สัปดาห์ก่อนไล่อ่าน comment ชาวเน็ตไทย กรณีเจ้าของผับกร่างสั่งลูกน้องรุมกระทืบลูกนายพล แล้วพบว่า หลายคนพากันยุ บอกไม่ต้องให้มันเข้าคุกหรอก เอาไปคุยกับรากมะม่วงดีกว่า หรือไม่ก็บอกว่าถ้าวันไหนมันเข้าคุกช่วยจัดให้มันติดเชื้อในกระแสเลือดให้ที
ก็พาลคิดต่อไปว่ากรณีแบบนี้ไม่ใช่หนแรก จะว่าไปคนบ้านเรานี่จะมีวิธีคิดแบบนี้เยอะมากครับ ทำนองว่า
"คนทำผิดถือว่าได้หมดสิทธิ์ความเป็นคนไปแล้ว ฉะนั้นใครจะทำอะไรรุนแรงแค่ไหนก็ได้"
มาไล่เรียงกันนะครับ
- ตัวอย่าง classic ที่ 1 เวลาตำรวจจะเอาผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ต้องระวังมาก ข่าวห้ามรั่ว บางทีต้องปล่อยข่าวหลอกว่าจะมาเวลาหนึ่ง แต่ไปทำแผนจริงอีกเวลาหนึ่ง เพราะกลัวคนจะมารุมประชาทัณฑ์ ยิ่งคดีใหญ่ๆ ยิ่งมากันเยอะ
- ตัวอย่าง classic ที่ 2 เมื่อนักโทษในเรือนจำก่อม็อบประท้วง สังคมไทยมักจะไม่ยอมฟังก่อนเลยว่าทำไมต้องประท้วง ข้อเรียกร้องมีมูลหรือสมเหตุสมผลแค่ไหน? แต่จะตัดสินไปเลยว่านักโทษไม่มีสิทธิ์เรียกร้อง บางคนบอกว่าในคุกยังสบายเกินไป ควรมีการทรมานมากกว่านี้ด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ก็มีกรณีอื่นๆ ประปรายตามสถานการณ์
- เมื่อมีคนทำผิด จะมีคนอีกกลุ่มเอาชื่อเอาประวัติไปทำ fb ปลอม เพื่อไปก่อกวนผู้อื่น ให้บุคคลดังกล่าวมีภาพลบรุนแรงกว่าเดิม แล้วพอใครเข้าไปทักท้วงว่าทำแบบนี่ผิด พรบ.คอมฯ นะ แถมใครผิดอะไรก็ควรได้รับโทษแค่เรื่องนั้น ก็จะมีคนไม่น้อยที่นิยมแนวทางนี้ บอกว่าสมควรแล้ว ต้องเอาให้ไม่มีที่ยืนในสังคม
- ช่วงที่มีดราม่าเมาแล้วขับ , ขับซิ่ง แล้วทำคนอื่นตาย หลายคนบอกว่าควรเอาผู้ก่อเหตุมาเป็นทาส ทำงานรับใช้ผู้เสียหายเป็นการชดเชย ถ้าไม่พอเอาครอบครัวมันมาด้วยก็ได้ ( ตาต่อตาฟันต่อฟัน? )
- ช่วงที่มีดราม่าเบี้ยวหนี้ กยศ. ก็มีคนบอกว่าเพิกถอนให้หมด บัตร ปชช. ทะเบียนราษฎร์ วุฒิการศึกษา ให้มันไปเร่ร่อน หลบๆ ซ่อนๆ ถูกกดขี่แบบแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองซะ
ฯลฯ
เอาที่พอนึกออกและจำได้ก็ประมาณนี้ครับ สงสัยมานานละ ทำไมเราถึงเอาความสะใจเป็นหลักได้ขนาดนี้?แล้วบ้านอื่นเมืองอื่นที่เขาเจริญกว่าเรา คนของเขายังคิดแบบนี้กันมากเหมือนเราไหม?
ทำไมคนไทย-สังคมไทย ถึงชอบหลักการลงโทษแบบ "เอาสะใจ" เข้าว่า? แล้วประเทศอื่นที่เจริญกว่าเรา เขาเป็นแบบนี้ไหม?
ก็พาลคิดต่อไปว่ากรณีแบบนี้ไม่ใช่หนแรก จะว่าไปคนบ้านเรานี่จะมีวิธีคิดแบบนี้เยอะมากครับ ทำนองว่า
"คนทำผิดถือว่าได้หมดสิทธิ์ความเป็นคนไปแล้ว ฉะนั้นใครจะทำอะไรรุนแรงแค่ไหนก็ได้"
มาไล่เรียงกันนะครับ
- ตัวอย่าง classic ที่ 1 เวลาตำรวจจะเอาผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ต้องระวังมาก ข่าวห้ามรั่ว บางทีต้องปล่อยข่าวหลอกว่าจะมาเวลาหนึ่ง แต่ไปทำแผนจริงอีกเวลาหนึ่ง เพราะกลัวคนจะมารุมประชาทัณฑ์ ยิ่งคดีใหญ่ๆ ยิ่งมากันเยอะ
- ตัวอย่าง classic ที่ 2 เมื่อนักโทษในเรือนจำก่อม็อบประท้วง สังคมไทยมักจะไม่ยอมฟังก่อนเลยว่าทำไมต้องประท้วง ข้อเรียกร้องมีมูลหรือสมเหตุสมผลแค่ไหน? แต่จะตัดสินไปเลยว่านักโทษไม่มีสิทธิ์เรียกร้อง บางคนบอกว่าในคุกยังสบายเกินไป ควรมีการทรมานมากกว่านี้ด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ก็มีกรณีอื่นๆ ประปรายตามสถานการณ์
- เมื่อมีคนทำผิด จะมีคนอีกกลุ่มเอาชื่อเอาประวัติไปทำ fb ปลอม เพื่อไปก่อกวนผู้อื่น ให้บุคคลดังกล่าวมีภาพลบรุนแรงกว่าเดิม แล้วพอใครเข้าไปทักท้วงว่าทำแบบนี่ผิด พรบ.คอมฯ นะ แถมใครผิดอะไรก็ควรได้รับโทษแค่เรื่องนั้น ก็จะมีคนไม่น้อยที่นิยมแนวทางนี้ บอกว่าสมควรแล้ว ต้องเอาให้ไม่มีที่ยืนในสังคม
- ช่วงที่มีดราม่าเมาแล้วขับ , ขับซิ่ง แล้วทำคนอื่นตาย หลายคนบอกว่าควรเอาผู้ก่อเหตุมาเป็นทาส ทำงานรับใช้ผู้เสียหายเป็นการชดเชย ถ้าไม่พอเอาครอบครัวมันมาด้วยก็ได้ ( ตาต่อตาฟันต่อฟัน? )
- ช่วงที่มีดราม่าเบี้ยวหนี้ กยศ. ก็มีคนบอกว่าเพิกถอนให้หมด บัตร ปชช. ทะเบียนราษฎร์ วุฒิการศึกษา ให้มันไปเร่ร่อน หลบๆ ซ่อนๆ ถูกกดขี่แบบแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองซะ
ฯลฯ
เอาที่พอนึกออกและจำได้ก็ประมาณนี้ครับ สงสัยมานานละ ทำไมเราถึงเอาความสะใจเป็นหลักได้ขนาดนี้?แล้วบ้านอื่นเมืองอื่นที่เขาเจริญกว่าเรา คนของเขายังคิดแบบนี้กันมากเหมือนเราไหม?