>>> Asakusa-- Hakone-- Harajuku-- Shinjuku-- Osaka-- Universal studio japan-- Kobe [TOKYO - OSAKA] <<<<
ทริปนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตของผมในการไปต่างประเทศ แต่ครั้งแรกก็ดันไปเองซะงั้น ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ ภาษาญี่ปุ่นไม่ต้องพูดถึงเลย มันเป็นแผนของแฟนผมที่จะเอาผมไปขายหน้าประชาชีให้อับอายในต่างแดน หึหึ ต่อไปผมจะขอเรียกแฟนผมว่า อีเจ๊
ประเทศญี่ปุ่นเป็น 1 ในที่เที่ยวในดวงใจของใครหลายๆคนที่อยากลองไปสัมผัสสักครั้ง กับช่วงนั้นอีเจ้อยากไปญี่ปุ่นอยากไปโอซาก้าไปดูแฮรี่พอตเตอร์ว่างั้น (??) หึหึ มันช่างเป็นเวลาประจวบเหมาะในการลวงอีเจ๊ผมไปปล่อยไกลๆซะเหลือเกิน ด้ายยยอยู่แล้ว อีเจ้เคยไปกับทัวร์ที่บริษัทจัดไป เมื่อปีที่แล้วไปแต่โตเกียว แต่ไม่ค่อยชอบ ทังร์ไม่ค่อยพาไปไหน จึงอยากให้ผม(ซึ่งไม่เคยไปต่างประเทศเลย) พาไป ดู!!! ดูแผนมัน หึหึ
เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่ละสายการบินจัดโปรโมชั่น ผมไปเจอของสายการบินแอร์เอเชียราคาตอนนั้นถูกมาก บินตรงจากดอนเมืองไปนาริตะต่อคน สามพันกว่า (รวมๆไปกลับไม่ถึงหมื่น ลงทุนไรมากมายแค่เอาคนไปปล่อย ) รีบจองรีบจ่ายเลยผม ส่วนขากลับผมก็เอาสายการบินเดิมนี่แหละแต่กลับที่สนามบินนานาชาติคันไซ มาดอนเมือง ได้วันไปแน่นอนคือ 30 พ.ย 59 – 8 ธ.ค. 59 พอรู้วันไปที่แน่นอนปุ๊บ เวลาที่เหลือ 2 เดือนจากนี้คือหาข้อมูลพาคนไปปล่อยให้หลงแล้วกลับมาไม่ได้ครับ หึหึ
สิ่งแรกหาที่พักก่อน ……………
ผมใช้บริการจาก Agoda และ Booking นั่งหานั่งอ่านรีวิวในapp จนได้มา 2 ที่ 3 คืนแรกจองโรงแรม richmond hotel premier tokyo oshiage ( จ่ายที่โรงแรมโดยตรงวันพักแต่ที่ตรงนี้ผมผิดพลาดไปเรื่องนึงเดี๋ยวมาเล่าครับ) และ 3 คืนหลังพักที่ Richmond Hotel Higashi Osaka ( จ่ายที่โรงแรมโดยตรงวันพักเช่นกัน) 2 ที่นี้ดียังไงคือที่ผมอ่านรีวิวมา มันใกล้สถานีรถไฟใต้ดินมากครับใกล้ร้านสะดวกซื้อ เหมาะแก่การมอมด้วยอาหารและขนมให้มันอ้วนตายไปเลย 55 ที่แรกใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน Oshiage ที่สองใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน Nagata ระยะทางแค่ 200 เมตรเดินถึงเที่พัก แต่ผมจะลงก่อน 1 สถานีพาเดินอ้อมสักโล หึหึ ที่แรกห้องกว้างมาก ขนาดว่าในเมืองโตเกียวแต่ค่อนข้างแพงหน่อย ส่วนห้องที่สองห้องกว้าง ใหม่สะอาด ราคาไม่แพง อาจจะสงสัยว่าแล้วอีกคืนนึงมันหายไปไหน อีเจ๊ว่าอยากลองนั่งรถบัสที่มันมีที่คลุมหัว ???? WHAT !!! (หาเรื่องมาให้จริงๆแม่คู๊นนน) ผมใช้เวลา 1 วันในการหาว่าไอรสบัสมีที่คลุมหัวคืออะไร จนได้คำตอบว่า มันคือ night bus ของบริษัท Willer express สำหรับเดินทางข้ามภาคจากโตเกียว ไป โอซาก้า ผมก็ถามว่าไอคลุมหัวมีไว้ทำไม มันว่าไม่ให้ได้ยินเสียงกรน หรา!!! นึกในใจ ก็ดีเวลารถบัสเขาจอดตามปั้มจะได้หลอกให้เข้าห้องน้ำแล้วให้คนขับๆหนีไปเลย หึ หึ อ่อ เขามีเวปด้วยนะสำหรับการจองและชำระเงิน
https://willerexpress.com/en/ ผมก็จองเรียบร้อย ราคาไม่แพงด้วยนะ 2 คนตก 11,600 เยน ถ้าใครอยากลอง ไม่ต้องนั่งชินคันเซน หรือ เครื่องบินไป ประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายการเดินทางกับค่าโรงแรม1คืน หลังจากจองผ่านapp เรียบร้อยก็ปริ้นรายการจองที่ส่งมาในเมล์เก็บไว้เลย เอาไปยื่นวันพักจริง ต่อมาพอได้ที่พักเรียบร้อย
สิ่งที่สองวางแพลนคร่าวๆว่าจะไปไหนบ้าง.....
จากการที่ดูในหลายๆรีวิว ทั้งในเวปพันทิปที่เพื่อนๆหลายคนรีวิวไว้ ในYoutube ของ I love togo / Japanmase / และ NineBeerJP ( ขอบคุณมากๆครับที่รีวิวกันไว้ ) ผมจึงได้ทริปดังนี้ที่คิดว่าน่าจะตรงตามความต้องการของผมละ
30 พ.ย 59/ เดินทางจากดอนเมืองไปนาริตะ
1 ธ.ค. 59/ วัดเซนโซจิ ตลาดอเมโยโก ชิบูย่า
2 ธ.ค 59/ ฮาโกเน่ (ฟูจิ) **อันนี้จริงๆไม่ได้แพลนไว้อีเจ๊มาบอกก่อนไป อาทิตย์นึง หาข้อมูลใหม่แทบไม่ทัน ฮึม!!
3 ธ.ค 59/ ชิบูย่า ฮาราจุกุ ศาลเจ้าชินโต นั่งรถไนท์บัสwiller express ข้ามไปโอซาก้า
4 ธ.ค 59 / ปราสาทโอซาก้า โดทงบุริ
5 ธ.ค 59 / universal studio japan
6 ธ.ค 59 / Kobe animal kingdom ,Steakland
7 ธ.ค 59 / นัมบะ โดทงบุริ
8 ธ.ค 59 / บินกลับจากสถานีคันไซสู่ดอนเมือง
*** เหมือนจะเป็นทริปที่ดู โอโห้ น่าไป ไปหลายที่จังเลย แต่...มันแฝงความอำมหิตของผมอยู่ครับ หึหึ
ต่อมาหาอินเตอร์เน็ตไว้ใช้ที่ญี่ปุ่นตอนเดินทาง.........
แรกๆก็ดูเป็น pocket wifi ไว้พอถามร้านที่ให้บริการเขาแนะนำว่าไป2คน เอาเป็นซิมไปดีกว่าไม่ต้องประกันเครื่อง ไม่ต้องลำบากพกไปให้หนักเหมือนpocket wifi ความเร็วเน็ตเกินพอในการหาข้อมูลท่องเที่ยว เปิดนู้นนี่ที่ญี่ปุ่น เลยได้ซิมญี่ปุ่นแบบunlimit ของdocomo ซื้อจากiwifi.jpที่ไทย ใช้งานง่ายเน็ตแรงมาก แรกๆกังวลว่าจะสู้ wifi pocket ได้ไหม พอใช้จริงหายห่วงเลย ดีมาก ซิม7 วัน 1000บาทต่อ1ซิม คุ้ม พกแต่พาวเวอร์แบงค์ชาร์ทโทรศัพท์พอ ที่พักก็ wifi ฟรีอยู่แล้ว(เผื่ออยากดูยูทูป)
ซื้อบัตรเข้า Universal studio japan………….
ต่อมาอีเจ๊มันว่าอยากจะไปเล่นเครื่องเล่นแฮร์รี่พอตเตอร์ ซึ่งเขาบอกว่ามันสนุกมาก เหวี่งไปเหวี่ยงมาน่าจะทำให้อีเจ๊มันเวียนหัวช๊อคตายได้ ผมจัดเลยบัตร Express pass4 จองเวลาให้เล่นเครื่องเล่นนี้เลยตอนบ่ายสองครึ่ง แดดๆนี่ละให้เมาแดดไปด้วยเลย (ลงทุนหน่อยผลกำไรงามแน่นอน หึหึ) เท่าที่ดูรีวิวมาเขาบอกว่าที่ universal studio japan นี้คนเยอะมากๆๆไม่เว้นแม้กระทั้งวันธรรมดา(ซึ่งก็จริงผมไปวันจันทร์คนมายังกะมาชุมนุมทุกคนมุ่งแต่ไปเครื่องเล่นแฮร์รี่พอตเตอร์) ต้องซื้อบัตรไปเลยจากที่ไทยผ่านทางตัวแทน ไม่งั้นรอซื้อบัตรที่นู้น นาน ซึ่งผมหาข้อมูลมาก็ได้ใช้บริการจากบริษัท compaxworld ตั๋วเข้า 2 คนราคา4,800 บาท WTF!!!! ยังไม่หมดบัตร express pass4 อีก 2คน 3,400 บาท บอกตรงๆผมไม่เคยเข้าสวนสนุกที่ไหนจ่ายเกือบหมื่นขนาดนี้มาก่อน (แต่ถ้ามันได้ผลก็คุ้ม หึหึ )
เตรียมซื้อยาสามัญประจำบ้านไว้เผื่อตัวเองเป็นไรก่อนอีเจ๊ ……………..
เคยอ่านรีวิวหลายๆคนมาเขาว่าที่ญี่ปุ่น ไม่ขายยาให้ถ้าไม่มีใบสั่งยาจากแพทย์ มีคนไทยไปซื้อยาพาราเซตาม่อน เขาไม่รู้จักว่างั้น ปวดท้องก็ซื้อยาไม่ได้ (แลดูน่ากลัว แต่ก็เหมาะสำหรับแผนปล่อยอีเจ้ของผม ) จัดไปเลยยาจากไทย ไทลินอล แป่งนึง ยาธาตุน้ำขาวกระต่ายบิน ยาแก้แพ้แบบไม่ง่วง ยาแก้อาหารเป็นพิษ ยากระเพราะ อะไรที่คิดว่าจำเป็นจัดหมดลงกระเป๋าโหลดใต้เครื่อง ผมไม่บอกอีเจ๊มันหรอก หึหึ
ต่อมาเตรียมเสื้อผ้า…………………
เชื่อไหมผมเอาชุดไปแค่ชุดเดียว heattech เสื้อกางเกงถุงเท้าของ ยูนิโคล กับเสื้อหนาว แค่นั้น เอาไปไมเยอะแยะหนักกระเป๋าถือสบายๆ ชุดที่เหลือไปซื้อยูนิโคลที่นู้นหมด (ถูกกว่าเยอะเลย tax free อีกต่างหาก) นู้นอีเจ้ขนไปอย่างเยอะ ปล่อยมันให้มันเข็นลำบาก จะได้รู้เวลาแบกกระเป๋าขึ้นบันไดบันเป็นยังไง หึหึ แค่คิดก็สนุกแล้ว
โอเคตอนนี้เตรียมข้อมูลการพาอีเจ๊ไปปล่อยทุกสิ่งอย่างเรียบร้อยแล้ว รอวันเดินทางจริง..........
***ก่อนวันเดินทางจริงมีเมล์จากที่พักทั้งสองที่เข้ามาสอบถามว่าเราจะเข้าพักกี่โมง ( ดีมากๆเลยประทับใจ ) ผมก็ตอบกลับไปเลยโดยใช้ app แปลภาษาของ google พิมพ์ไทยไปก่อนให้มันแปลมาเป็นประโยคผิดถูกช่างมัน (ก็โอเคอยู่นะ สื่อสารกับเขาได้ แนะนำให้โหลดไว้ครับไม่ต้องใช้เน็ตด้วยนะ ) ว่าคืนแรกผมจะเข้าที่พักประมาณ 3 ทุ่ม เขาก็แนะนำมาว่าการมาสถานี Oshiage หลัง 5 โมงเย็นคุณต้องนั่งรถไฟสายนี้ๆๆ มาลงที่สถานี Aoto ก่อนแล้วเปลี่ยนรถไฟมาลงที่สถานี Oshiage ผมก็ตอบกลับไปว่าขอบคุณมากๆถ้าไม่บอกนี่ผมหลงแน่นอน ประเด็นนี้ผมเคยเห็นในพันทิปนี่แหละเถียงกันว่าการจะไปสถานีแบบผมต้องเปลี่ยนรถที่สถานี aoto ไหม บางคนว่าไม่ต้องลง บางคนก็ว่าต้องลง ตอนนี้ผมรู้ละ อยากรู้ลงไม่ลงดูตารางเดินทางของรถไฟสายนี้ไปเลยครับตามlink
http://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/us/timetable/index.php
เดี๋ยวมาต่อDay 1 ครับ ตัวอักษรจะครบหมื่นพิมพ์ไม่ได้
DAY1 ดอนเมืองสู่นาริตะ
[CR] ทริปฉันจะพาเธอไปขายหน้าที่ TOKYO-OSAKA ( ไปเอง )
>>> Asakusa-- Hakone-- Harajuku-- Shinjuku-- Osaka-- Universal studio japan-- Kobe [TOKYO - OSAKA] <<<<
ทริปนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตของผมในการไปต่างประเทศ แต่ครั้งแรกก็ดันไปเองซะงั้น ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ ภาษาญี่ปุ่นไม่ต้องพูดถึงเลย มันเป็นแผนของแฟนผมที่จะเอาผมไปขายหน้าประชาชีให้อับอายในต่างแดน หึหึ ต่อไปผมจะขอเรียกแฟนผมว่า อีเจ๊
ประเทศญี่ปุ่นเป็น 1 ในที่เที่ยวในดวงใจของใครหลายๆคนที่อยากลองไปสัมผัสสักครั้ง กับช่วงนั้นอีเจ้อยากไปญี่ปุ่นอยากไปโอซาก้าไปดูแฮรี่พอตเตอร์ว่างั้น (??) หึหึ มันช่างเป็นเวลาประจวบเหมาะในการลวงอีเจ๊ผมไปปล่อยไกลๆซะเหลือเกิน ด้ายยยอยู่แล้ว อีเจ้เคยไปกับทัวร์ที่บริษัทจัดไป เมื่อปีที่แล้วไปแต่โตเกียว แต่ไม่ค่อยชอบ ทังร์ไม่ค่อยพาไปไหน จึงอยากให้ผม(ซึ่งไม่เคยไปต่างประเทศเลย) พาไป ดู!!! ดูแผนมัน หึหึ
เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่ละสายการบินจัดโปรโมชั่น ผมไปเจอของสายการบินแอร์เอเชียราคาตอนนั้นถูกมาก บินตรงจากดอนเมืองไปนาริตะต่อคน สามพันกว่า (รวมๆไปกลับไม่ถึงหมื่น ลงทุนไรมากมายแค่เอาคนไปปล่อย ) รีบจองรีบจ่ายเลยผม ส่วนขากลับผมก็เอาสายการบินเดิมนี่แหละแต่กลับที่สนามบินนานาชาติคันไซ มาดอนเมือง ได้วันไปแน่นอนคือ 30 พ.ย 59 – 8 ธ.ค. 59 พอรู้วันไปที่แน่นอนปุ๊บ เวลาที่เหลือ 2 เดือนจากนี้คือหาข้อมูลพาคนไปปล่อยให้หลงแล้วกลับมาไม่ได้ครับ หึหึ
สิ่งแรกหาที่พักก่อน ……………
ผมใช้บริการจาก Agoda และ Booking นั่งหานั่งอ่านรีวิวในapp จนได้มา 2 ที่ 3 คืนแรกจองโรงแรม richmond hotel premier tokyo oshiage ( จ่ายที่โรงแรมโดยตรงวันพักแต่ที่ตรงนี้ผมผิดพลาดไปเรื่องนึงเดี๋ยวมาเล่าครับ) และ 3 คืนหลังพักที่ Richmond Hotel Higashi Osaka ( จ่ายที่โรงแรมโดยตรงวันพักเช่นกัน) 2 ที่นี้ดียังไงคือที่ผมอ่านรีวิวมา มันใกล้สถานีรถไฟใต้ดินมากครับใกล้ร้านสะดวกซื้อ เหมาะแก่การมอมด้วยอาหารและขนมให้มันอ้วนตายไปเลย 55 ที่แรกใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน Oshiage ที่สองใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน Nagata ระยะทางแค่ 200 เมตรเดินถึงเที่พัก แต่ผมจะลงก่อน 1 สถานีพาเดินอ้อมสักโล หึหึ ที่แรกห้องกว้างมาก ขนาดว่าในเมืองโตเกียวแต่ค่อนข้างแพงหน่อย ส่วนห้องที่สองห้องกว้าง ใหม่สะอาด ราคาไม่แพง อาจจะสงสัยว่าแล้วอีกคืนนึงมันหายไปไหน อีเจ๊ว่าอยากลองนั่งรถบัสที่มันมีที่คลุมหัว ???? WHAT !!! (หาเรื่องมาให้จริงๆแม่คู๊นนน) ผมใช้เวลา 1 วันในการหาว่าไอรสบัสมีที่คลุมหัวคืออะไร จนได้คำตอบว่า มันคือ night bus ของบริษัท Willer express สำหรับเดินทางข้ามภาคจากโตเกียว ไป โอซาก้า ผมก็ถามว่าไอคลุมหัวมีไว้ทำไม มันว่าไม่ให้ได้ยินเสียงกรน หรา!!! นึกในใจ ก็ดีเวลารถบัสเขาจอดตามปั้มจะได้หลอกให้เข้าห้องน้ำแล้วให้คนขับๆหนีไปเลย หึ หึ อ่อ เขามีเวปด้วยนะสำหรับการจองและชำระเงิน https://willerexpress.com/en/ ผมก็จองเรียบร้อย ราคาไม่แพงด้วยนะ 2 คนตก 11,600 เยน ถ้าใครอยากลอง ไม่ต้องนั่งชินคันเซน หรือ เครื่องบินไป ประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายการเดินทางกับค่าโรงแรม1คืน หลังจากจองผ่านapp เรียบร้อยก็ปริ้นรายการจองที่ส่งมาในเมล์เก็บไว้เลย เอาไปยื่นวันพักจริง ต่อมาพอได้ที่พักเรียบร้อย
สิ่งที่สองวางแพลนคร่าวๆว่าจะไปไหนบ้าง.....
จากการที่ดูในหลายๆรีวิว ทั้งในเวปพันทิปที่เพื่อนๆหลายคนรีวิวไว้ ในYoutube ของ I love togo / Japanmase / และ NineBeerJP ( ขอบคุณมากๆครับที่รีวิวกันไว้ ) ผมจึงได้ทริปดังนี้ที่คิดว่าน่าจะตรงตามความต้องการของผมละ
30 พ.ย 59/ เดินทางจากดอนเมืองไปนาริตะ
1 ธ.ค. 59/ วัดเซนโซจิ ตลาดอเมโยโก ชิบูย่า
2 ธ.ค 59/ ฮาโกเน่ (ฟูจิ) **อันนี้จริงๆไม่ได้แพลนไว้อีเจ๊มาบอกก่อนไป อาทิตย์นึง หาข้อมูลใหม่แทบไม่ทัน ฮึม!!
3 ธ.ค 59/ ชิบูย่า ฮาราจุกุ ศาลเจ้าชินโต นั่งรถไนท์บัสwiller express ข้ามไปโอซาก้า
4 ธ.ค 59 / ปราสาทโอซาก้า โดทงบุริ
5 ธ.ค 59 / universal studio japan
6 ธ.ค 59 / Kobe animal kingdom ,Steakland
7 ธ.ค 59 / นัมบะ โดทงบุริ
8 ธ.ค 59 / บินกลับจากสถานีคันไซสู่ดอนเมือง
*** เหมือนจะเป็นทริปที่ดู โอโห้ น่าไป ไปหลายที่จังเลย แต่...มันแฝงความอำมหิตของผมอยู่ครับ หึหึ
ต่อมาหาอินเตอร์เน็ตไว้ใช้ที่ญี่ปุ่นตอนเดินทาง.........
แรกๆก็ดูเป็น pocket wifi ไว้พอถามร้านที่ให้บริการเขาแนะนำว่าไป2คน เอาเป็นซิมไปดีกว่าไม่ต้องประกันเครื่อง ไม่ต้องลำบากพกไปให้หนักเหมือนpocket wifi ความเร็วเน็ตเกินพอในการหาข้อมูลท่องเที่ยว เปิดนู้นนี่ที่ญี่ปุ่น เลยได้ซิมญี่ปุ่นแบบunlimit ของdocomo ซื้อจากiwifi.jpที่ไทย ใช้งานง่ายเน็ตแรงมาก แรกๆกังวลว่าจะสู้ wifi pocket ได้ไหม พอใช้จริงหายห่วงเลย ดีมาก ซิม7 วัน 1000บาทต่อ1ซิม คุ้ม พกแต่พาวเวอร์แบงค์ชาร์ทโทรศัพท์พอ ที่พักก็ wifi ฟรีอยู่แล้ว(เผื่ออยากดูยูทูป)
ซื้อบัตรเข้า Universal studio japan………….
ต่อมาอีเจ๊มันว่าอยากจะไปเล่นเครื่องเล่นแฮร์รี่พอตเตอร์ ซึ่งเขาบอกว่ามันสนุกมาก เหวี่งไปเหวี่ยงมาน่าจะทำให้อีเจ๊มันเวียนหัวช๊อคตายได้ ผมจัดเลยบัตร Express pass4 จองเวลาให้เล่นเครื่องเล่นนี้เลยตอนบ่ายสองครึ่ง แดดๆนี่ละให้เมาแดดไปด้วยเลย (ลงทุนหน่อยผลกำไรงามแน่นอน หึหึ) เท่าที่ดูรีวิวมาเขาบอกว่าที่ universal studio japan นี้คนเยอะมากๆๆไม่เว้นแม้กระทั้งวันธรรมดา(ซึ่งก็จริงผมไปวันจันทร์คนมายังกะมาชุมนุมทุกคนมุ่งแต่ไปเครื่องเล่นแฮร์รี่พอตเตอร์) ต้องซื้อบัตรไปเลยจากที่ไทยผ่านทางตัวแทน ไม่งั้นรอซื้อบัตรที่นู้น นาน ซึ่งผมหาข้อมูลมาก็ได้ใช้บริการจากบริษัท compaxworld ตั๋วเข้า 2 คนราคา4,800 บาท WTF!!!! ยังไม่หมดบัตร express pass4 อีก 2คน 3,400 บาท บอกตรงๆผมไม่เคยเข้าสวนสนุกที่ไหนจ่ายเกือบหมื่นขนาดนี้มาก่อน (แต่ถ้ามันได้ผลก็คุ้ม หึหึ )
เตรียมซื้อยาสามัญประจำบ้านไว้เผื่อตัวเองเป็นไรก่อนอีเจ๊ ……………..
เคยอ่านรีวิวหลายๆคนมาเขาว่าที่ญี่ปุ่น ไม่ขายยาให้ถ้าไม่มีใบสั่งยาจากแพทย์ มีคนไทยไปซื้อยาพาราเซตาม่อน เขาไม่รู้จักว่างั้น ปวดท้องก็ซื้อยาไม่ได้ (แลดูน่ากลัว แต่ก็เหมาะสำหรับแผนปล่อยอีเจ้ของผม ) จัดไปเลยยาจากไทย ไทลินอล แป่งนึง ยาธาตุน้ำขาวกระต่ายบิน ยาแก้แพ้แบบไม่ง่วง ยาแก้อาหารเป็นพิษ ยากระเพราะ อะไรที่คิดว่าจำเป็นจัดหมดลงกระเป๋าโหลดใต้เครื่อง ผมไม่บอกอีเจ๊มันหรอก หึหึ
ต่อมาเตรียมเสื้อผ้า…………………
เชื่อไหมผมเอาชุดไปแค่ชุดเดียว heattech เสื้อกางเกงถุงเท้าของ ยูนิโคล กับเสื้อหนาว แค่นั้น เอาไปไมเยอะแยะหนักกระเป๋าถือสบายๆ ชุดที่เหลือไปซื้อยูนิโคลที่นู้นหมด (ถูกกว่าเยอะเลย tax free อีกต่างหาก) นู้นอีเจ้ขนไปอย่างเยอะ ปล่อยมันให้มันเข็นลำบาก จะได้รู้เวลาแบกกระเป๋าขึ้นบันไดบันเป็นยังไง หึหึ แค่คิดก็สนุกแล้ว
โอเคตอนนี้เตรียมข้อมูลการพาอีเจ๊ไปปล่อยทุกสิ่งอย่างเรียบร้อยแล้ว รอวันเดินทางจริง..........
***ก่อนวันเดินทางจริงมีเมล์จากที่พักทั้งสองที่เข้ามาสอบถามว่าเราจะเข้าพักกี่โมง ( ดีมากๆเลยประทับใจ ) ผมก็ตอบกลับไปเลยโดยใช้ app แปลภาษาของ google พิมพ์ไทยไปก่อนให้มันแปลมาเป็นประโยคผิดถูกช่างมัน (ก็โอเคอยู่นะ สื่อสารกับเขาได้ แนะนำให้โหลดไว้ครับไม่ต้องใช้เน็ตด้วยนะ ) ว่าคืนแรกผมจะเข้าที่พักประมาณ 3 ทุ่ม เขาก็แนะนำมาว่าการมาสถานี Oshiage หลัง 5 โมงเย็นคุณต้องนั่งรถไฟสายนี้ๆๆ มาลงที่สถานี Aoto ก่อนแล้วเปลี่ยนรถไฟมาลงที่สถานี Oshiage ผมก็ตอบกลับไปว่าขอบคุณมากๆถ้าไม่บอกนี่ผมหลงแน่นอน ประเด็นนี้ผมเคยเห็นในพันทิปนี่แหละเถียงกันว่าการจะไปสถานีแบบผมต้องเปลี่ยนรถที่สถานี aoto ไหม บางคนว่าไม่ต้องลง บางคนก็ว่าต้องลง ตอนนี้ผมรู้ละ อยากรู้ลงไม่ลงดูตารางเดินทางของรถไฟสายนี้ไปเลยครับตามlink http://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/us/timetable/index.php
เดี๋ยวมาต่อDay 1 ครับ ตัวอักษรจะครบหมื่นพิมพ์ไม่ได้
DAY1 ดอนเมืองสู่นาริตะ