ขออนุญาตถอดลอคอินละกันนะคะ
เรื่องมีอยู่ว่าเราคบกับแฟนคนนี้ตอนที่เค้ากำลังเรียนปีสุดท้าย ตอนนั้นครอบครัวเรากำลังมีปัญหาการเงินพอดีเราจึงต้องย้ายมาเรียนมหาลัยเปิดและเริ่มขายของตามตลาดนัดหาเงินเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่ตอนนั้น ก็จะมีพอบ้างขาดบ้างแฟนก็จะช่วยเหลือเราตลอด จนบางครั้งก็มากเกินไปจนตัวเค้าเองต้องอดบ้างบางมื้อเพื่อให้เรามีกิน เราอยู่กันคนละจังหวัด จะเจอกันครึ่งเดือน/เดือนละครั้ง ช่วงวันหยุดเค้าจะนั่งรถมาหาเราและกลับไปเรียนวันจันทร์เช้า ทำแบบนี้อยู่เป็นปี พ่อแม่เราก็เอ็นดูเค้าเพราะเค้าเป็นคนขยันและพึ่งพาได้
ตอนที่เค้าเรียนจบใหม่ๆ ทำงานได้สักพักก็ลาออกมาบวชและเกณฑ์ทหาร พอปลดมาแฟนเลือกมาหางานทำแถวบ้านเรา ตอนแรกแฟนกะว่าจะไปเช่าหออยู่ใกล้ๆหมู่บ้านเรา แต่แม่เราบอกให้มาอยู่ด้วยกันจะได้ประหยัด(แม่กะว่าจะให้แฟนนอนข้างล่าง) ตอนนั้นแฟนมีเงินติดตัว500บาท แฟนไม่อยากขอแม่เค้าเพราะแม่พึ่งจ่ายค่าเทอมให้น้องสาวแฟนไป แฟนเกรงใจเพราะแม่หาส่งน้องคนเดียว
ต้องบอกก่อนว่าเรากับแฟนมีอะไรกันแล้ว(เป็นแฟนคนแรกที่เรายอมมีอะไรด้วย และเราก็เป็นผญคนแรกของเค้า) เราเลยขอให้แฟนขึ้นมานอนด้วยกันเพราะข้างล่างเวลาตอนเช้าหลานเรา3คนต้องตื่นไวอาบน้ำไปโรงเรียนทำให้แฟนนอนไม่เต็มที่ ตอนนั้นแม่เราก็ตกลงนะ เเม่เราพูดประมาณว่ากลัวเราจะอยู่ด้วยกันไม่รอดเพราะทะเลาะกันบ่อย จนมาวันนี้ แม่เราก็พูดประมาณว่า จะมาอยู่เฉยๆแบบนี้ไปเรื่อยๆไม่ได้นะ ต้องมีสินสอดมีงานแต่ง จะมาอยู่เฉยๆแบบนี้อายคนอื่นแย่ เราเลยตอบแม่ไปว่า ตั้งแต่คบกันมาแฟนก็ช่วยเรื่องตังหนูมาตลอด หลายปีมานี้นับจริงๆหมดไปหลายหมื่นแล้วนะ อะไรประมาณนั้น แม้เราเลยพูดว่าโอเคไม่แต่ง ไม่มีสินสอด แม่จะพูดเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้ายจะไม่พูดถึงอีก แล้วก็โกรธเราไปเลย
ถามว่าตอนนี้เราอายคนอื่นไหม เราตอบเลยว่าเราไม่อาย เพราะตอนเราลำบากไม่มีเงินจะกิน คนพวกนั้นไม่เคยแม้แต่จะหยิบยื่นน้ำใจมาให้เรามีแต่แฟนที่อยู่ข้างๆเราในเวลาที่ลำบากหลายปีมานี้
แต่แฟนเราไม่ยอมเค้าบอกยังไงต้องมีสินสอดอย่างน้อยก็ต้องมี เค้าอยากจัดงานแต่ถ้าเราไม่อยากเค้าก็โอเค เค้าขอเวลาเก็บเงินค่าสินสอดเองจะไม่แบมือขอเงินแม่มาแต่งเมีย นิสัยแฟนจะเป็นคนค่อนข้างทิฐิ ไม่ชอบพึ่งพาขอร้องใคร แต่เราลองคำนวณดูคงหลายปีมากกว่าจะได้วางสินสอด คงต้องรอน้องสาวแฟนเรียนจบ ถึงจะได้เริ่มเก็บเงินสินสอดแบบจริงๆจังๆ
จริงๆเราเองคุยกับแม่มาตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าเราจะไม่จัดงานแต่ง ไม่อยากมีงานแต่งงาน แม่คงคิดว่าเราพูดเล่น เราคิดว่าแทนที่จะเอาเงินมาจัดงานอะไรฟุ่มเฟือย ปั้นยิ้มจัดงานเชิญแขกที่ก็ไม่ได้สนิทอะไรมากมาย เปลี่ยนเป็นกินเลี้ยงในครอบครัวเล็กๆ จดทะเบียน ไปทำบุญด้วยกันสองครอบครัวก็พอ หรือถ้ามีสินสอดก็เอาสินสอดมาวาง ให้ผู้ใหญ่รับรู้อวยพรก็ได้ ทำไมต้องจัดงานป่าวประกาศให้คนอื่นรับรู้ด้วย ใจเราจริงๆต้องการแค่จดทะเบียนสมรสด้วยซ้ำ
แต่เเม่จะเข้าใจเราไหม เราควรเริ่มพูดกับแม่ยังไง ใจนึงเรารู้สึกว่าเราเป็นลูกอกตัญญูทำให้แม่ไม่สบายใจ เราก็รู้ว่าเราผิด ตอนนี้เราสับสนตัวเองมาก ไม่รู้จะตัดสินใจไปทางไหนดี
ขอโทษด้วยถ้าอ่านงงๆ เราพิมพ์สดๆตอนที่อารมณ์กำลังคุเลยอาจจะเรียบเรียงไม่ดี เนื้อหาอาจวกไปวนมามีแต่น้ำเราต้องขออภัยล่วงหน้านะคะ
เพิ่มเติม ; ขอบคุณทุกความเห็นมากจริงๆค่ะ เมื่อคืนเราเครียดมากจริงๆ เสียใจและรังเกียจตัวเอง ตอนตื่นนอนมาตอนเช้าเปิดไลน์เห็นข้อความของแม่ทักมาแบบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อคืน เราเลยรวบรวมความกล้าแล้วลงไปคุยกับแม่มาแล้วค่ะ ได้ข้อสรุปมาว่าจะเจอกันครึ่งทาง คือ
ให้ผู้ใหญ่ฝ่ายชายเอาสินสอดมาวาง จัดงานภายในครอบครัว ผูกข้อมือรับพรจากผู้ใหญ่สองฝ่าย ไม่ต้องมีงานแต่ง กินข้าวกันภายในครอบครัว จดทะเบียนสมรส
- ส่วนมีคนถามว่าครอบครัวฝ่ายชายเพื่อนฝูงเค้ารู้ไหมว่ามาอยู่กับเรา ทุกคนรับรู้ค่ะ ตอนแรกแม่แฟนเตรียมเงินไว้ให้1แสนไม่พอก็ให้แฟนหาเพิ่มเติมจากส่วนนี้ แต่แฟนเราไม่เอาเพราะอยากหาเอง แม่แฟนเลยเอาเงินไปซื้อที่เก็บไว้ให้แทนค่ะ
- และเรื่องที่ว่าแฟนไม่ให้เกียรติเรา เรามองว่าแฟนทำดีที่สุดในส่วนของลูกผู้ชายคนนึงแล้วค่ะ ตอนคบกันใหม่ๆหรือแม้กระทั่งตอนนี้ เพื่อนแฟนและคนรอบตัวแฟนมองว่าเรามาเกาะแฟนด้วยซ้ำ มีแต่เพื่อนเค้าอยากให้เลิกกับเราค่ะ เค้าปกป้องเราและพยายามพิสูจน์ให้คนอื่นดูว่าเราไม่ได้คบเค้าที่เงิน หลายครั้งที่เราอยากให้เค้าออกไปจากชีวิตเราเพราะคำพูดคนรอบข้างเค้า เราเองก็ละอายใจเเละรู้สึกผิดที่เค้าต้องมาลำบากเพราะเรา แต่เค้าเลือกที่จะไม่ไปและยอมลำบากไปด้วยกันมากกว่าที่เค้าจะสบายแล้วไม่มีเรา
- เราตกลงได้ข้อสรุปกับแฟนว่าจะมีสินสอด 1แสน และทองอีกนิดหน่อย เพราะแม่เราไม่เรียกสินสอดให้ทางฝ่ายชายตกลงเท่าที่ไหว และฉโนดที่ทางที่แม่แฟนจะให้ประมาณ 5ไร่ (แม่แฟนบอกจะซื้อเก็บไว้ให้เรื่อยๆ)
- สินสอดจะเก็บจากเงินเดือนที่เหลือหลังหักค่าใช้จ่ายอื่นๆแล้ว จากเดิมที่คิดไว้ว่าถ้าได้โบนัสจะเอาเงินไปโปะรถเมื่อรถหมดไวจะได้เก็บเงินแต่งไวขึ้นก็เปลี่ยนมาเป็นเก็บโบนัสไว้ใส่บัญชีสินสอดก่อนค่ะ และเราจะช่วยเค้าเก็บเพิ่มเติมหากร้านที่เรากำลังทำอยู่ตัว คงช่วยกันเก็บได้ไวขึ้นค่ะ
- เรื่องลูก เรายังไม่แพลนว่าจะมี รอตั้งตัวได้หลังจดทะเบียนค่ะ และลูกจะได้ไม่อายด้วยค่ะ แต่อีกใจเราคิดว่าถ้ามีรูปลูกอยู่ในเฟรมด้วยคงน่ารักดี
ขออนุญาต Edit เนื้อหาที่ระบุตัวตนเล็กน้อยเพราะเริ่มมีการแชร์ เราไม่อยากให้ใครรับรู้ตัวตนจึงถอดลอคอินมาค่ะ
(ระบาย+ต้องการคำแนะนำ) แม่โกรธที่เราไม่อยากจัดงานแต่ง ไม่อยากเรียกสินสอด เราแย่มากใช่ไหมคะที่อยู่กับแฟนก่อนแต่งแบบนี้
เรื่องมีอยู่ว่าเราคบกับแฟนคนนี้ตอนที่เค้ากำลังเรียนปีสุดท้าย ตอนนั้นครอบครัวเรากำลังมีปัญหาการเงินพอดีเราจึงต้องย้ายมาเรียนมหาลัยเปิดและเริ่มขายของตามตลาดนัดหาเงินเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่ตอนนั้น ก็จะมีพอบ้างขาดบ้างแฟนก็จะช่วยเหลือเราตลอด จนบางครั้งก็มากเกินไปจนตัวเค้าเองต้องอดบ้างบางมื้อเพื่อให้เรามีกิน เราอยู่กันคนละจังหวัด จะเจอกันครึ่งเดือน/เดือนละครั้ง ช่วงวันหยุดเค้าจะนั่งรถมาหาเราและกลับไปเรียนวันจันทร์เช้า ทำแบบนี้อยู่เป็นปี พ่อแม่เราก็เอ็นดูเค้าเพราะเค้าเป็นคนขยันและพึ่งพาได้
ตอนที่เค้าเรียนจบใหม่ๆ ทำงานได้สักพักก็ลาออกมาบวชและเกณฑ์ทหาร พอปลดมาแฟนเลือกมาหางานทำแถวบ้านเรา ตอนแรกแฟนกะว่าจะไปเช่าหออยู่ใกล้ๆหมู่บ้านเรา แต่แม่เราบอกให้มาอยู่ด้วยกันจะได้ประหยัด(แม่กะว่าจะให้แฟนนอนข้างล่าง) ตอนนั้นแฟนมีเงินติดตัว500บาท แฟนไม่อยากขอแม่เค้าเพราะแม่พึ่งจ่ายค่าเทอมให้น้องสาวแฟนไป แฟนเกรงใจเพราะแม่หาส่งน้องคนเดียว
ต้องบอกก่อนว่าเรากับแฟนมีอะไรกันแล้ว(เป็นแฟนคนแรกที่เรายอมมีอะไรด้วย และเราก็เป็นผญคนแรกของเค้า) เราเลยขอให้แฟนขึ้นมานอนด้วยกันเพราะข้างล่างเวลาตอนเช้าหลานเรา3คนต้องตื่นไวอาบน้ำไปโรงเรียนทำให้แฟนนอนไม่เต็มที่ ตอนนั้นแม่เราก็ตกลงนะ เเม่เราพูดประมาณว่ากลัวเราจะอยู่ด้วยกันไม่รอดเพราะทะเลาะกันบ่อย จนมาวันนี้ แม่เราก็พูดประมาณว่า จะมาอยู่เฉยๆแบบนี้ไปเรื่อยๆไม่ได้นะ ต้องมีสินสอดมีงานแต่ง จะมาอยู่เฉยๆแบบนี้อายคนอื่นแย่ เราเลยตอบแม่ไปว่า ตั้งแต่คบกันมาแฟนก็ช่วยเรื่องตังหนูมาตลอด หลายปีมานี้นับจริงๆหมดไปหลายหมื่นแล้วนะ อะไรประมาณนั้น แม้เราเลยพูดว่าโอเคไม่แต่ง ไม่มีสินสอด แม่จะพูดเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้ายจะไม่พูดถึงอีก แล้วก็โกรธเราไปเลย
ถามว่าตอนนี้เราอายคนอื่นไหม เราตอบเลยว่าเราไม่อาย เพราะตอนเราลำบากไม่มีเงินจะกิน คนพวกนั้นไม่เคยแม้แต่จะหยิบยื่นน้ำใจมาให้เรามีแต่แฟนที่อยู่ข้างๆเราในเวลาที่ลำบากหลายปีมานี้
แต่แฟนเราไม่ยอมเค้าบอกยังไงต้องมีสินสอดอย่างน้อยก็ต้องมี เค้าอยากจัดงานแต่ถ้าเราไม่อยากเค้าก็โอเค เค้าขอเวลาเก็บเงินค่าสินสอดเองจะไม่แบมือขอเงินแม่มาแต่งเมีย นิสัยแฟนจะเป็นคนค่อนข้างทิฐิ ไม่ชอบพึ่งพาขอร้องใคร แต่เราลองคำนวณดูคงหลายปีมากกว่าจะได้วางสินสอด คงต้องรอน้องสาวแฟนเรียนจบ ถึงจะได้เริ่มเก็บเงินสินสอดแบบจริงๆจังๆ
จริงๆเราเองคุยกับแม่มาตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าเราจะไม่จัดงานแต่ง ไม่อยากมีงานแต่งงาน แม่คงคิดว่าเราพูดเล่น เราคิดว่าแทนที่จะเอาเงินมาจัดงานอะไรฟุ่มเฟือย ปั้นยิ้มจัดงานเชิญแขกที่ก็ไม่ได้สนิทอะไรมากมาย เปลี่ยนเป็นกินเลี้ยงในครอบครัวเล็กๆ จดทะเบียน ไปทำบุญด้วยกันสองครอบครัวก็พอ หรือถ้ามีสินสอดก็เอาสินสอดมาวาง ให้ผู้ใหญ่รับรู้อวยพรก็ได้ ทำไมต้องจัดงานป่าวประกาศให้คนอื่นรับรู้ด้วย ใจเราจริงๆต้องการแค่จดทะเบียนสมรสด้วยซ้ำ
แต่เเม่จะเข้าใจเราไหม เราควรเริ่มพูดกับแม่ยังไง ใจนึงเรารู้สึกว่าเราเป็นลูกอกตัญญูทำให้แม่ไม่สบายใจ เราก็รู้ว่าเราผิด ตอนนี้เราสับสนตัวเองมาก ไม่รู้จะตัดสินใจไปทางไหนดี
ขอโทษด้วยถ้าอ่านงงๆ เราพิมพ์สดๆตอนที่อารมณ์กำลังคุเลยอาจจะเรียบเรียงไม่ดี เนื้อหาอาจวกไปวนมามีแต่น้ำเราต้องขออภัยล่วงหน้านะคะ
เพิ่มเติม ; ขอบคุณทุกความเห็นมากจริงๆค่ะ เมื่อคืนเราเครียดมากจริงๆ เสียใจและรังเกียจตัวเอง ตอนตื่นนอนมาตอนเช้าเปิดไลน์เห็นข้อความของแม่ทักมาแบบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อคืน เราเลยรวบรวมความกล้าแล้วลงไปคุยกับแม่มาแล้วค่ะ ได้ข้อสรุปมาว่าจะเจอกันครึ่งทาง คือ
ให้ผู้ใหญ่ฝ่ายชายเอาสินสอดมาวาง จัดงานภายในครอบครัว ผูกข้อมือรับพรจากผู้ใหญ่สองฝ่าย ไม่ต้องมีงานแต่ง กินข้าวกันภายในครอบครัว จดทะเบียนสมรส
- ส่วนมีคนถามว่าครอบครัวฝ่ายชายเพื่อนฝูงเค้ารู้ไหมว่ามาอยู่กับเรา ทุกคนรับรู้ค่ะ ตอนแรกแม่แฟนเตรียมเงินไว้ให้1แสนไม่พอก็ให้แฟนหาเพิ่มเติมจากส่วนนี้ แต่แฟนเราไม่เอาเพราะอยากหาเอง แม่แฟนเลยเอาเงินไปซื้อที่เก็บไว้ให้แทนค่ะ
- และเรื่องที่ว่าแฟนไม่ให้เกียรติเรา เรามองว่าแฟนทำดีที่สุดในส่วนของลูกผู้ชายคนนึงแล้วค่ะ ตอนคบกันใหม่ๆหรือแม้กระทั่งตอนนี้ เพื่อนแฟนและคนรอบตัวแฟนมองว่าเรามาเกาะแฟนด้วยซ้ำ มีแต่เพื่อนเค้าอยากให้เลิกกับเราค่ะ เค้าปกป้องเราและพยายามพิสูจน์ให้คนอื่นดูว่าเราไม่ได้คบเค้าที่เงิน หลายครั้งที่เราอยากให้เค้าออกไปจากชีวิตเราเพราะคำพูดคนรอบข้างเค้า เราเองก็ละอายใจเเละรู้สึกผิดที่เค้าต้องมาลำบากเพราะเรา แต่เค้าเลือกที่จะไม่ไปและยอมลำบากไปด้วยกันมากกว่าที่เค้าจะสบายแล้วไม่มีเรา
- เราตกลงได้ข้อสรุปกับแฟนว่าจะมีสินสอด 1แสน และทองอีกนิดหน่อย เพราะแม่เราไม่เรียกสินสอดให้ทางฝ่ายชายตกลงเท่าที่ไหว และฉโนดที่ทางที่แม่แฟนจะให้ประมาณ 5ไร่ (แม่แฟนบอกจะซื้อเก็บไว้ให้เรื่อยๆ)
- สินสอดจะเก็บจากเงินเดือนที่เหลือหลังหักค่าใช้จ่ายอื่นๆแล้ว จากเดิมที่คิดไว้ว่าถ้าได้โบนัสจะเอาเงินไปโปะรถเมื่อรถหมดไวจะได้เก็บเงินแต่งไวขึ้นก็เปลี่ยนมาเป็นเก็บโบนัสไว้ใส่บัญชีสินสอดก่อนค่ะ และเราจะช่วยเค้าเก็บเพิ่มเติมหากร้านที่เรากำลังทำอยู่ตัว คงช่วยกันเก็บได้ไวขึ้นค่ะ
- เรื่องลูก เรายังไม่แพลนว่าจะมี รอตั้งตัวได้หลังจดทะเบียนค่ะ และลูกจะได้ไม่อายด้วยค่ะ แต่อีกใจเราคิดว่าถ้ามีรูปลูกอยู่ในเฟรมด้วยคงน่ารักดี
ขออนุญาต Edit เนื้อหาที่ระบุตัวตนเล็กน้อยเพราะเริ่มมีการแชร์ เราไม่อยากให้ใครรับรู้ตัวตนจึงถอดลอคอินมาค่ะ