ถูกฟ้องอายัดเงินเดือน แต่เป็นหนี้ที่มีการชำระไปแล้วต้องทำอย่างไรคะ

ข้าพเจ้ามียอดหนี้ที่ทาง บ.แคปปิตอล โอเค จก. ฟ้องอายัดเงินเดือน เมื่อเดือน เมษายน 2553 จำนวน 42,147.24 บ. ไม่รวมดอกเบี้ย แต่เนื่องด้วยทาง บ.ที่ทำงานขณะนั้น เป็น บ.ร่วมทุนจากประเทศญี่ปุ่นไม่มีกฎให้หักทำการหักเงินเดือน หาก พนง.ไม่สามารถเคลียร์ยอดหนี้เองได้ ก็ต้องถูกไล่ออก ข้าพเจ้าจึงได้ขอประนอมหนี้กับทางทนายของ Capital โอเค โดยให้ทำการผ่อนชำระหนี้ได้ แต่ในครั้งแรกต้องชำระยอดครึ่งหนึ่งของมูลค่าหนี้ และที่เหลือให้ผ่อนชำระ เมื่อตกลงกันได้ ทาง บ.Capital OK จึงทำเรื่องการถอนอายัดเงินเดือน ข้าพเจ้าจึงดำเนินการเริ่มทำตามข้อตกลงโดยเริ่มผ่อนชำระตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2553 เรื่อยมาจนถึงเดือน มีนาคม 2554 รวมเป็นยอดประมาณ 50,000 บาท
      ซึ่งพอถึงเดือนเมษายน 2554 ทางทนายของ Capital Ok ได้แจ้งว่าให้หยุดการชำระหนี้ก่อน เนื่องจากจะมี บ.เอกชน มารับซื้อยอดหนี้เสียแต่ก็ยังไม่ทราบว่าจะเป็น บ.อะไรมาซื้อยอดหนี้
        พอถึงช่วงเดือน ก.ย 54 ทางทนาย ได้ติดต่อกลับมาแจ้งว่า เป็น บ.JMT Network ได้เป็นผู้รับซื้อยอดหนี้ทั้งหมด ข้าพเจ้าจึงรีบติดต่อไปที่ JMT เพื่อขอทำการชำระหนี้ที่เหลือ แต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ข้อมูลลูกหนี้ของข้าพเจ้ายังไม่มีการบันทึกลงระบบ จึงไม่สามารถตรวจสอบยอดคงเหลือได้ หากทาง บ.ได้ข้อมูลอล้วจะทำการติดต่อกลับให้ทราบ
       พอถึงช่วงเดือน ก.ย 54 ทางทนาย ได้ติดต่อกลับมาแจ้งว่า เป็น บ.JMT Network ได้เป็นผู้รับซื้อยอดหนี้ทั้งหมด ข้าพเจ้าจึงรีบติดต่อไปที่ JMT เพื่อขอทำการชำระหนี้ที่เหลือ แต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ข้อมูลลูกหนี้ของข้าพเจ้ายังไม่มีการบันทึกลงระบบ จึงไม่สามารถตรวจสอบยอดคงเหลือได้ หากทาง บ.ได้ข้อมูลอล้วจะทำการติดต่อกลับให้ทราบ  แต่หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับแต่อย่างใด ได้แต่คิดว่ายอดหนี้คงเป็น 0 แล้ว เพราะศาลส่งฟ้องยอดหนี้ 42,147.24 บ.แต่เราชำระเข้าไปเกินกว่านั้น
           จนกระทั่ง เดือน เมษายน 2558 ข้าพเจ้าได้รับหมายอายัดเงินเดือนอีกครั้ง ด้วยหมายฟ้องฉบับเดิม ยอดเงินเดิมคือ 42,147.24 บาท ไม่รวมดอกเบี้ย ร้อยละ 12 ต่อปี รวมยอดเงินแล้ว แสนกว่าบาท ซึ่งข้าพเจ้าได้ติดต่อไปที่ บ.JMT เพื่อสอบถามว่า ทำไมถึงมีการฟ้องด้วยยอดเงินนี้ เพราะทางข้าพเจ้าได้มีการชำระยอดหนี้ไปแล้วตั้งแต่ปี 2553 จำนวน 5 หมื่นกว่าบาท แต่ทาง จนท.ไม่สามารถให้คำตอบได้ แจ้งว่าเป็นการชำระภายนอก ไม่มีข้อมูลในระบบของ บ.JMT ข้าพเจ้าจึงส่งหลักฐานการชำระทั้งหมดไปให้ แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะ จนท.แจ้งว่าไม่มีข้อมูลในระบบของ JMT ข้าพเจ้าจึงถูกอายัดเงินเดือน เดือนละ 3,600 บาท มาระหว่างดำเนินการ ตั้งแต่ ธ.ค. 58 - ปัจจุบัน ตอนนี้ยอดที่ถูกอายัดก็ 40,000 กว่าบาทแล้ว
          แต่ทั้งนี้เมื่อวันที่ 27/11/2558 ข้าพเจ้าก็ได้ไปยื่นเรื่องที่กรมบังคับคดีว่าเราได้มีการชำระหนี้ไปแล้วโชคดีเก็บหลักฐานชำระไว้ทั้งหมด กรมบังคับคดีจึงออกหมายให้ บ.JMT (โจทก์) ไปแถลงยอดหนี้ เนื่องจากทางจำเลยมีการชำระหนี้จริง แต่ทางโจทย์ก็ไปยอมเข้าไปแถลงจนถึงปัจจุบัน จนวันนี้ข้าพเจ้าต้องเข้าไปติดต่อที่ บ.JMT เอง ทาง จนท.จึงแจ้งว่าจะเข้าไปแถลงยอดหนี้ให้ เพราะยอดหนี้ที่ชำระไปนั้นยังไม่มีการหักยอดที่ชำระจริงๆ หลังส่งฟ้อง แต่ภาระดอกเบี้ยข้าพเจ้าต้องแบกรับเอง โดยจะนัดดข้าไปวันที่ 13 ธันวาคม ที่จะถึงนี้
      ข้าพเจ้ารู้สึกว่าถูกเอาเปรียบมากเรื่องที่ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ย เนื่องจากหลังจากได้รับหมายอายัดมาข้าพเจ้าก็ชำระหนี้มาตลอด แต่ทาง บ.เจ้าหนี้แจ้งให้หยุดชำระเอง และบ.ที่รับซื้อหนี้เสียไปก็ไม่มีข้อมูลในระบบ ที่จะให้เราชำระยอด โผล่มาอีกทีหมายอายัดมาอีกแล้ว ครั้งแรกที่ JMT ติดต่อมาคือต้นปี 2558 แจ้งว่าให้เราเคลียร์ยอดอีก 40,000 จะได้จบๆ แต่เราไม่ชำระ จึง Fax เอกสารยืนยันการชำระทั้งหมดไปให้ จนท.ได้รับกลับแจ้งว่ายอดที่ฟ้องหักยอดที่ชำระไปแล้ว คืองงมาก หักตรงไหน แต่พอเราไปแถลงยอดหนี้ที่ กรมบังคับคดี มากลับลำว่ายังไม่ได้หักให้
         ขอความช่วยเหลือจากผู้มีความรู้ด้วยนะคะว่าข้าพเจ้าต้องทำอย่างไรดี ต้องเตรียมอะไรบ้างในการที่จะเข้าไปแถลงยอดพร้อมโจทก์ ในวันที่ 13 นี้ ข้าพเจ้าเดือดร้อนจริงๆ เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวลูกเล็ก 2 คน ต้องดูแลพ่อแม่ที่ชราอีก 2 คน เจตนาเราไม่เคยคิดจะโกงเลยจริงๆ แต่ถูกเอาเปรียบแบบนี้ไม่ไหวจริงๆ ภาระดอกเบี้ยที่ไม่ได้เป็นความผิดของเรา เกือบแสนบาท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่