ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมเป็นทุกข์ ใช้ "สันติสนทนา" เป็นทางออกร่วมกันดีมั้ย?

ดอกไม้สวัสดีค่ะ สมาชิกทุกท่าน

ฉันเป็นผู้หญิงตัวน้อย                 ขอมีเสียงสักหน่อยจะได้ไหม
ขอบอกว่ารักพ่อสุดหัวใจ            เพราะเหตุใดขอได้โปรดมารับฟัง
ตีวงเข้ามาสาธุชน                      ถั่วข้าวโพดโค้กขนเอามาตั้ง
ผู้หญิงจะออกจากที่กำบัง           เล่าเรื่องปางหลังรจนา
ที่มีชีวิตได้ถึงวันนี้                      ใครที่มีพระคุณจนล้นค่า
เตรียมโอ่งมารองรับน้ำตา          จะรู้ว่าพระพ่อนั้นคือใคร
ร่างฉันไม่ทนกระสุนปืน              จะถองทุบยุบยืนก็ตายได้
จะขู่เข็ญทุกคืนค่ำไปทำไม         ไม่มีใครกลัวสักคนที่ขนมา


บทกลอนท่อนสุดท้ายของแถลงการณ์ของเครือข่ายศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายเมื่อวานนี้ บ่งบอกถึงความรู้สึกของอุบาสิกาตัวเล็กๆ ท่านหนึ่ง ที่มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระเทพญาณมหามุนีอย่างมาก ก็เพราะคำสอนของท่านได้ชุบชีวิตของตนให้เป็นคนดี รักพระพุทธศาสนา บทกลอนนี้สำหรับคนที่รักหลวงพ่อธัมมชโยแล้วใครอ่านน้ำตาไม่ซึมคงไม่มี

ชยํ เวรํ ปสวติ    ทุกฺขํ เสติ ปราชิโต
อุปสนฺโต สุขํ เสติ    หิตฺวา ชยปราชยํ.
ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมนอนเป็นทุกข์ คนละความชนะและความแพ้ได้แล้ว สงบใจได้ ย่อมนอนเป็นสุข.
(พุทฺธ) ขุ.ธ. ๒๕/๔๒.


ความแตกต่างทางความคิด เป็นสาเหตุทำให้มนุษย์ขัดแย้งกัน เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัว การทำลายเพื่อเอาชนะจึงเป็นทางเลือกสำหรับบางคน อะไรคือสิ่งบันดาลให้คนเป็นเช่นนั้น พระพุทธศาสนาถือว่า “กิเลส” เป็นตัวบังคับให้คนทำกรรม และกรรมก็เป็นตัวจำแนกสัตว์เป็นไปแตกต่างกัน ใครทำความดีก็ได้รับผลดีเป็นความสุข ใครทำความชั่ว ก็จะได้รับผลชั่วเป็นความทุกข์ เมื่อฝ่ายหนึ่งมีเป้าหมายที่จะทำลายล้างอีกฝ่ายหนึ่งให้ย่อยยับ ย่อมจะมีฝ่ายชนะกับฝ่ายแพ้เป็นธรรมดา ฝ่ายชนะก็จะดีใจ ฝ่ายพ่ายแพ้ก็จะเสียใจ เท่ากับฝ่ายชนะทำเวร ฝ่ายแพ้ได้จองเวรผลัดกันไปเรื่อยเป็นดุจลูกโซ่ ฝ่ายพ่ายแพ้เมื่อกลับไปบ้านย่อมนอนเป็นทุกข์ เพราะสูญเสียสิ่งอันเป็นที่รัก หากเกิดความเคียดแค้นและมีความมุ่งหวังที่จะแก้แค้นให้ได้ เขาย่อมประสบกับความทุกข์ตลอดไป

วัดพระธรรมกาย เป็นสถานที่สำหรับผู้แสวงบุญมาสั่งสมบุญ สร้างคุณความดีให้กับชีวิต เป็นสถานที่อบรมบ่มนิสัยขัดเกลาให้กิเลสเบาบางลง มุ่งหวังให้เกิดสันติสุขบนโลกใบนี้ โดยเริ่มจากการสร้างสันติภาพในใจของทุกคนก่อน ด้วยการปฏิบัติธรรมตามหลักวิชชาธรรมกาย ซึ่งหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ได้ค้นพบและถ่ายทอดมา โดยมีหลวงพ่อธัมมชโย เป็นผู้นำการปฏิบัติธรรมให้กับสานุศิษย์ จนเกิดผลการปฏิบัติธรรมที่ดี หลายคนเข้าถึงความสุขภายใน หลายคนมีนิสัยเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ทำให้ชีวิตตนเองและครอบครัวมีความสุขตราบจนทุกวันนี้



แต่ในช่วงที่ผ่านมา ไม่เข้าใจว่าเหตุใด จึงมีหน่วยงานบางหน่วยงาน ตามจ้องทำลายล้างหลวงพ่อธัมมชโยอย่าง "เอาเป็นเอาตาย ดุจปีศาจร้ายกระหายเลือด" ทั้ง ๆ ที่ท่านก็อายุ ๗๒ ปีแล้ว ถือได้ว่าเป็นพระชราภาพและขณะนี้ท่านก็อาพาธอยู่ การจัดสรรพกำลังเยี่ยงการทำสงครามกับผู้ก่อการร้ายที่มีอาวุธสะสมมากมายนั้น เพียงเพื่อจะมาจับพระชรารูปหนึ่ง ที่ไม่มีอาวุธ ไม่ทางต่อสู้ เป็นการกระทำของชายชาตินักรบงั้นหรือ? ดูสง่างามและน่าภูมิใจงั้นหรือ?


ไม่ว่าท่านจะจับได้หรือไม่ได้ ผลที่ได้หากใช้กำลังเข้ามา สิ่งที่เห็นชัด ๆ คือการสูญเสียอย่างแน่นอน

ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง เสียเลือด เสียเนื้อ เสียชีวิต มันมีอะไรคุ้มค่าความสูญเสียเหล่านี้บ้าง มีใครรับผิดชอบตรงนี้ สำหรับสาธุชนที่มาปฏิบัติธรรม เขายอมสละชีวิตเพื่อปกป้องหลวงพ่อแน่ ๆ หากเสียชีวิต ก็คงทำพิธีศพตามอัตภาพอย่างสมเกียรติที่ได้ปกป้องพระพุทธศาสนา แต่สำหรับทางการ ท่านภูมิใจแล้วหรือกับผลลัพธ์ที่ท่านอาจจะได้ตามคาดหวัง คือ “การจับหลวงพ่อสึกจากความเป็นพระ” ท่านแน่ใจหรือว่าท่านจะตายตาหลับได้อย่างสบายใจ

หากท่านใช้กำลังสำเร็จนั่นหมายความว่าเรื่องนี้จะไม่จบแค่นี้แน่ ๆ แต่หากท่านใช้กำลังไม่สำเร็จ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการสูญเสียแน่ ๆ เช่นกัน


จะดีกว่ามั้ย? ถ้าเราแก้ปัญหาด้วยการใช้ "ปัญญา" ไม่ใช้ "กำลัง หรือ การข่มขู่"

ไม่เคยเห็นว่าการแก้ปัญหาด้วยกำลัง จะสามารถทำให้มีผู้ชนะได้จริง จะดีกว่ามั้ย? หากมีการใช้ "สันติสนทนา" (Peace Dialogue) เป็นทางออกร่วมกัน ด้วยการพูดคุยแบบมีเหตุมีผล ยอมรับฟังเหตุผลและแนวคิดของแต่ละฝ่าย เพื่อสร้างสันติ กระชับมิตรภาพ ซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย หากมีอะไรที่ล่วงเกินกันไปก็ขอโทษ ให้อภัยซึ่งกันและกัน หากต้องการให้ทำอะไรก็ขอร้องคุยกันดี ๆ วิธีนี้ ทำให้แต่ละฝ่ายดูสง่างาม เกิดภาพลักษณ์ที่ดีงาม ต่างฝ่ายต่างก็ชนะใจกันทั้งคู่ และนำไปสู่ความปรองดองได้ในที่สุด

ในขณะเดียวกัน สื่อมวลชนก็ต้องเป็น Peace Media ด้วย คือ ไม่อคติอันจะนำมาสร้างความขัดแย้ง หลีกเลี่ยงประทุษวาจา (Hate Speech) เหยียดชนชาติ เผ่าพันธุ์และศาสนา ซึ่งจะทำให้คนสามารถออกมาฆ่ากันได้ในสงครามกลางเมือง ขอให้เป็นสื่อสันติภาพ สื่ออย่างสร้างสรรค์ เสนอข่าวอย่างเที่ยงตรง  รอบด้าน (พระสนิทวงศ์ วุฒิวังโส :โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา : 20161203)


เราต่างก็เป็นพี่น้องเพื่อนร่วมโลกที่ต้องการสันติสุขและสันติภาพร่วมกัน

เราต่างก็ตกเป็นบ่าวเป็นทาสพญามาร เราจึงไม่ใช่ศัตรูกันมาตั้งแต่กำเนิด เราตกอยู่ภายใต้กฏแห่งกรรมเดียวกัน เราอาจมีความต่างกัน แต่เราไม่ควรมาหวาดระแวงกัน เพราะเราไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ต้องดำรงชีพ ด้วยการกินกันเองเป็นอาหาร เราเป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันหมดทั้งสิ้น เราใช้ดวงตะวันดวงเดียวกัน  เราดื่มน้ำจากฟ้าเดียวกัน  เราหายใจก็ใช้อากาศร่วมกัน และเราต้องอยู่ร่วมกันบนโลกนี้จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
เราอยากได้ยินข่าวดีที่สร้างสรรค์ จรรโลงใจ ทำให้ชีวิตคนไทยสดใสสดชื่น ด้วยการ "หยุดทำร้ายพระสงฆ์ หยุดทำร้ายพระพุทธศาสนา"

อีกไม่กี่วันก็จะเป็นเทศกาลปีใหม่แล้ว ต้อนรับปีใหม่นี้ ด้วยข่าวดีที่ทำให้คนไทยมีความสุข เริ่มต้นจาก "สันติสนทนา" กันดีมั้ย?
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 52
เราไม่มีอะไรจะต่อสู้กับพวกคุณหรอก เราไม่มีอาวุธ เว้นแต่ธรรมวุธ เราไม่มีกองกำลัง มีแต่คนที่รักการทำความดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและผู้สูงอายุ เราไม่มีอำนาจใดๆ มีแต่เสียงสวดมนต์ เราไม่มีสื่อแบบคุณ ที่คอยรุมกัดพร้อมจะขย่ำกลืนกินเรา สื่อเราก็โดนปิด เราไม่มีกฎหมู่อยู่ในมือเหมือนคุณ มีแต่ความจริงที่รู้ว่าไม่ผิด เราไม่มีผู้นำที่เป็นทหารหรือตำรวจ ผู้นำเราก็เป็นแค่พระสูงอายุและอาพาธ แต่เรามีสิ่งที่เหนือกว่าคุณคือ ศรัทธาที่เชื่อมั่นในความดีของหลวงพ่อธัมมชโย ศรัทธาที่ไม่มีใครพรากไปได้แม้ด้วยชีวิต วันนี้ยังมีโอกาสในการประนีประนอม โปรดอย่าใช้ความรุนแรง โปรดอย่ามีธงในการสึกหลวงพ่อ หากคุณต้องการอยากให้หลวงพ่อเข้ากระบวนการพิสูจน์ความยุติธรรมมันก็ไม่ยาก ขอแค่ความจริงใจ ไม่ต้องยกกองกำลังมา แค่ยกเลิกหมายจับ เดินมาที่วัดดีๆแล้วมามอบหมายเรียกให้กับหลวงพ่อ จากนั้นให้ประกันตัว กระบวนการยุติธรรมก็จะดำเนินต่อไปได้ อย่าเสี่ยงโดยการต่อสู้กับความศรัทธาเลยนะ มันอันตรายมาก
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
อนุโมทนา สาธุ

ห้องศาสนาน่าจะเป็นห้องที่แสดงความเห็นกันตามหลักของพระพุทธเจ้านะ

ใจเย็น ๆ กันหน่อย

ระบายปัญญากันนะครับ

อย่าระบายอารณ์ ยิ้ม

อนูปวาโท ไม่ใช่หลักของพุทธศาสนา

ว่าแต่เขา อย่าอิเหนาเป็นเอง

พูดจาไพเราะ น่าฟัง ได้เนื้อหา

น่าจะดีต่อตัวเองและผู้อื่น
ความคิดเห็นที่ 31
ผมรักหลวงพ่อธัมมชโย เพราะท่านสอนให้จนเปลี่ยนจากคนที่กินเหล้าเที่ยวเตร่ไปวันๆ ให้เป็นคนดีมีศีลธรรม รักการสร้างบุญ มีความสุขจากการปฏิบัติธรรม และมองย้อนไปในอดีตก็เข้าไปทำบุญหลายวัด อ่านธรรมะจากพระอาจารย์ดังๆ หลายท่านก็ดี แต่ยังไม่สามารถเปลี่ยนผมได้  และจากการที่ผมได้เข้าวัดและพิสูจน์ด้วยตัวเองมายี่สิบปีแล้วว่าหลวงพ่อท่านตั้งใจทำงานเพื่อให้ทุกคนมีศีลธรรมจริงๆ ไม่ได้อยุ่สบายๆ ทั้งที่ถ้าท่านจะนั่งสมาธิเงียบๆ คนเดียวก็ได้ ซึ่งถ้าท่านทำอย่างนั้นก็คงไม่มีผมในวันนี้ ผมอาจจะไปจบที่เมรุ หรือคุกไปแล้ว แต่ท่านกลับมุ่งมั่นที่จะทำงานพระศาสนาโดยไม่สนความเหนื่อยยาก ดังนั้นผมจึงมอบตัวเป็นศิษย์ของท่าน ผมและคณะศิษย์หลายหมื่นคนพร้อมจะปกป้องพระอาจารย์ของผมด้วยชีวิต ไม่คิดอะไรมากหรอกครับ
ความคิดเห็นที่ 30
ความคิดเห็นที่ 7
หลงประเด็นแล้วมั่ง คุณรัตนมาลี  ความขัดแย้งของ พระธัมชโยเป็นเรื่องกฏหมายฟอกเงิน  ไม่ใช้ รัฐกับศาสนาพุทธ หรือ รัฐกับวัด  เมื่ออำนาจกรรเมืองการปกครองเปลี่ยน รัฐมีนโยบายใช้กฏหมาย ไม่ได้มีนโยบาย ต่อรองด้วยอำนาจทางการเมือง  
    ปล. แนะนำ ให้หนี ไม่ก็สู้ด้วยข้อกฏหมาย อย่าได้นำ การเมืองมาสู้เลย
ความคิดเห็นที่ 29
แถลงข่าวเครือข่ายคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลก
วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ.2559
ณ วัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี
เนื่องด้วยขณะนี้ สถานการณ์ส่อว่าจะบังเกิดเหตุรุนแรง ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับสถาบันพระพุทธศาสนา อันเนื่องมาจากการดำเนินการโดยไม่เป็นธรรม ดังนี้
1. การดำเนินการของพนักงานสอบสวนในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และคดีอื่นที่เกี่ยวโยงกัน มีความไม่เป็นธรรมหลายประการ อาทิ มีการแจ้งความดำเนินคดี และพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหาคณะศิษยานุศิษย์ที่ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อเยียวยาแก่สหกรณ์ฯคลองจั่น ว่ามีความผิดข้อหาเรี่ยไร ทั้งที่เงินนั้นก็เป็นเงินของศิษยานุศิษย์แต่ละท่าน และเสียสละมาเยียวยาแก่สหกรณ์ฯตามข้อตกลงในศาล และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องทั้งวัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนี อีกทั้งสหกรณ์ฯ มีหนังสือขอบคุณแก่คณะศิษยานุศิษย์ เจ้าหน้าที่ของรัฐแทนที่จะมอบรางวัลแสดงความชื่นชมในน้ำใจเสียสละให้กับศิษยานุศิษย์ แต่คณะศิษยานุศิษย์กลับถูกดำเนินคดีตกเป็นผู้ต้องหา แสดงถึงเจตนาในการหาเรื่องกลั่นแกล้ง ไม่เป็นธรรม
2. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) ได้ดำเนินคดีพระเทพญาณมหามุนี ข้อหาบุกรุกป่า และข้อหาก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างทับลำรางสาธารณะ ที่สวนป่าหิมวันต์ อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย และที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมเวิลด์ พีซ จังหวัดนครราชสีมา ตามลำดับ โดยอ้างอิงความเห็นของนายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของศาล ทั้งที่นายวิฑูรย์ฯ ซึ่งเคยเป็นอดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ และถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เพราะทำความผิดฐานวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศบิดเบือนความจริง สร้างความเสียหายต่อราชการหลายกรรมหลายวาระ และสำนักงานศาลยุติธรรมไม่ต่อทะเบียนการเป็นผู้เชี่ยวชาญฯของศาล นายวิฑูรย์ฯ จึงมิได้เป็นผู้เชี่ยวชาญฯของศาลแล้ว ซึ่งทางวัดพระธรรมกายได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญฯของศาลที่แท้จริง วิเคราะห์ตรวจสอบด้วยแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่ทหาร ปรากฏผลการตรวจสอบว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในเขตป่า และไม่มีลำรางสาธารณะแต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส. กลับเลือกที่จะเชื่อผลการวิเคราะห์ฯของนายวิฑูรย์ฯ ซึ่งมีพฤติกรรมมัวหมองร้ายแรงจนถูกไล่ออกจากราชการ ไม่เชื่อผลการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญฯของศาลที่แท้จริง และไปขอออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนี
3. กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ขอให้ กสทช.สั่งหยุดการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม DMC โดยไม่มีการไต่สวน ทั้งที่เนื้อหามีแต่การสวดมนต์ นั่งสมาธิ สอนธรรมะให้ประชาชนเป็นคนดี
4. พฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.โดยการนำของพลตำรวจเอกศรีวราห์ฯ ทำให้คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายพิจารณาแล้วเห็นว่าพระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกายถูกกลั่นแกล้งดำเนินคดีโดยไม่เป็นธรรม สร้างความรู้สึกทุกข์ร้อนคับแค้นใจอย่างแสนสาหัส
https://goo.gl/I9K0Gv

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่