สำหรับกระทู้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีรีวิวของสมาชิกท่านอื่นๆก่อนหน้าที่เอาประสบการณ์เดินทางมาแชร์ และผมได้แวะเวียนเข้าไปชม และถึงเวลาที่เอามาแบ่งปันคืนบ้าง.... และที่สำคัญต้องขอบคุณกระทู้ของคุณ Neung Nisarat สำหรับผมลิงค์นี้ช่วยเตรียมการเดินทางได้อย่างดีจริงๆ ขอบคุณมากๆครับ
http://helloneung.blogspot.com/2014/04/1-italy.html
เที่ยวอิตาลี 12 วัน โดยใช้ฟลอเรนซ์เป็นศูนย์กลาง
อันดับแรกก่อนที่จะได้แผนการเดินทางที่เป็นรูปเป็นร่างนั้น คงไม่มีใครมานั่งทำแพลนแบบไร้สิ่งจูงใจ นอกเสียจากเราได้ตั๋วที่ราคาเหมาะสมสำหรับเราเนอะ และในครั้งนี้ผมเองได้ลองเสริชและได้ราคาตั๋วไปกลับ สุวรรณภูมิ,กรุงเทพ ไป ฟลอเรนซ์,อิตาลี โดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่ สนามบินปารีส รวมที่พัก 13คืน ในราคา 32,674 หลังจากนั้นลองไปยื่นเพื่อขออนุมัติล่วงหน้ากว่า 6 เดือน กับลูกๆและภรรยา ก่อนจะเกิดทริปนี้ขึ้น
โดยส่วนตัวชื่นชอบเมืองแห่งนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และชื่นชอบทีมฟุตบอลในอิตาลีคงหนีไม่พ้น นอกจาก สโมสรฟิออเรนติน่า ทีมประจำเมืองฟลอเรนซ์
การเที่ยวในครั้งนี้จึงตั้งใจจะเที่ยวฟลอเรนซ์เพียงเมืองเดียวกะว่าจะไม่ไปไหนเรย แต่หลายๆคนที่รู้จักก็ทักว่าอิตาลีมีหลายที่นะ โคลอสเซียม,วาติกัน,เวนิช,ชิงเคว เทอเร ,ปิซ่า ฯลฯ แล้วทำไมไม่ไปดูให้ครบๆไหนๆไปทั้งที แผนของผมจึงเริ่มกระจายไปตามเมืองต่างๆ โดยใช้ฟลอเรนซ์เป็นศูนย์กลางแทน
ขณะที่เตรียมเอกสารล่วงหน้า และ แพลนล่วงหน้าแบบหลวมๆไว้นั้นก็รอผลการแข่งขันฟุตบอลกัลโช่อิตาลี จับฉลากแข่งเมื่อเปิดฤดูกาลแข่งขัน 2016 ซึ่งตรงนี้ผมพลาดเองที่ไม่ได้ดูปฏิทินของ ฟีฟ่าเดย์ ว่าตรงกับวันที่ทีมชาติแข่งหรือไม่ แต่เมื่อจองไปแล้วและผลการจับฉลากออกมาอย่างน้อยทำให้ได้ดูทีมที่เชียร์อย่างน้อย 1 นัดและโชคดีที่ไม่ต้องเดินทางไกล ทำให้สามารถกำหนดวันสำหรับท่องเที่ยวได้ลงตัวเสียที
แพลนท่องเที่ยวช่วง 10/11/2016 – 23/11/2016
10/11/2016 BKK – CDG - FLR
11/11/2016 Lucca – Pisa – Livorno
12/11/2016 Venezia S.Lucia
13/11/2016 San Gimmignano-Siena
14/11/2016 Torino Porta Susa
15/11/2016 Rome , Vatican
16/11/2016 Florence Day 1
17/11/2016 Florence Day 2
18/11/2016 Florence Day 3
19/11/2016 La Spezia , Cinque Terre
20/11/2016 Empoli
21/11/2016 Milano
22/11/2016 Florence Day 4
23/11/2016 FLR – CDG - Bkk
หลังจากที่ได้แพลนที่จะไปแล้วเริ่มเตรียมจองตั๋วรถไฟล่วงหน้ามี 4 สถานีที่จองล่วงหน้าคือ Venice , Rome , Torino , Milan รวมถึงจองตั๋วล่วงหน้าอย่าง Vatican ไว้ด้วย สำหรับพิพิธภัณฑ์ในเมืองฟลอเรนซ์ อย่าง Uffizi และ Accademia เราจะไม่ได้จองไปเพราะเราจะแพลนอยู่ทั้งสามวันติดๆกันดังนั้นเราจะซื้อบัตรเบ่ง...อย่าง.... Firenze Card ทีเดียวซึ่งสามารถใช้ได้ 72 ชั่วโมงเข้าออกพิพิธฯ ได้ทั้ง 72 แห่งของเมือง รวมถึงใช้บัสได้อย่างไม่จำกัดอีกด้วย
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยค่อยๆรวบรวมเอกสารเพื่อติดต่อทำวีซ่า และ ตกแต่ง บุคแบงค์ ให้เรียบร้อย ซึ่งก่อนหน้าได้มีแพลนสำหรับยื่นวีซ่าไว้ช่วงต้นเดือนกันยายน 2016 แต่เมื่อไปจริงทาง VFS นั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบจองคิวทำให้ได้คิว ก่อนที่ไฟลท์จริงจะออกเพียง 15 วัน ซึ่งผมไม่แฮปปี้เพราะทุกอย่างที่เตรียมมาหากไม่ผ่านเราจะไม่มีโอกาส ดังนั้นต้องยอมเสียเงินเพื่อเข้ายื่นวีซ่าแบบ พรีเมียม เลาจน์ จากที่ต้องเสีย 2,835 บาท เพิ่มเป็น 5,035 บาท สามารถเข้ายื่นได้ทันที และรออีกไม่เกินสามวันทำการมีข้อความให้ ไปรับและผลออกมาอนุญาติให้พำนักได้ถึง 28 วัน แหม!! อยากเปลี่ยนไฟลท์วันกลับจริงๆ
เมื่อพร้อมแล้วป่ะ .... ออกเดินทางกัน +_+
บันทึก 11/11/2016
Lucca – Pisa Centrale – Livorno
ตามแพลนจะต้องมาถึง Florence ห้าทุ่มเมื่อวานแต่ไฟลท์ดีเลย์ที่ปารีสร่วมสองชั่วโมงทำให้ถึงตีหนึ่งกว่าๆ
เมื่อมาถึงที่พักรีบจัดของและพักผ่อนสี่ถึงห้าชั่วโมง ก่อนจะออกเที่ยวตามแผนที่วางไว้
แต่เมื่อถึงสถานีรถไฟ Firenze SMN ด้วยความสด และความใหม่ประกอบกับกลัวมิจฉาชีพที่ได้รับการเตือนมา เมื่อเดินเข้าเครื่องซื้อตั๋วรถไฟกลับกลายซื้อตั๋วรถไฟไป Pisa ซะงั้น
ณ.Pisa ใช้ระยะเวลาประมาณครึ่งชม. เมื่อมาถึงระหว่างทางที่เดินสอดส่ายหาร้านมือถือเพื่อซื้อซิมอินเตอร์เน็ตแต่ด้วยเวลาที่เช้าเกินทำให้ร้านไม่เปิดเดินเที่ยวก่อนเฃแล้วกลับมาซื้อก่อนที่จะนั่งรถไฟไปเมือง Livorno ช่วงเวลานี้มีแต่แผนที่และเดินตามนักท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ จนเห็นหอเอนปิซ่าเอียงโผล่มาทักทายกันไกลๆ เมื่อไปถึงจะเป็นลานพักผ่อนที่เรียกว่า Piazza dei Miracoli จัตุรัสแห่งนี้ล้อมด้วยมหาวิหาร Duomo di Pisa , หอเอนปิซ่า Torre Pisa , อาคาร Baptistery สำหรับทำพิธีบัพติศมา หรือ ศีลล้างบาป จุ่มหัว หรือตัวเด็กลงในน้ำเพื่อรับเข้าเป็นศาสนิกชน สำหรับส่วนอื่นที่เสียค่าเข้าชมผมไม่ได้เข้าเนื่องจากไม่ได้อินประวัติศาสตร์เมืองปิซ่ามากนัก ส่วนมากเดินชมวิวรอบจัตุรัสและบันทึกเป็นประวัติแก่ตัวเองว่า ครั้งหนึ่งเคยมาและเห็นกับตาด้วยตัวเอง หลังจากนั้นกลับไปร้านเพื่อซื้อซิมอินเตอร์เน็ต หลังจากซื้อจะสามารถใช้งานได้อีกในสองชม. และจองตั๋วรถไฟเตรียมไป Livorno เมืองท่าอีกแห่งหนึ่ง
ณ.Livorno ต่อรถไฟจากปิซ่ามาไม่ถึงสิบนาที แต่ด้วยความที่ผิดแผนตั้งแต่ซื้อตั๋วซึ่งกะไว้ว่าจะมาเป็นสถานีสุดท้ายเพื่อรอให้ซิมที่ซื้อมาใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ ทำให้ไม่สามารถหาข้อมูลได้ และข้อมูลที่เตรียมมาไม่พอ ทำได้แค่เดินชมเมืองไปพลางๆและพยายามเดินหาท่าเรือเพื่อเป็นจุดเริ่มต้น แต่ด้วยสายตาที่คาดคะเนระยะทางที่จะต้องเดินและเวลาที่เหลือน้อย และระยะเวลาเดินทางจาก Livorno ไป Lucca ใช้เวลาหนึ่งชม. จึงเลือกเดินกลับไปที่สถานีและซื้อตั๋วเพื่อไปเมือง lucca สรุปเมือง Livorno ล้มเหลว แต่ไม่ผิดหวัง
ณ.Lucca ระยะเวลาหนึ่งชม. เมืองนี้เป็นเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบสามารถเดินชมวิวมุมสูงได้ตลอดแนว ซึ่งกำแพงนี้แต่ก่อนใช้เป็นป้อมปราการป้องกันข้าศึก ปัจจุบันห้ามรถยนต์เข้าไปวิ่งยกเว้นรถของคนที่มีบ้านอยู่ข้างในเท่านั้น เมื่อออกเดินทางจากหน้าสถานีรถไฟเดินตรงออกมาจะเป็นแนวกำแพงเมืองเจอได้ในทันที ทางเข้าเมืองมีหลายประตูทั้งประตูเล็กๆและประตูใหญ่ที่รถเข้าได้ ในเดือนพฤศจิกายนฟ้าปิดเร็วทำให้มืดไว ใครที่แพลนมาแนะนำให้ใช้เวลาครึ่งวันกำลังดี ตัวผมเองเดินชมรอบกำแพงและเดินลงไปดูในเมืองได้ไม่ครบ ห้าโมงพระอาทิตย์เริ่มตก ระหว่างที่เดินชมเห็นโบสถ์หลังคาสีฟ้าและหอระฆังจึงเดินออกไปเพื่อชมใกล้ๆ ปรากฏว่าทั้งสองที่ปิดไม่สามารถเข้าไปชมและขึ้นไปถ่ายรูปเมืองมุมสูงได้จึงได้แต่ถ่ายรอบๆและเดินกลับไปขึ้นรถไฟกลับ Florence ระหว่างทางก้อคิดนะวันนี้เดินแทบทั้งวัน นี่เราต้องเดินอีก 12-13 วันเหรอเนี่ยะใครที่คิดจะมาฟิตร่างกายให้ดีๆเชียว นั่งกลับไปใช้เวลา ชั่วโมงยี่สิบนาที ณ ตอนนี้เน็ตยังใช้ไม่ได้ และมันเกิน 6ชั่วโมงแล้ว สรุปกลับไปใช้เน็ตที่พัก .
Next Station : Venezia S.Lucia
[CR] Amo La Florence : เที่ยวอิตาลี 12 วัน โดยใช้ฟลอเรนซ์เป็นศูนย์กลาง
http://helloneung.blogspot.com/2014/04/1-italy.html
เที่ยวอิตาลี 12 วัน โดยใช้ฟลอเรนซ์เป็นศูนย์กลาง
อันดับแรกก่อนที่จะได้แผนการเดินทางที่เป็นรูปเป็นร่างนั้น คงไม่มีใครมานั่งทำแพลนแบบไร้สิ่งจูงใจ นอกเสียจากเราได้ตั๋วที่ราคาเหมาะสมสำหรับเราเนอะ และในครั้งนี้ผมเองได้ลองเสริชและได้ราคาตั๋วไปกลับ สุวรรณภูมิ,กรุงเทพ ไป ฟลอเรนซ์,อิตาลี โดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่ สนามบินปารีส รวมที่พัก 13คืน ในราคา 32,674 หลังจากนั้นลองไปยื่นเพื่อขออนุมัติล่วงหน้ากว่า 6 เดือน กับลูกๆและภรรยา ก่อนจะเกิดทริปนี้ขึ้น
โดยส่วนตัวชื่นชอบเมืองแห่งนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และชื่นชอบทีมฟุตบอลในอิตาลีคงหนีไม่พ้น นอกจาก สโมสรฟิออเรนติน่า ทีมประจำเมืองฟลอเรนซ์
การเที่ยวในครั้งนี้จึงตั้งใจจะเที่ยวฟลอเรนซ์เพียงเมืองเดียวกะว่าจะไม่ไปไหนเรย แต่หลายๆคนที่รู้จักก็ทักว่าอิตาลีมีหลายที่นะ โคลอสเซียม,วาติกัน,เวนิช,ชิงเคว เทอเร ,ปิซ่า ฯลฯ แล้วทำไมไม่ไปดูให้ครบๆไหนๆไปทั้งที แผนของผมจึงเริ่มกระจายไปตามเมืองต่างๆ โดยใช้ฟลอเรนซ์เป็นศูนย์กลางแทน
ขณะที่เตรียมเอกสารล่วงหน้า และ แพลนล่วงหน้าแบบหลวมๆไว้นั้นก็รอผลการแข่งขันฟุตบอลกัลโช่อิตาลี จับฉลากแข่งเมื่อเปิดฤดูกาลแข่งขัน 2016 ซึ่งตรงนี้ผมพลาดเองที่ไม่ได้ดูปฏิทินของ ฟีฟ่าเดย์ ว่าตรงกับวันที่ทีมชาติแข่งหรือไม่ แต่เมื่อจองไปแล้วและผลการจับฉลากออกมาอย่างน้อยทำให้ได้ดูทีมที่เชียร์อย่างน้อย 1 นัดและโชคดีที่ไม่ต้องเดินทางไกล ทำให้สามารถกำหนดวันสำหรับท่องเที่ยวได้ลงตัวเสียที
แพลนท่องเที่ยวช่วง 10/11/2016 – 23/11/2016
10/11/2016 BKK – CDG - FLR
11/11/2016 Lucca – Pisa – Livorno
12/11/2016 Venezia S.Lucia
13/11/2016 San Gimmignano-Siena
14/11/2016 Torino Porta Susa
15/11/2016 Rome , Vatican
16/11/2016 Florence Day 1
17/11/2016 Florence Day 2
18/11/2016 Florence Day 3
19/11/2016 La Spezia , Cinque Terre
20/11/2016 Empoli
21/11/2016 Milano
22/11/2016 Florence Day 4
23/11/2016 FLR – CDG - Bkk
หลังจากที่ได้แพลนที่จะไปแล้วเริ่มเตรียมจองตั๋วรถไฟล่วงหน้ามี 4 สถานีที่จองล่วงหน้าคือ Venice , Rome , Torino , Milan รวมถึงจองตั๋วล่วงหน้าอย่าง Vatican ไว้ด้วย สำหรับพิพิธภัณฑ์ในเมืองฟลอเรนซ์ อย่าง Uffizi และ Accademia เราจะไม่ได้จองไปเพราะเราจะแพลนอยู่ทั้งสามวันติดๆกันดังนั้นเราจะซื้อบัตรเบ่ง...อย่าง.... Firenze Card ทีเดียวซึ่งสามารถใช้ได้ 72 ชั่วโมงเข้าออกพิพิธฯ ได้ทั้ง 72 แห่งของเมือง รวมถึงใช้บัสได้อย่างไม่จำกัดอีกด้วย
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยค่อยๆรวบรวมเอกสารเพื่อติดต่อทำวีซ่า และ ตกแต่ง บุคแบงค์ ให้เรียบร้อย ซึ่งก่อนหน้าได้มีแพลนสำหรับยื่นวีซ่าไว้ช่วงต้นเดือนกันยายน 2016 แต่เมื่อไปจริงทาง VFS นั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบจองคิวทำให้ได้คิว ก่อนที่ไฟลท์จริงจะออกเพียง 15 วัน ซึ่งผมไม่แฮปปี้เพราะทุกอย่างที่เตรียมมาหากไม่ผ่านเราจะไม่มีโอกาส ดังนั้นต้องยอมเสียเงินเพื่อเข้ายื่นวีซ่าแบบ พรีเมียม เลาจน์ จากที่ต้องเสีย 2,835 บาท เพิ่มเป็น 5,035 บาท สามารถเข้ายื่นได้ทันที และรออีกไม่เกินสามวันทำการมีข้อความให้ ไปรับและผลออกมาอนุญาติให้พำนักได้ถึง 28 วัน แหม!! อยากเปลี่ยนไฟลท์วันกลับจริงๆ
เมื่อพร้อมแล้วป่ะ .... ออกเดินทางกัน +_+
บันทึก 11/11/2016
Lucca – Pisa Centrale – Livorno
ตามแพลนจะต้องมาถึง Florence ห้าทุ่มเมื่อวานแต่ไฟลท์ดีเลย์ที่ปารีสร่วมสองชั่วโมงทำให้ถึงตีหนึ่งกว่าๆ
เมื่อมาถึงที่พักรีบจัดของและพักผ่อนสี่ถึงห้าชั่วโมง ก่อนจะออกเที่ยวตามแผนที่วางไว้
แต่เมื่อถึงสถานีรถไฟ Firenze SMN ด้วยความสด และความใหม่ประกอบกับกลัวมิจฉาชีพที่ได้รับการเตือนมา เมื่อเดินเข้าเครื่องซื้อตั๋วรถไฟกลับกลายซื้อตั๋วรถไฟไป Pisa ซะงั้น
ณ.Pisa ใช้ระยะเวลาประมาณครึ่งชม. เมื่อมาถึงระหว่างทางที่เดินสอดส่ายหาร้านมือถือเพื่อซื้อซิมอินเตอร์เน็ตแต่ด้วยเวลาที่เช้าเกินทำให้ร้านไม่เปิดเดินเที่ยวก่อนเฃแล้วกลับมาซื้อก่อนที่จะนั่งรถไฟไปเมือง Livorno ช่วงเวลานี้มีแต่แผนที่และเดินตามนักท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ จนเห็นหอเอนปิซ่าเอียงโผล่มาทักทายกันไกลๆ เมื่อไปถึงจะเป็นลานพักผ่อนที่เรียกว่า Piazza dei Miracoli จัตุรัสแห่งนี้ล้อมด้วยมหาวิหาร Duomo di Pisa , หอเอนปิซ่า Torre Pisa , อาคาร Baptistery สำหรับทำพิธีบัพติศมา หรือ ศีลล้างบาป จุ่มหัว หรือตัวเด็กลงในน้ำเพื่อรับเข้าเป็นศาสนิกชน สำหรับส่วนอื่นที่เสียค่าเข้าชมผมไม่ได้เข้าเนื่องจากไม่ได้อินประวัติศาสตร์เมืองปิซ่ามากนัก ส่วนมากเดินชมวิวรอบจัตุรัสและบันทึกเป็นประวัติแก่ตัวเองว่า ครั้งหนึ่งเคยมาและเห็นกับตาด้วยตัวเอง หลังจากนั้นกลับไปร้านเพื่อซื้อซิมอินเตอร์เน็ต หลังจากซื้อจะสามารถใช้งานได้อีกในสองชม. และจองตั๋วรถไฟเตรียมไป Livorno เมืองท่าอีกแห่งหนึ่ง
ณ.Livorno ต่อรถไฟจากปิซ่ามาไม่ถึงสิบนาที แต่ด้วยความที่ผิดแผนตั้งแต่ซื้อตั๋วซึ่งกะไว้ว่าจะมาเป็นสถานีสุดท้ายเพื่อรอให้ซิมที่ซื้อมาใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ ทำให้ไม่สามารถหาข้อมูลได้ และข้อมูลที่เตรียมมาไม่พอ ทำได้แค่เดินชมเมืองไปพลางๆและพยายามเดินหาท่าเรือเพื่อเป็นจุดเริ่มต้น แต่ด้วยสายตาที่คาดคะเนระยะทางที่จะต้องเดินและเวลาที่เหลือน้อย และระยะเวลาเดินทางจาก Livorno ไป Lucca ใช้เวลาหนึ่งชม. จึงเลือกเดินกลับไปที่สถานีและซื้อตั๋วเพื่อไปเมือง lucca สรุปเมือง Livorno ล้มเหลว แต่ไม่ผิดหวัง
ณ.Lucca ระยะเวลาหนึ่งชม. เมืองนี้เป็นเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบสามารถเดินชมวิวมุมสูงได้ตลอดแนว ซึ่งกำแพงนี้แต่ก่อนใช้เป็นป้อมปราการป้องกันข้าศึก ปัจจุบันห้ามรถยนต์เข้าไปวิ่งยกเว้นรถของคนที่มีบ้านอยู่ข้างในเท่านั้น เมื่อออกเดินทางจากหน้าสถานีรถไฟเดินตรงออกมาจะเป็นแนวกำแพงเมืองเจอได้ในทันที ทางเข้าเมืองมีหลายประตูทั้งประตูเล็กๆและประตูใหญ่ที่รถเข้าได้ ในเดือนพฤศจิกายนฟ้าปิดเร็วทำให้มืดไว ใครที่แพลนมาแนะนำให้ใช้เวลาครึ่งวันกำลังดี ตัวผมเองเดินชมรอบกำแพงและเดินลงไปดูในเมืองได้ไม่ครบ ห้าโมงพระอาทิตย์เริ่มตก ระหว่างที่เดินชมเห็นโบสถ์หลังคาสีฟ้าและหอระฆังจึงเดินออกไปเพื่อชมใกล้ๆ ปรากฏว่าทั้งสองที่ปิดไม่สามารถเข้าไปชมและขึ้นไปถ่ายรูปเมืองมุมสูงได้จึงได้แต่ถ่ายรอบๆและเดินกลับไปขึ้นรถไฟกลับ Florence ระหว่างทางก้อคิดนะวันนี้เดินแทบทั้งวัน นี่เราต้องเดินอีก 12-13 วันเหรอเนี่ยะใครที่คิดจะมาฟิตร่างกายให้ดีๆเชียว นั่งกลับไปใช้เวลา ชั่วโมงยี่สิบนาที ณ ตอนนี้เน็ตยังใช้ไม่ได้ และมันเกิน 6ชั่วโมงแล้ว สรุปกลับไปใช้เน็ตที่พัก .
Next Station : Venezia S.Lucia