ใกล้จะสิ้นปีแล้ว หลายๆคนคงเตรียมหาที่เที่ยวในวันหยุดยาวกันแล้วสิ ใครชอบอากาศหนาวๆเราขอแนะนำที่นี่เลย อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ บนดอยอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ยิ่งช่วงหน้าหนาวระหว่างเดือน ธันวาคม-กุมภาพันธ์ บนดอยบางวันอุณหภูมิติดลบจนสามารถเห็นแม่คะนิ้งตามข้างทางของถนนกันเลย จริงๆเรามาเที่ยวที่นี่ติดกันมา 4ปีติดแล้ว และก็ได้เดินขึ้นไปยังจุดชมวิวที่กิ่วแม่ปานทุกรอบ แต่รอบนี้พิเศษกว่าทุกครั้งเพราะเรามาช่วงเกือบปลายเดือนพฤศจิกายน เป็นระหว่างปลายฝนต้นหนาวทำให้ทริปนี้เราได้มีโอกาสเจอหมอกสวยกว่าทุกครั้ง จากที่ตอนแรกโปรแกรมกะจะแค่มาชมพระอาทิตย์ขึ้นตรงจุดชมวิว เสร็จแล้วก็รีบเดินทางต่อไปทุ่งบัวตองดอยแม่อูคอเลย แต่เพราะเห็นหมอกเยอะกว่าทุกรอบที่เคยมานี่แหละทำให้เราตัดสินใจที่จะเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวที่ทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานอีกครั้ง
เส้นทางมายังดอยอินทนนท์
-ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ถึงจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นบนดอยอินทนนท์ประมาน 99 กิโลเมตร ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 108 เชียงใหม่-จอมทอง ถึงหลักกิโลเมตรที่ 57 ก่อนถึง อ.จอมทอง 1 กม. แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1009 จอมทอง-อินทนนท์ ระยะทาง 48 กิโลเมตร ถนนดีขับไม่ยาก รถเก๋งคันเล็กๆก็ขึ้นได้ค่ะ
-ถ้าไม่มีรถส่วนตัวแนะนำให้นั่งสองแถวสายเชียงใหม่-จอมทอง ขึ้นจากประตูเชียงใหม่ ไปลงวัดพระธาตุศรีจอมทองแล้วต่อรถตรงหน้าวัดได้เลยค่ะ
เราขับรถจากที่พักแถวนิมมาน ในตัวเมืองเชียงใหม่ ตอนประมานตี 4 ครึ่ง ใช้เวลาประมานชั่วโมงครึ่งก็มาถึงจุดชมวิวเพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้น แต่ถ้าใครขับช้าหน่อยก็เผื่อเวลาซัก 2 ชั่วโมง ก็จะมาทันเวลา พระอาทิตย์ที่นี่จะขึ้นประมาน 6 โมงกว่าๆ ก็จะเริ่มเห็นแสงแรกบนท้องฟ้าแล้วค่ะ
ขอบอกว่าบนดอยเริ่มหนาวแล้ววันที่เราไปอุณหภูมิ 9 องศา
ระหว่างรอพระอาทิตย์ก็เริ่มโผล่มาให้เห็นครึ่งดวงแล้ว แถมอากาศก็ค่อนข้างหนาวเลยทีเดียวลมพัดมาปะทะแต่ละทีหน้าชาเลยทีเดียว ใครจะมาขอให้เตรียมชุดกันหนาวมาให้พร้อมนะคะ
การได้นั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นกับคนสำคัญมันช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขจริงๆค่ะ (ในรูปคือเรากับคุณแม่ค่ะ) แนะนำให้เตรียมแว่นกันแดดมาด้วยก็ดีนะคะ เพราะระหว่างมองพระอาทิตย์แสงส่องมาแสบตามากค่ะ
มีคนมารอชมความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้นกันเยอะเลย
หลังจากชมพระอาทิตย์เสร็จเรียบร้อย เรากับแม่มองไปทางเดินเห็นว่าหมอกวันนี้ค่อนข้างเยอะและสวยมากๆ เลยคิดว่าจะเดินเข้าไปที่ทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน เพราะทุกรอบที่เคยมาเดินยังไม่เคยเจอหมอกเยอะขนาดนี้เลย แต่ก่อนเดินก็แวะกินข้าวเช้ารองท้องก่อนเพราะต้องใช้พลังงานค่อนข้างเยอะ
[url]
ถ้าเห็นป้ายแบบนี้คือจุดเริ่มที่จะเดินขึ้นไปแล้วค่ะ
เริ่มเดินขึ้นไป จุดแรกเลยจะเจอโต๊ะให้เซ็นชื่อลงทะเบียน พร้อมกับมีไกด์ท้องถิ่นนำทาง เสียค่าไกด์ กลุ่มละ 200 บาท กลุ่มนึงจะเดินกี่คนก็ได้ไม่จำกัดจำนวน แล้วหารค่าไกด์กัน แต่เนื่องจากเรารีบและขี้เกียจรอกลุ่มใหญ่เลยไปกับไกด์ แค่ 2 คน ระหว่างทางไกด์จะแนะนำพร้อมให้ข้อมูลตลอดทาง
อ้อ ลืมบอก ระยะทางเดิน ประมาน 3 กิโลเมตรกว่าๆ ใช้เวลาเดินทางไปกลับราวๆ 3 ชม.
(อย่าลืมติดน้ำเปล่าขึ้นไปด้วย 1 ขวดนะคะ)
เดินมาได้ซักพักก็จะเจอกับน้ำตกลานเสด็จ เราขอยืนพักให้หายเหนื่อย พร้อมกับถ่ายรูปเล็กน้อย
ภาพน้ำตกแบบไม่มีคนบ้าง ยืนพักอยู่ตรงนี้พอสมควรก็ออกเดินทางต่อ
ระหว่างทางเดินในป่ามีอะไรข้างทางให้ชมไปเรื่อยๆ เดินไปถ่ายรูปไปก็เพลินๆดี
เดินมาซักประมาน 1 กิโลเมตร ก็จะเริ่มออกมาสู่แถวลานทุ่งหญ้า มองออกไปก็เห็นหมอกอยู่ไกลๆ เย้ ไกลจะถึงจุดไฮไลท์ของที่นี่แล้ว
และแล้วเราก็เดินมาถึงจุดสำคัญ ได้เห็นหมอกใกล้ๆสมใจซักที เพราะทุกปีก่อนๆที่เคยมายังไม่เคยเจอหมอกเยอะขนาดนี้เลย อาจจะเพราะด้วยช่วงนี้เป็นปลายฝนด้วย เพราะปกติเราจะมาหลังปีใหม่ไปแล้ว
จุดชมวิวด้านบนอากาศดี วิวสวย บรรยายความรู้สึกคงไม่หมด ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเอง
เหมือนลอยอยู่บนอากาศเลย ฟินมาก
หลังจากถ่ายรูปที่จุดชมวิวจนจุใจแล้วก็ออกเดินทางกันต่อ ระหว่างทางเดินกลับบอกเลยเดินยากและเหนื่อยกว่าขามานะคะ ใครจะมาแนะนำให้ฟิตร่างกายให้พร้อม ใครที่สุขภาพไม่แข็งแรงไม่แนะนำค่ะ
เดินไปแวะถ่ายรูปวิวข้างทางไปเรื่อยๆ ทางเดินเลียบไปตามสันเขา
ถ้าใครที่มาช่วงที่ ดอกกุหลาบพันปีบาน ถัดจากจุดชมวิวไปจะเห็นระหว่างทางเดินกลับ หลายต้นเลยทีเดียว
ซูมให้ดูความงามของ ดอกกุหลาบพันปีกันชัดๆ
ระหว่างทางเดินกลับสามารถมองเห็นพระมหาธาตุ นภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ อยู่ไกลๆ เดี๋ยวเราลงจากกิ่วแม่ปานจะพาไปชมกันใกล้ๆค่ะ
ในที่สุดก็ลงมาถึงแล้ว ถามว่าเหนื่อยไม๊ รอบนี้ยอมรับเลยว่าค่อนข้างเหนื่อยมากกว่าทุกปีที่เคยมาเดิน อาจจะด้วยไม่ได้เตรียมร่างกายมาให้พร้อม นอนน้อย หรือจะด้วยวัยที่มากขึ้นก็ตาม
ยืนพักให้หายเหนื่อยเรียบร้อยเราก็ไปกันต่อ
เรามาแวะไหว้พระมหาธาตุนภเมทนีดล - นภพลภูมิสิริ
ที่นี่สร้างขึ้นโดยกองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทย ถวายแต่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อปี 2530 และ พระนางเจ้าสิริกิติ พระราชินี เนื่องในวโรกาสทรงพระเจริญพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อปี 2535
เราใช้โดรนบินถ่ายมุมสูงของเจดีย์มาฝาก โดยได้ทำการขออนุญาตกับทางเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้ว
ลองชมความงามแบบคลิปวีดีโอบ้างค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=bINQY9MbVqc
ภายในเจดีย์มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่
มุมสูงของพระมหาธาตุเจดีย์ นภพลภูมิสิริ
ทางขึ้นเดี๋ยวนี้สะดวกขึ้นเยอะเพราะจะมีบันไดเลื่อนให้ขึ้นทั้ง 2 เจดีย์ แต่ขาลงจะต้องเดินลงมาเอง
เราบินเก็บภาพมุมสูงมาได้พอสมควร เนื่องจากเวลามีไม่มากต้องไปจุดอื่นต่อ
ที่ๆเราจะไปกันต่อ ไปชมทุ่งดอกบัวตอง ที่ดอยแม่อูคอ
http://ppantip.com/topic/35835457
จุดชมวิวบนพระมหาธาตุ ขนาดเป็นช่วงเวลาสายๆแล้ว แต่หมอกก็สวยอยู่เลย
ปิดท้ายด้วยรูปทางลงต้องเดินลงนะคะ เพราะบันไดเลื่อนจะมีแค่ขาขึ้นไปเท่านั้น
[SR] ปลายฝนต้นหนาว ออกไปกอดหมอก บอกรัก"กิ่วแม่ปาน"
ใกล้จะสิ้นปีแล้ว หลายๆคนคงเตรียมหาที่เที่ยวในวันหยุดยาวกันแล้วสิ ใครชอบอากาศหนาวๆเราขอแนะนำที่นี่เลย อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ บนดอยอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ยิ่งช่วงหน้าหนาวระหว่างเดือน ธันวาคม-กุมภาพันธ์ บนดอยบางวันอุณหภูมิติดลบจนสามารถเห็นแม่คะนิ้งตามข้างทางของถนนกันเลย จริงๆเรามาเที่ยวที่นี่ติดกันมา 4ปีติดแล้ว และก็ได้เดินขึ้นไปยังจุดชมวิวที่กิ่วแม่ปานทุกรอบ แต่รอบนี้พิเศษกว่าทุกครั้งเพราะเรามาช่วงเกือบปลายเดือนพฤศจิกายน เป็นระหว่างปลายฝนต้นหนาวทำให้ทริปนี้เราได้มีโอกาสเจอหมอกสวยกว่าทุกครั้ง จากที่ตอนแรกโปรแกรมกะจะแค่มาชมพระอาทิตย์ขึ้นตรงจุดชมวิว เสร็จแล้วก็รีบเดินทางต่อไปทุ่งบัวตองดอยแม่อูคอเลย แต่เพราะเห็นหมอกเยอะกว่าทุกรอบที่เคยมานี่แหละทำให้เราตัดสินใจที่จะเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวที่ทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานอีกครั้ง
เส้นทางมายังดอยอินทนนท์
-ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ถึงจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นบนดอยอินทนนท์ประมาน 99 กิโลเมตร ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 108 เชียงใหม่-จอมทอง ถึงหลักกิโลเมตรที่ 57 ก่อนถึง อ.จอมทอง 1 กม. แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1009 จอมทอง-อินทนนท์ ระยะทาง 48 กิโลเมตร ถนนดีขับไม่ยาก รถเก๋งคันเล็กๆก็ขึ้นได้ค่ะ
-ถ้าไม่มีรถส่วนตัวแนะนำให้นั่งสองแถวสายเชียงใหม่-จอมทอง ขึ้นจากประตูเชียงใหม่ ไปลงวัดพระธาตุศรีจอมทองแล้วต่อรถตรงหน้าวัดได้เลยค่ะ
เราขับรถจากที่พักแถวนิมมาน ในตัวเมืองเชียงใหม่ ตอนประมานตี 4 ครึ่ง ใช้เวลาประมานชั่วโมงครึ่งก็มาถึงจุดชมวิวเพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้น แต่ถ้าใครขับช้าหน่อยก็เผื่อเวลาซัก 2 ชั่วโมง ก็จะมาทันเวลา พระอาทิตย์ที่นี่จะขึ้นประมาน 6 โมงกว่าๆ ก็จะเริ่มเห็นแสงแรกบนท้องฟ้าแล้วค่ะ
ขอบอกว่าบนดอยเริ่มหนาวแล้ววันที่เราไปอุณหภูมิ 9 องศา
ระหว่างรอพระอาทิตย์ก็เริ่มโผล่มาให้เห็นครึ่งดวงแล้ว แถมอากาศก็ค่อนข้างหนาวเลยทีเดียวลมพัดมาปะทะแต่ละทีหน้าชาเลยทีเดียว ใครจะมาขอให้เตรียมชุดกันหนาวมาให้พร้อมนะคะ
การได้นั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นกับคนสำคัญมันช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขจริงๆค่ะ (ในรูปคือเรากับคุณแม่ค่ะ) แนะนำให้เตรียมแว่นกันแดดมาด้วยก็ดีนะคะ เพราะระหว่างมองพระอาทิตย์แสงส่องมาแสบตามากค่ะ
มีคนมารอชมความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้นกันเยอะเลย
หลังจากชมพระอาทิตย์เสร็จเรียบร้อย เรากับแม่มองไปทางเดินเห็นว่าหมอกวันนี้ค่อนข้างเยอะและสวยมากๆ เลยคิดว่าจะเดินเข้าไปที่ทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน เพราะทุกรอบที่เคยมาเดินยังไม่เคยเจอหมอกเยอะขนาดนี้เลย แต่ก่อนเดินก็แวะกินข้าวเช้ารองท้องก่อนเพราะต้องใช้พลังงานค่อนข้างเยอะ
[url]
ถ้าเห็นป้ายแบบนี้คือจุดเริ่มที่จะเดินขึ้นไปแล้วค่ะ
เริ่มเดินขึ้นไป จุดแรกเลยจะเจอโต๊ะให้เซ็นชื่อลงทะเบียน พร้อมกับมีไกด์ท้องถิ่นนำทาง เสียค่าไกด์ กลุ่มละ 200 บาท กลุ่มนึงจะเดินกี่คนก็ได้ไม่จำกัดจำนวน แล้วหารค่าไกด์กัน แต่เนื่องจากเรารีบและขี้เกียจรอกลุ่มใหญ่เลยไปกับไกด์ แค่ 2 คน ระหว่างทางไกด์จะแนะนำพร้อมให้ข้อมูลตลอดทาง
อ้อ ลืมบอก ระยะทางเดิน ประมาน 3 กิโลเมตรกว่าๆ ใช้เวลาเดินทางไปกลับราวๆ 3 ชม.
(อย่าลืมติดน้ำเปล่าขึ้นไปด้วย 1 ขวดนะคะ)
เดินมาได้ซักพักก็จะเจอกับน้ำตกลานเสด็จ เราขอยืนพักให้หายเหนื่อย พร้อมกับถ่ายรูปเล็กน้อย
ภาพน้ำตกแบบไม่มีคนบ้าง ยืนพักอยู่ตรงนี้พอสมควรก็ออกเดินทางต่อ
ระหว่างทางเดินในป่ามีอะไรข้างทางให้ชมไปเรื่อยๆ เดินไปถ่ายรูปไปก็เพลินๆดี
เดินมาซักประมาน 1 กิโลเมตร ก็จะเริ่มออกมาสู่แถวลานทุ่งหญ้า มองออกไปก็เห็นหมอกอยู่ไกลๆ เย้ ไกลจะถึงจุดไฮไลท์ของที่นี่แล้ว
และแล้วเราก็เดินมาถึงจุดสำคัญ ได้เห็นหมอกใกล้ๆสมใจซักที เพราะทุกปีก่อนๆที่เคยมายังไม่เคยเจอหมอกเยอะขนาดนี้เลย อาจจะเพราะด้วยช่วงนี้เป็นปลายฝนด้วย เพราะปกติเราจะมาหลังปีใหม่ไปแล้ว
จุดชมวิวด้านบนอากาศดี วิวสวย บรรยายความรู้สึกคงไม่หมด ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเอง
เหมือนลอยอยู่บนอากาศเลย ฟินมาก
หลังจากถ่ายรูปที่จุดชมวิวจนจุใจแล้วก็ออกเดินทางกันต่อ ระหว่างทางเดินกลับบอกเลยเดินยากและเหนื่อยกว่าขามานะคะ ใครจะมาแนะนำให้ฟิตร่างกายให้พร้อม ใครที่สุขภาพไม่แข็งแรงไม่แนะนำค่ะ
เดินไปแวะถ่ายรูปวิวข้างทางไปเรื่อยๆ ทางเดินเลียบไปตามสันเขา
ถ้าใครที่มาช่วงที่ ดอกกุหลาบพันปีบาน ถัดจากจุดชมวิวไปจะเห็นระหว่างทางเดินกลับ หลายต้นเลยทีเดียว
ซูมให้ดูความงามของ ดอกกุหลาบพันปีกันชัดๆ
ระหว่างทางเดินกลับสามารถมองเห็นพระมหาธาตุ นภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ อยู่ไกลๆ เดี๋ยวเราลงจากกิ่วแม่ปานจะพาไปชมกันใกล้ๆค่ะ
ในที่สุดก็ลงมาถึงแล้ว ถามว่าเหนื่อยไม๊ รอบนี้ยอมรับเลยว่าค่อนข้างเหนื่อยมากกว่าทุกปีที่เคยมาเดิน อาจจะด้วยไม่ได้เตรียมร่างกายมาให้พร้อม นอนน้อย หรือจะด้วยวัยที่มากขึ้นก็ตาม
ยืนพักให้หายเหนื่อยเรียบร้อยเราก็ไปกันต่อ
เรามาแวะไหว้พระมหาธาตุนภเมทนีดล - นภพลภูมิสิริ
ที่นี่สร้างขึ้นโดยกองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทย ถวายแต่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อปี 2530 และ พระนางเจ้าสิริกิติ พระราชินี เนื่องในวโรกาสทรงพระเจริญพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อปี 2535
เราใช้โดรนบินถ่ายมุมสูงของเจดีย์มาฝาก โดยได้ทำการขออนุญาตกับทางเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้ว
ลองชมความงามแบบคลิปวีดีโอบ้างค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=bINQY9MbVqc
ภายในเจดีย์มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่
มุมสูงของพระมหาธาตุเจดีย์ นภพลภูมิสิริ
ทางขึ้นเดี๋ยวนี้สะดวกขึ้นเยอะเพราะจะมีบันไดเลื่อนให้ขึ้นทั้ง 2 เจดีย์ แต่ขาลงจะต้องเดินลงมาเอง
เราบินเก็บภาพมุมสูงมาได้พอสมควร เนื่องจากเวลามีไม่มากต้องไปจุดอื่นต่อ
ที่ๆเราจะไปกันต่อ ไปชมทุ่งดอกบัวตอง ที่ดอยแม่อูคอ
http://ppantip.com/topic/35835457
จุดชมวิวบนพระมหาธาตุ ขนาดเป็นช่วงเวลาสายๆแล้ว แต่หมอกก็สวยอยู่เลย
ปิดท้ายด้วยรูปทางลงต้องเดินลงนะคะ เพราะบันไดเลื่อนจะมีแค่ขาขึ้นไปเท่านั้น