วันนี้เราไปกราบพ่อหลวง ร.๙ มาค่ะ 11/12/2559

เราอยากแบ่งปันความรู้สึกนี้ให้ชาวพันทิปได้อ่านกันนะคะ ผิดพลาดประการใดต้องขอภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
เราไม่ได้อยู่ใน กทม. นะคะแต่เข้ามาทำธุระบ่อยมาก มาแล้วเราก็อยากจะไปพระบรมมหาราชวัง (เราได้เข้า กทม. บ่อยๆ กะว่าจะเข้าไปอีกค่ะ)

สิ่งที่เราเตรียมไป มีกระเป๋าสะพายข้างใบขนาดกลางค่ะสิ่งของประกอบด้วย
1.ยาดม ยาหม่อง ยาโรคประจำตัว
2.น้ำขวดเล็ก (หรือใครจะเตรียมขนมปังด้วยก็ได้ มีแจกให้ด้วยค่ะ)
3.โทรศัพท์/พาวเวอร์แบ๊งค์
4.ทิชชู/กาวตราช้าง (กาวนี่ได้ใช้จริงๆ ค่ะ เพื่อนเหยียบรองเท้าพื้นเปิงเลยค่ะ)
5.กระเป๋าเงิน บัตรประชาชน
เตรียมถุงหิ้วไปด้วยจะสะดวกมากค่ะ

ปล.ใครมาช่วงสายคิดว่าต่อคิวนาน อย่าลืมพกร่มมาด้วยนะคะ หรือใครคิดว่ายืนไม่ไหวบอกเจ้าหน้าที่ได้ค่ะ
เรากราบเสร็จออกมาช่วง 9 โมงครึ่ง ในสนามหลวงบางคนเตรียมเก้าอี้ส่วนตัวมาค่ะ เก้าอี้แบบพับ ใครคิดว่ารอนานแน่ๆ เตรียมมาด้วยก็ได้นะคะ


เข้าเรื่องเลยนะคะ
เราเคยฝันว่า...สักวันหนึ่งเราจะมาเฝ้ารับเสด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิตถ้าเราเติบโตขึ้น
แต่ตอนนี้เราทำได้แค่เข้าถวายสักการะพระบรมศพ ซึ่งใกล้ที่สุดในชีวิตแล้วค่ะ
ต้องขอบอกก่อนว่าตั้งแต่เกิดมา เราไม่เคยได้รับเสด็จ ไม่เคยได้เห็นพระพักตร์ของพระเจ้าอยู่หัวเลยสักครั้ง แต่ทำไมเราถึงได้รู้สึกรักพระองค์ได้มากขนาดนี้นะ

วันนี้ 11/12/2559 เรากับเพื่อนอีกสองคนได้นัดเจอกันไว้ที่สนามหลวงเวลา ตี 3 ค่ะ
เราขึ้นรถแท็กซี่ไปสนามหลวงเวลา ตี 2 ค่ะ จากรามอินทราไปถึงสนามหลวงก็ ตี 2 สี่สิบ
เราก็เดินไปฝั่งโรงแรมรัตนโกสินทร์ ก็จะมีคนมาต่อคิวรอกันเยอะแล้ว  เจ้าหน้าที่ให้เข้าแถวเป็น 4 แถว
เพื่อรอเวลาเปิดรับบัตรคิวเวลาตี 4 ค่ะ เราก็จะเดินแถวข้ามสะพานไปฝั่งละ 2 แถว เพื่อที่จะให้เจ้าหน้าที่ตรวจบัตรประชาชนและกระเป๋า

พอตรวจเสร็จเราก็เดินเป็น 4 แถวเหมือนเดิมค่ะ จัดเป็นสองฝั่งถนน เดินตามคิวไปเรื่อยๆ จนได้เข้าไปจุดพัก ได้นั่งเวลาตี 5
(แต่จะชุลมุนหน่อยนะคะเพราะเราและเพื่อนได้เข้ามากับคนกลุ่มใหญ่ที่มาเป็นคณะ ถ้าเป็นตอนเดินตามคิวอยู่แล้วมารัดคิวเราโอเคค่ะ แต่ที่เราไม่โอเคคือการกระทำตอนที่กำลังจะนั่งตรงจุดพัก คือตอนกำลังจะนั่งลงไปบนเก้าอี้ มีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งดึงเก้าอี้ที่เรากำลังจะนั่งออกค่ะ เรานี่อึ้งเลย นึกภาพตามนะคะ จัดคนเป็น 4 แถว เพื่อให้เรานั่งเก้าอี้ 4 แถวตามที่เราต่อคิวมา แต่การการกระทำแบบนี้เรายอมรับว่าไม่พอใจนะ อยู่ๆ มาดึงเก้าอี้ที่เรากับเพื่อนจะนั่งออก แล้วผลักคนที่เขามาด้วยกันเข้ามาแทน แต่เขาก็นั่งข้างหลัง แล้วเอากระเป๋าวางเก้าอี้ที่เพื่อนจับ สรุปเรา 3คนเดินออกค่ะ  และเรานึกถึงสิ่งที่เราตั้งใจมาในวันนี้มากกว่า เรากับเพื่อนเลยจะเดินกลับไปนั่งต่อคิวหลังสุดใหม่ แต่พี่เจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ข้างหน้าที่ยืนดูแลช่วยเหลืออยู่น่าจะพอเห็นเหตุการณ์ เดินเข้ามาถามว่าเรามากี่คน เรากับเพื่อนเลยบอกว่ามา 3 คนค่ะ พี่เค้าบอกว่าไม่ต้องเดินออกไป แล้วเดินไปข้างหน้าเพื่อหาที่ว่างให้ 3 ที่ค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ ดูแลและบริการดีมาก)

เรานั่งไปจนถึง 6 โมง ก็จะมีเจ้าหน้าที่เดินบอกว่า ใครต้องการชา กาแฟ อาหารรองท้อง หรือเข้าห้องน้ำให้รีบไปตั้งแต่ตอนนี้เลย แล้วเจ้าหน้าที่บอกว่าอีก 1 ชั่วโมงถึงจะได้ไปจุดที่รอคอย
เรากับเพื่อนก็คิดว่าจะออกไปหากาแฟดื่ม ตอนนั้น เวลา 6 โมงกว่าๆ พี่ที่มาคณะใหญ่ก็บอกว่าไปเลยเดี๋ยวบอกเจ้าหน้าที่ให้
เรา 3 คนเดินออกมาไม่ถึง 5 นาที เจ้าหน้าที่ปล่อยแถวเราไปจุดรอคอยแล้วค่ะ กั้นเชือกไว้ แต่พี่ที่มาคณะใหญ่จำเรา 3 คนได้ เราก็จำพี่แกได้เลยบอกเจ้าหน้าที่ว่ามาคิวเดียวกับบคณะนี้ เจ้าหน้าที่ก็ให้ไปค่ะ

เดินไปถึงจุดรอคอยและได้นั่งระหว่างรับเสด็จและทำพิธีเสร็จก็ส่งเสด็จค่ะ
เราได้เดินเข้าประตูวิเศษไชยศรีตอน 8 โมงนิดๆ ค่ะ ตอนก้าวข้ามผ่านประตูครั้งนี้ตื่นเต้นกว่าครั้งก่อน
คราวที่แล้วเรามาลงนามถวายความอาลัยค่ะ และครั้งนี้คือตื้นตันจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ น้ำตาคลอตลอด

พอเดินเข้าประตูวิเศษไชยศรีไปแถวก็นิ่งนะคะ เดิน 4 แถวเหมือนเดิม เราได้ยืนแต่ที่ร่ม แต่แดดตอนนั้นไม่ร้อนมาก
เวลา 9 โมงเราก็ได้เดินผ่านประตูพิมานไชยศรี เข้าไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
จะมีเจ้าหน้าที่แจกถุงดำให้ใส่รองเท้า ห้ามสะพายกระเป๋า และให้ถือไว้ด้านหน้าแทน
เราก็เดินแถวไปจนถึงพระที่นั่ง ก้าวเข้าไปก้าวแรก ใจเต้นแรงมาก รู้สึกใจชื้น และจิตใจสบายมาก

เรามองไปยังเบื้องหน้า พระบรมโกศของพ่อ ณ ตอนนั้น ตื้นตันใจไปหมด และอยากอยู่ตรงนั้นให้นานที่สุด
เมื่อเรากราบเสร็จก็เดินแถวออกมา จะมีเจ้าหน้าที่ รอรับถุงดำคืน ถ้าจะให้รวดเร็วคว่ำถุงดำไว้เลยนะคะ จะสะดวกในการเก็บของเจ้าหน้าที่ด้วย
แล้วก็มีเจ้าหน้าที่แจกพระบรมฉายาลักษณ์ แจกน้ำแจกขนม ตรงทางออก
และสุดท้าย ข้าวของพ่อค่ะ ลายฝีพระหัตถ์ของพ่อ คำว่า "พอเพียง" เพียงแค่นี้เราก็สุขใจอิ่มเอมใจมากๆ

**วันที่ 13 ตุลาคม ที่ฟังแถลงการณ์ครั้งแรก เราคิดว่าฝัน ช็อคและร้องอยู่สามวัน
แต่เชื่อมั้ยว่า พอวันที่ 16 ตุลาคม เราได้ไปสนามหลวง แต่วันนั้นเราไม่ได้เข้าไปลงนามนะคะ อยู่รอบๆ พระบรมมหาราชวัง
ได้ไปทำความสะอาดกำแพงพระบรมหาราชวังกับเพื่อนๆ ค่ะ ตอนนั้นมีคนจุดธูปเทียนแล้วเป็นรอยดำค่ะ เรากับเพื่อนเลยไปช่วยพี่ๆ ขัด
โดยใช้น้ำส้มสายชูเจือจางกับน้ำขัดค่ะ ออกนะคะแต่ออกไม่หมด วันนั้นฝนตกทั้งวัน แต่เรามีความสุขที่ได้ทำ ได้เฝ้ารับเสด็จพระบรมวงศานุวงศ์
ได้อยู่ใกล้ๆ พ่อ และเรากลับคิดว่าพ่อหลวงยังไม่จากไปไหน ยังอยู่ในใจของคนไทยทุกลมหายใจ

และวันที่ 18 ตุลาคม เราได้ไปต่อคิวลงนามถวายความอาลัยค่ะ วันนั้นเราไปคนเดียว เราคิดว่าแค่ได้อยู่บริเวณสนามหลวง หรือ รอบๆ รั้วกำแพงพระบรมมหาราชวังทำให้เราอุ่นใจมาก

จนมาถึงวันนี้ที่เราได้เข้าไปใกล้ชิดพระองค์มากที่สุด เราเชื่อว่าหลายๆ คนจะมีความรู้สึกแบบเราค่ะ บรรยายออกมาได้ไม่หมด แต่จะอยู่ในใจตลอดไปค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่