เรียนกลุ่มนักสืบพันธ์ทิพย์
ผมอยากให้ช่วยตามคดี Alex Fairfield ที่กล่าวหาเมืองไทยผิดๆ เป็นข่าว Fox News ทำให้ชื่อเสียงบ้านเมืองเราเสียหาย
โดยเธอบอกว่าได้เข้ามาเที่ยวกับเพื่อชื่อ Joe และไปเที่ยว Bar ใกล้โรงแรม (โดยไม่บอกทั้งชื่อบาร์และชื่อโรงแรมที่เธอเข้าพัก)
จากนั้นเธออ้างว่าขณะอยู่ในบาร์เธอถูกมอมยาโดยบุคคลในเครื่องแบบที่เธอเชื่อว่าเป็น ตำรวจ (ในสื่อบอกว่าเป็น Thai Police)
หลังจากถูกมอมยาเธอได้สลบไปที่บาร์แห่งนั้น มาฟื้นตัวในวันรุ่งขึ้นสภาพถูกเชือกมัด แต่เธอสามารถคลายเชือกออกมาเองได้ และได้ประมือกับ
คนในเครื่องแบบที่หมายจะ "ข่มขืน" เธอ ปรากฏว่าเธอต่อสู้ชนะและหนีรอดออกมาได้พร้อมกับถ่ายรูป "รอยฟกช้ำ" ส่งไปให้ครอบครัวเธอดูเป็นหลักฐาน
เธอยังกล่าวต่อในการสัมภาษณ์กับ Fox News ว่า ตอนนั้นเธอกลัวว่าคนในเครื่องแบบจะฮั้วกับตำรวจคนอื่นๆ จึงไม่ไปแจ้งความ แต่ไปแจ้งที่ U.S. Embassy แล้วไม่ได้รับความร่วมมือ เธอจึงตรงดิ่งไปที่สุวรรณภูมิเพื่อบินกลับทันทีในวันที่ 6 ธ.ค. 59 ที่ผ่านมา และก็พบว่า "มีใครบางคน" ใช้อำนาจลึกลับสั่งแคนเซิล "ตั๋วเครื่องบิน" ของเธอ เธอไม่มีเงินพอที่จะซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียวเพื่อกลับบ้านที่มิชิแกน (บินรูทสุวรรณภูมิ-อะบูดาบี-มิชิแกน เที่ยวเดียวเธออ้างว่าราคา USD3,000)
ด้วยเหตุนี้เธอจึงหันไประดมเงินทาง Internet ชื่อเว็บไซต์ : GoFundMe crowdfunding effort และได้เงินไปถึง USD8,000 และต่อมาวันที่ 7 ธ.ค. 59 เธอได้ลงรูปตัวเธอกับสมาชิกในครอบครัว ณ สนามบินมิชิแกน ทำนองว่าได้เจอหน้ากับคนในครอบครัวอีกครั้งหลังจากเจอเรื่องร้าย แต่ปรากฏว่ารูปดังกล่าวไม่ได้โชว์ร่องรอยฟกช้ำ เหมือนอย่างที่เธอได้ส่งภาพมาให้ครอบครัวได้ดูเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 59 แต่อย่างใด (ภายในวันเดียวรอยแผลฟกช้ำต่างๆ หายไปเป็นปลิดทิ้งซึ่งน่าสงสัยมาก และทำไมต้องไป raise money ถึง USD8,000 ตีเป็นเงินไทย 272,000 บาท
กลุ่มนักสืบพันธ์ทิพย์ อยากให้ช่วยตามคดี Alex Fairfield กล่าวหาเมืองไทยผิดๆ เป็นข่าว Fox News
ผมอยากให้ช่วยตามคดี Alex Fairfield ที่กล่าวหาเมืองไทยผิดๆ เป็นข่าว Fox News ทำให้ชื่อเสียงบ้านเมืองเราเสียหาย
โดยเธอบอกว่าได้เข้ามาเที่ยวกับเพื่อชื่อ Joe และไปเที่ยว Bar ใกล้โรงแรม (โดยไม่บอกทั้งชื่อบาร์และชื่อโรงแรมที่เธอเข้าพัก)
จากนั้นเธออ้างว่าขณะอยู่ในบาร์เธอถูกมอมยาโดยบุคคลในเครื่องแบบที่เธอเชื่อว่าเป็น ตำรวจ (ในสื่อบอกว่าเป็น Thai Police)
หลังจากถูกมอมยาเธอได้สลบไปที่บาร์แห่งนั้น มาฟื้นตัวในวันรุ่งขึ้นสภาพถูกเชือกมัด แต่เธอสามารถคลายเชือกออกมาเองได้ และได้ประมือกับ
คนในเครื่องแบบที่หมายจะ "ข่มขืน" เธอ ปรากฏว่าเธอต่อสู้ชนะและหนีรอดออกมาได้พร้อมกับถ่ายรูป "รอยฟกช้ำ" ส่งไปให้ครอบครัวเธอดูเป็นหลักฐาน
เธอยังกล่าวต่อในการสัมภาษณ์กับ Fox News ว่า ตอนนั้นเธอกลัวว่าคนในเครื่องแบบจะฮั้วกับตำรวจคนอื่นๆ จึงไม่ไปแจ้งความ แต่ไปแจ้งที่ U.S. Embassy แล้วไม่ได้รับความร่วมมือ เธอจึงตรงดิ่งไปที่สุวรรณภูมิเพื่อบินกลับทันทีในวันที่ 6 ธ.ค. 59 ที่ผ่านมา และก็พบว่า "มีใครบางคน" ใช้อำนาจลึกลับสั่งแคนเซิล "ตั๋วเครื่องบิน" ของเธอ เธอไม่มีเงินพอที่จะซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียวเพื่อกลับบ้านที่มิชิแกน (บินรูทสุวรรณภูมิ-อะบูดาบี-มิชิแกน เที่ยวเดียวเธออ้างว่าราคา USD3,000)
ด้วยเหตุนี้เธอจึงหันไประดมเงินทาง Internet ชื่อเว็บไซต์ : GoFundMe crowdfunding effort และได้เงินไปถึง USD8,000 และต่อมาวันที่ 7 ธ.ค. 59 เธอได้ลงรูปตัวเธอกับสมาชิกในครอบครัว ณ สนามบินมิชิแกน ทำนองว่าได้เจอหน้ากับคนในครอบครัวอีกครั้งหลังจากเจอเรื่องร้าย แต่ปรากฏว่ารูปดังกล่าวไม่ได้โชว์ร่องรอยฟกช้ำ เหมือนอย่างที่เธอได้ส่งภาพมาให้ครอบครัวได้ดูเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 59 แต่อย่างใด (ภายในวันเดียวรอยแผลฟกช้ำต่างๆ หายไปเป็นปลิดทิ้งซึ่งน่าสงสัยมาก และทำไมต้องไป raise money ถึง USD8,000 ตีเป็นเงินไทย 272,000 บาท