จากกระทู้นี้ที่เพื่อนฝากแชร์ไว้เมื่อปี 2557
http://ppantip.com/topic/32962445
ปีนี้ 2559 ผมก็สามารถทำได้สำเร็จแล้วครับ ตอนนั้นบอกเพื่อนว่าจะลงปี 58 แต่ก็ใช้เวลาตัดสินใจนานถึง 2 ปี จึงกล้าตัดสินใจลงงานนี้ (จริงๆพอดีปลายปี 58 ภรรยาตั้งครรภ์ได้ 8 เดือนแล้ว เลยไม่กล้าขออนุมัติ)
โดยพื้นฐานผมค่อนข้างว่ายท่ากบได้แข็งอยู่แล้ว สามารถว่ายได้ 3 กม ต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนจะลงงานนี้ ส่วนตัวจึงคิดว่าไม่ยาก แต่ติดที่ความกล้านี่แหละ กลัวตายครับ ลูกยังเล็ก แต่สุดท้ายก็ได้เพื่อนคนเดิมนั่นแหละบอกว่า แค่สมัครก็สำเร็จแล้ว เอาก็เอาวะ ตอนเค้าประกาศเลยสมัครไป แล้วก็เริ่มซ้อมจริงจังด้วยความกลัวตาย
เลือกท่ากบเพราะถนัดที่สุด มีข้อดีคือมองเห็นทางง่าย ว่ายไม่ค่อยหลง (แต่ผมสายตาสั้นหน่ะ กว่าจะมาถึงจุดที่มองเห็นเป้าหมายก็ว่ายเบี้ยวไปมาอยู่นาน) แต่ข้อเสียคือใช้แรงขามากกว่าท่าอื่น ซึ่งจะส่งผลถ้าต้องไปปั่นหรือวิ่งต่อ แต่งานนี้ผมว่ายอย่างเดียวพอ ^^
อีกทั้งท่ากบยังเป็นท่าที่ช้าที่สุดในบรรดาท่าว่ายน้ำทั้ง 4 ท่า (ดูจากสถิติโอลิมปิก) แต่ผมก็ตัดสินใจเลือกท่ากบ เพราะฟรีฯว่ายได้แค่ 50 ม เอง ต่างจากกบที่ยังไม่ซ้อมก็ว่ายได้ 3 กม แล้ว เลือกทางสบายดีกว่า เอาแค่จบพอ
สำหรับตารางซ้อมเผื่อมีท่านใดสนใจ คือผมจะว่าย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ วันแรกว่าย interval ส่วนอีกวันว่ายยาว ใช้เวลาเตรียมตัวประมาณ 3 เดือน
interval ผมจะว่ายประมาณ 2000 ม แบ่งเป็น
- warm 200 m
- ว่ายเร็ว 200 m x 3 รอบ แต่ละรอบพัก 20 - 40 วินาที
- ว่ายช้า 100 m
- ว่ายเร็ว 100 m x 6 รอบ แต่ละรอบพัก 20 - 40 วินาที
- ว่ายช้า 100 m
- ว่ายเร็ว 50 m x 4 รอบ แต่ละรอบพัก 20 - 40 วินาที
- cool 200 m
(ตารางนี้ผมเอามาจากน้องที่เป็นนักกีฬาว่ายน้ำตั้งแต่เด็ก พอดีผมเคยลงแข่งว่ายน้ำในที่ทำงาน จริงๆต้องว่าย 3000 แต่เวลาไม่ค่อยพอ เลยปรับเหลือ 2000 และเพิ่ม negative split เข้าไป โดยให้รอบหลังๆเร็วกว่ารอบแรก)
ว่ายยาวผมค่อยๆเพิ่มจาก 3 km จนว่ายมากสุดที่ 6 km แต่เคยอ่านบางตำราเค้าจะบอกว่าไม่ควรว่ายยาวนานๆ เพราะจะทำให้เราว่ายช้า แต่ผมเอาชัวร์ไว้ก่อน ซ้อมเพิ่มเผื่อว่ายเบี้ยวซัก 1 km กลัวตาย
อีกอันคือเพิ่มแรงขาและแขน โดยใช้ fin และ paddle สำหรับท่ากบ เพราะผมกลัวอีกอย่างคือตะคริว จากประสบการณ์ตอนผมซ้อมว่ายเพื่อแข่งก็ไม่ค่อยเหนื่อย แต่ตะคริวมักจะมาตอน 2-3 กม เลยคิดว่าเพิ่มแรงขาและแขนไว้หน่อยดีกว่า สำหรับท่ากบ fin ธรรมดาว่ายไม่ไปนะครับ เสียค่าโง่ซื้อ fin ผิดมาแล้ว สุดท้ายใช้ positive drive fin จึงซ้อมได้ ลอง search ในอากู๋ดู เผื่อใครสนใจ ใช้คำว่า pdf fin ก็ได้ครับ (ผมก็ถามจากคนใน pantip นี่แหละ ขอบคุณมาก)
1-2 สัปดาห์ก่อนที่จะแข่ง แทบจะไม่ว่ายเลย ทำเหมือนวิ่ง เป็นช่วง taper ไปสระก็แค่ลองแว่นกันน้ำ กับ ว่ายเล่นนิดหน่อย
ปีนี้มีคนร่วมงานสองร้อยกว่าคน มาว่ายอย่างเดียวถึง 81 คน เยอะกว่าปี 57 เกือบ 2 เท่า แต่พอลงทะเลซักพัก ก็หายกันไปหมด แทบไม่เห็นใครเลย เรือประมงที่พาเรามาเกาะเสม็ดก็กลับไปจอดลอยลำห่างกันลำละ 200 เมตร คอยช่วยเหลือและส่งน้ำ ให้เราพักได้ แต่เค้าจะไม่ได้จอดเป็นเส้นตรง จะจอดซ้ายลำ ขวาลำ เหมือนเวลาเราว่ายควรต้องว่ายไประหว่างเรือประมง ถ้าว่ายไปหาทุกลำก็จะอ้อมมาก ทุ่นก็เหมือนกัน ไม่ได้เรียงเป็นเส้นตรง เวลาว่ายหาทิศไม่ง่ายเลย แต่โชคดีที่เพื่อนมันเจอมาก่อน เราเลยพอรู้อยู่บ้าง พยายามไปที่ทุ่นไกลสุดที่มองเห็นจะดีกว่า
ขณะแข่งก็คล้ายๆกับเพื่อนเขียนไว้ ผมว่าย open water ครั้งแรก ที่กลัวก็คือ panic แต่เนื่องจากเคยดำ scuba มาก่อน (ไม่รู้เกี่ยวมั๊ย) เลยคิดว่าไม่น่าเป็นอะไร ก่อนแข่งก็ไม่ได้ไปว่าย open water เลย
ปีนี้โชคไม่ดีเท่าไหร่ คลื่นแรง ท่ากบของผมเลยได้กินน้ำเค็มไปหลายอึก (ลิ้นชาเลย) + มีแมงกะพรุน ลอยผ่านแบบเห็นตัวประมาณ 5 ตัว เบรคแทบไม่ทัน ไม่เห็น 1 ตัว เลยโดนที่ขาเลย แสบมาก โดนตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งทาง แต่ตั้งสติได้ไม่ panic จำได้ว่าเคยอ่านเค้าว่าห้ามถู ห้ามขยี้ เลยปล่อยเฉยๆ อาการก็ดีขึ้น ขึ้นมาก็แทบไม่ปวดแล้ว ไปปฐมพยาบาลที่เต็นท์แพทย์ เค้าใช้น้ำส้มสายชูเช็ดให้ กลับถึงที่พักก็ทา steroid ตอนนี้ก็แทบจะหายแล้ว
แต่อันที่กลับทำให้เกือบ panic คือ ถุงพลาสติก (ขยะ) ที่ใกล้ๆฝั่ง คือขณะว่ายมือมันไปโดนแบบเต็มๆ ตกใจมากนึกว่าแมงกระพรุน เบรคสุดตัว ขาเกือบเป็นตะคริว โชคดีตั้งสติได้และไม่เป็นตะคริว เกือบไม่รอดเพราะขยะซะแล้ว
ผมพักดื่มน้ำที่เรือ 1 ครั้ง ไม่มีปัญหาอะไร แต่ที่มีปัญหาคือน้ำเข้าแว่น (แว่นใหม่ ไม่ใช่อันที่ซ้อม) กว่าจะเอาน้ำออกและใส่ใหม่เหนื่อยและกินเวลา ถ้าให้ดีควรซ้อมมาก่อน อ้อ ย้ำอีกครั้งสำหรับคนสายตาสั้น แว่นที่ใช้ต้องเป็นแว่นสายตานะครับ ไม่งั้นได้ว่ายหลงในทะเลแน่ๆ
ผมจบด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 5 นาที ดีใจมากที่ไม่วิ่งต่อ ระดับความเหนื่อยผมว่าประมาณฮาล์ฟมาราธอนนะ ตอนผมจบมาราธอนผมเหนือยกว่านี้มาก งานนี้มีคนว่ายอย่างเดียว 81 คน มี DNF 10 คน ถือว่าโหดพอสมควรเลย
โดยรวมงานนี้สนุกและค่อนข้างปลอดภัยนะครับ ผมว่าถ้าใครซ้อมถึงก็น่าจะจบได้ แต่ถ้าใครจะปั่นและวิ่งต่อ ควรดูความเร็วของตัวเองด้วย เพราะตอนเย็นผมขับรถกลับมา ยังเห็นมีคนวิ่งและปั่นอยู่เลย แต่บรรยากาศจะหงอยเหงามาก เหมือนวิ่งและปั่นกันเอง เนื่องจากงานนี้คนสมัครไม่ได้มากเหมือนงานไตรใหญ่ๆ ดังนั้นท่านที่อยู่ท้ายๆนี่แทบจะไม่มีเพื่อนเลย เจ้าหน้าที่ก็จะน้อยมากๆ เหมือนไม่มีใครสนใจแล้ว ต่างจากตอนช่วงเริ่มแข่งแรกๆ ถ้าเจอบรรยากาศแบบนี้ผมว่าจะไม่สนุกเอา
ปล.เรื่องการซ้อมผมแชร์จากที่ผมซ้อมจริง โดยดัดแปลงมาจากการวิ่งและที่เคยซ้อมแข่ง ไม่ได้ไปอ่านวิธีซ้อมว่ายน้ำระยะไกลจากตำราเล่มใด ถ้าท่านใดมีวิธีซ้อมที่ดีกว่าแชร์ได้ครับ และขออนุญาติ tag เหมือนกระทู้ที่แล้วนะครับ เลยมี tag วิ่งกับไตรด้วย
.....@@@ปีนี้แชร์เอง "ว่ายน้ำข้ามเสม็ด-บ้านเพ 5.5 กม." @@@.....
http://ppantip.com/topic/32962445
ปีนี้ 2559 ผมก็สามารถทำได้สำเร็จแล้วครับ ตอนนั้นบอกเพื่อนว่าจะลงปี 58 แต่ก็ใช้เวลาตัดสินใจนานถึง 2 ปี จึงกล้าตัดสินใจลงงานนี้ (จริงๆพอดีปลายปี 58 ภรรยาตั้งครรภ์ได้ 8 เดือนแล้ว เลยไม่กล้าขออนุมัติ)
โดยพื้นฐานผมค่อนข้างว่ายท่ากบได้แข็งอยู่แล้ว สามารถว่ายได้ 3 กม ต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนจะลงงานนี้ ส่วนตัวจึงคิดว่าไม่ยาก แต่ติดที่ความกล้านี่แหละ กลัวตายครับ ลูกยังเล็ก แต่สุดท้ายก็ได้เพื่อนคนเดิมนั่นแหละบอกว่า แค่สมัครก็สำเร็จแล้ว เอาก็เอาวะ ตอนเค้าประกาศเลยสมัครไป แล้วก็เริ่มซ้อมจริงจังด้วยความกลัวตาย
เลือกท่ากบเพราะถนัดที่สุด มีข้อดีคือมองเห็นทางง่าย ว่ายไม่ค่อยหลง (แต่ผมสายตาสั้นหน่ะ กว่าจะมาถึงจุดที่มองเห็นเป้าหมายก็ว่ายเบี้ยวไปมาอยู่นาน) แต่ข้อเสียคือใช้แรงขามากกว่าท่าอื่น ซึ่งจะส่งผลถ้าต้องไปปั่นหรือวิ่งต่อ แต่งานนี้ผมว่ายอย่างเดียวพอ ^^
อีกทั้งท่ากบยังเป็นท่าที่ช้าที่สุดในบรรดาท่าว่ายน้ำทั้ง 4 ท่า (ดูจากสถิติโอลิมปิก) แต่ผมก็ตัดสินใจเลือกท่ากบ เพราะฟรีฯว่ายได้แค่ 50 ม เอง ต่างจากกบที่ยังไม่ซ้อมก็ว่ายได้ 3 กม แล้ว เลือกทางสบายดีกว่า เอาแค่จบพอ
สำหรับตารางซ้อมเผื่อมีท่านใดสนใจ คือผมจะว่าย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ วันแรกว่าย interval ส่วนอีกวันว่ายยาว ใช้เวลาเตรียมตัวประมาณ 3 เดือน
interval ผมจะว่ายประมาณ 2000 ม แบ่งเป็น
- warm 200 m
- ว่ายเร็ว 200 m x 3 รอบ แต่ละรอบพัก 20 - 40 วินาที
- ว่ายช้า 100 m
- ว่ายเร็ว 100 m x 6 รอบ แต่ละรอบพัก 20 - 40 วินาที
- ว่ายช้า 100 m
- ว่ายเร็ว 50 m x 4 รอบ แต่ละรอบพัก 20 - 40 วินาที
- cool 200 m
(ตารางนี้ผมเอามาจากน้องที่เป็นนักกีฬาว่ายน้ำตั้งแต่เด็ก พอดีผมเคยลงแข่งว่ายน้ำในที่ทำงาน จริงๆต้องว่าย 3000 แต่เวลาไม่ค่อยพอ เลยปรับเหลือ 2000 และเพิ่ม negative split เข้าไป โดยให้รอบหลังๆเร็วกว่ารอบแรก)
ว่ายยาวผมค่อยๆเพิ่มจาก 3 km จนว่ายมากสุดที่ 6 km แต่เคยอ่านบางตำราเค้าจะบอกว่าไม่ควรว่ายยาวนานๆ เพราะจะทำให้เราว่ายช้า แต่ผมเอาชัวร์ไว้ก่อน ซ้อมเพิ่มเผื่อว่ายเบี้ยวซัก 1 km กลัวตาย
อีกอันคือเพิ่มแรงขาและแขน โดยใช้ fin และ paddle สำหรับท่ากบ เพราะผมกลัวอีกอย่างคือตะคริว จากประสบการณ์ตอนผมซ้อมว่ายเพื่อแข่งก็ไม่ค่อยเหนื่อย แต่ตะคริวมักจะมาตอน 2-3 กม เลยคิดว่าเพิ่มแรงขาและแขนไว้หน่อยดีกว่า สำหรับท่ากบ fin ธรรมดาว่ายไม่ไปนะครับ เสียค่าโง่ซื้อ fin ผิดมาแล้ว สุดท้ายใช้ positive drive fin จึงซ้อมได้ ลอง search ในอากู๋ดู เผื่อใครสนใจ ใช้คำว่า pdf fin ก็ได้ครับ (ผมก็ถามจากคนใน pantip นี่แหละ ขอบคุณมาก)
1-2 สัปดาห์ก่อนที่จะแข่ง แทบจะไม่ว่ายเลย ทำเหมือนวิ่ง เป็นช่วง taper ไปสระก็แค่ลองแว่นกันน้ำ กับ ว่ายเล่นนิดหน่อย
ปีนี้มีคนร่วมงานสองร้อยกว่าคน มาว่ายอย่างเดียวถึง 81 คน เยอะกว่าปี 57 เกือบ 2 เท่า แต่พอลงทะเลซักพัก ก็หายกันไปหมด แทบไม่เห็นใครเลย เรือประมงที่พาเรามาเกาะเสม็ดก็กลับไปจอดลอยลำห่างกันลำละ 200 เมตร คอยช่วยเหลือและส่งน้ำ ให้เราพักได้ แต่เค้าจะไม่ได้จอดเป็นเส้นตรง จะจอดซ้ายลำ ขวาลำ เหมือนเวลาเราว่ายควรต้องว่ายไประหว่างเรือประมง ถ้าว่ายไปหาทุกลำก็จะอ้อมมาก ทุ่นก็เหมือนกัน ไม่ได้เรียงเป็นเส้นตรง เวลาว่ายหาทิศไม่ง่ายเลย แต่โชคดีที่เพื่อนมันเจอมาก่อน เราเลยพอรู้อยู่บ้าง พยายามไปที่ทุ่นไกลสุดที่มองเห็นจะดีกว่า
ขณะแข่งก็คล้ายๆกับเพื่อนเขียนไว้ ผมว่าย open water ครั้งแรก ที่กลัวก็คือ panic แต่เนื่องจากเคยดำ scuba มาก่อน (ไม่รู้เกี่ยวมั๊ย) เลยคิดว่าไม่น่าเป็นอะไร ก่อนแข่งก็ไม่ได้ไปว่าย open water เลย
ปีนี้โชคไม่ดีเท่าไหร่ คลื่นแรง ท่ากบของผมเลยได้กินน้ำเค็มไปหลายอึก (ลิ้นชาเลย) + มีแมงกะพรุน ลอยผ่านแบบเห็นตัวประมาณ 5 ตัว เบรคแทบไม่ทัน ไม่เห็น 1 ตัว เลยโดนที่ขาเลย แสบมาก โดนตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งทาง แต่ตั้งสติได้ไม่ panic จำได้ว่าเคยอ่านเค้าว่าห้ามถู ห้ามขยี้ เลยปล่อยเฉยๆ อาการก็ดีขึ้น ขึ้นมาก็แทบไม่ปวดแล้ว ไปปฐมพยาบาลที่เต็นท์แพทย์ เค้าใช้น้ำส้มสายชูเช็ดให้ กลับถึงที่พักก็ทา steroid ตอนนี้ก็แทบจะหายแล้ว
แต่อันที่กลับทำให้เกือบ panic คือ ถุงพลาสติก (ขยะ) ที่ใกล้ๆฝั่ง คือขณะว่ายมือมันไปโดนแบบเต็มๆ ตกใจมากนึกว่าแมงกระพรุน เบรคสุดตัว ขาเกือบเป็นตะคริว โชคดีตั้งสติได้และไม่เป็นตะคริว เกือบไม่รอดเพราะขยะซะแล้ว
ผมพักดื่มน้ำที่เรือ 1 ครั้ง ไม่มีปัญหาอะไร แต่ที่มีปัญหาคือน้ำเข้าแว่น (แว่นใหม่ ไม่ใช่อันที่ซ้อม) กว่าจะเอาน้ำออกและใส่ใหม่เหนื่อยและกินเวลา ถ้าให้ดีควรซ้อมมาก่อน อ้อ ย้ำอีกครั้งสำหรับคนสายตาสั้น แว่นที่ใช้ต้องเป็นแว่นสายตานะครับ ไม่งั้นได้ว่ายหลงในทะเลแน่ๆ
ผมจบด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 5 นาที ดีใจมากที่ไม่วิ่งต่อ ระดับความเหนื่อยผมว่าประมาณฮาล์ฟมาราธอนนะ ตอนผมจบมาราธอนผมเหนือยกว่านี้มาก งานนี้มีคนว่ายอย่างเดียว 81 คน มี DNF 10 คน ถือว่าโหดพอสมควรเลย
โดยรวมงานนี้สนุกและค่อนข้างปลอดภัยนะครับ ผมว่าถ้าใครซ้อมถึงก็น่าจะจบได้ แต่ถ้าใครจะปั่นและวิ่งต่อ ควรดูความเร็วของตัวเองด้วย เพราะตอนเย็นผมขับรถกลับมา ยังเห็นมีคนวิ่งและปั่นอยู่เลย แต่บรรยากาศจะหงอยเหงามาก เหมือนวิ่งและปั่นกันเอง เนื่องจากงานนี้คนสมัครไม่ได้มากเหมือนงานไตรใหญ่ๆ ดังนั้นท่านที่อยู่ท้ายๆนี่แทบจะไม่มีเพื่อนเลย เจ้าหน้าที่ก็จะน้อยมากๆ เหมือนไม่มีใครสนใจแล้ว ต่างจากตอนช่วงเริ่มแข่งแรกๆ ถ้าเจอบรรยากาศแบบนี้ผมว่าจะไม่สนุกเอา
ปล.เรื่องการซ้อมผมแชร์จากที่ผมซ้อมจริง โดยดัดแปลงมาจากการวิ่งและที่เคยซ้อมแข่ง ไม่ได้ไปอ่านวิธีซ้อมว่ายน้ำระยะไกลจากตำราเล่มใด ถ้าท่านใดมีวิธีซ้อมที่ดีกว่าแชร์ได้ครับ และขออนุญาติ tag เหมือนกระทู้ที่แล้วนะครับ เลยมี tag วิ่งกับไตรด้วย