เส้นทางสายดนตรีที่ไม่ได้เรียบง่ายเหมือนฝัน

เกริ่นนำก่อนนะครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่ผมตั้งใจเขียน เพื่อแบ่งปันความรู้สึกและประสบการณ์ของผมจากวัยเด็ก การการเล่นดนตรี การมองเห็นอะไรต่างๆ และความคิดที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นความคิดของผมเอง อาจไม่ตรงกับที่เพื่อนๆพี่ๆน้องๆคิด ก็ถือว่าแบ่งปันกันนะครับ ไม่ซีเรียส
เข้าเรื่องเลยครับ
    ผมชื่อมีน ครับ ผมเริ่มจำอะไรๆ เมื่อผมประมาณ 4 ขวบ ผมชอบฟังเพลงของ Loso มากๆ คุณพ่อชอบฟังครับ คุณพ่อผมเป็นมือกลองชื่อวงว่า "คนเมื่อย" แม่จะล้อประจำว่าใครเค้าจะจ้างเธอ เอาแรงไหนไปเล่นให้เค้าฟัง 55555 เท่าที่ผมจำได้คือผมตีกลองชุดได้ตั้งแต่ตอนนั้นเลย คือกรุ๊ฟง่ายๆ แยกประสาทได้ตั้งแต่ตอนนั้น ดูวีดีโอคอนเสิร์ตและทำตามตลอดเวลา รู้สึกสนุกกับดนตรีมากๆ ร้องเพลงลูกทุ่งเวลาญาติๆมารวมตัว ได้เงินกินขนมบ่อยๆ 55555 ผ่านไปซักพักก็เริ่มหากระป๋องนมมาดีไซน์พลิกด้านไปมา เพื่อให้เกิดเสียงที่แตกต่างกัน ตีเล่นที่บ้านในช่วงที่พ่อแม่ไปทำงาน ช่วงนั้นผมจะอยู่กับคุณยายซะเป็นส่วนใหญ่ เพื่อนสนิทของผมตอนนั้นคือ "โล" จริงๆชื่อโอเลี้ยง ปู่ย่าผมกับมันเป็นเพื่อนกัน รู้จักกันทั้งตระกูล โลกกลมจริงๆ ผมกับโลจะทะเล้นๆเหมือนกัน ชอบเล่นอะไรพิเรนๆ ขำๆ เป็นเพื่อนที่จะมีบทบาทในอนาคตมากๆ คนนึง ศิลปินที่ดังมากๆวงนึงในยุคนั้นคือ Silly Fools ครับ  ผ่านไป 2 ปี พี่ผม 2 คน ลูกของลุง "พี่เล็ก" คนนี้อายุมากกว่าผมปีเดียว เป็นเหมือนเพื่อนสนิทผมวัยนั้น "พี่แม๊ก" คนนี้อายุเท่าพี่สาวแท้ๆของผมเอง "พี่หมิว" สองคนนี้กำลังหัดเล่นดนตรีเหมือนกันครับ หากีตาร์มาดีดเบส เปิดหนังสือเพลง หัดจับคอร์ด แต่ตอนนั้นผมก็ยังไม่ได้รู้สึกอยากเล่นอะไรที่เป็นเครื่องสายเลย ยังรู้สึกว่าสนุกกับการเคาะครับ หลังจากนั้นทั้งเคาะทั้งร้องเพลงกัน 3 พี่น้องเวลาอยู่ด้วยกัน ผ่านไปปีนึง ผมเริ่มรู้สึกอยากเล่นกีตาร์บ้าง ก็เลยเอาเงินเก็บละ เดินไปซื้อที่ร้านขายเครื่องดนตรี จะบอกให้ว่าไกลมากๆครับ เดินไปกับพี่เล็ก ให้ทำตอนนี้ยังคิดเลยว่าโห ไกลมากเลยนะ เดินไปได้ไง ซื้อตัวเล็กมาครับราคา 800 บาทไทย ซื้อมาก็เล่นงูๆ ปลาๆ มั่วๆ ไม่รู้จะเริ่มยังไง แต่รู้สึกตัวอีกทีก็วางนิ้วบนเฟรตได้แบบไม่เจ็บละ ละก็พยายามทำนิ้วแบบพี่เสกทำ ถ้าตอนนี้ก็คือคอร์ด Major ฟอร์มทาบนั่นหละครับ ตอนนี้ไม่รู้วางมั่ว แค่ทำมือให้เหมือน พ่อแม่เริ่มเห็นว่าชอบ แม่ซื้อกีตาร์ของเล่นมาให้ ผมเห็นมันไม่มีสายแจ๊คเหมือนในคอนเสิร์ต เลยลากปลํกสามตามาเสียบ มีช่องให้เสียบด้วยนะ พอดีเฉยเลย 5555
ช่วงนั้นก็ได้ฟังเพลงทุกเพลงที่พ่อฟังครับ Loso,เบิร์ด ธงไชย,อัสนี วสันต์,คาราบาว,เท่ห์,ทัช,เต๋า,เจ สากลบ้างส่วนมากจะเป็น Bee Gees กับ Scorpian เรียกได้ว่าสายชิลๆ Jazz,Soul,Funk น้อยมากครับ 5555 ช่วงนั้นวัยประถมน่าจะปลายๆละ มีเรื่องผู้หญิงบ้างเล็กๆน้อย แอบชอบผู้หญิงคนแรกตั้งแต่อนุบาล 3 ตอนที่เล่าถึงนี่ก็มีผญที่ชอบครับ ก็จิ้นๆตามวัย แต่เรื่องสนุกๆช่วงนั้นคือการเอาเพลงมาแปลงให้ลามกละร้องกันลั่นห้องในตอนพักเที่ยง ผมจะเคาะข้างโต๊ะแทนเสียงสแนร์ และบนโต๊ะแทนเสียงดรัมเบส สนุกสนาน ช่วงนั้นก็เริ่มๆสังเกตวงดุริยางค์บ้าง แต่ไม่เคยคิดจะเข้าเลยครับ เหมือนจะชอบแบนด์และชอบการอยู่บนเวทีซะมากกว่า ผ่านไปอีกหน่อย โรงเรียนเริ่มเปิดสอนดนตรีสากล ผมเลยลองไปพิสูจน์ตัวเองหน่อยในตำแหน่งกลอง อาจารย์ที่สอนชื่อครูพิศนุ(ไม่แน่ใจว่าเขียนถูกมั้ย) ปัจจุบันแกเสียแล้ว ก่อนหน้านี้ผมกลัวแกมากๆ ลุคแกจะเป็นคนเสียงดัง ดุๆ พอเข้ามาเรียน แกสอนดีมากครับ ใจดี รักผมมาก ผมตีโซลได้ทันที ที่แกสอน แม้ว่าจะต้องซ้อมทีละอย่างตามที่แกสอนไปก่อนทั้งๆที่ตีได้เลย ก็ซ้อมแยกไป กระเดืองกับแฮท เพิ่มสแนร์ทีหลัง เพื่อนๆใช้เวลาพักนึงกว่าจะแยกประสาทได้ อาจารย์รักผมมาก เรียนไปพักนึงผมเริ่มไปคลุกคลีกับน้องที่เรียนกีตาร์ และให้สอนจับคอร์ด ละกลับมาเล่นที่บ้าน แต่ติดปัญหาคือตั้งสายไม่เป็น สายเพี้ยน ผมใช้วิถี แอบไปดูลูกบิดกีตาร์ที่ตรง ละเอามาหมุนตามให้มันอยู่ในแนวๆเดียวกัน (โท่ ไอโง่เอ๊ย 55555) แต่รู้สึกเริ่มสนุกๆ ฝึกทุกวันจนจับคอร์ด C Am F G ได้ละ ด้วยความที่มั่วๆมาก่อน พอมาเจอของจริงก็ถือว่าง่ายกว่าเริ่มจาก 0 จากนั้นก็เล่นๆมั่วๆเอง และช่วงนั้นเริ่มหัดเล่นบาส และชอบการเล่นบาสมาก ทั้งๆที่ตัวเตี้ย แต่ก็เล่นทุกวันหลังเลิกเรียน 15.30-18.00 พ่อแม่ต้องเลื่อนเวลามารับ และมายืนดูพร้อมซ้อมบาส ช่วงนั้นเพื่อนสนิทคือ ฟลุ๊ค หนุ่มคิ้วบาง วันต์ หล่อ ตี๋ ขาว ปัจจุบันแถมล่ำและกล้ามใหญ่ไปอีก เล่นกันจนได้เป็นนักบาสโรงเรียน ช่วงนั้นเลยห่างดนตรีไปบ้าง และได้เจอชายคนนึง ดำๆ หน้าตาพิลึก อายุมากกว่าผมหลายปี ชื่อ "ต้น" ทั้งๆที่เค้าอายุเยอะ แต่เหมือนคนเร่ร่อน มาเล่นบาสกับเด็กๆที่อายุน้อยๆ นี่มันหัวหน้าแก๊งเด็กน้อยชัดๆ ชายคนนี้จะมีบทบาทกับผมในช่วงต่อๆไป เอาเป็นว่าช่วงนี้เล่นบาสจนจบป 6
      เข้าสู่ช่วงมัธยมครับ ผมไม่ได้ใส่ใจเรื่องการเรียนนัก เห็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นครับ พี่สาวผม พี่หมิว ห่างกับผม 5 ปี ช่วงนั้นพี่หมิว มปลายละ ชีวิตแกลุยมาหมดทุกอย่าง เที่ยว กลับบ้านเช้า โดดเรียน กลับจากรร มาเปิดคอมฟังเพลง ผมก็เล่นแต่คอม เอาเป็นว่าลูกทั้งสองคนไม่มีใครแตะหนังสือแน่นอน 55555 พี่หมิวออกบ้านทุกวัน เพื่อนๆพี่หมิวก็เริ่มๆรู้จักผม บางคนก็จองตัวผมว่าถ้าโตจะเอาไปควง ตามประสาวัยรุ่นหิวเด็กครับ ช่วงนั้นมีเพื่อนสนิทผมคนนึงชื่อ "โม" แม่โมกับแม่ผมทำงานที่ รพ เดียวกัน รู้จักกัน ส่วนพี่ของโมกับพี่หมิวก็เป็นเพื่อนกันครับ ใช่ครับโลกมันกลมครับ โมเป็นคนชอบรถ ชอบเกม ชอบอะไรแบบว่า Extreme ครับ และแน่นอนโมคือคนนึงที่เรียนกลองกับผมตอนประถม เลยเริ่มๆชวนผมไปดูมันซ้อมดนตรีกะรุ่นพี่ โมเป็นคนเข้าคนง่ายครับ เพื่อนเยอะ คนรู้จักทั่วจังหวัด และเป็นวงโย รร ด้วย คนรู้จักทางดนตรีก็เลยเยอะ ช่วงนั้นโมเพิ่งออกมอไซ Mio มาใหม่ ผมมันก็แค่เด็กน้อยที่ยังขับมอไซไม่เป็น ไปไหนก็จะซ้อนมันไป พอเริ่มไปห้องซ้อมบ่อยๆขึ้นผมก็เริ่มจับกีตาร์ไฟฟ้าในห้องซ้อม และเริ่มซ้อมๆเล่นๆกัน รู้สึกสนุกมากๆ กีตาร์ไฟฟ้าเสียงแตกนี่มันสะใจจริงๆ เอฟเฟค ไฟสวยๆ แอมป์ใหญ่ๆ แอร์ในห้องเย็นๆ โอ้ววว มันดูดีไปหมด ตื่นตาตื่นใจมากๆ เริ่มตั้งวงกันโดยโมมีเพื่อนชื่อเต้ กับอีกคนคือไอลิง ช่วงนั้นเล่นเพลงของ Retrospect จริงๆผมก็ยังไม่ได้ชอบ Retrospect ขนาดนั้น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงนั้นกำลังดัง ซาวด์กลองของพี่เบิร์ดในอัลบั้ม Unleashed นี่คือได้ยินทั่วรร แต่หลังจากตั้งวงเล่นไปไม่นาน ก็มีการเปลี่ยนสมาชิก ลองเดาเล่นๆครับว่าคนที่เข้ามาเล่นกับผมกับโมคือใคร.........
โล ครับ เพื่อนสนิทผมสมัยประถม โลไม่รู้ละเล่นไม่เป็นเลย ผมก็เลยคอยบอกเฟรต กับสายให้กดตาม และก็เล่นเป็นเพลงกันแบบพอฟังได้ ชวนสาวๆมาดู ละมีความสุขครับ 55555 ผ่านไปพักนึง มีงานดนตรีปีใหม่ที่ โรงเรียน พวกเราขึ้นเล่นเวทีแรกในชีวิตกันในนามวง Zero เพลงที่เล่นคือเพลง ยาพิษ ผมจำได้ว่าผมไม่โซโล่ เ..ี้ย มาก ทำไปได้ไง 55555 จับคอร์ดโง่ๆ Em Am Bm แบบธรรมดา ขึ้นเวทีละแข็งเป็นหิน ก้มหน้าก้มตาอย่างเดียว มีหันมามองหน้าไอโลอยู่และยิ้มให้กันแบบอายๆชอตนึงตอนกลางเพลง หลังจากนั้นก็ยังคงนัดซ้อมดนตรีกันเรื่อยๆ เวลากลับมาบ้าน ช่วงนั้นพี่หมิวจะชอบฟัง Linkin Park มากๆ แต่ผมมักจะได้ยินอัลบั้ม Remix ที่เป็นกลอง Electronic ผมเลยเข้าใจว่าไม่ใช่วง แต่เป็นฟิวแบบเพลงเต้นๆแร็บๆบอยแบน วันนึงพี่หมิวแนะนำให้ลองฟังและบอกว่ามันเป็นวงนะ เลยมีโอกาสได้ดูคอนเสิร์ต Linkin Park Live In Texas 2003

โอ้ว แม่จ้าว วงไรมันจะเท่ห์ขนาดนี้ เสียงกีตาร์มันช่างสะใจไพเราะเสนาะหู เสียงว๊ากของ Chester นี่สะใจยิ่งกว่าอะไร ทำให้ผมเริ่มหูเหล็กขึ้น ผมสัมผัสได้เลย จากที่ไม่ค่อยฟัง Retrospect ลองกลับไปฟังละเริ่มรู้สึกชอบ
อะไรที่หนักๆชอบหมด Sleeping Sheep ฟังอย่างไร โมกับโล ก็จะฟังเหมือนกันหมด ต่างคนต่างแนะนำให้กันฟัง ช่วงนั้นในห้องเรียนผมกับโลก็ยังคงความทะเร้นไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงชวนกันแต่งเพลงลามก ล้อพ่อล้อแม่กันอยู่ ร้องกันทีลั่นห้อง เพื่อนๆจะฟังกันจนร้องได้หมด มีเพลงนึง เพลงดาบน้ำพริก เนื้อเพลงที่ผมกับโลแปลงมา กลายเป็น "ดาบน้ำพริก ต้องตีด้วยครก แสบกระโ..ก ตดดังพันครั้ง ราดขี้เป็ดร้อนรวมพลัง โดนฟัน..ำเสกคถาเวทย์มนต์"
หรือเพลงดังเพลงนึง ขำๆนะครับ ไม่ได้มีเจตนาอื่น 5555 "พ่อแม่ภูมิใจ มีลูกไซไลน์ เ..ากันทุกวันจนเซียน" คือเด็กเ..ี้ย อ่ะครับ 55555 ตกเย็นก็จะไปซ้อมดนตรีบ่อยๆเป็นประจำ มีงานโรงเรียนก็ขึ้นเพลง มีงานประกวดก็เริ่มไป แต่ก็ไม่ได้อะไร เพราะเล่นกันยังง่อยๆ เหมือนในหนัง Suckseed หละครับ ประมาณนั้น แต่ตอนนั้นเกียวกับความคิดคือ ไม่รู้จะเลือกเพลงอะไรไปแข่ง จับจุดไม่ได้เลย และไม่รู้เลยว่าช่วงนั้นเค้าฟังเพลงอะไรกัน เราก็จะเล่นแต่เพลงที่เรารู้จัก
และอยากเล่น ช่วงนั้น Tattoo Colour เริ่มดังๆ วงรุ่นพี่เอาเพลงโกหก มาแข่งได้แชมป์ไปกิน โลเห็นดังนั้น ต้องหัด Slap เบสมั่งละ ชวงนั้นผมรู้สึกว่าเพลงร็อกยิ่งใหญ่มาก ใครๆก็ฟัง Retrospect,Bikini,Sleeping Sheep และเริ่มได้ยินชื่อวง Dream Theater มั่งละ แต่หลังจากที่เพลงอินดี้อย่างวง Tattoo Colour ดัง ผมสัมผัสได้ว่า การฟังเพลงของคนเปลี่ยนไปแล้วครับ ผมไม่ได้บอกว่ามันเป็นแบบนี้ทั้งหมดนะครับ แต่นี่คือความรู้สึกของผม คนเริ่มหันมาฟัง Tattoo Colour,Crescendo ช่วงนั้นเพลงใจกลางความเจ็บปวดพีคมาก วงไหนเอาไปเล่นงานลอยกระทงนี่หล่อไปเลย ด้วยความที่เราเป็นนักดนตรีเราก็ไม่ได้ปิดกั้นแนวครับ เรายอมรับว่าเพลง Tattoo ดีจริงๆ และมีอิทธพลต่อกันฝึกของเราเหมือนกัน ผมเริ่มฝึกกีตาร์จริงจังมากขั้น วันนึงไปเที่ยวที่ตลาด Save One ที่นครราชสีมา ไปเห็นกีตาร์ไฟฟ้าพร้อมแอมป์ราคา 3800 เลยไปลอง คนขายบอกว่า เล่นเก่งนะ ต้องมีแล้วหละ พ่อทำหน้าเจื่อนแปปนึง ฟิวแบบเสียตังแน่กู แต่ก็ยิ้มเล็กๆ มองผมละถามว่า "จะเอานิ" ผมไม่ลังเล ใจผมคือผมต้องเอากลับบ้านให้ได้ กลับบ้านต้องมีกีตาร์เล่น กลับมาที่วง วงเราในตอนนั้นก็ยังคง Rock 5555 ช่วงนั้นผม ม 3 อัลบั้ม Rise ของ Retrospect เพิ่งออก ชื่อวงที่เราใช้คือ โยเกิร์ต สมาชิกในตอนนั้นคือ โล โม มีน และ ป๊อก ป๊อกรู้จักกันทางโมครับ ป๊อกขับรถ CBR สีแดง เป็นคนขับรถเร็วมาก เบียด แซง สไตล์นักแข่ง แต่บนถนนจริงๆ แซกกลางระหว่างทางที่รถสวนกัน ใจไม่ถึงไปนั่งด้วย อาจปลิวหรือหัวใจวายครับ มีงานประกวด เราใช้เพลง แค่นิยาย Retrospect ผมฟิตซ้อมกีตาร์มาอย่างดี ดรอปสายแบบพี่น๊อตเป๊ะๆ คือดรอปสามสายบน Bb F C ไล่ลงไป จำได้ว่าช่วงนั้นการตั้งสายแบบพี่น๊อตยังเป็นปริศนา แต่ผมใช้วิธีกอดูนิ้วแกในคอนเสิร์ต และบิดสายตั้งให้เสียงมันออกมาแบบนั้น ในขณะที่ทำนิ้วให้เหมือนกันด้วย สุดท้ายก็มั่นใจละ ว่าแบบนี้แน่นอน อีกเพลงที่ใช้คือ อะไรกันกันนักกันหนา ของ Big Ass ซึ่งเพลงนี้ตั้งสายแบบครึ่งเสียงและสาย 6 เป็น C# พอไปแข่งจะทำยังไงหละครับ ใช่ครับผมเอากีตาร์ไปสองตัว กับน้องอีกคนที่มาเล่นกีตาร์คู่ผมอีก 2 ตัว เป็น 4 ตัว เชี่ยยยย จะหรูและเรื่องมากไปไหน 55555 ตอนนั้นฝืนเล่นไปครับ ด้วยความเป็นเด็ก เราไม่ได้คิดเลยว่า นักร้อง จะว๊ากไม่ไหว ร้องไม่ไหว อะไรยังไง เราต้องการเล่นเพลงที่พวกเราอยากเล่น ความนิ่งไม่มี หลุดกันเละเทะทุกงาน แต่ก็รู้สึกสนุกเวลาได้ไปงานประกวด เจอนักดนตรีด้วยกัน ช่วงนั้นผมฝึกกีตาร์หนักมาก หลังจากได้ยินชื่อวง Dream Theater มา ก็ลองกลับมาฟังเอง โห คนเราสามารถเล่นกีตาร์ได้เร็วขนาดนี้เลยหรอ และนิ้วสามารถไหลไวเป็นปลาหมึกย่างงั้นได้ด้วยหรอ ช่วงนั้นกัดปิ๊กได้ ดรอปสายเล่นได้ โซโล่เพลงโน้ตน้อยๆได้ก็รู้สึกเก่งมากๆละ เจอ Dream Theater เข้าไปไฟมันลุกโชนครับ เริ่มหาข้อมูลเรื่องพวก Guitar Hero ทั้งในไทยและเทศ เริ่มดูพี่ Pop The Sun,Eric Johnson ในขณะที่วงเริ่มมีฝีมือกันและฟังเพลงกันจากร็อคไทยเริ่มลึกกันไปเรื่อยๆ โดยเริ่มที่ Killswitch Engage เพราะโมแนะนำว่าวงนี้คล้ายฟัง Retrospect ก็เลยเริ่มๆฟังแนวนี้ลึกเข้าไป ช่วงนั้นแอบชอบสาวในห้องครับ เดวมาต่อครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่