UPA ฉลุย!! ผู้ถือหุ้นไฟเขียวให้สัตยาบันลงทุน โรงไฟฟ้าพลังก๊าซธรรมชาติ 200 MW ที่เมียนมาร์

กระทู้ข่าว
  UPA ฉลุย!! ผู้ถือหุ้นไฟเขียวให้สัตยาบันลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังก๊าซธรรมชาติ กำลังการผลิต 200 เมกะวัตต์ที่เมียนมาร์ ช่วยต่อยอดและขยายฐานธุรกิจหลักที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั้งในประเทศและต่างประเทศให้แข็งแกร่งสร้างความมั่นคงทางธุรกิจในระยะยาว

              ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) (UPA)มีมติอนุมัติให้สัตยาบันในการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement) ระหว่างบริษัท เมียนมาร์ ยูพีเอ จำกัด (Myanmar UPA Co.,Ltd.) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ กับการไฟฟ้าแห่งสหภาพเมียนมาร์ (Myanmar Electric Power Enterprise: MEPE) เพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าและจัดจำหน่ายไฟฟ้าเนื่องจากการเข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าวเป็นการต่อยอดและขยายฐานธุรกิจหลักที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน ซึ่งบริษัทฯได้เริ่มขยายฐานธุรกิจมายังธุรกิจพลังงานจากการเข้าซื้อหุ้นสามัญของ APUให้กว้างขวางและต่อเนื่องยิ่งขึ้น
               ปัจจุบัน APU มีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 1โครงการ (โรงไฟฟ้า เฟส 1) กำลังการผลิต 6-20 เมกะวัตต์และมีระยะเวลาของสัญญา 2 ปี แต่การเข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในครั้งนี้เป็นการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้า เฟส 2 ที่ดำเนินการโดย MUPA กำลังการผลิต200 เมกะวัตต์ และมีระยะเวลาของสัญญา 30 ปี จึงมีความแน่นอนมั่นคงกว่าเนื่องจากเป็นสัญญาระยะยาวและสามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาวอันจะส่งผลให้บริษัทฯมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น
                นอกจากนี้ยังจะเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและบทบาทของบริษัทฯในธุรกิจพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการดำเนินการดังกล่าวเป็นระดับสากล ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสให้บริษัทฯต่อยอดในธุรกิจดังกล่าวได้อย่างต่อเนื่องและกว้างขวางยิ่งขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศสร้างความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจระยะยาวเสริมความแข็งแกร่งในด้านการเงินของกิจการและเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในธุรกิจ
               ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าเฟส 2 ตั้งอยู่ห่างจากอำเภอกันบก2.4 กิโลเมตร มีขนาดพื้นที่ของโครงการประมาณ 59 ไร่ดำเนินการก่อสร้างและลงทุนโครงการโดยบริษัทย่อย ที่จะเช่าที่ดินจาก MEPEภายใต้สัญญาเช่าระยะยาวจนถึงวันสิ้นสุดอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้ามีกำหนดการก่อสร้างเป็นระยะเวลาประมาณ 3 ปี เมื่อก่อสร้างเสร็จโรงไฟฟ้าจะมีกำลังผลิตติดตั้งประมาณ 210 เมกะวัตต์โดยจะสามารถผลิตและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าให้แก่ MEPEด้วยกำลังผลิตตามที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 200 เมกะวัตต์ซึ่งบริษัทย่อยจะรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าเฟส 2ตามพลังงานไฟฟ้าที่จำหน่ายจริงในอัตราค่าไฟฟ้าที่กำหนดในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และมีอายุสัญญาเป็นระยะเวลา30 ปีนับจากวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์โดยสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจะมีผลบังคับใช้ต่อเมื่อมีการดำเนินการตามเงื่อนไขการมีผลบังคับของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าทั้งหมดครบถ้วน
              อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันบริษัทฯ ได้ว่าจ้างบริษัทวอเล่ย์พาร์สันส์ (ประเทศไทย) จำกัดเป็นที่ปรึกษาทางวิศวกรรมในการเริ่มต้นโครงการ ออกแบบคำนวณต้นทุนและวิเคราะห์โครงการวางแผนและควบคุมการก่อสร้างจนกระทั่งโครงการสามารถจ่ายไฟฟ้าได้ซึ่งบริษัทฯ คาดว่ารายงานของวอเล่ย์พาร์สันส์ฯจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่1/2560 โดยผลที่ได้น่าจะก่อให้เกิดความชัดเจนกับการประเมินความคุ้มค่าของโครงการและการขอรับใบอนุญาตต่างๆเนื่องจากรายงานของวอเล่ย์พาร์สันส์ฯจะมีความชัดเจนในรายละเอียดที่มีลักษณะเฉพาะของโครงการโรงไฟฟ้า เฟส 2ที่มากกว่ารายงานการศึกษาโครงการในเบื้องต้นทางด้านเทคนิคและทางด้านการเงิน(Pre-feasibility Report) ของ EEC นอกจากนี้จะเป็นการลดความเสี่ยงของความไม่แน่นอนของการก่อสร้างโครงการและจะทำให้ Risk Premiumในการประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า เฟส 2 ลดลงซึ่งอาจส่งผลให้การดำเนินโครงการมีความเป็นไปได้ในเชิงเศรษฐกิจมากขึ้นอีกด้วย



      by Share2trade

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  หุ้น การลงทุน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่