" วัดพระธรรมกาย " ในมุมที่ผมรู้จัก
ข้อความนี้อาจจะยาวสักหน่อย แต่อยากให้อ่านจนจบ โดยเฉพาะเรื่องราวในตอนจบ จะมีความสำคัญพอสมควร แต่ก็ต้องอ่านตอนแรกด้วยเพราะสำคัญไม่แพ้กันต้องบอกก่อน ว่า ผมผ่านการปฏิบัติธรรมมาทั้งสิ้น 8 ปี
ใน 3 ปีแรกเป็นลูกศิษย์สายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ(แต่บุญผมน้อยที่ไม่ได้ฝึกกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
ใน 5 ปีหลังมานี่ ผมฝึกตามสายหลวงปู่มั่น สายวัดป่า และอยู่ป่าเขาดงดอน มาโดยตลอด ผมไม่เคยฝึกการปฏิบัติตามแนวของธรรมกายเลยแม้แต่นิดเดียวจึงไม่อาจทราบได้ว่า แนวของธรรมกายนั้นดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด แต่ประการใด คนจำนวนมากต่างวิพาก โจมตีว่า วัดธรรมกาย สอนผิด
ตอนแรกผมเองก็เคลิ่มหลงเชื่อตามกระแสสังคมกับเขาเหมือนกัน ว่า เป็นเช่นนั้น ต่อมา ผมผ่านประสบการณ์เกี่ยวกับพระในพระพุทธศาสนาที่ถูกโจมตีจำนวนหลายรูป และเมื่อศึกษากับตัวท่านอย่างใกล้ชิดแล้ว มันกลับไม่ได้เป็นตามที่กระแสสังคมชอบยัดเยียดให้กับท่าน
ตัวอย่างเช่น
หลวงพ่อปราโมชช์ ปราโมชโช แห่งสวนสันติธรรม ที่ผมไปหลงเชื่อกระแสข่าวในช่วงแรก จึงไม่สนใจคำสอนของท่าน ทำให้ผมเกือบพลาดสิ่งดีที่สุดในชีวิตผมไป
ท่านวีรธู แห่งพม่า พระที่คนไทย และสังคมโลก พยายามยัดเยียดให้ว่าท่านคือพระหัวรุนแรง ซึ่งแรกๆ ผมก็เชื่อ แต่เมื่อได้รู้จักกับท่านจริงๆ แล้ว ศึกษาของจริงแล้ว มันกลับเป็นเรื่องที่ตรงกันข้าม
สององค์นี้เป็นต้น
ย้อนกลับมาที่ธรรมกาย เมื่อผมได้มีประสบการณ์เช่นนี้ กับพระหลายรูปที่ถูกสังคมเล่นงาน แล้วของจริงก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ผมจึงค่อยๆ มาพิจารณาด้วยตนเอง
ข้อคิดและคำถามสำหรับตัวผมเองที่ได้ จากการตั้งสติ คือ ในเมื่อสังคมโจมตี ท่านธัมมชโย อย่างมากมายในทางเสียหาย ต่างๆนานา แต่
1. ทำไม ลูกศิษย์จึงยังแน่นวัด
2. ทำไม ลูกศิษย์ท่านแต่ละคน ไม่ใช่คนโง่ที่จะให้ใครหลอกง่าย
3. ทำไม ลูกศิษย์ท่านจำนวนมาก เป็นคนมีชื่อเสียงในสังคม
4. ทำไม ตอนนี้ลูกศิษย์ท่าน จึงยอมสละงาน สละเวลา สละหน้าที่ส่วนตัว
5. ทำไม ตอนนี้ลูกศิษย์ท่าน จึงเอาชีวิตมาเป็นเดิมพัน มาปกป้องท่าน
6. ทำไม ลูกศิษย์จึงไม่ใช่ความรุนแรง กลับเลือกที่จะสวดมนต์แทน
ทำไมละลูกศิษย์ท่านแต่ละคนล้วนมีการศึกษาสูง และเป็นคนฉลาด ในเมื่อสังคมล้วนโจมตีท่านเช่นนั้นอย่างหนักหน่วง ทำไมเขาจะไม่คิดเองได้ ทำไมเขาจะไม่ศึกษาเองได้เพราะอยู่ใกล้ชิด สิ่งที่แหละที่น่าคิด และสังคม กลับละเลย
ผมเองก็ไม่ขอยืนยันเรื่องที่ท่านผิดหรือถูก ทั้งเรื่องคำสอน และเรื่องกฏหมาย เพราะ
1. ผมไม่เคยศึกษาแนวทางและไม่เคยปฏิบัติในแนวทางธรรมกายเลย
2. ผมไม่เคยเข้าวัดธรรมกายเลยนอกจากขับรถผ่าน
3. ผมไม่ใช่นักกฏหมาย
ทั้ง 3 ข้อนี้ทำให้ผมได้ข้อคิดว่า ผมเองไม่ควรตัดสินว่า ท่านธัมชโย ผิดหรือถูก ตามกระแสของสังคม
อีกเรื่องที่สำคัญ ที่ผมจะไม่นำมาพูดก็ไม่ได้ เพื่อให้สังคมฉุกคิดตามผมบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งมันมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันอยู่พอสมควร แต่สังคมไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ผมเองรู้เรื่องเพราะลงไปสัมผัสเรื่องนี้ด้วยตนเอง
คือ " พระที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ "
ถ้าหลายท่านได้ศึกษา และลงไปสัมผัสกับพระที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ผมเชื่อว่า ชาวพุทธจำนวนมาก จะต้องหลั่งน้ำตา ให้กับพระใน 3 จังหวัดชายแดนใต้อย่างนอน
1. ท่านโดนคนฆ่าท่านจำนวนหลายรูปแล้ว
2. ขณะบิณฑบาต ท่านโดนคนมาถ่มน้ำลายใส่ท่านบ้าง เอาก้อนหินปาใส่ศรีษะท่านบ้าง ด่าท่านว่าไอ้โล้นขอทานบ้าง
แต่พระท่านเหล่านี้ ไม่เคยหนี และไม่คิดจะหนี ท่านอดทนต่อสิ่งเหล่านี้ ผมไปถามท่านด้วยตนเองที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ว่าทำไมท่านไม่หนี และจะมีเหตุผลใดที่ท่านจะหนี ผมได้รับคำตอบ ที่ทำให้จุกอกจนแทบจะกลั่นน้ำตาไม่ไหวเลยทีเดียว ว่า
1.ท่านเกิดที่นี่
2.ท่านจะยึดมั่นในพระพุทธศาสนาจึงจะไม่ตอบโต้ผู้ที่เล่นงานในรูปแบบใดๆ
3.หากต้องหนี หมายถึง พุทธสิ้นจากดินแดน 3 จังหวัดนี้อย่างสิ้นเชิงจริงๆ แล้วเมื่อนั้น พระท่านจะเป็นกลุ่มบุคคลสุดท้าย หากมีชีวิตรอด ท่านจึงจะยอม อบยพ หลบหนี เป็นกลุ่มสุดท้าย
ผมจึงแทบจะกลั่นน้ำตา แห่งความเสียสละของท่านแทบจะไม่ไหว
ผมย้อนถามพระท่าน ว่า แล้วทุกวันนี้ท่านดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร ในสถานการณ์เช่นนี้ มีใครมาช่วยท่านบ้าง
คำตอบที่ผมได้รับ กลับเป็นสิ่งที่ผมซึ่งเป็นชาวพุทธ ไม่เคยรับรู้ ไม่เคยรับทราบมาก่อนเลยในชีวิต และสื่อต่างๆ ไม่เคยนำเสนอออกข่าว ไม่เคยคิดจะเผยแพร่ความจริงเรื่องนี้ให้สังคมได้รับทราบเรื่องนี้เลย นั่นคือ " ธรรมกาย "
ธรรมกาย ช่วยเหลือพระใน 3 จังหวัดขายแดนใต้มานาน ช่วยด้านไหนบ้างละ ที่ทราบ มี 2 ข้อ คือ
1.ธรรมกายส่งเงินมาให้พระท่านจับจ่ายใช่สอยทั้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้ (ดังนั้นใครบริจาคเงินให้วัดธรรมกาย ขอให้ท่านภูมิใจอย่างหนึ่งได้เลยว่า เงินเหล่านั้นส่วนหนึ่งถูกส่งมาช่วยพระใน 3 จังหวัดชายแดนใต้)
2.ธรรมกายส่งข้าวสารอาหารแห้งที่พระท่านบิณฑบาตแล้วเหลือ ของเหล่านี้ได้ถูกส่งให้พระทั่วทั้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้
ขณะนี้พระใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ อาศัยศรัทธาที่ชาวพุทธมีต่อวัดธรรมกาย ทำบุญให้วัดธรรมกาย และท่านก็ได้ส่งทั้งเงินและข้าวสารอาหารแห้งมาช่วยพระทั้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้นี้มาโดยตลอด
(ที่ผมกล่าวมานี้ไม่ได้หมายความว่า มีเฉพาะธรรมกายเท่านั้นที่ให้การช่วยเหลือพระใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพราะยังมีส่วนจากรัฐและคณะสงฆ์ช่วยด้วย เพียงแต่วัดธรรมกายเป็นกำลังหลักในการช่วยอย่างมาก)
ผมถามพระท่านว่า ธรรมกายช่วยมานานหรือยัง ท่านตอบว่า ช่วยมานานมากหลายปีแล้ว เรียกว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ แล้วพระถูกรังแก ถูกเล่นงานจนพระจำนวนมากไม่สามารถบิณฑบาตได้ ก็ได้ธรรมกายนี้แหละเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยในสถานการณ์นี้
ที่สำคัญ จากเงินที่ธรรมกายให้การช่วยเหลือมาโดยตลอด และข้าวสารอาหารแห้งที่วัดธรรมกายส่งมาให้ ทำให้พระท่าน ทำงานได้หลายด้านมากขึ้น นั่นคือ
1.สามารถมีเงินและอาหารในการดำรงชีวิต
2.นำเอาข้าวสารอาหารแห้งเหล่านี้ไปช่วยแจกจ่ายให้คนพุทธและมุสลิมในพื้นที่ใกล้ๆวัด เมื่อเขาตกยากลำบาก
โดยเฉพาะข้อ 2 นี้ เมื่อท่านทำสังคมสงเคราะห์เช่นนี้แล้วก็ได้รับผล คือ คนเหล่านี้ทั้งชาวพุทธและมุสลิม เป็นเกราะกำบังให้ท่าน ให้พระท่านสามารถดำรงอยู่เพื่อรักษาพระพุทธศาสนาให้อยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้นานขึ้นและลำบากน้อยลงกว่าที่ควรเป็น
เมื่อผมทราบ ผมตกใจ ว่า ธรรมกายทำเรื่องดีมากๆ เหล่านี้ ทำไมชาวพุทธไม่ทราบ ซึ่งผมเองก็ไม่เคยทราบมาก่อนเลย
ทำไมเรื่องดีๆ น่าสรรเสริญ เช่นนั้น กลับถูกปิดเป็นความลับ
แต่พระท่านบอกผมอีกว่า เรื่องธรรมกาย อาจเป็นเรื่องที่ชาวพุทธและคนไทยในพื้นที่อื่นๆไม่ทราบ
แต่คนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ทั้งพุทธและมุสลิม เขาทราบกันดี แม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม ที่สำคัญ กลุ่มที่ก่อความไม่สงบที่ประสงค์จะเล่นงานพระเขาทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี
นี่แหละคือสิ่งที่ผมกำลังตั้งข้อสงสัย คือสิ่งที่ผมชวนคนให้ฉุกคิด ว่า
ถ้าโค่นธรรมกาย สำเร็จ แล้วพระใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ท่านจะทำอย่างไร ละ
1.พุทธจะไม่สิ้นไปจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้เร็วขึ้นอีกรึ เพระพระท่านจะได้รับการช่วยเหลือด้านการเงินจากใครละ
2.พระท่านก็จะไม่ได้รับข้าวสารอาหารแห่งจากธรรมกายอีกต่อแล้วท่านจะทำสังคมสงเคราะห์ให้คนรอบๆ วัดมาเป็นเกราะคุ้มกันภัยได้อย่างไรเล่า
รึ การโค่นธรรมกายนี้ มีใครอื่นที่ประสงค์จะขับไล่พระและชาวพุทธให้สิ้นไปจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ มาร่วมในขบวนการนี้ด้วยหรือเปล่าหนอ
อืม น่าสงสัย น่าฉุกคิดนะ
ฝากให้คนชาวพุทธช่วยคิดตาม และฉุกคิดกันบ้าง ในแต่ละเรื่องที่ผมกล่าวไป
แต่ระวัง ถ้าท่านฉุกคิด แล้วคิดออกมาเป็นเสียงดังๆ ก็อาจจะมีคนมาบอกว่าท่าน คือธรรมกายบ้าง หรือ รับเงินจากธรรมกายบ้าง ซึ่งท่านก็คงต้องทำใจ รอการกล่าวหาได้เลย เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ คงไม่ต้องการให้สังคมฉุกคิด ดังนั้น จึงต้องทำลายความน่าเชื่อถือโดยเร็วว่า ท่านเป็นธรรมกายบ้าง หรือ รับเงินธรรมกายบ้าง แต่คนจะมาบอกแก่สังคมนั้น ขอให้คิดว่า การทำงานนี้ คือ ช่วยพระพุทธศาสนาในอีกด้านหนึ่ง มุมหนึ่ง แม้จะโดนเล่นงานบ้างก็คงต้องยอม แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้คือ จะช่วยปกป้องพระพุทธศาสนาไว้ได้ไม่มากก็น้อย และเราก็จะได้บารมีไปด้วย เพราะการไม่หลงชื่อกระแสสังคม ที่พยายามสร้างเรื่องให้เป็นผลลบต่อพระพุทธศาสนาอย่างเป็นกระบวนการอย่างหนักหน่วงในยุคนี้
วันนี้ชาวพุทธต้องช่วยกันครับ
ตอนนี้อย่าเพิ่งไปคิดเลยครับ ว่าใครจะเป็นพุทธนิกายอะไร นับถือสำนักไหน วางเรื่องเหล่านี้ไว้ก่อนเถิดครับ ภัยพระพุทธศาสนามันรุนแรงจริงๆ ขอให้ทุกท่านมาช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนาร่วมกันก่อน และให้คิดเหมือนๆ กันว่า ใครจะนับถือพุทธนิกายไหนก็ช่าง ใครจะยึดสำนักไหนก็ช่าง นาทีนี้ ขอให้ไหว้พระพุทธเจ้าองค์เดียวกันก็พอ และถ้าใครไหว้พระพุทธเจ้าองค์เดียวกันแล้ว ตอนนี้ให้ถือว่าเป็นพวกเดียวกันนั้น
ส่วนเรื่องที่ไม่พอใจอะไรกัน วางไว้ก่อน ช่วยพระพุทธศาสนาในภาพรวมก่อน ขอให้วางเรื่องทะเลาะกันก่อน เมื่อปกป้องพระพุทธศาสนาได้แล้ว ค่อยกลับมาทะเลาะกันต่อ
ตอนนี้เรามีหน้าที่ต้องรักษาพระพุทธศาสนาไว้ก่อน ไม่ใช่จะมาทะเลาะกัน
ผนึกกำลังชาวพุทธ หยุดภัยคุกคาม
We Are Buddhists
พวกเราคือชาวพุทธ
นายกรณ์ มีดี
เลขาธิการสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย
นายกสมาคมทางสายกลาง
15 ธ.ค. 2559
เลขาธิการสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย เขียนถึงวัดพระธรรมกาย อีกแง่มุมที่คนไม่รู้
ข้อความนี้อาจจะยาวสักหน่อย แต่อยากให้อ่านจนจบ โดยเฉพาะเรื่องราวในตอนจบ จะมีความสำคัญพอสมควร แต่ก็ต้องอ่านตอนแรกด้วยเพราะสำคัญไม่แพ้กันต้องบอกก่อน ว่า ผมผ่านการปฏิบัติธรรมมาทั้งสิ้น 8 ปี
ใน 3 ปีแรกเป็นลูกศิษย์สายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ(แต่บุญผมน้อยที่ไม่ได้ฝึกกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
ใน 5 ปีหลังมานี่ ผมฝึกตามสายหลวงปู่มั่น สายวัดป่า และอยู่ป่าเขาดงดอน มาโดยตลอด ผมไม่เคยฝึกการปฏิบัติตามแนวของธรรมกายเลยแม้แต่นิดเดียวจึงไม่อาจทราบได้ว่า แนวของธรรมกายนั้นดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด แต่ประการใด คนจำนวนมากต่างวิพาก โจมตีว่า วัดธรรมกาย สอนผิด
ตอนแรกผมเองก็เคลิ่มหลงเชื่อตามกระแสสังคมกับเขาเหมือนกัน ว่า เป็นเช่นนั้น ต่อมา ผมผ่านประสบการณ์เกี่ยวกับพระในพระพุทธศาสนาที่ถูกโจมตีจำนวนหลายรูป และเมื่อศึกษากับตัวท่านอย่างใกล้ชิดแล้ว มันกลับไม่ได้เป็นตามที่กระแสสังคมชอบยัดเยียดให้กับท่าน
ตัวอย่างเช่น
หลวงพ่อปราโมชช์ ปราโมชโช แห่งสวนสันติธรรม ที่ผมไปหลงเชื่อกระแสข่าวในช่วงแรก จึงไม่สนใจคำสอนของท่าน ทำให้ผมเกือบพลาดสิ่งดีที่สุดในชีวิตผมไป
ท่านวีรธู แห่งพม่า พระที่คนไทย และสังคมโลก พยายามยัดเยียดให้ว่าท่านคือพระหัวรุนแรง ซึ่งแรกๆ ผมก็เชื่อ แต่เมื่อได้รู้จักกับท่านจริงๆ แล้ว ศึกษาของจริงแล้ว มันกลับเป็นเรื่องที่ตรงกันข้าม
สององค์นี้เป็นต้น
ย้อนกลับมาที่ธรรมกาย เมื่อผมได้มีประสบการณ์เช่นนี้ กับพระหลายรูปที่ถูกสังคมเล่นงาน แล้วของจริงก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ผมจึงค่อยๆ มาพิจารณาด้วยตนเอง
ข้อคิดและคำถามสำหรับตัวผมเองที่ได้ จากการตั้งสติ คือ ในเมื่อสังคมโจมตี ท่านธัมมชโย อย่างมากมายในทางเสียหาย ต่างๆนานา แต่
1. ทำไม ลูกศิษย์จึงยังแน่นวัด
2. ทำไม ลูกศิษย์ท่านแต่ละคน ไม่ใช่คนโง่ที่จะให้ใครหลอกง่าย
3. ทำไม ลูกศิษย์ท่านจำนวนมาก เป็นคนมีชื่อเสียงในสังคม
4. ทำไม ตอนนี้ลูกศิษย์ท่าน จึงยอมสละงาน สละเวลา สละหน้าที่ส่วนตัว
5. ทำไม ตอนนี้ลูกศิษย์ท่าน จึงเอาชีวิตมาเป็นเดิมพัน มาปกป้องท่าน
6. ทำไม ลูกศิษย์จึงไม่ใช่ความรุนแรง กลับเลือกที่จะสวดมนต์แทน
ทำไมละลูกศิษย์ท่านแต่ละคนล้วนมีการศึกษาสูง และเป็นคนฉลาด ในเมื่อสังคมล้วนโจมตีท่านเช่นนั้นอย่างหนักหน่วง ทำไมเขาจะไม่คิดเองได้ ทำไมเขาจะไม่ศึกษาเองได้เพราะอยู่ใกล้ชิด สิ่งที่แหละที่น่าคิด และสังคม กลับละเลย
ผมเองก็ไม่ขอยืนยันเรื่องที่ท่านผิดหรือถูก ทั้งเรื่องคำสอน และเรื่องกฏหมาย เพราะ
1. ผมไม่เคยศึกษาแนวทางและไม่เคยปฏิบัติในแนวทางธรรมกายเลย
2. ผมไม่เคยเข้าวัดธรรมกายเลยนอกจากขับรถผ่าน
3. ผมไม่ใช่นักกฏหมาย
ทั้ง 3 ข้อนี้ทำให้ผมได้ข้อคิดว่า ผมเองไม่ควรตัดสินว่า ท่านธัมชโย ผิดหรือถูก ตามกระแสของสังคม
อีกเรื่องที่สำคัญ ที่ผมจะไม่นำมาพูดก็ไม่ได้ เพื่อให้สังคมฉุกคิดตามผมบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งมันมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันอยู่พอสมควร แต่สังคมไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ผมเองรู้เรื่องเพราะลงไปสัมผัสเรื่องนี้ด้วยตนเอง
คือ " พระที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ "
ถ้าหลายท่านได้ศึกษา และลงไปสัมผัสกับพระที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ผมเชื่อว่า ชาวพุทธจำนวนมาก จะต้องหลั่งน้ำตา ให้กับพระใน 3 จังหวัดชายแดนใต้อย่างนอน
1. ท่านโดนคนฆ่าท่านจำนวนหลายรูปแล้ว
2. ขณะบิณฑบาต ท่านโดนคนมาถ่มน้ำลายใส่ท่านบ้าง เอาก้อนหินปาใส่ศรีษะท่านบ้าง ด่าท่านว่าไอ้โล้นขอทานบ้าง
แต่พระท่านเหล่านี้ ไม่เคยหนี และไม่คิดจะหนี ท่านอดทนต่อสิ่งเหล่านี้ ผมไปถามท่านด้วยตนเองที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ว่าทำไมท่านไม่หนี และจะมีเหตุผลใดที่ท่านจะหนี ผมได้รับคำตอบ ที่ทำให้จุกอกจนแทบจะกลั่นน้ำตาไม่ไหวเลยทีเดียว ว่า
1.ท่านเกิดที่นี่
2.ท่านจะยึดมั่นในพระพุทธศาสนาจึงจะไม่ตอบโต้ผู้ที่เล่นงานในรูปแบบใดๆ
3.หากต้องหนี หมายถึง พุทธสิ้นจากดินแดน 3 จังหวัดนี้อย่างสิ้นเชิงจริงๆ แล้วเมื่อนั้น พระท่านจะเป็นกลุ่มบุคคลสุดท้าย หากมีชีวิตรอด ท่านจึงจะยอม อบยพ หลบหนี เป็นกลุ่มสุดท้าย
ผมจึงแทบจะกลั่นน้ำตา แห่งความเสียสละของท่านแทบจะไม่ไหว
ผมย้อนถามพระท่าน ว่า แล้วทุกวันนี้ท่านดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร ในสถานการณ์เช่นนี้ มีใครมาช่วยท่านบ้าง
คำตอบที่ผมได้รับ กลับเป็นสิ่งที่ผมซึ่งเป็นชาวพุทธ ไม่เคยรับรู้ ไม่เคยรับทราบมาก่อนเลยในชีวิต และสื่อต่างๆ ไม่เคยนำเสนอออกข่าว ไม่เคยคิดจะเผยแพร่ความจริงเรื่องนี้ให้สังคมได้รับทราบเรื่องนี้เลย นั่นคือ " ธรรมกาย "
ธรรมกาย ช่วยเหลือพระใน 3 จังหวัดขายแดนใต้มานาน ช่วยด้านไหนบ้างละ ที่ทราบ มี 2 ข้อ คือ
1.ธรรมกายส่งเงินมาให้พระท่านจับจ่ายใช่สอยทั้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้ (ดังนั้นใครบริจาคเงินให้วัดธรรมกาย ขอให้ท่านภูมิใจอย่างหนึ่งได้เลยว่า เงินเหล่านั้นส่วนหนึ่งถูกส่งมาช่วยพระใน 3 จังหวัดชายแดนใต้)
2.ธรรมกายส่งข้าวสารอาหารแห้งที่พระท่านบิณฑบาตแล้วเหลือ ของเหล่านี้ได้ถูกส่งให้พระทั่วทั้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้
ขณะนี้พระใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ อาศัยศรัทธาที่ชาวพุทธมีต่อวัดธรรมกาย ทำบุญให้วัดธรรมกาย และท่านก็ได้ส่งทั้งเงินและข้าวสารอาหารแห้งมาช่วยพระทั้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้นี้มาโดยตลอด
(ที่ผมกล่าวมานี้ไม่ได้หมายความว่า มีเฉพาะธรรมกายเท่านั้นที่ให้การช่วยเหลือพระใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพราะยังมีส่วนจากรัฐและคณะสงฆ์ช่วยด้วย เพียงแต่วัดธรรมกายเป็นกำลังหลักในการช่วยอย่างมาก)
ผมถามพระท่านว่า ธรรมกายช่วยมานานหรือยัง ท่านตอบว่า ช่วยมานานมากหลายปีแล้ว เรียกว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ แล้วพระถูกรังแก ถูกเล่นงานจนพระจำนวนมากไม่สามารถบิณฑบาตได้ ก็ได้ธรรมกายนี้แหละเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยในสถานการณ์นี้
ที่สำคัญ จากเงินที่ธรรมกายให้การช่วยเหลือมาโดยตลอด และข้าวสารอาหารแห้งที่วัดธรรมกายส่งมาให้ ทำให้พระท่าน ทำงานได้หลายด้านมากขึ้น นั่นคือ
1.สามารถมีเงินและอาหารในการดำรงชีวิต
2.นำเอาข้าวสารอาหารแห้งเหล่านี้ไปช่วยแจกจ่ายให้คนพุทธและมุสลิมในพื้นที่ใกล้ๆวัด เมื่อเขาตกยากลำบาก
โดยเฉพาะข้อ 2 นี้ เมื่อท่านทำสังคมสงเคราะห์เช่นนี้แล้วก็ได้รับผล คือ คนเหล่านี้ทั้งชาวพุทธและมุสลิม เป็นเกราะกำบังให้ท่าน ให้พระท่านสามารถดำรงอยู่เพื่อรักษาพระพุทธศาสนาให้อยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้นานขึ้นและลำบากน้อยลงกว่าที่ควรเป็น
เมื่อผมทราบ ผมตกใจ ว่า ธรรมกายทำเรื่องดีมากๆ เหล่านี้ ทำไมชาวพุทธไม่ทราบ ซึ่งผมเองก็ไม่เคยทราบมาก่อนเลย
ทำไมเรื่องดีๆ น่าสรรเสริญ เช่นนั้น กลับถูกปิดเป็นความลับ
แต่พระท่านบอกผมอีกว่า เรื่องธรรมกาย อาจเป็นเรื่องที่ชาวพุทธและคนไทยในพื้นที่อื่นๆไม่ทราบ
แต่คนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ทั้งพุทธและมุสลิม เขาทราบกันดี แม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม ที่สำคัญ กลุ่มที่ก่อความไม่สงบที่ประสงค์จะเล่นงานพระเขาทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี
นี่แหละคือสิ่งที่ผมกำลังตั้งข้อสงสัย คือสิ่งที่ผมชวนคนให้ฉุกคิด ว่า
ถ้าโค่นธรรมกาย สำเร็จ แล้วพระใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ท่านจะทำอย่างไร ละ
1.พุทธจะไม่สิ้นไปจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้เร็วขึ้นอีกรึ เพระพระท่านจะได้รับการช่วยเหลือด้านการเงินจากใครละ
2.พระท่านก็จะไม่ได้รับข้าวสารอาหารแห่งจากธรรมกายอีกต่อแล้วท่านจะทำสังคมสงเคราะห์ให้คนรอบๆ วัดมาเป็นเกราะคุ้มกันภัยได้อย่างไรเล่า
รึ การโค่นธรรมกายนี้ มีใครอื่นที่ประสงค์จะขับไล่พระและชาวพุทธให้สิ้นไปจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ มาร่วมในขบวนการนี้ด้วยหรือเปล่าหนอ
อืม น่าสงสัย น่าฉุกคิดนะ
ฝากให้คนชาวพุทธช่วยคิดตาม และฉุกคิดกันบ้าง ในแต่ละเรื่องที่ผมกล่าวไป
แต่ระวัง ถ้าท่านฉุกคิด แล้วคิดออกมาเป็นเสียงดังๆ ก็อาจจะมีคนมาบอกว่าท่าน คือธรรมกายบ้าง หรือ รับเงินจากธรรมกายบ้าง ซึ่งท่านก็คงต้องทำใจ รอการกล่าวหาได้เลย เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ คงไม่ต้องการให้สังคมฉุกคิด ดังนั้น จึงต้องทำลายความน่าเชื่อถือโดยเร็วว่า ท่านเป็นธรรมกายบ้าง หรือ รับเงินธรรมกายบ้าง แต่คนจะมาบอกแก่สังคมนั้น ขอให้คิดว่า การทำงานนี้ คือ ช่วยพระพุทธศาสนาในอีกด้านหนึ่ง มุมหนึ่ง แม้จะโดนเล่นงานบ้างก็คงต้องยอม แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้คือ จะช่วยปกป้องพระพุทธศาสนาไว้ได้ไม่มากก็น้อย และเราก็จะได้บารมีไปด้วย เพราะการไม่หลงชื่อกระแสสังคม ที่พยายามสร้างเรื่องให้เป็นผลลบต่อพระพุทธศาสนาอย่างเป็นกระบวนการอย่างหนักหน่วงในยุคนี้
วันนี้ชาวพุทธต้องช่วยกันครับ
ตอนนี้อย่าเพิ่งไปคิดเลยครับ ว่าใครจะเป็นพุทธนิกายอะไร นับถือสำนักไหน วางเรื่องเหล่านี้ไว้ก่อนเถิดครับ ภัยพระพุทธศาสนามันรุนแรงจริงๆ ขอให้ทุกท่านมาช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนาร่วมกันก่อน และให้คิดเหมือนๆ กันว่า ใครจะนับถือพุทธนิกายไหนก็ช่าง ใครจะยึดสำนักไหนก็ช่าง นาทีนี้ ขอให้ไหว้พระพุทธเจ้าองค์เดียวกันก็พอ และถ้าใครไหว้พระพุทธเจ้าองค์เดียวกันแล้ว ตอนนี้ให้ถือว่าเป็นพวกเดียวกันนั้น
ส่วนเรื่องที่ไม่พอใจอะไรกัน วางไว้ก่อน ช่วยพระพุทธศาสนาในภาพรวมก่อน ขอให้วางเรื่องทะเลาะกันก่อน เมื่อปกป้องพระพุทธศาสนาได้แล้ว ค่อยกลับมาทะเลาะกันต่อ
ตอนนี้เรามีหน้าที่ต้องรักษาพระพุทธศาสนาไว้ก่อน ไม่ใช่จะมาทะเลาะกัน
ผนึกกำลังชาวพุทธ หยุดภัยคุกคาม
We Are Buddhists
พวกเราคือชาวพุทธ
นายกรณ์ มีดี
เลขาธิการสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย
นายกสมาคมทางสายกลาง
15 ธ.ค. 2559