Hallo ค่ะทุกคน ทักทายแบบนอร์เวย์ก่อนเลยเพราะว่ากระทู้นี้เราจะมาแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้ไปกินๆ นอนๆ เที่ยวๆ อยู่ที่นอร์เวย์ (และโคเปนเฮเกน, เบอร์ลินนิดหน่อย) เป็นเวลาหนึ่งเดือนพอดีเป๊ะ ส่วนคำว่า Skål ที่เราใช้เนี่ยแปลว่า Cheers ค่ะ เป็นคำที่ใช้กันบ่อยมากก็เลยหยิบมาตั้งเป็นชื่อซะเลย (: ต้องเล่าก่อนว่าตอนแรกเนี่ยคิดมานานมากว่าปิดเทอมครั้งนี้จะไป Work and Travel ที่อเมริกา! เพราะยังไม่เคยได้ไปเหยียบอเมริกามาก่อนเลย คิดไปคิดมา หาข้อมูลเรื่อยๆ แต่มีวันนึงที่เพื่อนทักขึ้นมาว่า
‘ ปิดเทอมไปตกแซลมอนที่นอร์เวย์กัน’
อ่าวเอาแล้วไง งงเลยเรา ตกอะไร นอร์เวย์อะไรไม่เคยมีอยู่ในหัว
‘มันแพงโว้ยไม่มีตัง’
แต่เพื่อนก็ตอบมาหนึ่งประโยคที่จบแพลนอเมริกาภายในเสี้ยววินาที
‘ลุงกับป้ากูอยู่นอร์เวย์’
‘งั้นไปกี่วันดี ❤'
บายจ้าอเมริกา ไว้โอกาสหน้า
สวัสดีนอร์เวย์
แพลนของพวกเรา♡
ดูขำๆ นะคะเพราะแค่เริ่มด้วยการไปพักเครื่องที่ Zurich 11 ชั่วโมงยามค่ำคืน
ก็ดูเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากจะทำตามแล้วแหละ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
22 May / Bangkok — Zurich
12:40 BKK - 19:30 ZRH (SWISS Air) นอนสนามบิน
23 May / Zurich — Oslo — Elverum
06:50+1 ZRH - 09:10+1 Oslo (SWISS Air) ต่อบัสไป Elverum (Student Card ลดราคา)
24-26 May / Elverum
กบดานบ้านลุง
27 May / Elverum — Oslo —Voss
เที่ยว Oslo กลางคืนนอนบนรถไฟไป Voss
28 May / Voss — Bergen
ซื้อทัวร์ Norway in a Nutshell ตอนเย็นนั่งรถไฟไป Bergen (Airbnb)
29-31 May / Bergen
Bergen, Norway (Airbnb)
1-2 June / Bergen — Vigrestad
Vigrestad, Norway (+Preikestolen) นอนบ้านเพื่อน
3-4 June / Vigrestad —Elverum
นั่งรถไฟกลับไปกบดานบ้านลุง
5 June / Elverum — Copenhagen
08:00 Oslo-Gardermoen - 09:10 Copenhagen (Norwegian Air)
Take metro from Lufthavnen to Forum (M2) buy City Pass
Sleep : Sleep in Heaven DKK 195.00 (Struenseegade 7)
24 hours check-in, rooms are ready from 13:00
6 June / Copenhagen
Sleep : Sleep in Heaven DKK 195.00 (buy City Pass)
7 June / Copenhagen — Aarhus
Check-Out : Sleep in Heaven 10:00
Take bus from Rantzausgade (København) to Valby St. (8A every 20 mins)
11:20 Valby St. - 15:15 Aarhus (busstation)
Sleep : City Sleep-In DKK167.20 check-in 16:00 to 21:00
8 June / Aarhus — Copenhagen
16:05 Aarhus (busstation) - 19:40 Valby St.
Take bus from Valby St. to Rantzausgade (København) (8A every 20 mins)
Sleep : Sleep in Heaven DKK 200.00
9 June / Copenhagen — Berlin
23:40 Copenhagen central trainstation (Ingerslevsgade) - 08:10 Berlin central bus station
10-14 June / Berlin
Arrive 08:10 - Berlin central bus station
15-17 June / Berlin — Copenhagen
นั่งรถบัสจาก Berlin กลับไป Copenhagen, Denmark
18-22 June / Copenhagen — Oslo — Elverum
นั่งรถบัสจาก Copenhagen ไป Oslo แวะเที่ยวและนั่งบัสกลับไปกบดานบ้านลุงและบินกลับไทยค่ะ
แพลนเราซึ่งจริงอย่าเรียกว่าแพลนเลยค่ะ เพราะอะไรที่เที่ยวในนอร์เวย์ ไปให้ป้าช่วยแพลนหมดเลย นอกจากนั้นก็เที่ยวแบบขี้เกียจๆ และทรหดเรื่องการเดินทางเล็กน้อย ค่ารถมันแพงจริงๆ ที่พักก็มีทั้งบ้านเพื่อน โฮสเทล Airbnb ครบค่ะ เดี๋ยวจะเล่าในแต่ละเมืองอีกครั้งนึง พร้อมจะตามไปดูการเที่ยวมั่วๆ ของพวกเรารึยังคะ (:
Note
- เราซื้อซิมจาก
Instasim รวมๆ แล้วก็เล่นได้ทุกที่ยกเว้นเบอร์ลิน ซึ่งตอบโจทย์เพราะเราจะไปโคเปนเฮเกนคนเดียว อยากจะมีไว้หาข้อมูลเวลาฉุกเฉินบ้าง
- สำหรับคนที่ยังเป็นนิสิต นักเรียนอยู่ แนะนำนี่เลยค่ะ
ISIC เราสมัครมาโดยตลอด 3 ปี คุ้มค่ามากๆ ค่าสมัคร 450 บาทแต่ลดได้หลายอย่าง และบางที่ไม่รับบัตรนักเรียนไทยที่เราใช้ๆ กันอยู่ค่ะ ต้องเป็นเจ้า ISIC เค้าถึงจะให้
- 1kr (นอร์เวย์โครน) ~ 4.4 บาท / 1dkk (เดนมาร์กโครน) ~ 5.3 บาท
เริ่มต้นจากกรุงเทพพวกเราเลือกสายการบิน Swiss Air ค่ะซึ่งก็ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ Zurich ก่อนแล้วก็บินต่อไปยัง Oslo ค่ะ (สำหรับคนที่อยากบินตรงแนะนำ Norwegian Air จะมีราคาดีๆ อยู่หลายช่วงเลยค่ะ) Swiss Air นี่เค้าบริการอาหารแบบจัดหนักมาก รู้สึกว่าได้กินตลอดเวลา มีไอศกรีมของว่างให้ด้วย งงเลย เพราะเคยขึ้นครั้งแรกค่ะ (Edit : มีถามเข้ามา น้ำหนักได้ 23 กิโลกรัมค่ะ) สำหรับการเปลี่ยนเครื่องที่ Zurich ก็สามารถออกไปเที่ยวได้ ถ้าใครพักเครื่องตอนช่วงกลางวันและเวลานานๆ ก็แนะนำค่ะ แต่พวกเราพักตอน 2 ทุ่ม! กะไว้แล้วว่าคงไม่มีอะไรเปิดแต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรอยู่ดี ก็เลยตัดสินใจไปเดินเล่นกันในเมืองค่ะ เรียกได้ว่าเดินเล่นจริงๆ เพราะไม่มีอะไรทำเลย เดินเรื่อยเปื่อยซึมซับอากาศหนาวๆ และแสงไฟสลัวยามค่ำคื่นจนถึงเที่ยงคืนก็ขึ้นบัสรอบสุดท้ายกลับไปนอนที่สนามบิน และที่พีคกว่านั้นคือ สนามบินปิดค่ะ... ไม่เคยรู้มาก่อน ปิดในที่นี้คือไม่มีไฟล์ทเข้าออกเลยค่ะ ส่วนข้างในสำหรับผู้โดยสารจะเปิดตอนตี 5 นิดๆ ก็จะอยู่ได้บริเวณข้างนอกเท่านั้น เหงาเป็นบ้า แต่รวมๆ แล้วก็คนอื่นที่มารอขึ้นเครื่องบ้างประปราย
Elverum / Hamar , Norway
เมื่อเครื่องลงที่ Oslo แล้วพวกเราก็ต่อรถบัสจากที่สนามบินไปยังเมือง Elverum ที่ตั้งของบ้านลุง ค่ารถบัสประมาณ 150kr (ราคานักเรียน) ซึ่งเราเป็นคนเดียวที่มีบัตรนักเรียนแบบ ISIC ตอนแรกที่เคาท์เตอร์เค้าบอกจะได้ราคานักเรียนแค่คนเดียว แต่สุดท้ายคนขับใจดีเพราะเห็นว่าเพื่อนกันหมดก็เลยได้ลดทุกคน บนรถก็สบายมีไวไฟให้ใช้ พอถึงที่สถานีของเมือง Elverum คุณลุงก็มารับ
Why Elverum? - จริงๆ เรามาก็เพราะว่าลุงเพื่อนอยู่ที่เมืองนี้นี่แหละค่ะ Elverum เป็นเมืองเล็กๆ ไม่ไกลจากออสโล ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวแต่ก็เป็นเมืองสำคัญเกี่ยวกับการเดินทางนะคะเพราะสามารถต่อรถไฟไปได้หลายที่มากๆ ตัวเมืองก็จะเล็กๆ มีแม่น้ำกลางเมือง นอกจากนี้ก็จะมีโบสถแล้วก็พิพิธภัณฑ์บ้าง ถ้าใครผ่านมาก็แวะมาเดินเล่นชมได้นะคะ
พวกเราก็ติดสอยห้อยตามเข้ามาเวลาลุงกับป้าเข้ามาซื้อของในตัวเมือง มาเดินเล่นบ้าง แล้วก็ซื้อขนมกินบ้าง อย่างอันนี้เป็น Softis หรือซอฟท์ครีมในปั๊ม อร่อยมากชอบ กินกับเลย์ (เพื่อนบอกแปลกมาก แต่ก็กินตามเรากันหมด) ที่ฮาก็คือซื้อล็อตเตอร์รี่ค่ะ อยากรู้ว่าเมืองนอกมันเป็นยังไง คือถ้าซื้อแล้วถูกจะได้เงินเลยค่ะ ซึ่งพลาดค่าาา อด
ส่วนตัวบ้านของลุงจะอยู่ห่างจากตัวเมืองเล็กน้อย ประมาณ 10 นาทีก็คือขับรถเอา แถวบ้านเนี่ยเงียบสงบมากๆ แต่บรรยากาศดีสุดๆ มีโบสถแถวหน้าบ้านแล้วก็ Co-op ซุปเปอร์มาร์เกตเล็กๆ อยู่ด้วย เดินถึงกันได้หมด นอกจากนี้ที่น่าตื่นเต้นก็คือมีป่าเต็มไปหมดเหมือนในทไวไลท์เลย (ตอนแรกจะบอกป่าต้องห้ามของแฮร์รี่ แต่จะน่ากลัวไปหน่อย) ที่สำคัญคือลุงกับป้าบอกว่า เนี่ยกวางมาเดินเล่นบ่อยมากเลย
และสิ่งที่ปลื้มปริ่มเป็นพระคุณลุงกับป้าของเพื่อนมากๆ ก็คืออาหารทุกมื้อที่เตรียมอย่างดีและอร่อยมากก (กราบ) ได้ลองเนื้อกวางกับปลาวาฬด้วย คนแถบนั้นเค้ากินกันเป็นเรื่องปกติ รวมถึงวิวสวยๆ แถวบ้านแบบนี้ นี่นึกว่าดูวอลเปเปอร์ในคอมอยู่เลย
Why Hamar? - ฮาร์มาอยู่ไม่ไกลจาก Elverum ค่ะสามารถขับรถไปได้ คนที่มาเที่ยวเมืองนี้ก็มักจะแวะเที่ยวโรงงานทำเทียน Løiten Lys ซึ่งใหญ่มากๆ แต่ถ้าคนไม่ชอบกลิ่นแรงๆ เดินนานๆ จะมึนหัวได้ค่ะ มันมีเทียนแทบทุกแบบและทุกสี สวยมากๆ ราคาก็สมเหตุสมผล เราซื้อกลับมาเต็มเลยเพราะชอบสี นอกจากนี้ก็จะมีโบสถที่ดังมาก เพราะเป็นโบสถเก่าที่สร้างกระจกครอบทับไว้ เพื่อรักษาสภาพภายในชื่อว่า Anno Museum Domkirkeodden เป็นพิพิธภัณฑ์ไปในตัว วิวแถวนั้นก็สวย บางวันก็มีเด็กๆ มาทัศนศึกษาด้วย ที่สุดท้ายที่เราได้ไปมาก็คือทะเลสาป Mjøsa อาจจะดูธรรมดา แต่เราว่าในความธรรมดานั้นมีทั้งความสวยและความสงบแฝงอยู่
[CR] Skål to us♡ ญาติหนูอยู่นอร์เวย์ (นอร์เวย์ - เดนมาร์ก - เบอร์ลิน)
Hallo ค่ะทุกคน ทักทายแบบนอร์เวย์ก่อนเลยเพราะว่ากระทู้นี้เราจะมาแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้ไปกินๆ นอนๆ เที่ยวๆ อยู่ที่นอร์เวย์ (และโคเปนเฮเกน, เบอร์ลินนิดหน่อย) เป็นเวลาหนึ่งเดือนพอดีเป๊ะ ส่วนคำว่า Skål ที่เราใช้เนี่ยแปลว่า Cheers ค่ะ เป็นคำที่ใช้กันบ่อยมากก็เลยหยิบมาตั้งเป็นชื่อซะเลย (: ต้องเล่าก่อนว่าตอนแรกเนี่ยคิดมานานมากว่าปิดเทอมครั้งนี้จะไป Work and Travel ที่อเมริกา! เพราะยังไม่เคยได้ไปเหยียบอเมริกามาก่อนเลย คิดไปคิดมา หาข้อมูลเรื่อยๆ แต่มีวันนึงที่เพื่อนทักขึ้นมาว่า
อ่าวเอาแล้วไง งงเลยเรา ตกอะไร นอร์เวย์อะไรไม่เคยมีอยู่ในหัว
‘มันแพงโว้ยไม่มีตัง’
แต่เพื่อนก็ตอบมาหนึ่งประโยคที่จบแพลนอเมริกาภายในเสี้ยววินาที
‘ลุงกับป้ากูอยู่นอร์เวย์’
‘งั้นไปกี่วันดี ❤'
บายจ้าอเมริกา ไว้โอกาสหน้า
สวัสดีนอร์เวย์
แพลนของพวกเรา♡
ดูขำๆ นะคะเพราะแค่เริ่มด้วยการไปพักเครื่องที่ Zurich 11 ชั่วโมงยามค่ำคืน
ก็ดูเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากจะทำตามแล้วแหละ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แพลนเราซึ่งจริงอย่าเรียกว่าแพลนเลยค่ะ เพราะอะไรที่เที่ยวในนอร์เวย์ ไปให้ป้าช่วยแพลนหมดเลย นอกจากนั้นก็เที่ยวแบบขี้เกียจๆ และทรหดเรื่องการเดินทางเล็กน้อย ค่ารถมันแพงจริงๆ ที่พักก็มีทั้งบ้านเพื่อน โฮสเทล Airbnb ครบค่ะ เดี๋ยวจะเล่าในแต่ละเมืองอีกครั้งนึง พร้อมจะตามไปดูการเที่ยวมั่วๆ ของพวกเรารึยังคะ (:
Note
- เราซื้อซิมจาก Instasim รวมๆ แล้วก็เล่นได้ทุกที่ยกเว้นเบอร์ลิน ซึ่งตอบโจทย์เพราะเราจะไปโคเปนเฮเกนคนเดียว อยากจะมีไว้หาข้อมูลเวลาฉุกเฉินบ้าง
- สำหรับคนที่ยังเป็นนิสิต นักเรียนอยู่ แนะนำนี่เลยค่ะ ISIC เราสมัครมาโดยตลอด 3 ปี คุ้มค่ามากๆ ค่าสมัคร 450 บาทแต่ลดได้หลายอย่าง และบางที่ไม่รับบัตรนักเรียนไทยที่เราใช้ๆ กันอยู่ค่ะ ต้องเป็นเจ้า ISIC เค้าถึงจะให้
- 1kr (นอร์เวย์โครน) ~ 4.4 บาท / 1dkk (เดนมาร์กโครน) ~ 5.3 บาท
เริ่มต้นจากกรุงเทพพวกเราเลือกสายการบิน Swiss Air ค่ะซึ่งก็ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ Zurich ก่อนแล้วก็บินต่อไปยัง Oslo ค่ะ (สำหรับคนที่อยากบินตรงแนะนำ Norwegian Air จะมีราคาดีๆ อยู่หลายช่วงเลยค่ะ) Swiss Air นี่เค้าบริการอาหารแบบจัดหนักมาก รู้สึกว่าได้กินตลอดเวลา มีไอศกรีมของว่างให้ด้วย งงเลย เพราะเคยขึ้นครั้งแรกค่ะ (Edit : มีถามเข้ามา น้ำหนักได้ 23 กิโลกรัมค่ะ) สำหรับการเปลี่ยนเครื่องที่ Zurich ก็สามารถออกไปเที่ยวได้ ถ้าใครพักเครื่องตอนช่วงกลางวันและเวลานานๆ ก็แนะนำค่ะ แต่พวกเราพักตอน 2 ทุ่ม! กะไว้แล้วว่าคงไม่มีอะไรเปิดแต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรอยู่ดี ก็เลยตัดสินใจไปเดินเล่นกันในเมืองค่ะ เรียกได้ว่าเดินเล่นจริงๆ เพราะไม่มีอะไรทำเลย เดินเรื่อยเปื่อยซึมซับอากาศหนาวๆ และแสงไฟสลัวยามค่ำคื่นจนถึงเที่ยงคืนก็ขึ้นบัสรอบสุดท้ายกลับไปนอนที่สนามบิน และที่พีคกว่านั้นคือ สนามบินปิดค่ะ... ไม่เคยรู้มาก่อน ปิดในที่นี้คือไม่มีไฟล์ทเข้าออกเลยค่ะ ส่วนข้างในสำหรับผู้โดยสารจะเปิดตอนตี 5 นิดๆ ก็จะอยู่ได้บริเวณข้างนอกเท่านั้น เหงาเป็นบ้า แต่รวมๆ แล้วก็คนอื่นที่มารอขึ้นเครื่องบ้างประปราย
Elverum / Hamar , Norway
เมื่อเครื่องลงที่ Oslo แล้วพวกเราก็ต่อรถบัสจากที่สนามบินไปยังเมือง Elverum ที่ตั้งของบ้านลุง ค่ารถบัสประมาณ 150kr (ราคานักเรียน) ซึ่งเราเป็นคนเดียวที่มีบัตรนักเรียนแบบ ISIC ตอนแรกที่เคาท์เตอร์เค้าบอกจะได้ราคานักเรียนแค่คนเดียว แต่สุดท้ายคนขับใจดีเพราะเห็นว่าเพื่อนกันหมดก็เลยได้ลดทุกคน บนรถก็สบายมีไวไฟให้ใช้ พอถึงที่สถานีของเมือง Elverum คุณลุงก็มารับ
Why Elverum? - จริงๆ เรามาก็เพราะว่าลุงเพื่อนอยู่ที่เมืองนี้นี่แหละค่ะ Elverum เป็นเมืองเล็กๆ ไม่ไกลจากออสโล ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวแต่ก็เป็นเมืองสำคัญเกี่ยวกับการเดินทางนะคะเพราะสามารถต่อรถไฟไปได้หลายที่มากๆ ตัวเมืองก็จะเล็กๆ มีแม่น้ำกลางเมือง นอกจากนี้ก็จะมีโบสถแล้วก็พิพิธภัณฑ์บ้าง ถ้าใครผ่านมาก็แวะมาเดินเล่นชมได้นะคะ
พวกเราก็ติดสอยห้อยตามเข้ามาเวลาลุงกับป้าเข้ามาซื้อของในตัวเมือง มาเดินเล่นบ้าง แล้วก็ซื้อขนมกินบ้าง อย่างอันนี้เป็น Softis หรือซอฟท์ครีมในปั๊ม อร่อยมากชอบ กินกับเลย์ (เพื่อนบอกแปลกมาก แต่ก็กินตามเรากันหมด) ที่ฮาก็คือซื้อล็อตเตอร์รี่ค่ะ อยากรู้ว่าเมืองนอกมันเป็นยังไง คือถ้าซื้อแล้วถูกจะได้เงินเลยค่ะ ซึ่งพลาดค่าาา อด
ส่วนตัวบ้านของลุงจะอยู่ห่างจากตัวเมืองเล็กน้อย ประมาณ 10 นาทีก็คือขับรถเอา แถวบ้านเนี่ยเงียบสงบมากๆ แต่บรรยากาศดีสุดๆ มีโบสถแถวหน้าบ้านแล้วก็ Co-op ซุปเปอร์มาร์เกตเล็กๆ อยู่ด้วย เดินถึงกันได้หมด นอกจากนี้ที่น่าตื่นเต้นก็คือมีป่าเต็มไปหมดเหมือนในทไวไลท์เลย (ตอนแรกจะบอกป่าต้องห้ามของแฮร์รี่ แต่จะน่ากลัวไปหน่อย) ที่สำคัญคือลุงกับป้าบอกว่า เนี่ยกวางมาเดินเล่นบ่อยมากเลย
และสิ่งที่ปลื้มปริ่มเป็นพระคุณลุงกับป้าของเพื่อนมากๆ ก็คืออาหารทุกมื้อที่เตรียมอย่างดีและอร่อยมากก (กราบ) ได้ลองเนื้อกวางกับปลาวาฬด้วย คนแถบนั้นเค้ากินกันเป็นเรื่องปกติ รวมถึงวิวสวยๆ แถวบ้านแบบนี้ นี่นึกว่าดูวอลเปเปอร์ในคอมอยู่เลย
Why Hamar? - ฮาร์มาอยู่ไม่ไกลจาก Elverum ค่ะสามารถขับรถไปได้ คนที่มาเที่ยวเมืองนี้ก็มักจะแวะเที่ยวโรงงานทำเทียน Løiten Lys ซึ่งใหญ่มากๆ แต่ถ้าคนไม่ชอบกลิ่นแรงๆ เดินนานๆ จะมึนหัวได้ค่ะ มันมีเทียนแทบทุกแบบและทุกสี สวยมากๆ ราคาก็สมเหตุสมผล เราซื้อกลับมาเต็มเลยเพราะชอบสี นอกจากนี้ก็จะมีโบสถที่ดังมาก เพราะเป็นโบสถเก่าที่สร้างกระจกครอบทับไว้ เพื่อรักษาสภาพภายในชื่อว่า Anno Museum Domkirkeodden เป็นพิพิธภัณฑ์ไปในตัว วิวแถวนั้นก็สวย บางวันก็มีเด็กๆ มาทัศนศึกษาด้วย ที่สุดท้ายที่เราได้ไปมาก็คือทะเลสาป Mjøsa อาจจะดูธรรมดา แต่เราว่าในความธรรมดานั้นมีทั้งความสวยและความสงบแฝงอยู่
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น