ประเทศฝรั่งเศสได้เปิดบันทึกในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2007 ซึ่งทางหน่วยงาน GEIPAN ซึ่งเป็นหน่วยงานทางด้านการสืบสวนกรณีการค้นพบยูเอฟโอนั้น ก็ได้ประกาศว่า พวกเขาเริ่มทำการเก็บบันทึกการค้นพบยูเอฟโอมากถึง 1650 ตัวอย่าง และมีการยืนยันการค้นพบยูเอฟโอมากถึง 6000 ตัวอย่างด้วยกัน ใช้เวลารวบรวมข้อมูลมากกว่า 30 ปี โดยมีการเริ่มเก็บข้อมูลในช่วงปี 1977 (จริงๆแล้วก็ได้มีการเก็บบันทึกข้อมูลเอาไว้ก่อนหน้านี้)
การเปิดเผยเอกสารเหล่านี้ เป็นสิ่งที่นักยูเอฟโอศาสตร์ชาวฝรั่งเศสต้องการรายละเอียดเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน โดยพวกเขาบางคนได้ตั้งข้อสงสัยกรณีการปกปิดการบันทึกข้อมูลยูเอฟโอต่อสาธารณชน จริงๆแล้วข้อมูลต่างๆมีการเปิดเผยต่อสาธารณะโดยหลายคนก็ไม่ได้สนใจมากกว่าที่จะปกปิดเป็นความลับ สุดท้ายหน่วยงาน GEIPAN ก็ตัดสินใจที่จะใช้ความเสี่ยงในการเผยแพร่เรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะมีการเปิดเผยเอกสารลับต่างๆที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าทาง GEIPAN กับกองทัพร่วมมือกันปกปิดเรื่องดังกล่าว
ยังมีเรื่องราวเหลือเชื่อต่างๆมากมายที่ได้บันทึกเก็บข้อมูลเอาไว้ (ซึ่งหน่วย CNES เองก็คาดไม่ถึงว่าเป็นเรื่องท้าทายมากในการใช้ระบบอุปกรณ์ที่มีอยู่) และเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ ไม่กี่วันก่อนหน้าที่จะมีการเปิดเผยรายงานยูเอฟโอ ก็มีผู้เข้ามาในงานสัมมนาจำนวนมากที่ชิคาโกหลังจากที่ได้มีการเผยแพร่เรื่องราวของยูเอฟโอว่า พบเห็นที่สนามบิน O’Hare เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ปี 2006 เรื่องราวของยูเอฟโอยังคงการค้นพบโดยทั่ว แม้ว่าองค์กรทั่วไปยังคงไม่ให้เครดิตความน่าเชื่อถือดังกล่าวก็ตาม
หน่วยงาน GEIPAN หรือชื่อเต็ม Group for Study and Information on Unidentified Aerospatial Phenomena เป็นชื่อของโครงการยูเอฟโอของที่ฝรั่งเศส โดยเป็นหน่วยงานแม่ของ CNES มีกองบังคับการอยู่ในกรุงปารีส แต่มีการทำวิจัยที่ตูลูซ เปรียบเสมือนกับเป็นองค์กรนาซ่าของฝรั่งเศส มีที่ตั้งอยู่ในฝรั่งเศสกิอานา ซึ่งเคยมีการปล่อยจรวดและดาวเทียมมาแล้ว อีกทั้งยังเป็นองค์กรพันธมิตรกับ ESA
GEIPAN คล้ายๆกับชื่อ GEPAN โดยมีการตั้งขึ้นในปี 1977 แต่เป้าหมายหลักก็คือมีการเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ พร้อมกับเผยแพร่การบันทึกข้อมูลทั้งหมดจาก CNES/GEIPAN บนเว็บไซด์
เพื่อที่จะทำความเข้าใจกับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น จะต้องย้อนมาดูกรณีศึกษายูเอฟโอของฝรั่งเศสกันก่อน
นักยูเอฟโอศาสตร์ของฝรั่งเศส – เกิด...ฆ่าและก็ฟื้นคืนชีพ
หน่วยงานที่ศึกษากรณียูเอฟโอที่ฝรั่งเศสแห่งแรกก็คือ GEPAN ซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1977 โดยฝ่ายผู้อำนวยการ CNES ที่ชื่อว่า Yves Sillard ซึ่งเป็นคนควบคุมวางแผนโดยมี Claude Poher เป็นหัวหน้าหน่วย
หน่วยงานนี้มีการควบคุมดูแลโดยสภาวิทยาศาสตร์ ซึ่งได้มีการรายงานเรื่องราวต่างๆอย่างน้อยปีละครั้ง โดยทาง Poher ได้เคยทำโครงการนี้มาก่อน หลังจากที่ได้อ่านรายงาน Condon และประชุมกับนักบินอวกาศชาวอเมริกันที่ชื่อ J.Allen Hynek นั้น ก่อนหน้านี้ได้เคยมีการประเมินข้อมูลต่างๆเอาไว้ในปี 1974 เกี่ยวกับรายงานยูเอฟโอที่ได้รับจากฝ่ายกองทหารตำรวจและทำการเผยแพร่สำเนาไปยัง CNES
ในช่วงเวลานั้นทางด้านกองทหารตำรวจได้ทำการเก็บรายงานข้อมูลมากกว่า 300 ชิ้นและเก็บรวบรวมข้อมูลใหม่ๆ 100 ชิ้นในแต่ละปี ในปีเดียวกันนั้น ทางด้านคณะกรรมการ IHEDN ได้รับรองข้อมูลต่างๆของหน่วยงาน ผมเองก็ควรที่จะบันทึกเรื่องราวนี้ ในช่วงเริ่มแรกถือเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากในกองทัพที่ได้ทำการศึกษากรณียูเอฟโอ ในทางกลับกันดูเหมือนทางกองทัพไม่ค่อยใส่ใจเรื่องนี้เท่าไร หากไม่ใช่เป็นเรื่องของการทำสงครามกับคนที่อยู่แวดวงวิทยาศาสตร์กับหน่วยงานแล้วล่ะก็ ก็จะต้องอธิบายว่าทำไมปีต่อมา Claude Poher ถึงได้ลาออกจาก GEPAN
ต่อมาเขาก็บอกว่า เขาไม่ใช่คนสำคัญต่อสภาวิทยาศาสตร์แล้ว แม้ว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนโดย Yves Sillard ก็ตาม
Yves Sillard
อย่างไรก็ตามในช่วงปี 1979 – 1983 GEPAN ได้ดำเนินการอย่างเงียบๆ ซึ่งนำโดยวิศวกรหนุ่ม Alain Esterle กับคณะของเขาประมาณ 10 คน
โชคดีที่โครงการนี้มีกรณีตัวอย่างที่น่าสนใจต่อการศึกษาอยู่มาก โดยผลงานหนึ่งที่มีชื่อเสียงก็มาจากเหตุการณ์ Trans-en-Provence ในปี 1981 กับ L’Amarante ในปี 1982
GEPAN ได้ทำการตีพิมพ์กรณีเหตุการณ์โดยมีการบันทึกทางเทคนิคเป็นหมายเลข 16 กับ 17 โดยพวกเขาได้ให้ความสนใจในรายละเอียดต่างๆมาก แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นที่แพร่หลาย แต่ก็เป็นที่ชัดเจนว่าหน่วยงานทางด้านวิทยาศาสตร์กลับไม่ให้ความสนใจเรื่องพวกนี้ เนื่องจากต่อมามีข้อสรุปที่ไม่ชัดเจน โดยความเคลื่อนไหวของ GEPAN ก็เริ่มผ่อนคลายลงจากการที่ Esterle ได้ลาออกและผู้ช่วยของเขา Jean-Jacques Velasco ก็ได้เข้ามาทำหน้าที่นี้แทน โดย Velasco ฟื้นฟูโครงการนี้ต่อ แต่ยังขาดยุทโธปกรณ์ต่างๆในการดำเนินงาน
ในปี 1988 ชื่อของ GEPAN แม้ว่าจะถูกลบออกไปและมาแทนที่โครงการ SEPRA ซึ่งชื่อนี้ก็เป็นที่น่าเคลือบแคลงสงสัยมาก โดยที่ไม่มีการอ้างอิงถึงประเด็นยูเอฟโออีก โดยสภาวิทยาศาสตร์ก็ได้ถูกยุบลง และก็ไม่มีบันทึกทางเทคนิคไหนตีพิมพ์อีก
หลังจากที่เจอกับภาวะลำบากในการศึกษาเรื่องราวยูเอฟโอ สุดท้ายก็มีการดำเนินโครงการที่ CNES ในเดือนกรกฎาคม ปี 2005 และนี่ก็เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ตลอดจนถึงปลายปี 1990 SEPRA ก็เริ่มดำเนินการเรื่องนี้น้อยลง และบางทีก็มีบางคนพยายามที่จะทำลายโครงการเหล่านี้ทิ้งไป แต่ยังมีอีกหลายคนที่กล่าวว่า ควรที่จะรื้อฟื้อโครงการนี้และก็เริ่มเก็บข้อมูลต่างๆให้มากขึ้น นี่เป็นข้อคิดเห็นจากรายงาน Cometa ในปี 1999 ที่เขียนขึ้นโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งฝ่ายกองทัพและพลเรือน
ผมอยากที่จะแก้ไขเรื่องราวที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งบทความใน Sunday Times วันที่ 25 มีนาคม ได้เขียนเรื่องราวที่ว่า “น่าขนลุก พวกเขาเริ่มเปิดเว็บไซด์เกี่ยวกับยูเอฟโอ จากนั้นก็ล่มลง” โดยมีการอ้างถึงรายงาน Cometa (โดยที่ไม่ได้ระบุที่มา) จากรายงานการตีพิมพ์ของรัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งมีการเผยแพร่โดย IHEDN ซึ่งนั่นก็เป็นความจริง โดยรายงานได้มีการเขียนขึ้นโดยกลุ่มคนเพียงไม่กี่คน (แม้ว่าจะเป็นความจริงที่มีการเริ่มต้นใหม่โดยหัวหน้าฝ่าย IHEDN โดยนายพล Bernard Norlain) แต่บางทีก็เป็นรายงานที่ได้รับอิทธิพลจากการรื้อฟื้นการศึกษากรณียูเอฟโอที่ฝรั่งเศส
ที่ CNES นั้น ก็มีผู้อำนวยการใหม่ Gerard Brachet ที่ในปี 2001 เขาได้ตัดสินใจที่จะตรวจสอบโครงการศึกษายูเอฟโอ โดยอยู่ภายใต้การดูแลของบุคคลภายนอก Francois Louange ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ภาพถ่าย ซึ่งได้เข้ามามีส่วนร่วมในการศึกษากรณียูเอฟโอที่ CNES ในปี 2002 โดย Louange ก็ได้รายงาน (เหมือนกับ The Cometa แต่เป็นรายงานด้วยความเห็นส่วนตัว) โดยให้ข้อแนะนำว่า ควรที่จะดำเนินโครงการนี้ใหม่และวางแผนพัฒนา SEPRA ใหม่
นี่เป็นเสียงสะท้อนในการแถลงการณ์ของทางฝรั่งเศสที่ได้มีการตีพิมพ์บทความในหนังสือพิมพ์กระแสหลัก Le Figaro ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2002
“ยูเอฟโอทางรัฐจะต้องเก็บรวมรวมข้อมูลเพื่อการศึกษาให้มากขึ้น”
เป็นที่น่าแปลกใจเมื่อในเดือนมกราคม ปี 2004 ทาง CNES ได้ตัดสินใจที่จะปิด SEPRA
ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นจริงๆกันแน่?
ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าผู้มีอิทธิพลบางคนต่อต้านการรื้อฟื้น SERPA แต่ความจริงแล้วคนที่อยู่ใน SEPRA อย่าง Jean-Jacques Velasco ได้ใช้เวลาอยู่กับการศึกษายูเอฟโอมาเป็นเวลา 20 ปี โดยเขาได้ทำการวิเคราะห์และแสดงความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับยูเอฟโอ Velasco เองก็ได้เขียนหนังสือแล้วตีพิมพ์ในเดือนเมษายน ปี 2004 ในชื่อที่ยั่วยวนให้ผู้คนอ่านก็คือ UFOs : The Evidence
ยังมีสิ่งที่น่าสนใจภายใต้ชื่อเรื่อง เนื่องจากความหมายของคำว่า Evidence ในภาษาฝรั่งเศสก็คือ ความชัดเจน โดย Velasco ได้เน้นย้ำว่า ความจริงแล้วเรื่องราวยูเอฟโอเป็นที่สังเกตเห็นได้และเขาได้ยกกรณีตัวอย่างโดยเพิ่มข้อมูลว่า เรื่องราว ET อาจจะมีความเป็นไปได้ เช่นเดียวกันกับรายงาน Cometa ในปี 1999 ที่ทำให้พอเข้าใจได้ว่า หนังสือของเขาให้น้ำหนักเรื่องราวการตัดสินใจการยุบ SEPRA ลงไป
นิตยสารหัวโบราณอย่าง Ciel Et Espace ก็ได้พาดหัวในเดือนมิถุนายน ปี 2004 เอาไว้ว่า
“CNES ฝังยูเอฟโอ”
นี่เป็นการพาดหัวที่น่าตกใจก็จริง แต่เรื่องราวต่างๆยังไม่จบแค่นั้น
การรื้อฟื้น SEPRA ภายใต้ชื่อ GEIPAN
บทความใหม่ของ Le Figaro ในวันที่ 31 กรกฎาคม ปี 2004 นั้น ได้มีการเปิดเผยว่า CNES ตอนนี้ได้กระทำการอับอายขายขี้หน้าอีกครั้งโดยตัดสินใจว่าจะทำการรื้อฟื้น SEPRA ใหม่ ภายใต้การใช้ชื่อใหม่และมีการหาบุคลากรคนใหม่ สุดท้ายก็มีการตัดสินใจว่าจะรื้อฟื้นใหม่ในช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2005 ภายใต้การดูแลของผู้อำนวยการ CNES คนใหม่อย่าง Yannick d’Escatha เพื่อทำการศึกษากรณียูเอฟโอใหม่อีกครั้ง โดยมีวิศวกรที่มีการเปลี่ยนชื่อเป็น Jacques Velasco
ชื่อเดิมของเขาคือ Jacques Patenet อายุ 59 ปี เป็นคนที่อยู่ในวงการ CNES มาอย่างยาวนานเกี่ยวกับการปล่อยจรวด ซึ่งรวมไปถึงจรวด Ariane โดยมีการปล่อยที่ Kourou ที่ฝรั่งเศสกิอานา
Jacques Patenet
ชื่อเดิมโครงการก็คือ GEPAN,Patenet และ GEIPAN ก็อยู่ภายใต้การดูแลของ CNES แต่พวกเขาก็อยู่ภายใต้การควบคุมของคณะกรรมการเตรียมการประชุมที่มีชื่อว่า COPEIPAN คณะกรรมการนี้มีหัวหน้าที่ชื่อ Yves Sillard เป็นคนที่สร้าง GEPAN ขึ้นมาในปี 1977 ตอนนี้เขาก็เกษียณหลังจากที่อยู่แถวหน้าของ CNES และพร้อมกับตำแหน่งอื่นๆ
หลังจากที่จัดวาระประชุมครั้งแรกในเดือนกันยายน ปี 2005 ทางด้านคณะกรรมการก็ได้ใช้ชื่อ GEIPAN เพื่อรื้อฟื้อหน่วยงานศึกษายูเอฟโออีกครั้ง
ในรายชื่อเว็บไซด์ GEIPAN นั้นทางด้านคณะกรรมการ COPEIPAN ได้แจ้งรายชื่อสมาชิกทั้ง 15 คนดังนี้
1.ตัวแทนเช่นพลเมืองหรือกองทัพ ฝ่ายบริหารที่มาจากกองทหารตำรวจ หน่วยงานรักษาความปลอดภัย DGAC และก็กองทัพอากาศฝรั่งเศส
2.ตัวแทนที่มาจากวงการวิทยาศาสตร์เช่น CNRS ฝ่ายพยากรณ์อากาศ
3.ตัว CNES เอง
ในชื่อเก่าของ GEPAN นั้น ก็ได้มีการทำข้อตกลงยินยอมร่วมกันในการสร้างหรืออัพเดตองค์กรให้ดูต่างไปจากเดิม
GEIPAN ก็จะต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญทางด้านเครือข่าย เพื่อให้สามารถทำงานศึกษายูเอฟโอได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การเผยแพร่บันทึกเอกสารยูเอฟโอ
ในเดือนมกราคม ปี 2006 Jacques Patenet ได้ประกาศว่า GEIPAN เริ่มมีการเก็บรวบรวมเอกสารเกี่ยวกับยูเอฟโอเพื่อใช้ในการเผยแพร่บนเว็บไซด์ CNES โครงการนี้มีการเปิดเผยเอกสารกว่า 480 ชิ้นในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ปี 2007 จากการปกปิดความลับในช่วงปี 1988-2005
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้สื่อมวลชนเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น หรือแม้แต่ Ciel Et Espace เองก็ได้แสดงทัศนคติเกี่ยวกับการที่ CNES ได้ฝังข้อมูลยูเอฟโอด้วยบทความใหม่ในเดือนพฤษภาคม ปี 2006 ด้วยหัวข้อที่ว่า
“ยูเอฟโอ : CNES ได้ทำการเผยแพร่ข้อมูล
ระวังด้วย : ยูเอฟโอมีอยู่จริง!
การเผยแพร่เอกสารยูเอฟโอได้มีการลงข่าวหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับด้วยกัน พร้อมกับมีกระแสไปในทางด้านบวก ซึ่งนิตยสารรายสัปดาห์ L’Express ได้ลงเรื่องราวนี้ถึง 6 หน้าด้วยกัน ซึ่งบางเรื่องก็ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศฝรั่งเศสมาเป็นหลายสิบปีแล้ว ในทางกลับกันก็มีกระแสที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ Le Nouvel กับรายวันอย่าง Liberation ซึ่งไม่เคยตีพิมพ์เรื่องราวแบบนี้มาก่อน ด้วยเหตุนี้จึงยังมีความชัดเจนอยู่ว่าเรื่องราวแบบนี้ยังคงเกิดขึ้นในประเทศนี้อยู่ ซึ่งเรื่องนี้สามารถทำความเข้าใจด้วยหลักเหตุผล
ยูเอฟโอได้ปรากฏอีกครั้งจากการตีพิมพ์ใน L’Express
เปิดผนึกเอกสารลับสุดยอด : บันทึกการค้นพบยูเอฟโอที่ประเทศฝรั่งเศส
ประเทศฝรั่งเศสได้เปิดบันทึกในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2007 ซึ่งทางหน่วยงาน GEIPAN ซึ่งเป็นหน่วยงานทางด้านการสืบสวนกรณีการค้นพบยูเอฟโอนั้น ก็ได้ประกาศว่า พวกเขาเริ่มทำการเก็บบันทึกการค้นพบยูเอฟโอมากถึง 1650 ตัวอย่าง และมีการยืนยันการค้นพบยูเอฟโอมากถึง 6000 ตัวอย่างด้วยกัน ใช้เวลารวบรวมข้อมูลมากกว่า 30 ปี โดยมีการเริ่มเก็บข้อมูลในช่วงปี 1977 (จริงๆแล้วก็ได้มีการเก็บบันทึกข้อมูลเอาไว้ก่อนหน้านี้)
การเปิดเผยเอกสารเหล่านี้ เป็นสิ่งที่นักยูเอฟโอศาสตร์ชาวฝรั่งเศสต้องการรายละเอียดเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน โดยพวกเขาบางคนได้ตั้งข้อสงสัยกรณีการปกปิดการบันทึกข้อมูลยูเอฟโอต่อสาธารณชน จริงๆแล้วข้อมูลต่างๆมีการเปิดเผยต่อสาธารณะโดยหลายคนก็ไม่ได้สนใจมากกว่าที่จะปกปิดเป็นความลับ สุดท้ายหน่วยงาน GEIPAN ก็ตัดสินใจที่จะใช้ความเสี่ยงในการเผยแพร่เรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะมีการเปิดเผยเอกสารลับต่างๆที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าทาง GEIPAN กับกองทัพร่วมมือกันปกปิดเรื่องดังกล่าว
ยังมีเรื่องราวเหลือเชื่อต่างๆมากมายที่ได้บันทึกเก็บข้อมูลเอาไว้ (ซึ่งหน่วย CNES เองก็คาดไม่ถึงว่าเป็นเรื่องท้าทายมากในการใช้ระบบอุปกรณ์ที่มีอยู่) และเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ ไม่กี่วันก่อนหน้าที่จะมีการเปิดเผยรายงานยูเอฟโอ ก็มีผู้เข้ามาในงานสัมมนาจำนวนมากที่ชิคาโกหลังจากที่ได้มีการเผยแพร่เรื่องราวของยูเอฟโอว่า พบเห็นที่สนามบิน O’Hare เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ปี 2006 เรื่องราวของยูเอฟโอยังคงการค้นพบโดยทั่ว แม้ว่าองค์กรทั่วไปยังคงไม่ให้เครดิตความน่าเชื่อถือดังกล่าวก็ตาม
หน่วยงาน GEIPAN หรือชื่อเต็ม Group for Study and Information on Unidentified Aerospatial Phenomena เป็นชื่อของโครงการยูเอฟโอของที่ฝรั่งเศส โดยเป็นหน่วยงานแม่ของ CNES มีกองบังคับการอยู่ในกรุงปารีส แต่มีการทำวิจัยที่ตูลูซ เปรียบเสมือนกับเป็นองค์กรนาซ่าของฝรั่งเศส มีที่ตั้งอยู่ในฝรั่งเศสกิอานา ซึ่งเคยมีการปล่อยจรวดและดาวเทียมมาแล้ว อีกทั้งยังเป็นองค์กรพันธมิตรกับ ESA
GEIPAN คล้ายๆกับชื่อ GEPAN โดยมีการตั้งขึ้นในปี 1977 แต่เป้าหมายหลักก็คือมีการเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ พร้อมกับเผยแพร่การบันทึกข้อมูลทั้งหมดจาก CNES/GEIPAN บนเว็บไซด์
เพื่อที่จะทำความเข้าใจกับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น จะต้องย้อนมาดูกรณีศึกษายูเอฟโอของฝรั่งเศสกันก่อน
นักยูเอฟโอศาสตร์ของฝรั่งเศส – เกิด...ฆ่าและก็ฟื้นคืนชีพ
หน่วยงานที่ศึกษากรณียูเอฟโอที่ฝรั่งเศสแห่งแรกก็คือ GEPAN ซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1977 โดยฝ่ายผู้อำนวยการ CNES ที่ชื่อว่า Yves Sillard ซึ่งเป็นคนควบคุมวางแผนโดยมี Claude Poher เป็นหัวหน้าหน่วย
หน่วยงานนี้มีการควบคุมดูแลโดยสภาวิทยาศาสตร์ ซึ่งได้มีการรายงานเรื่องราวต่างๆอย่างน้อยปีละครั้ง โดยทาง Poher ได้เคยทำโครงการนี้มาก่อน หลังจากที่ได้อ่านรายงาน Condon และประชุมกับนักบินอวกาศชาวอเมริกันที่ชื่อ J.Allen Hynek นั้น ก่อนหน้านี้ได้เคยมีการประเมินข้อมูลต่างๆเอาไว้ในปี 1974 เกี่ยวกับรายงานยูเอฟโอที่ได้รับจากฝ่ายกองทหารตำรวจและทำการเผยแพร่สำเนาไปยัง CNES
ในช่วงเวลานั้นทางด้านกองทหารตำรวจได้ทำการเก็บรายงานข้อมูลมากกว่า 300 ชิ้นและเก็บรวบรวมข้อมูลใหม่ๆ 100 ชิ้นในแต่ละปี ในปีเดียวกันนั้น ทางด้านคณะกรรมการ IHEDN ได้รับรองข้อมูลต่างๆของหน่วยงาน ผมเองก็ควรที่จะบันทึกเรื่องราวนี้ ในช่วงเริ่มแรกถือเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากในกองทัพที่ได้ทำการศึกษากรณียูเอฟโอ ในทางกลับกันดูเหมือนทางกองทัพไม่ค่อยใส่ใจเรื่องนี้เท่าไร หากไม่ใช่เป็นเรื่องของการทำสงครามกับคนที่อยู่แวดวงวิทยาศาสตร์กับหน่วยงานแล้วล่ะก็ ก็จะต้องอธิบายว่าทำไมปีต่อมา Claude Poher ถึงได้ลาออกจาก GEPAN
ต่อมาเขาก็บอกว่า เขาไม่ใช่คนสำคัญต่อสภาวิทยาศาสตร์แล้ว แม้ว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนโดย Yves Sillard ก็ตาม
อย่างไรก็ตามในช่วงปี 1979 – 1983 GEPAN ได้ดำเนินการอย่างเงียบๆ ซึ่งนำโดยวิศวกรหนุ่ม Alain Esterle กับคณะของเขาประมาณ 10 คน
โชคดีที่โครงการนี้มีกรณีตัวอย่างที่น่าสนใจต่อการศึกษาอยู่มาก โดยผลงานหนึ่งที่มีชื่อเสียงก็มาจากเหตุการณ์ Trans-en-Provence ในปี 1981 กับ L’Amarante ในปี 1982
GEPAN ได้ทำการตีพิมพ์กรณีเหตุการณ์โดยมีการบันทึกทางเทคนิคเป็นหมายเลข 16 กับ 17 โดยพวกเขาได้ให้ความสนใจในรายละเอียดต่างๆมาก แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นที่แพร่หลาย แต่ก็เป็นที่ชัดเจนว่าหน่วยงานทางด้านวิทยาศาสตร์กลับไม่ให้ความสนใจเรื่องพวกนี้ เนื่องจากต่อมามีข้อสรุปที่ไม่ชัดเจน โดยความเคลื่อนไหวของ GEPAN ก็เริ่มผ่อนคลายลงจากการที่ Esterle ได้ลาออกและผู้ช่วยของเขา Jean-Jacques Velasco ก็ได้เข้ามาทำหน้าที่นี้แทน โดย Velasco ฟื้นฟูโครงการนี้ต่อ แต่ยังขาดยุทโธปกรณ์ต่างๆในการดำเนินงาน
ในปี 1988 ชื่อของ GEPAN แม้ว่าจะถูกลบออกไปและมาแทนที่โครงการ SEPRA ซึ่งชื่อนี้ก็เป็นที่น่าเคลือบแคลงสงสัยมาก โดยที่ไม่มีการอ้างอิงถึงประเด็นยูเอฟโออีก โดยสภาวิทยาศาสตร์ก็ได้ถูกยุบลง และก็ไม่มีบันทึกทางเทคนิคไหนตีพิมพ์อีก
หลังจากที่เจอกับภาวะลำบากในการศึกษาเรื่องราวยูเอฟโอ สุดท้ายก็มีการดำเนินโครงการที่ CNES ในเดือนกรกฎาคม ปี 2005 และนี่ก็เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ตลอดจนถึงปลายปี 1990 SEPRA ก็เริ่มดำเนินการเรื่องนี้น้อยลง และบางทีก็มีบางคนพยายามที่จะทำลายโครงการเหล่านี้ทิ้งไป แต่ยังมีอีกหลายคนที่กล่าวว่า ควรที่จะรื้อฟื้อโครงการนี้และก็เริ่มเก็บข้อมูลต่างๆให้มากขึ้น นี่เป็นข้อคิดเห็นจากรายงาน Cometa ในปี 1999 ที่เขียนขึ้นโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งฝ่ายกองทัพและพลเรือน
ผมอยากที่จะแก้ไขเรื่องราวที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งบทความใน Sunday Times วันที่ 25 มีนาคม ได้เขียนเรื่องราวที่ว่า “น่าขนลุก พวกเขาเริ่มเปิดเว็บไซด์เกี่ยวกับยูเอฟโอ จากนั้นก็ล่มลง” โดยมีการอ้างถึงรายงาน Cometa (โดยที่ไม่ได้ระบุที่มา) จากรายงานการตีพิมพ์ของรัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งมีการเผยแพร่โดย IHEDN ซึ่งนั่นก็เป็นความจริง โดยรายงานได้มีการเขียนขึ้นโดยกลุ่มคนเพียงไม่กี่คน (แม้ว่าจะเป็นความจริงที่มีการเริ่มต้นใหม่โดยหัวหน้าฝ่าย IHEDN โดยนายพล Bernard Norlain) แต่บางทีก็เป็นรายงานที่ได้รับอิทธิพลจากการรื้อฟื้นการศึกษากรณียูเอฟโอที่ฝรั่งเศส
ที่ CNES นั้น ก็มีผู้อำนวยการใหม่ Gerard Brachet ที่ในปี 2001 เขาได้ตัดสินใจที่จะตรวจสอบโครงการศึกษายูเอฟโอ โดยอยู่ภายใต้การดูแลของบุคคลภายนอก Francois Louange ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ภาพถ่าย ซึ่งได้เข้ามามีส่วนร่วมในการศึกษากรณียูเอฟโอที่ CNES ในปี 2002 โดย Louange ก็ได้รายงาน (เหมือนกับ The Cometa แต่เป็นรายงานด้วยความเห็นส่วนตัว) โดยให้ข้อแนะนำว่า ควรที่จะดำเนินโครงการนี้ใหม่และวางแผนพัฒนา SEPRA ใหม่
นี่เป็นเสียงสะท้อนในการแถลงการณ์ของทางฝรั่งเศสที่ได้มีการตีพิมพ์บทความในหนังสือพิมพ์กระแสหลัก Le Figaro ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2002
“ยูเอฟโอทางรัฐจะต้องเก็บรวมรวมข้อมูลเพื่อการศึกษาให้มากขึ้น”
เป็นที่น่าแปลกใจเมื่อในเดือนมกราคม ปี 2004 ทาง CNES ได้ตัดสินใจที่จะปิด SEPRA
ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นจริงๆกันแน่?
ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าผู้มีอิทธิพลบางคนต่อต้านการรื้อฟื้น SERPA แต่ความจริงแล้วคนที่อยู่ใน SEPRA อย่าง Jean-Jacques Velasco ได้ใช้เวลาอยู่กับการศึกษายูเอฟโอมาเป็นเวลา 20 ปี โดยเขาได้ทำการวิเคราะห์และแสดงความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับยูเอฟโอ Velasco เองก็ได้เขียนหนังสือแล้วตีพิมพ์ในเดือนเมษายน ปี 2004 ในชื่อที่ยั่วยวนให้ผู้คนอ่านก็คือ UFOs : The Evidence
ยังมีสิ่งที่น่าสนใจภายใต้ชื่อเรื่อง เนื่องจากความหมายของคำว่า Evidence ในภาษาฝรั่งเศสก็คือ ความชัดเจน โดย Velasco ได้เน้นย้ำว่า ความจริงแล้วเรื่องราวยูเอฟโอเป็นที่สังเกตเห็นได้และเขาได้ยกกรณีตัวอย่างโดยเพิ่มข้อมูลว่า เรื่องราว ET อาจจะมีความเป็นไปได้ เช่นเดียวกันกับรายงาน Cometa ในปี 1999 ที่ทำให้พอเข้าใจได้ว่า หนังสือของเขาให้น้ำหนักเรื่องราวการตัดสินใจการยุบ SEPRA ลงไป
นิตยสารหัวโบราณอย่าง Ciel Et Espace ก็ได้พาดหัวในเดือนมิถุนายน ปี 2004 เอาไว้ว่า
“CNES ฝังยูเอฟโอ”
นี่เป็นการพาดหัวที่น่าตกใจก็จริง แต่เรื่องราวต่างๆยังไม่จบแค่นั้น
การรื้อฟื้น SEPRA ภายใต้ชื่อ GEIPAN
บทความใหม่ของ Le Figaro ในวันที่ 31 กรกฎาคม ปี 2004 นั้น ได้มีการเปิดเผยว่า CNES ตอนนี้ได้กระทำการอับอายขายขี้หน้าอีกครั้งโดยตัดสินใจว่าจะทำการรื้อฟื้น SEPRA ใหม่ ภายใต้การใช้ชื่อใหม่และมีการหาบุคลากรคนใหม่ สุดท้ายก็มีการตัดสินใจว่าจะรื้อฟื้นใหม่ในช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2005 ภายใต้การดูแลของผู้อำนวยการ CNES คนใหม่อย่าง Yannick d’Escatha เพื่อทำการศึกษากรณียูเอฟโอใหม่อีกครั้ง โดยมีวิศวกรที่มีการเปลี่ยนชื่อเป็น Jacques Velasco
ชื่อเดิมของเขาคือ Jacques Patenet อายุ 59 ปี เป็นคนที่อยู่ในวงการ CNES มาอย่างยาวนานเกี่ยวกับการปล่อยจรวด ซึ่งรวมไปถึงจรวด Ariane โดยมีการปล่อยที่ Kourou ที่ฝรั่งเศสกิอานา
ชื่อเดิมโครงการก็คือ GEPAN,Patenet และ GEIPAN ก็อยู่ภายใต้การดูแลของ CNES แต่พวกเขาก็อยู่ภายใต้การควบคุมของคณะกรรมการเตรียมการประชุมที่มีชื่อว่า COPEIPAN คณะกรรมการนี้มีหัวหน้าที่ชื่อ Yves Sillard เป็นคนที่สร้าง GEPAN ขึ้นมาในปี 1977 ตอนนี้เขาก็เกษียณหลังจากที่อยู่แถวหน้าของ CNES และพร้อมกับตำแหน่งอื่นๆ
หลังจากที่จัดวาระประชุมครั้งแรกในเดือนกันยายน ปี 2005 ทางด้านคณะกรรมการก็ได้ใช้ชื่อ GEIPAN เพื่อรื้อฟื้อหน่วยงานศึกษายูเอฟโออีกครั้ง
ในรายชื่อเว็บไซด์ GEIPAN นั้นทางด้านคณะกรรมการ COPEIPAN ได้แจ้งรายชื่อสมาชิกทั้ง 15 คนดังนี้
1.ตัวแทนเช่นพลเมืองหรือกองทัพ ฝ่ายบริหารที่มาจากกองทหารตำรวจ หน่วยงานรักษาความปลอดภัย DGAC และก็กองทัพอากาศฝรั่งเศส
2.ตัวแทนที่มาจากวงการวิทยาศาสตร์เช่น CNRS ฝ่ายพยากรณ์อากาศ
3.ตัว CNES เอง
ในชื่อเก่าของ GEPAN นั้น ก็ได้มีการทำข้อตกลงยินยอมร่วมกันในการสร้างหรืออัพเดตองค์กรให้ดูต่างไปจากเดิม
GEIPAN ก็จะต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญทางด้านเครือข่าย เพื่อให้สามารถทำงานศึกษายูเอฟโอได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การเผยแพร่บันทึกเอกสารยูเอฟโอ
ในเดือนมกราคม ปี 2006 Jacques Patenet ได้ประกาศว่า GEIPAN เริ่มมีการเก็บรวบรวมเอกสารเกี่ยวกับยูเอฟโอเพื่อใช้ในการเผยแพร่บนเว็บไซด์ CNES โครงการนี้มีการเปิดเผยเอกสารกว่า 480 ชิ้นในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ปี 2007 จากการปกปิดความลับในช่วงปี 1988-2005
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้สื่อมวลชนเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น หรือแม้แต่ Ciel Et Espace เองก็ได้แสดงทัศนคติเกี่ยวกับการที่ CNES ได้ฝังข้อมูลยูเอฟโอด้วยบทความใหม่ในเดือนพฤษภาคม ปี 2006 ด้วยหัวข้อที่ว่า
“ยูเอฟโอ : CNES ได้ทำการเผยแพร่ข้อมูล
ระวังด้วย : ยูเอฟโอมีอยู่จริง!
การเผยแพร่เอกสารยูเอฟโอได้มีการลงข่าวหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับด้วยกัน พร้อมกับมีกระแสไปในทางด้านบวก ซึ่งนิตยสารรายสัปดาห์ L’Express ได้ลงเรื่องราวนี้ถึง 6 หน้าด้วยกัน ซึ่งบางเรื่องก็ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศฝรั่งเศสมาเป็นหลายสิบปีแล้ว ในทางกลับกันก็มีกระแสที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ Le Nouvel กับรายวันอย่าง Liberation ซึ่งไม่เคยตีพิมพ์เรื่องราวแบบนี้มาก่อน ด้วยเหตุนี้จึงยังมีความชัดเจนอยู่ว่าเรื่องราวแบบนี้ยังคงเกิดขึ้นในประเทศนี้อยู่ ซึ่งเรื่องนี้สามารถทำความเข้าใจด้วยหลักเหตุผล
ยูเอฟโอได้ปรากฏอีกครั้งจากการตีพิมพ์ใน L’Express