สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาว pantip เกริ่นก่อนว่าเราไม่เคยรู้จัก Seosan มาก่อนแต่เจอโดยบังเอิญจาก Wikipedia สนใจเลยหาข้อทั้ง Version English
และ Korean(ใช้ google translation พอใจความคร่าวๆ)เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ
Seosan อยู่ในเขต Chungcheongnam do ทางตะวันตกของเกาหลีใต้
ทริปเราวันที่ 7-11 ธันวาคมที่ผ่านมาเราไปคนเดียวไม่มีคนรู้จักที่เกาหลี พอจะอ่านอักษรเกาหลีได้สะกดได้
แต่ไม่รู้ความหมายมีประโยชน์เอาไว้อ่านชื่อสายรถเมล์และป้ายต่างๆที่ไม่มีภาษาอังกฤษในเขตนอกเมือง
เห็นมีกระแสว่าคนไทยผ่าน ตม.ยาก เรามาถึงสนามบินอินชอนตอนเช้า 9.40น. ไม่มีคำถามใดๆจากเจ้าหน้าที่ตม.แอบคิดว่าอาจเพราะข่าวสารที่เราพูดถึงกันบ่อยแต่เรื่องคนไทยโดนตม.ส่งกลับ แต่จริงๆแล้วคนไทยที่ตั้งใจไปเที่ยวจริงๆก็ผ่านปกติเยอะแยะไป
จากนั้นเราออกนอกอาคารซื้อตั๋วโดยสารงานนี้เราเดินทางตาม Google map แนะนำคือนั่งรถสองต่อจากสนามบินอินชอนไปขนส่งรถสาธารณะที่อินชอนแล้วต่อรถไป Seosan
แพลนเดิมจากวิกิพิเดียเลยคือ
1.1Yeonghyeon-ri Rock-carved Buddha Triad (용현리 마애여래삼존상)
1.2Bowonsa (보원사지)
1.3Gaesimsa (개심사)
1.4Haemieupseong Fortress (해미읍성)
1.5Yeosutgol Holy Ground (해미순교성지)
1.6 Yongbiji (เพิ่มมาเองเนื่องจากเห็นในรูปแล้วเป็นทะเลสาบที่สวยมากและดูสงบ)
ถึงสถานีขนส่ง Seosanประมาณบ่ายโมง ได้แผนที่มา 1ชุดสามารถหยิบได้ฟรี เปิดดูแล้ว มีสถานที่น่าสนใจมากกว่าที่คิด
ขนส่งที่นี่ไม่ใหญ่มาก จำหน่ายตั๋วโดยสารด้วยเครื่องออกตั๋วอัตโนมัติ
ด้วยความตื่นเต้นและห่วงแต่จะทำเวลาลืมแม้แต่จะหาข้าวทาน ได้ที่พักใกล้สถานีขนส่งเป็น Motel ราคา 30,000 won ต่อคืน
แล้วตามอาจารย์ Google map นั่งรถเมล์ไปที่เป้าหมายแรก Yeonghyeon-ri Rock-carved Buddha Triad ซึ่งห่างจากตัวเมือง 11 กม.
ว่ากันว่ามีมาตั้งแต่ช่วงยุคที่เกาหลีถูกจีนยึดอำนาจไว้หรือยุดสามก๊ก ยุคนี้น่าจะประมาณ พ.ศ. 777 อ้างอิงวิกิพีเดีย
พระพุทธรูปแกะสลักบนหินที่ยืนอยู่บนใบบัวขนาบข้างด้วยพระโพธิสัตว์ทางซ้ายและขวา
สถานที่แห่งนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก รวยยิ้มของพระพุทธรูปจะแตกต่างกันไปตามช่วงเวลา แต่เค้าว่ากันว่ารอยยิ้มท่านจะดูสดใสมากในช่วงเช้า
ในรูปนี้ก็เป็นช่วงบ่ายที่ไม่มีแดดแล้วสิ เลยไม่ได้สังเกตเลย ช่วงนั้นอากาศอยู่ที่ -3 ถึง-5องศาเซลเซียส แต่ด้วยการเดินขึ้นทางชันมากเลยไม่รู้สึกว่าหนาวซะเท่าไร
ช่วงวันธรรมดาเงียบมาก มีรถเมล์สาย 480 กับ 482จากตัวเมือง Seosan ผ่านแต่จะนานมากกว่าจะมาแต่ละคัน
สถานที่ถัดไปตามแพลนไม่ไกลกันมากนักสามารถเดินถึงกันได้ประมาณ 500เมตรคือวัด Bowonsa เราเดินตามจักรยานคุณลุงท่านนี้
คล้ายๆว่าจะมีหน้าที่ตรวจพื้นที่ดูความเรียบร้อย หรือมีเหตุไฟไหม้ เหตุฉุกเฉินในระแวกนั้น จักรยานลุงเปิดเพลงดังลั่นท่าทางมีความสุขกับหน้าที่นี้มาก
วัด Bowonsa สร้างขึ้นในยุคซิลลา เต็มไปด้วยอนุสรณ์ต่างๆมากมายที่มีความเก่าแก่ที่นี่เป็นวัดเล็กๆ แต่เงียบสงบมาก เหมาะที่จะมาวิปัสนาทำสมาธิที่นี่
เห็นป้ายจากวัด Bowonsa บอกว่าสามารถถึงวัด Gaesimsaใน 1.7กม.คิดว่าไหว เดินชิลๆง่ายๆ มีขั้นบันไดตลอดทางขึ้นเขา
วัด Gaesimsa ช่วงยุคที่สร้างวัดนี้ขึ้นเมื่อเทียบเป็นพศ.แล้วน่าจะประมาณปี 2027
เหงื่อท่วมตัวแล้วเพิ่งมาได้แค่ 500 เมตร
1.5กม.แรก เดินชิลๆค่ะ มีพักบ้างครั้งละไม่เกิน 2นาทีแล้วเดินต่อ แต่พีคช่วง 600เมตรสุดท้ายก่อนถึงวัดเป็นทางชันลงซึ่งไม่เหมือนกับทางที่เรามาตอนแรก มีขั้นบันไดให้ มีม้านั่งให้ตลอดทางคือต้องอาศัยเกาะตนไม้แล้วเหยียบรากไม้แทนคั่นบันได้ รองเท้าสำคัญมากระวังลื่นได้ ขาลงยังไหวแต่ขากลับนี่แอบหวั่นไม่ได้ถ่ายรูปช่วง 600 เมตรท้ายไว้ต้องขอโทษด้วยค่ะ มือไม้ต้องเกาะให้มั่น แต่ก็มีป้ายบอกทางและมองเห็นวัดข้างล่างตะคุ่มๆ พอเดาทางได้ ปลายทางบอกเราว่าเราห่างจากวัด Bowonsa 2.1กม. ใช้เวลาจนมาถึงนี่ 2ชั่วโมงได้และที่เดินมาตลอดทางนี่ไม่ใช่ 1.7กม.สินะเพลีย 555555
ช่วง Autumn และ spring seoson คงจะสวยกว่านี้
เดินๆถึงจุดนี้ตกใจนึกว่ามีใครแอบอยู่ในห้อง ห้องมืดๆไม่มีการเปิดไฟแต่อย่างใด ลองเข้าไปไหว้พระสักหน่อย
ยังมีความ Autumn หลงเหลือนิดหน่อยในเดือนธันวาคมสินะ
ตั้งแต่มาถึงเราเพิ่มเห็นมีผู้ชายสะพายกระเป๋าเป้เดินสวนเราขึ้นไป บรรยากาศโดยรวมเงียบมาก บริเวณของวัดค่อนข้างกว้าง เราเดินไม่ทั่วใกล้ 4โมงเย็นแล้วกลัวฟ้ามืดเร็วต้องรีบกลับ
รวมระยะทางไปกลับจากวัด Bowonsa ถึงวัด Gaesimsa เกือบ 4ชั่วโมงรู้สึกปวดขามากเข้าถึงตัวเมือง Seosan ก็จัดหนักเมนูง่ายๆที่เราชอบตลอดกาลคือ กิมจิชิเกะ กับข้าวสวยเครื่องเคียงต่างๆ พร้อมโซจูขวดเราก็ฟินแล้ว ดึกๆเนี่ยหนาวเวอร์ๆๆๆๆ กลับเข้าที่พักอาบน้ำแล้วหลับเป็นตาย เราแพลนว่าพรุ่งนี้ต้องออกแต่เช้าเพื่อเก็บทริปที่เหลือให้หมดอีกสามที่
แต่ทางปฏิบัติ เราตื่นสายที่ๆเราอยากไปมากๆคือ Yongbiji ขออนุญาตโพสรูปที่เจอในอินเตอร์เนตเครดิตรูปของคุณ Wonbong Yu
ถ้าจะให้สวยก็คงจะต้องเป็นช่วง Autumn หรือเพื่อนๆคนไหนได้ไปมาแล้วถ่ายรูปมาให้ดูด้วยนะคะ เดี๋ยวเราค่อยแพลนใหม่ล่ะกัน ต้องรีบจองตั๋วรถไป Jeonju ต่อค่ะ
คนเกาหลีที่ Seosan ไม่พูดภาษาอังกฤษกับเราแต่เค้าน่ารักมากๆ เค้าจะพยายามช่วยเราให้ได้แม้จะสื่อสารกันคนละภาษาน้ำเสียงพูดจาก็ดีจนรู้สึกอยากจะพูดภาษานี้ได้บ้างจัง เราได้ตั๋วไป Jeonju จากที่พี่ผู้หญิงในนั้นกดๆเครื่องอัตโนมัติเลือกที่นั่งให้พร้อมเสร็จแล้วบอกให้ลูกชายพาเราไปส่งที่ๆรถจอดรู้สึกขอบคุณมากๆ
เดี๋ยวเรามาต่อ Jeonjuเมืองน่ารักให้นะคะ
[CR] เกาหลีใต้ เที่ยวนอกเมือง Seosan,Jeonju,Daegwallyeong sheep farm in Pyeongchang.Part1
และ Korean(ใช้ google translation พอใจความคร่าวๆ)เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ
Seosan อยู่ในเขต Chungcheongnam do ทางตะวันตกของเกาหลีใต้
ทริปเราวันที่ 7-11 ธันวาคมที่ผ่านมาเราไปคนเดียวไม่มีคนรู้จักที่เกาหลี พอจะอ่านอักษรเกาหลีได้สะกดได้
แต่ไม่รู้ความหมายมีประโยชน์เอาไว้อ่านชื่อสายรถเมล์และป้ายต่างๆที่ไม่มีภาษาอังกฤษในเขตนอกเมือง
เห็นมีกระแสว่าคนไทยผ่าน ตม.ยาก เรามาถึงสนามบินอินชอนตอนเช้า 9.40น. ไม่มีคำถามใดๆจากเจ้าหน้าที่ตม.แอบคิดว่าอาจเพราะข่าวสารที่เราพูดถึงกันบ่อยแต่เรื่องคนไทยโดนตม.ส่งกลับ แต่จริงๆแล้วคนไทยที่ตั้งใจไปเที่ยวจริงๆก็ผ่านปกติเยอะแยะไป
จากนั้นเราออกนอกอาคารซื้อตั๋วโดยสารงานนี้เราเดินทางตาม Google map แนะนำคือนั่งรถสองต่อจากสนามบินอินชอนไปขนส่งรถสาธารณะที่อินชอนแล้วต่อรถไป Seosan
แพลนเดิมจากวิกิพิเดียเลยคือ
1.1Yeonghyeon-ri Rock-carved Buddha Triad (용현리 마애여래삼존상)
1.2Bowonsa (보원사지)
1.3Gaesimsa (개심사)
1.4Haemieupseong Fortress (해미읍성)
1.5Yeosutgol Holy Ground (해미순교성지)
1.6 Yongbiji (เพิ่มมาเองเนื่องจากเห็นในรูปแล้วเป็นทะเลสาบที่สวยมากและดูสงบ)
ถึงสถานีขนส่ง Seosanประมาณบ่ายโมง ได้แผนที่มา 1ชุดสามารถหยิบได้ฟรี เปิดดูแล้ว มีสถานที่น่าสนใจมากกว่าที่คิด
ขนส่งที่นี่ไม่ใหญ่มาก จำหน่ายตั๋วโดยสารด้วยเครื่องออกตั๋วอัตโนมัติ
ด้วยความตื่นเต้นและห่วงแต่จะทำเวลาลืมแม้แต่จะหาข้าวทาน ได้ที่พักใกล้สถานีขนส่งเป็น Motel ราคา 30,000 won ต่อคืน
แล้วตามอาจารย์ Google map นั่งรถเมล์ไปที่เป้าหมายแรก Yeonghyeon-ri Rock-carved Buddha Triad ซึ่งห่างจากตัวเมือง 11 กม.
ว่ากันว่ามีมาตั้งแต่ช่วงยุคที่เกาหลีถูกจีนยึดอำนาจไว้หรือยุดสามก๊ก ยุคนี้น่าจะประมาณ พ.ศ. 777 อ้างอิงวิกิพีเดีย
พระพุทธรูปแกะสลักบนหินที่ยืนอยู่บนใบบัวขนาบข้างด้วยพระโพธิสัตว์ทางซ้ายและขวา
สถานที่แห่งนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก รวยยิ้มของพระพุทธรูปจะแตกต่างกันไปตามช่วงเวลา แต่เค้าว่ากันว่ารอยยิ้มท่านจะดูสดใสมากในช่วงเช้า
ในรูปนี้ก็เป็นช่วงบ่ายที่ไม่มีแดดแล้วสิ เลยไม่ได้สังเกตเลย ช่วงนั้นอากาศอยู่ที่ -3 ถึง-5องศาเซลเซียส แต่ด้วยการเดินขึ้นทางชันมากเลยไม่รู้สึกว่าหนาวซะเท่าไร
ช่วงวันธรรมดาเงียบมาก มีรถเมล์สาย 480 กับ 482จากตัวเมือง Seosan ผ่านแต่จะนานมากกว่าจะมาแต่ละคัน
สถานที่ถัดไปตามแพลนไม่ไกลกันมากนักสามารถเดินถึงกันได้ประมาณ 500เมตรคือวัด Bowonsa เราเดินตามจักรยานคุณลุงท่านนี้
คล้ายๆว่าจะมีหน้าที่ตรวจพื้นที่ดูความเรียบร้อย หรือมีเหตุไฟไหม้ เหตุฉุกเฉินในระแวกนั้น จักรยานลุงเปิดเพลงดังลั่นท่าทางมีความสุขกับหน้าที่นี้มาก
วัด Bowonsa สร้างขึ้นในยุคซิลลา เต็มไปด้วยอนุสรณ์ต่างๆมากมายที่มีความเก่าแก่ที่นี่เป็นวัดเล็กๆ แต่เงียบสงบมาก เหมาะที่จะมาวิปัสนาทำสมาธิที่นี่
เห็นป้ายจากวัด Bowonsa บอกว่าสามารถถึงวัด Gaesimsaใน 1.7กม.คิดว่าไหว เดินชิลๆง่ายๆ มีขั้นบันไดตลอดทางขึ้นเขา
วัด Gaesimsa ช่วงยุคที่สร้างวัดนี้ขึ้นเมื่อเทียบเป็นพศ.แล้วน่าจะประมาณปี 2027
เหงื่อท่วมตัวแล้วเพิ่งมาได้แค่ 500 เมตร
1.5กม.แรก เดินชิลๆค่ะ มีพักบ้างครั้งละไม่เกิน 2นาทีแล้วเดินต่อ แต่พีคช่วง 600เมตรสุดท้ายก่อนถึงวัดเป็นทางชันลงซึ่งไม่เหมือนกับทางที่เรามาตอนแรก มีขั้นบันไดให้ มีม้านั่งให้ตลอดทางคือต้องอาศัยเกาะตนไม้แล้วเหยียบรากไม้แทนคั่นบันได้ รองเท้าสำคัญมากระวังลื่นได้ ขาลงยังไหวแต่ขากลับนี่แอบหวั่นไม่ได้ถ่ายรูปช่วง 600 เมตรท้ายไว้ต้องขอโทษด้วยค่ะ มือไม้ต้องเกาะให้มั่น แต่ก็มีป้ายบอกทางและมองเห็นวัดข้างล่างตะคุ่มๆ พอเดาทางได้ ปลายทางบอกเราว่าเราห่างจากวัด Bowonsa 2.1กม. ใช้เวลาจนมาถึงนี่ 2ชั่วโมงได้และที่เดินมาตลอดทางนี่ไม่ใช่ 1.7กม.สินะเพลีย 555555
ช่วง Autumn และ spring seoson คงจะสวยกว่านี้
เดินๆถึงจุดนี้ตกใจนึกว่ามีใครแอบอยู่ในห้อง ห้องมืดๆไม่มีการเปิดไฟแต่อย่างใด ลองเข้าไปไหว้พระสักหน่อย
ยังมีความ Autumn หลงเหลือนิดหน่อยในเดือนธันวาคมสินะ
ตั้งแต่มาถึงเราเพิ่มเห็นมีผู้ชายสะพายกระเป๋าเป้เดินสวนเราขึ้นไป บรรยากาศโดยรวมเงียบมาก บริเวณของวัดค่อนข้างกว้าง เราเดินไม่ทั่วใกล้ 4โมงเย็นแล้วกลัวฟ้ามืดเร็วต้องรีบกลับ
รวมระยะทางไปกลับจากวัด Bowonsa ถึงวัด Gaesimsa เกือบ 4ชั่วโมงรู้สึกปวดขามากเข้าถึงตัวเมือง Seosan ก็จัดหนักเมนูง่ายๆที่เราชอบตลอดกาลคือ กิมจิชิเกะ กับข้าวสวยเครื่องเคียงต่างๆ พร้อมโซจูขวดเราก็ฟินแล้ว ดึกๆเนี่ยหนาวเวอร์ๆๆๆๆ กลับเข้าที่พักอาบน้ำแล้วหลับเป็นตาย เราแพลนว่าพรุ่งนี้ต้องออกแต่เช้าเพื่อเก็บทริปที่เหลือให้หมดอีกสามที่
แต่ทางปฏิบัติ เราตื่นสายที่ๆเราอยากไปมากๆคือ Yongbiji ขออนุญาตโพสรูปที่เจอในอินเตอร์เนตเครดิตรูปของคุณ Wonbong Yu
ถ้าจะให้สวยก็คงจะต้องเป็นช่วง Autumn หรือเพื่อนๆคนไหนได้ไปมาแล้วถ่ายรูปมาให้ดูด้วยนะคะ เดี๋ยวเราค่อยแพลนใหม่ล่ะกัน ต้องรีบจองตั๋วรถไป Jeonju ต่อค่ะ
คนเกาหลีที่ Seosan ไม่พูดภาษาอังกฤษกับเราแต่เค้าน่ารักมากๆ เค้าจะพยายามช่วยเราให้ได้แม้จะสื่อสารกันคนละภาษาน้ำเสียงพูดจาก็ดีจนรู้สึกอยากจะพูดภาษานี้ได้บ้างจัง เราได้ตั๋วไป Jeonju จากที่พี่ผู้หญิงในนั้นกดๆเครื่องอัตโนมัติเลือกที่นั่งให้พร้อมเสร็จแล้วบอกให้ลูกชายพาเราไปส่งที่ๆรถจอดรู้สึกขอบคุณมากๆ
เดี๋ยวเรามาต่อ Jeonjuเมืองน่ารักให้นะคะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น