จากกระทู้ก่อนหน้ารีวิวเที่ยวญี่ปุ่นราคาประหยัด งบ 20,000 บาท ภาค 1 และภาค 2
ภาค 1
http://ppantip.com/topic/35880904
ภาค 2
http://ppantip.com/topic/35899358
ภาค 3 เป็นภาคสุดท้าย
เที่ยวโตเกียววันที่ 3 เก็บตกพระราชวังอิมพีเรียล(Imperial Palace) โอไดบะ(Odaiba) และตลาดปลาซึกิจิ(Tsukiji)
วันสุดท้ายในโตเกียวขาเริ่มล้า ตื่นเช้าไปตลาดปลาไม่ไหว เราเลยเริ่มต้นวันด้วยพระราชวังอิมพีเรียล โดยนั่ง JR Yamanote จากสถานีอุเอโนะ (เรา check-out ออกจากโรงแรม แล้วเอากระเป๋ามาฝากที่ KEISEI Ueno) ไปลงสถานี Tokyo แล้วเดินออกมาหน้าสถานี สามารถถ่ายรูปหน้าที่สถานีได้ สวยงามอยู่
เดินตรงออกมาตามภาพด้านบน เราก็จะพบพระราชวังอิมพีเรียล ซึ่งเป็นที่พักของกษัตริย์ญี่ปุ่นแล้ว จุดเด่นของพระราชวังอิมพีเรียลคือสะพานแว่นตา เราไปตามถ่ายตามเวลาที่เค้านิยมกัน คือ 10:30 น. เค้าว่ากันว่าแสงดีที่สุด ณ เวลานี้เค้ามีทหารม้าออกมาพอดี เก็บภาพมาฝากกัน
หลังจากนั้นเราจะไปต่อกันที่เกาะที่เกิดจากการถมทะเลนั่นคือเกาะ Odaiba คนญี่ปุ่นถมทะเลในอ่าวโตเกียวขึ้นมาเป็นเกาะ แล้วตั้งเป็นเขตปกครองพิเศษโอไดบะ บนเกาะนี้เกือบ 100% เป็นแหล่งชอปปิ้งและสถานบันเทิง เป็นตึกทั้งหมด ตอนเราไปไม่เห็นบ้านคนสักหลัง การเดินทางจากพระราชวังอิมพีเรียลไปโอไดบะต้องนั่ง JR Yamanote Line ไปลงที่สถานี Shimbashi แล้วต่อ JR Yurikamome Line ไปที่ Odaiba ได้เลย ความพิเศษอยู่ที่ JR Yurikamome เป็นรถไฟสายที่ไม่มีคนขับ หากได้ที่นั่งหัวขบวนจะชมวิวได้เต็มๆ รถไฟสายนี้เราสามารถซื้อตั๋วแบบ One-day Pass ราคา 820 เยนเพื่อเดินทางทั้งวันได้ แต่เราไม่ได้ซื้อเพราะตามแผนเราสามารถเดินเที่ยวได้ และค่าเดินทางไป-กลับ ถูกกว่าตั๋ววัน แหะ ๆ
แผนที่เกาะโอไดบะ
หลังจากขึ้นรถไฟ JR Yurikamome แล้ว เราจะเดินทางข้ามสะพานสายรุ้ง และมาจอดที่สถานีแรกบนเกาะโอไดบะคือสถานี Odaiba-Kaihinkoen เราลงที่สถานีนี้ หรือจะเลือกลงสถานีที่สองคือสถานี Daiba ก็ได้ เมื่อลงแล้วสามารถไปหาอะไรทานที่ห้าง Aqua city ที่ชั้น 5 ของห้างนี้มี Ramen theme park ที่รวมร้านราเมนขึ้นชื่อจากเมืองต่างๆ ในญี่ปุ่นมาเปิดไว้ หลังจากกินอิ่มท้องแล้ว เดินออกมาทาง Sky walk เพื่อถ่ายรูปมุมมหานิยมอย่างสะพานสายรุ้ง และเทพีเสรีภาพจำลอง
เดินตามแผนที่ตัดผ่านตึก Fuji Television Network จะเจอห้าง Divercity Tokyo ที่ห้างนี้มีร้านของเล่นเหมือนที่ย่าน Harajuku และที่เพิ่มเติมกว่านั้นคือมีกันดั้มคาเฟ่ มีหุ่นกันดั้ม RX-78-2 ขนาดเท่าตัวจริงอยู่หน้าคาเฟ่ด้วย
ตึก Fuji Television Network สังเกตได้จากลูกกลมๆ บนตึก
กันดั้ม RX-78-2
สำหรับใครที่ชอบรถ แนะนำให้เดินต่อตาม Central area walkway ไปที่ห้าง Venus Ford ใกล้ๆ กัน ในห้างมี History Garage ที่จัดโดยบริษัทโตโยต้า เค้าเอารถคลาสสิกที่สะสมมาให้ดู อยู่ที่ชั้น 2 ของห้างนี้ แล้วถ้าเวลายังเหลือสามารถเดินลงไปที่ชั้น 1 เพื่อเยี่ยมชม Grand Prix Garage จะมีพวกของแต่งรถ และโมเดลรถให้ดู(ชั้นล่างเราไม่ได้เดินลงไป เลยไม่มีภาพให้ดู)
Central area walkway ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน รูปนี้ถ่ายช่วงเวลา 16:00 น.
History Garage by TOYOTA
ที่ตึกข้างๆ กัน ตึก Mega web สำหรับคนที่ชื่นชอบนวัตกรรมของรถในอนาคต ทางโตโยต้าเค้าก็มีจัด Toyota City Showcase ให้ดูนวัตกรรมของรถที่กำลังถูกพัฒนาเช่นกัน
หมดอีก 1 วัน ก่อนกลับไทย เราขอแวะไปกินปลาดิบที่ตลาดปลาซึกิจิก่อน เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงญี่ปุ่น การเดินทางก็นั่ง JR Yurikamome กลับไปที่สถานี Shimbashi จากนั้นต่อเมโทรสายสีส้ม Ginza line ไปลงสถานี Ginza แล้วเปลี่ยนสายไปเมโทรเป็นสายสีเทา Hibiya Line ไปลงสถานี Tsukiji เราไปตลาดปลาตอนเย็นแล้ว ร้านรวงในตลาดก็ปิดหมด แต่มีอยู่ร้านนึงหน้าร้านเขียนว่าเปิด 24 hr. เราก็พุ่งตัวเข้าไปทันที ชื่อร้าน Sanmaisushi อร่อยและราคาไม่แพง ที่ตลาดปลาซึกิจิมีอยู่ 2 สาขา ซึ่งเราก็เข้าๆ ออกๆ กินทั้ง 2 สาขาเลย จบทริปญี่ปุ่นอย่างสบายใจ
สำหรับคืนสุดท้ายนี้เราไม่ได้นอนโรงแรม เราฮาร์ดคอแบกกระเป๋าไปนอนสนามบินนาริตะ โดยเราขึ้น KEISEI evening liner รอบ 3 ทุ่มจากต้นทางสถานีอุเอโนะที่เราได้ฝากกระเป๋าไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว ไปลงที่สถานี Narita เมื่อถึงสถานีนาริตะ ให้เดินข้าม Platform ไปรอรถไฟเข้าสนามบินอีกฝั่งนึงของสถานี หลังจากถึงสนามบินแล้วทำการแลกคืนบัตร PASMO ที่เคาท์เตอร์ Fare adjustment หน้าทางเข้าประตูสนามบินได้เลย
การนอนที่สนามบินนาริตะ ทางสนามบินได้จัดโซนไว้ให้นอนแบบสบายๆ ที่เรียกว่า North waiting area ที่ชั้น 1 ของสนามบิน โดยภายในโซนนี้มีห้องน้ำ มีที่นอน มีเก้าอี้ มีมุมอาหาร มีมุมครอบครัว มุมของเล่นเด็ก คือมาพักได้สบายมากสำหรับคนที่ขึ้นไฟลท์เช้า(มีปลั๊กไฟ และจุดพ่วงปลั๊ก พร้อม Wi-Fi) โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินตรวจตลอด แต่หากใครที่ชอบความเป็นส่วนตัวมากๆ ก็แนะนำให้หาโรงแรมแถวสถานีนาริตะนอนก็สะดวกไปอีกทางค่ะ
ขอจบรีวิวด้วย Giant Sky Wheel Palette Town ฟินๆ กับทริปญี่ปุ่น
[CR] รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นราคาประหยัด งบ 20,000 บาท ภาค 3
จากกระทู้ก่อนหน้ารีวิวเที่ยวญี่ปุ่นราคาประหยัด งบ 20,000 บาท ภาค 1 และภาค 2
ภาค 1 http://ppantip.com/topic/35880904
ภาค 2 http://ppantip.com/topic/35899358
ภาค 3 เป็นภาคสุดท้าย
เที่ยวโตเกียววันที่ 3 เก็บตกพระราชวังอิมพีเรียล(Imperial Palace) โอไดบะ(Odaiba) และตลาดปลาซึกิจิ(Tsukiji)
วันสุดท้ายในโตเกียวขาเริ่มล้า ตื่นเช้าไปตลาดปลาไม่ไหว เราเลยเริ่มต้นวันด้วยพระราชวังอิมพีเรียล โดยนั่ง JR Yamanote จากสถานีอุเอโนะ (เรา check-out ออกจากโรงแรม แล้วเอากระเป๋ามาฝากที่ KEISEI Ueno) ไปลงสถานี Tokyo แล้วเดินออกมาหน้าสถานี สามารถถ่ายรูปหน้าที่สถานีได้ สวยงามอยู่
เดินตรงออกมาตามภาพด้านบน เราก็จะพบพระราชวังอิมพีเรียล ซึ่งเป็นที่พักของกษัตริย์ญี่ปุ่นแล้ว จุดเด่นของพระราชวังอิมพีเรียลคือสะพานแว่นตา เราไปตามถ่ายตามเวลาที่เค้านิยมกัน คือ 10:30 น. เค้าว่ากันว่าแสงดีที่สุด ณ เวลานี้เค้ามีทหารม้าออกมาพอดี เก็บภาพมาฝากกัน
หลังจากนั้นเราจะไปต่อกันที่เกาะที่เกิดจากการถมทะเลนั่นคือเกาะ Odaiba คนญี่ปุ่นถมทะเลในอ่าวโตเกียวขึ้นมาเป็นเกาะ แล้วตั้งเป็นเขตปกครองพิเศษโอไดบะ บนเกาะนี้เกือบ 100% เป็นแหล่งชอปปิ้งและสถานบันเทิง เป็นตึกทั้งหมด ตอนเราไปไม่เห็นบ้านคนสักหลัง การเดินทางจากพระราชวังอิมพีเรียลไปโอไดบะต้องนั่ง JR Yamanote Line ไปลงที่สถานี Shimbashi แล้วต่อ JR Yurikamome Line ไปที่ Odaiba ได้เลย ความพิเศษอยู่ที่ JR Yurikamome เป็นรถไฟสายที่ไม่มีคนขับ หากได้ที่นั่งหัวขบวนจะชมวิวได้เต็มๆ รถไฟสายนี้เราสามารถซื้อตั๋วแบบ One-day Pass ราคา 820 เยนเพื่อเดินทางทั้งวันได้ แต่เราไม่ได้ซื้อเพราะตามแผนเราสามารถเดินเที่ยวได้ และค่าเดินทางไป-กลับ ถูกกว่าตั๋ววัน แหะ ๆ
แผนที่เกาะโอไดบะ
หลังจากขึ้นรถไฟ JR Yurikamome แล้ว เราจะเดินทางข้ามสะพานสายรุ้ง และมาจอดที่สถานีแรกบนเกาะโอไดบะคือสถานี Odaiba-Kaihinkoen เราลงที่สถานีนี้ หรือจะเลือกลงสถานีที่สองคือสถานี Daiba ก็ได้ เมื่อลงแล้วสามารถไปหาอะไรทานที่ห้าง Aqua city ที่ชั้น 5 ของห้างนี้มี Ramen theme park ที่รวมร้านราเมนขึ้นชื่อจากเมืองต่างๆ ในญี่ปุ่นมาเปิดไว้ หลังจากกินอิ่มท้องแล้ว เดินออกมาทาง Sky walk เพื่อถ่ายรูปมุมมหานิยมอย่างสะพานสายรุ้ง และเทพีเสรีภาพจำลอง
เดินตามแผนที่ตัดผ่านตึก Fuji Television Network จะเจอห้าง Divercity Tokyo ที่ห้างนี้มีร้านของเล่นเหมือนที่ย่าน Harajuku และที่เพิ่มเติมกว่านั้นคือมีกันดั้มคาเฟ่ มีหุ่นกันดั้ม RX-78-2 ขนาดเท่าตัวจริงอยู่หน้าคาเฟ่ด้วย
ตึก Fuji Television Network สังเกตได้จากลูกกลมๆ บนตึก
กันดั้ม RX-78-2
สำหรับใครที่ชอบรถ แนะนำให้เดินต่อตาม Central area walkway ไปที่ห้าง Venus Ford ใกล้ๆ กัน ในห้างมี History Garage ที่จัดโดยบริษัทโตโยต้า เค้าเอารถคลาสสิกที่สะสมมาให้ดู อยู่ที่ชั้น 2 ของห้างนี้ แล้วถ้าเวลายังเหลือสามารถเดินลงไปที่ชั้น 1 เพื่อเยี่ยมชม Grand Prix Garage จะมีพวกของแต่งรถ และโมเดลรถให้ดู(ชั้นล่างเราไม่ได้เดินลงไป เลยไม่มีภาพให้ดู)
Central area walkway ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน รูปนี้ถ่ายช่วงเวลา 16:00 น.
History Garage by TOYOTA
ที่ตึกข้างๆ กัน ตึก Mega web สำหรับคนที่ชื่นชอบนวัตกรรมของรถในอนาคต ทางโตโยต้าเค้าก็มีจัด Toyota City Showcase ให้ดูนวัตกรรมของรถที่กำลังถูกพัฒนาเช่นกัน
หมดอีก 1 วัน ก่อนกลับไทย เราขอแวะไปกินปลาดิบที่ตลาดปลาซึกิจิก่อน เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงญี่ปุ่น การเดินทางก็นั่ง JR Yurikamome กลับไปที่สถานี Shimbashi จากนั้นต่อเมโทรสายสีส้ม Ginza line ไปลงสถานี Ginza แล้วเปลี่ยนสายไปเมโทรเป็นสายสีเทา Hibiya Line ไปลงสถานี Tsukiji เราไปตลาดปลาตอนเย็นแล้ว ร้านรวงในตลาดก็ปิดหมด แต่มีอยู่ร้านนึงหน้าร้านเขียนว่าเปิด 24 hr. เราก็พุ่งตัวเข้าไปทันที ชื่อร้าน Sanmaisushi อร่อยและราคาไม่แพง ที่ตลาดปลาซึกิจิมีอยู่ 2 สาขา ซึ่งเราก็เข้าๆ ออกๆ กินทั้ง 2 สาขาเลย จบทริปญี่ปุ่นอย่างสบายใจ
สำหรับคืนสุดท้ายนี้เราไม่ได้นอนโรงแรม เราฮาร์ดคอแบกกระเป๋าไปนอนสนามบินนาริตะ โดยเราขึ้น KEISEI evening liner รอบ 3 ทุ่มจากต้นทางสถานีอุเอโนะที่เราได้ฝากกระเป๋าไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว ไปลงที่สถานี Narita เมื่อถึงสถานีนาริตะ ให้เดินข้าม Platform ไปรอรถไฟเข้าสนามบินอีกฝั่งนึงของสถานี หลังจากถึงสนามบินแล้วทำการแลกคืนบัตร PASMO ที่เคาท์เตอร์ Fare adjustment หน้าทางเข้าประตูสนามบินได้เลย
การนอนที่สนามบินนาริตะ ทางสนามบินได้จัดโซนไว้ให้นอนแบบสบายๆ ที่เรียกว่า North waiting area ที่ชั้น 1 ของสนามบิน โดยภายในโซนนี้มีห้องน้ำ มีที่นอน มีเก้าอี้ มีมุมอาหาร มีมุมครอบครัว มุมของเล่นเด็ก คือมาพักได้สบายมากสำหรับคนที่ขึ้นไฟลท์เช้า(มีปลั๊กไฟ และจุดพ่วงปลั๊ก พร้อม Wi-Fi) โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินตรวจตลอด แต่หากใครที่ชอบความเป็นส่วนตัวมากๆ ก็แนะนำให้หาโรงแรมแถวสถานีนาริตะนอนก็สะดวกไปอีกทางค่ะ
ขอจบรีวิวด้วย Giant Sky Wheel Palette Town ฟินๆ กับทริปญี่ปุ่น