นาคี ภาค 2,000ปี

นาคี ภาคบุญญฤทธิ์ 1,000 ปีต่อมา ตอนอวสาน

    วันนี้เป็นวันที่จะเกิดสุริยคาธ หลังจากที่บุบผาหรือคำแก้วเมื่อหนึ่งพันปีที่แล้ว ได้ไว้ชีวิตละการสังหารนายพลกฤษฏิณธรณ์พร้อมพรรคพวกที่ตามจองเวรกันมากว่าสองพันปี ฉับพลันท้องฟ้าก็มืดมิด จากกลางวันกลายเป็นกลางคืนชั่วพริบตาจากนั้นก็มีฝนตก และมีฟ้าผ่าลงมาที่กลุ่มของนายพล……     บริเวณปราสาทขอมโบราณบนยอดภูลังกา ริมแม่น้ำโขง พระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งบำเพ็ญบุญบารมีมาแสนนานด้วยความหมั่นเพียร จนเมื่อ ณ.บัดนี้พลันเมื่อเงาดำบดบังทับดวงสุริยะที่ยิ่งใหญ่ เดี๋ยวนั้นท่านก็ได้บรรลุข้อธรรมบางอย่างสามารถหลุดพ้นจากอาสวะกิเลสทั้งปวงได้หมดสิ้น บัดนี้ท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ผู้ละกิเลสได้สิ้นเชิง เป็นผู้พ้นจากรัก โลภ โกรธ หลง แล้ว
     ขณะเดียวกันนั้นบุบผาผู้ตามหาโอกาสเพื่อสมหวังในรักแท้กับนักรบหนุ่มไชยสิงห์ผู้ถูกสาปให้มีร่างเป็นงูจากคำสาปของท่านปู่อนันตนาคราช มานานกว่าสองพันปีก็ได้กลายร่างเป็นมนุษย์ได้หลุดพ้นจากคำสาปสมใจหมาย บุบผารีบวิ่งขึ้นไปหาไชยสิงห์ที่บริเวณหน้าปราสาทขอมของดอนไม้ป่า เมื่อพบไชยสิงห์หรือทศพลซี่งในชาตินี้คือพระภิกษุสุวรรณ ผู้เพิ่งได้บรรลุธรรมชั้นสูงไปเมื่อสักครู่ก่อนหน้า บุบผาได้เข้าไปกราบภิกษุหนุ่มพร้อมบอกว่าตนเองได้กลายร่างจากนาคีเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ สามารถใข้ขีวิตเยี่ยงมนุษย์ มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนมนุษย์ทั่วไป สามารถมีรักที่สมหวังได้หลังจากที่รอคอยมากว่าสองพันปี เพื่อรักนิรันดร์ พระไกรได้ฟังก็นิ่งสักครู่แล้วได้เอ่ยอนุโมนาบุญที่นาคีสามารถข่มความโกรธแค้นไม่สังหารนายพลและพรรคพวกให้เป็นบาปติดตัวอีก การข่มใจละเว้นความขั่วนั้นถือเป็นการทำความดีอย่างหนึ่ง ถือเป็นการชนะใจตนเอง การขนะผู้อื่นหมื่นแสนในสงครามไม่ยิ่งใหญ่เท่าชนะใจตนเองและอาตมาจะขอให้โยมบุบผาทำความดียิ่งๆขึ้นไป โดยการจิตใจให้สะอาด ใส บริสุทธิ์ ให้ในใจมีแต่คุณงามความดีอันประเสริฐแท้จริงประดับไว้แทนรัก โลภ โกรธ หลงซึ่งเป็นมายานำซึ่งความทุกข์ทรมานมาให้ภายหลัง หากกิเลสเหล่านี้ผุดขึ้นในใจครั้งคราวใดให้รู้ตัวและรีบนำออกจากจิตใจอย่าได้ไยดี จากน้นพยายามอย่านำกองขยะคือกองกิเลศเข้ามาภายในบ้านคือจิตใจดวงนี้อีก และหากเมื่อจิตใจเปี่ยมไปด้วยกุศลเมื่อใดขอให้พยายามรักษาความดีนี้ไว้ จากนั้นจงหมั่นให้เกิดความดีขึ้นในจิตเรื่อยๆ ถ้าทำได้อย่างนี้จิตใจจะมีพลัง จะไม่ปรากฏทุกข์ขึ้นในจิตใจโดยง่าย เป็นประโยชน์ต่อการพ้นทุกข์ โยมจะว่ากะไร  บุบผาฟังคำของพระสุวรรณ ก็น้ำตาไหลแล้วเอ่ยขึ้นว่า……… (ว่ากันเองเลยนะ เอาที่สบายใจก็แล้วกัน)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่