คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 35
งานวิจัยที่บอกว่าขึ้นหิ้งต้องแยกเป็นประเด็นให้ชัดเจนนะครับ
1.ขึ้นหิ้งแบบฝรั่งหรืองานวิจัยระดับคุณภาพของไทย คืองานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ที่เป็นงานด้านทฤษฎีจ๋า อันนี้เพื่อสะสมความรู้พื้นฐาน ขึ้นหิ้งคือเอาไปใช้ประโยชน์เลยแบบงานวิจัยประยุกต์ไม่ได้ ต้องรอนาน ขึ้นหิ้งไว้ก่อนอาจทิ้งไว้ 10-20 ปี คนถึงสามารถนำมาใช้สร้างเป็นเทคโนโลยี สินค้า อุปกรณ์ใหม่ๆ จากทฤษฎีไปสู่ให้คนทั่วไปใช้ อาจจะใช้เวลาถึง 20-50 ปี ประมาณนั้น คือใช้ระยะเวลานาน แต่จำเป็นยิ่ง เพราะพวกนี้เป็นความรู้มูลฐาน
หลายเรื่องอาจจะเป็นรากฐานของอีกความรู้หนึ่งหรืองานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งซึ่งชิ้นนั้นอาจจะมีคนเอาไปประยุกต์ใช้สร้างสิ่งต่างๆ
แน่นอนหลายอันเป้นความรู้พื้นฐานที่ไม่เคยถูกเอาไปใประยุกต์ใช้ประโยชน์จริงๆ แต่มันก็จำเป็น มนุษย์ต้องทำวิจัยไปเรื่อยๆ ทำไปสักพันชิ้น อาจจะมีดีแค่เรื่องเดียว แต่มันก็จำเป้นต้องทำวิจัยอยู่ดี เพื่อหาความรู้ใหม่ๆ ให้มองเป็นภาพรวมว่า ทำเยอะโอกาสมีงานดีๆเอาไปประยุกต์ใช้ได้ก็ยิ่งเยอะตาม
2.ขึ้นหิ้ง เพราะงานวิจัยมันไม่มีประโยชน์ หัวข้อซ้ำๆกับของเดิม ไม่มีคุณภาพ ไม่น่าสนใจ เอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ อันนี้ขึ้นหิ้งไว้ รอจนถึงเอกภพอวสาน เอนโทรปีเข้าสู่ค่าสุงสุด ผ่านไปกี่ล้านปี ก็ไม่มีใครเอามาใช้ประโยชน์ได้ เพราะงานวิจัยพวกนี้เอาแค่ให้พอจบ ให้พอได้วุฒิ จบแล้วก็จบกัน บ๊ายบาย เราจะไม่ได้เจอกันอีกตลอดกาล
--------------------
อธิบายเรื่อง vpn น้องๆหลายคนอาจไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร คือพวกฐานข้อมูลงานวิจัยต่างๆ ส่วนใหญ่ ปกติเข้าไปอ่านได้แค่บทคัดย่อ ต้องเสียเงินถึงจะอ่านได้ มหาวิทยาลัยต่างๆจะเสียเงินบอกรับไว้ ถ้าใช้เนตภายในมหาวิทยาลัยจะเข้าไปอ่านฉบับเต็มโหลดมาอ่านได้ แต่ถ้าอยู่บ้าน เข้าไปอ่านเต็มไม่ได้ เพราะ ip คนละอันกับมหาวิทยาลัย ก็ใช้ vpn ลงโปรแกรม ลอดอินรหัสนิสิต เปืดใช้ มันจะทำให้เรามีไอพีเดียวกับมหาวิทยาลัย ทำให้เรา สามารถเข้าไปอ่านได้เหมือนอยู่ในมหาวิทยาลัย ประมาณนี้
อันนี้คือฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ของไทย เผื่อใครสนใจอยากเข้าไปอ่าน แน่นอนถ้าอยู่ข้างนอกก็ต้องต่อ vpn ก่อน
http://tdc.thailis.or.th/tdc/basic.php
1.ขึ้นหิ้งแบบฝรั่งหรืองานวิจัยระดับคุณภาพของไทย คืองานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ที่เป็นงานด้านทฤษฎีจ๋า อันนี้เพื่อสะสมความรู้พื้นฐาน ขึ้นหิ้งคือเอาไปใช้ประโยชน์เลยแบบงานวิจัยประยุกต์ไม่ได้ ต้องรอนาน ขึ้นหิ้งไว้ก่อนอาจทิ้งไว้ 10-20 ปี คนถึงสามารถนำมาใช้สร้างเป็นเทคโนโลยี สินค้า อุปกรณ์ใหม่ๆ จากทฤษฎีไปสู่ให้คนทั่วไปใช้ อาจจะใช้เวลาถึง 20-50 ปี ประมาณนั้น คือใช้ระยะเวลานาน แต่จำเป็นยิ่ง เพราะพวกนี้เป็นความรู้มูลฐาน
หลายเรื่องอาจจะเป็นรากฐานของอีกความรู้หนึ่งหรืองานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งซึ่งชิ้นนั้นอาจจะมีคนเอาไปประยุกต์ใช้สร้างสิ่งต่างๆ
แน่นอนหลายอันเป้นความรู้พื้นฐานที่ไม่เคยถูกเอาไปใประยุกต์ใช้ประโยชน์จริงๆ แต่มันก็จำเป็น มนุษย์ต้องทำวิจัยไปเรื่อยๆ ทำไปสักพันชิ้น อาจจะมีดีแค่เรื่องเดียว แต่มันก็จำเป้นต้องทำวิจัยอยู่ดี เพื่อหาความรู้ใหม่ๆ ให้มองเป็นภาพรวมว่า ทำเยอะโอกาสมีงานดีๆเอาไปประยุกต์ใช้ได้ก็ยิ่งเยอะตาม
2.ขึ้นหิ้ง เพราะงานวิจัยมันไม่มีประโยชน์ หัวข้อซ้ำๆกับของเดิม ไม่มีคุณภาพ ไม่น่าสนใจ เอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ อันนี้ขึ้นหิ้งไว้ รอจนถึงเอกภพอวสาน เอนโทรปีเข้าสู่ค่าสุงสุด ผ่านไปกี่ล้านปี ก็ไม่มีใครเอามาใช้ประโยชน์ได้ เพราะงานวิจัยพวกนี้เอาแค่ให้พอจบ ให้พอได้วุฒิ จบแล้วก็จบกัน บ๊ายบาย เราจะไม่ได้เจอกันอีกตลอดกาล
--------------------
อธิบายเรื่อง vpn น้องๆหลายคนอาจไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร คือพวกฐานข้อมูลงานวิจัยต่างๆ ส่วนใหญ่ ปกติเข้าไปอ่านได้แค่บทคัดย่อ ต้องเสียเงินถึงจะอ่านได้ มหาวิทยาลัยต่างๆจะเสียเงินบอกรับไว้ ถ้าใช้เนตภายในมหาวิทยาลัยจะเข้าไปอ่านฉบับเต็มโหลดมาอ่านได้ แต่ถ้าอยู่บ้าน เข้าไปอ่านเต็มไม่ได้ เพราะ ip คนละอันกับมหาวิทยาลัย ก็ใช้ vpn ลงโปรแกรม ลอดอินรหัสนิสิต เปืดใช้ มันจะทำให้เรามีไอพีเดียวกับมหาวิทยาลัย ทำให้เรา สามารถเข้าไปอ่านได้เหมือนอยู่ในมหาวิทยาลัย ประมาณนี้
อันนี้คือฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ของไทย เผื่อใครสนใจอยากเข้าไปอ่าน แน่นอนถ้าอยู่ข้างนอกก็ต้องต่อ vpn ก่อน
http://tdc.thailis.or.th/tdc/basic.php
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
คุณไม่เข้าใจระบบการสร้างโครงสร้างทางทหาร-การเงิน-การวิจัย
ต้องเริ่มจาก military - industrial - complex ก่อน
ผมเริ่มเรื่องจากว่า แต่เดิมมาการยิงปืนใหญ่วิถีโค้งนั้นไม่แม่น จึงต้องการการคำนวนให้แม่นยำ มุมเท่าไหร่ ดินปืนเท่าไหร่ ถึงจะยิงนัดแรกกลางหัวพอดี นั่นคือที่มาของทุนวิจัย
อินเตอร์เน็ต ถูกสร้างโดย Darpa เป็นองค์กรวิจัยทางทหาร เพื่อกระจายความเสี่ยงถ้าถูกยิงศูนย์คอมพิวเตอร์ด้วยอาวุธนิวเคลียร์จากโซเวียด
นาซา ไม่ใช่องค์กรพลเรือน ไม่ใช่เลย มันคือองค์กรทหารที่เกิดมาคู่กับ Darpa
พวกนี้จะทำการสร้างโครงการวิจัย เช่น star war เพื่อที่จะทำการ detect, track ขีปนาวุธข้ามทวีปทุกอันที่ข้ามผ่านสตาโทสเฟียร์
แล้วเมื่อตรวจพบก็ทำลายซะ
ประโยคเมื่อครู่แปลเป็นโครงการวิจัยได้ 100 อย่าง -> การตรวจจับด้วยคลื่นไมโครเวฟ การตรวจจับผ่านสนามแม่เหล็กโลก การติดตามขีปนาวุธข้ามทวีปด้วยดาวเทียม การติดตามฝูงขีปนาวุธข้ามทวีป การติดตามฝูงขีปนาวุธที่สามารถเดินทางในวิถีไม่โค้ง ...อีกสารพัด
จากนั้นทำการประกวดเรียงความของอาจารย์มหาวิทยาลัย ใครชนะได้เอาเงินรางวัลไปวิจัย อาจารย์มหาวิทยาลัยจะมีหน้าที่ต้องแย่งเงินวิจัยให้ได้ ใครแพ้สองปีติด อ คนไหนแย่งทุนวิจัยมาไม่ได้ซักบาท มหาวิทยาลัยจะเชิญออก ส่วนอาจารย์เหล่าที่ได้ ก็เอาเงินนี้ไปจ้างนักศึกษาปริญญาเอกมาปั่นงานวิจัยกันเป็นทีม ทำยังไงล่ะ จะทำให้ได้ตามที่โม้ไว้ในเรียงความว่าจะ ตรวจจับขีปนาวุธอย่างนั้นจะทำลายขีปนาวุธอย่างนี้ ถ้าไม่มีของส่ง เหอะ ปีหน้าก็ไม่ได้ทุน ชื่อเสียงเสียหาย ไม่นานก็โดนเชิญออกจากมหาลัย
นักศึกษาปริญญาเอกก็คือหนูปั่นจักร ปั่นงานวิจัยให้กลายเป็น prototype ให้ได้
เห็นการแข่งขันในสหรัฐหรือไม่ นั่นแหละที่ทำให้สหรัฐพัฒนาเป็นเจ้าโลก
ต้องเริ่มจาก military - industrial - complex ก่อน
ผมเริ่มเรื่องจากว่า แต่เดิมมาการยิงปืนใหญ่วิถีโค้งนั้นไม่แม่น จึงต้องการการคำนวนให้แม่นยำ มุมเท่าไหร่ ดินปืนเท่าไหร่ ถึงจะยิงนัดแรกกลางหัวพอดี นั่นคือที่มาของทุนวิจัย
อินเตอร์เน็ต ถูกสร้างโดย Darpa เป็นองค์กรวิจัยทางทหาร เพื่อกระจายความเสี่ยงถ้าถูกยิงศูนย์คอมพิวเตอร์ด้วยอาวุธนิวเคลียร์จากโซเวียด
นาซา ไม่ใช่องค์กรพลเรือน ไม่ใช่เลย มันคือองค์กรทหารที่เกิดมาคู่กับ Darpa
พวกนี้จะทำการสร้างโครงการวิจัย เช่น star war เพื่อที่จะทำการ detect, track ขีปนาวุธข้ามทวีปทุกอันที่ข้ามผ่านสตาโทสเฟียร์
แล้วเมื่อตรวจพบก็ทำลายซะ
ประโยคเมื่อครู่แปลเป็นโครงการวิจัยได้ 100 อย่าง -> การตรวจจับด้วยคลื่นไมโครเวฟ การตรวจจับผ่านสนามแม่เหล็กโลก การติดตามขีปนาวุธข้ามทวีปด้วยดาวเทียม การติดตามฝูงขีปนาวุธข้ามทวีป การติดตามฝูงขีปนาวุธที่สามารถเดินทางในวิถีไม่โค้ง ...อีกสารพัด
จากนั้นทำการประกวดเรียงความของอาจารย์มหาวิทยาลัย ใครชนะได้เอาเงินรางวัลไปวิจัย อาจารย์มหาวิทยาลัยจะมีหน้าที่ต้องแย่งเงินวิจัยให้ได้ ใครแพ้สองปีติด อ คนไหนแย่งทุนวิจัยมาไม่ได้ซักบาท มหาวิทยาลัยจะเชิญออก ส่วนอาจารย์เหล่าที่ได้ ก็เอาเงินนี้ไปจ้างนักศึกษาปริญญาเอกมาปั่นงานวิจัยกันเป็นทีม ทำยังไงล่ะ จะทำให้ได้ตามที่โม้ไว้ในเรียงความว่าจะ ตรวจจับขีปนาวุธอย่างนั้นจะทำลายขีปนาวุธอย่างนี้ ถ้าไม่มีของส่ง เหอะ ปีหน้าก็ไม่ได้ทุน ชื่อเสียงเสียหาย ไม่นานก็โดนเชิญออกจากมหาลัย
นักศึกษาปริญญาเอกก็คือหนูปั่นจักร ปั่นงานวิจัยให้กลายเป็น prototype ให้ได้
เห็นการแข่งขันในสหรัฐหรือไม่ นั่นแหละที่ทำให้สหรัฐพัฒนาเป็นเจ้าโลก
ความคิดเห็นที่ 8
ประเทศไทย คนทำวิจัยส่วนใหญ่เพื่อหวังความก้าวหน้า ดังนั้นต้องเน้นทำเรื่องที่มีประโยชน์ มีเป้าหมาย ค่อนข้างเป็นรูปธรรม
ขณะที่นอกประเทศไทย มีคนทำวิจัยมากกว่าเราเป็นร้อยเป็นพันเท่า หลายๆ คนเงินเหลือ เวลาเหลือ ก็วิจัยเพื่อตอบสนองความสงสัย ความอยากรู้ ดังนั้นมันจะมีงานวิจัยแปลกๆ และมีหลากหลายมากกว่า เป็นเรื่องธรรมดาครับ
ขณะที่นอกประเทศไทย มีคนทำวิจัยมากกว่าเราเป็นร้อยเป็นพันเท่า หลายๆ คนเงินเหลือ เวลาเหลือ ก็วิจัยเพื่อตอบสนองความสงสัย ความอยากรู้ ดังนั้นมันจะมีงานวิจัยแปลกๆ และมีหลากหลายมากกว่า เป็นเรื่องธรรมดาครับ
แสดงความคิดเห็น
ไปไล่อ่านวิทยานิพนธ์ของไทยมักมีแต่หัวข้อซ้ำๆ แต่ไปอ่านของฝรั่งมีแต่น่าสนใจ ความรู้ใหม่ เราน่าจะปรับปรุงคุณภาพ thesisนะ
ขอตั้งข้อสังเกตจากเวลาว่างชอบต่อ vpn ของมหาวิทยาลัย ไปดาวโหลดไฟล์ pdf มาอ่านบทความงานวิจัยด้านต่างๆ
ทั้งสายวิทย์และสายสังคมเลยของไทย หัวข้อจะซ้ำๆกัน ไม่ค่อยน่าสนใจ
สายวิทย์ก็ออกไปแนวศึกษาศาสตร์ วิจัยในชั้นเรียน ซึ่งมันมีเยอะมากแล้ว แค่เปลี่ยนชั้นปี กับปีการศึกษา จะทำมาเพิ่มอีกทำไมก็ไม่รู้
มีเยอะมาก ส่วนน้อยที่เป็นวิจัยด้านวิทย์จริงๆ แต่ของฝรั่งนี่ จัดเต็ม ยาก ลึก เยอะเนื้อหาหนัก อ่านไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกถ้าสายห่างกันมากๆ
สายสังคม จะอ่านง่ายหน่อย ของไทย หัวข้อก็จะซ้ำๆกันอีก จริงๆเรื่องความรู้ ข้อมูลในสังคมไทยมีหลายเรื่องที่แตกต่างจากฝรั่ง ที่น่าสนใจทำอีกมาก และสำคัญเพราะเป็นข้อมูลของเราเอง ควรจะมาทำกันเยอะ ยังมีเรื่องน่าสนใจน่าทำอีกมาก
มาดูของฝรั่ง มีแต่เรื่องน่าสนใจ
จะยกตัวอย่างให้
1.From Karen to Katie
Using Baby Names to Understand Cultural Evolution
เพราะพายุแคทเทอริน่า ในช่วงนั้น ทำให้มีเด็กถูกตั้งชื่อด้วยตัว เค มากขึ้น ชื่อได้ยินบ่อยๆในข่าวมีผลกระทบต่อเรา
http://journals.sagepub.com/doi/abs/10.1177/0956797612443371
2.Do they do it for the money?
ceo ที่ฐานะยากจนมีโอกาสโกงมากกว่า ceo ที่รวยเพราะกำไรที่คาดหวังสูงกว่าต้นทุนที่คาดหวัง เพราะรวยน้อยกว่า ถ้าโดนจับได้เสียน้อยกว่า
คนรวยกว่า
http://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0929119911001271
3.Fatalism and savings
คนเชื่อเรื่องดวงวางแผนตอนเกษียณน้อยกว่าคนที่ไม่เชื่อ
http://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1053535711000643
4.Human capital augmentation versus the signaling value of MBA education
คุณจะได้ประโยชน์จากการเรียน mba มากที่สุดถ้าไม่ได้ทำงานมาก่อน
http://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0272775711001804
5.Dark contrasts: The paradox of high rates of suicide in happy places
อยู่ในที่มีคนมีความสุขเยอะๆ คนจะมีโอกาสฆ่าตัวตายมากกว่า
http://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0167268111001120
ลองต่อ vpn เข้าไปอ่านกันได้ครับ ตอนแรกๆอาจจะอ่านยากนิดนึงเพราะเขียนเชิงวิชาการ มีสถิติ ระเบียบวิธีวิจัย คณิตศาสตร์รัดกุม แต่ถ้าคุ้นแล้วจะสนุกและชอบมาก มีอะไรน่าสนใจเยอะเลย เห็นไหมการวิจัยไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ ซ้ำเดิมเลย ยังมีหัวข้อที่น่าสนใจเหลืออยู่อีกมาก
----------------------
ยังมีอีกเป็นจำนวนมากมายมหาศาล แต่ละเรื่องน่าสนใจ น่าศึกษาเป็นความรู้ใหม่ๆทั้งนั้น จะเห็นว่า งานวิจัย thesis ต่างๆของฝรั่งเขาทำจริงจัง แม้บางหัวข้อจะดูรู้ชัดเจน หรือตลกๆ เขาก็ทำ มีเหตุผลอย่างเป็นระบบ มีการเก็บข้อมูล สถิติ อย่างเป็นวิชาการ
ต่างกับของไทยมาก ไหนๆจะเรียนต่อ โท กันแล้ว ก็ช่วยทำงานวิจัยให้มันเหมาะคุ้ม กับเวลา กับเงินที่เสียไปเถอะ สังคมไทยยังต้องการงานวิจัยที่มีคุณภาพอีกมากทั้งด้านวิทย์และสังคม อย่าเอาแค่ให้จบๆไป เอาแค่ให้ได้วุฒิเลย ตรงข้างหลัง มันเขียนประวัติผู้วิจัย ชื่อ ที่อยู่ นามสกุล ที่ทำงาน ผมอ่านแล้วบางคนยังอายแทนเลย คือบางอันกรรมการให้ผ่านมาได้ไง
ไปไล่อ่านวิทยานิพนธ์ของไทยมักมีแต่หัวข้อซ้ำๆ แต่ไปอ่านของฝรั่งมีแต่น่าสนใจ ความรู้ใหม่ เราน่าจะปรับปรุงคุณภาพ thesisนะ