท็อกซิลอักเสบโขกก...ขากกกตลอดเวลากับการมาที่ทรงพลัง โคตรโหด โคตรเหี้ยม ชนิดที่ว่าถ้าต้องต่อสู้กับพี่แกขอฆ่าตัวตายดีกว่า เป็น Bad-guy ที่ Bad-ass ที่สุด
.
มาถึงข้อเสียกันบ้างก็คงจะเป็นในช่วงเริ่มแรกของเรื่องที่มีการปูบทค่อนข้างนานใครไม่ชอบบทสนทนาเยอะ ๆ อาจหลับปุ๋ยคาโรงก็ได้แต่ในบทสนทนาเหล่านั้นก็ไม่น่าเบื่อนักต้องใช้สมาธิกับมันนิดนึง อีกอย่างที่ขัดใจก็คือบางการกระทำของ จิน ก็ดูงี่เง่าไปหน่อยและการอยู่ผิดที่ผิดทางในบางฉาก
.
Rogue One ก็ยังให้แง่คิดด้วยไม่ใช่แค่สักแต่ยิงถล่มกันอย่างเดียวถ้าหาก Star Wars จะเน้นที่พลังแต่ใน Rogue One จะมุ่งเน้นที่ความเชื่อ ความไว้ใจ ความตั้งใจ ความหวังถ้าคิดจะทำอะไรแล้วมันต้องทำให้สำเร็จ
.
แน่นอนว่าภาคนี้เป็นกึ่งกลางของ Episode 3 จนถึงใกล้กับ Episode 4 ดังนั้นในหนังเรื่องนี้ก็จะมีการส่งต่อปูทางไปยัง Episode 4: A New Hope ซึ่งส่งไม้ต่อได้อย่างสวยงามมีที่มาที่ไปให้ความสำคัญกับคำว่า A New Hope ที่เป็นความหวังใหม่มาก ๆ
.
สรุปสุดท้าย Rogue One: A Star Wars Story เป็นภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งชอบมากกว่า Star Wars: The Force Awakens เสียอีก มีความกล้าที่จะทำแนวทางหนังให้แตกต่างจากจักรวาลภาคหลักให้อารมณ์สงคราม จารกรรม สายลับ สมกับชื่อหนัง แม้ช่วงต้นจะเนือย ๆ เปื่อย ๆ แต่พอถึงช่วงหลังแล้วมันส์สุดยอดโอ้จอร์จมันส์สุดตีน!
.
"กบฏเกิดขึ้นได้เพราะความหวัง"
.
"May the Force Be With You"
.
"A+" Rank
ที่มา - https://www.facebook.com/myinnermovie