ผมเล่นบาสที่โรงยิมแล้วบาสกระเด้งไปโดนไอโฟนเพื่อนแตก ผมผิดมั้ยครับ ?

วันนั้นผมเรียนวิชาพละครับที่โรงยิมครับ แล้วผมชูทบาสแล้วบาสมันกระเด้งไปโดนเพื่อนที่เดินลัดสนามแล้วบาสไปกระแทกโดนโทรศัพท์เขาหล่น แล้วเขาบอกให้ผมชดใช้ค่าเสียหายด้วยการซื้อเครื่องใหม่ ผมผิดหรอครับ ?
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 19
ไม่ผิดครับ ไม่ต้องจ่าย ครูของคุณน่ะคิดอะไรอยู่ที่ไกล่เกลี่ยให้คุณต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบ พื้นที่ตรงนั้นกำลังใช้เพื่อการเรียนการสอน ไม่ได้มีไว้เดินนวยนาดเล่นมือถือ ทำไมต้องไปชดใช้ให้คนที่ไม่รู้จักเวล่ำเวลา บาทเดียวก็ไม่ต้องจ่ายครับ

ข้อพิพาทแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับเพื่อนผมที่เป็นครูคนละหมวดกัน ตอนครูเขากำลังสอนมีนักเรียนแอบทาแป้งพัฟราคาหลายพัน แล้วเพื่อนเอี้ยวตัวศอกไปโดนแป้งพัฟหล่นลงแตก จะให้เพื่อนชดใช้ ไปจบกันที่ห้องปกครอง เรียกครูเรียกนักเรียนไปสอบ มติคือ"ไม่ต้องชดใช้"เพราะมันคือเวลาเรียนไม่ใช่เวลาทาแป้ง แถมเจ้าของแป้งพัฟยังโดนตัดคะแนนความประพฤติ โดนเชิญผู้ปกครองอีกครับ
ความคิดเห็นที่ 77
เอิ่ม จขกท. บอกว่า เขาชูตบาส ไปที่ห่วง แล้วบอลมันกระเด้งไปโดนเพื่อนที่เดินลัดสนามเข้ามา

บรรดาผู้รู้ทางกฏหมายหลายคน พยายามโยงให้ได้ว่า จขกท. ประมาท ที่ไม่รู้จักดูให้ดีว่ามีใครผ่านมาหรือไม่
(จะประมาทมากประมาทน้อยอีกเรื่องหนึ่ง)

แต่พวกท่านที่พยายามจะยัดเยียดให้ จขกท. ประมาทร่วมให้ได้นี่คุณลืมอะไรไปหรือเปล่าครับ


บาสเก็ตบอล เป็นกีฬา เล่นในชั่วโมงพละ เล่นในสนามบาสที่จัดไว้โดยเฉพาะ ไม่ใช่ทางสัญจร ไม่ได้เล่นข้างถนน หรือเล่นนอกเวลาเรียน
เพราะงั้นเรื่องเวลา และสถานที่ ไม่เข้าข่ายโดยประมาทแน่ ๆ

ต่อมา บาสเก็ตบอล ทำคะแนนโดยการโยนลูกบอลให้ไปลงห่วงซึ่งอยู่สูง ขึ้นไปเหนือศรีษะ ความสูงมาตรฐานคือ ขอบบนสุดของห่วงแต่ละข้างจะต้องอยู่ในตำแหน่งตามแนวนอน สูง 3.05 เมตร จากพื้นสนาม
จากตรงนี้จะเห็นว่า ในการเล่นปกติเมื่อทำการชูต จำเป็นที่จะต้องมีการเงยหน้าขึ้นเพื่อมองไปยังห่วง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องปกติ ที่คนชูตจะต้องมองซ้ายขวาหน้าหลังเพื่อดูว่ามีบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในสนามหรือไม่ ดังนั้นจึงประหลาด และขัดกับสามัญสำนึกของการเล่นกีฬาชนิดนี้ที่จะต้องมาระวังผู้ไม่เกี่ยวข้องนอกเหนือไปจากผู้เล่นด้วยกันเอง แล้วคุณจะบอกว่าเขาประมาทได้ยังไง

ต่อมา จขกท. โยนลูกบาสไปที่ห่วงเพื่อทำคะแนน แล้วบอลกระเด้งไปโดนคนอื่นที่เดินเข้ามาในสนามอีกที แล้วคุณจะบอกว่าประมาทได้ยังไง
ถ้าไม่ประมาทนั่นหมายถึงต้องหยุดรอจนคนที่ไม่เกี่ยวข้องเดินจากไปงั้นหรือเปล่า หรือจะต้องเปลี่ยนตำแหน่ง เปลี่ยนองศาการโยน เพื่อให้แม้ว่าจะไม่เข้าห่วงแต่ก็ไม่กระเด้งไปโดนคนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างนั้นหรือ
คนธรรมดานะครับ ไม่ใช่กัปตันอเมริกา จะได้คำนวนมุมวิถีกระเด้งกระดอนได้ในชั่วเวลาพริบตาแบบนั้น

ต่อมา เขาเล่นกันในสนาม ซึ่งเป็นกีฬาที่ต้องใช้ความรวดเร็วและความแม่นยำในการโยนลงห่วง และธรรมชาติของกีฬาชนิดนี้ต้องมีการตกกระทบของลูกบอลตลอดเวลา มันจึงเป็นหน้าที่ของคนอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องที่จะต้องระวังตัวเองระวังทรัพย์สินไม่ให้อยู่ในวิสัย อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้ มันไม่ใช่หน้าที่ของนักกีฬา ที่จะต้องมาระวังผู้ไม่เกี่ยวข้อง หรือทรัพย์สินที่อยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง
ถ้าจะหาเรื่องให้ประมาทให้ได้ เพราะไม่รู้จักระวัง แบบนี้คนเล่นตระกร้อลอดห่วง ซึ่งอยู่สูงกว่าแป้นบาสมาก และแทบจะแหงนหน้าเล่นตลอดเวลา
แล้วเขาบังเอิญเตะตระกร้อไปโดนห่วง แล้วเด้งไปโดนหัวคนดู ที่เดินเข้ามาในสนาม นักกีฬาต้องชดใช้ไหม
หรือเกิดลูกตระกร้อตกลงมาใกล้ ๆ (และยังอยู่ในสนาม) แล้วมีคนทะเล่อทะล่าเข้ามาจนทำให้เท้าไปโดนบ้องหูเต็ม ๆ จนสลบคาที่ จะยังถือว่า นักกีฬาประมาทอยู่หรือเปล่า

เอาใหม่ ถ้ากำลังซ้อมยิงปืนในสนามยิงปืน มีการใส่ที่ป้องกันเสียง มีการใส่ฉากกั้นสายตาเพื่อสร้างสมาธิ กำลังเล็งปืนไปที่เป้าพร้อมกั้นหายใจกำลังจะเหนี่ยวไกยิง
แต่แล้วดันมีคนเดินตัดกลางระหว่านักกีฬากับเป้ายิงพอดี กระสุนโดนคนคนนั้นบาดเจ็บสาหัส แบบนี้จะถือว่านักกีฬาประมาทอยู่อีกไหม
หรือถ้าไม่อยากให้ประมาท จะต้องไม่ใส่ที่ป้องกันเสียง จะได้ได้ยินเสียงคนร้องเตือน จะต้องห้ามใส่ฉากกั้นสายตา เพื่อจะได้มีวิสัยทัศน์ที่กว้าง เวลามีคนบ้าโผล่เข้ามาจะได้หยุดยิงได้ทัน แบบนั้นใช่หรือเปล่าครับ


***อย่ายกตัวอย่างเรื่องขับรถแล้วคนตัดหน้าเลยครับ เพราะถนนเป็นที่ ที่คนทั่วไปใช้ได้ แต่สนามกีฬา ในช่วงที่มีการเรียนการสอน มีการแข่งขัน มันไม่ใช่เวลาที่จะให้คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปได้
ความคิดเห็นที่ 5
ไม่ผิดครับ ใหไปฟ้องเอา
ความคิดเห็นที่ 24
เล่นในสนาม  คุณจะไป ผิดอะไร
จะไปแจ้งตำรวจก็ไม่ได้  เพราะไม่ใช่เรื่องเจตนา  ประมาททำให้เสียทรัพย์ก็ไม่มีในอาญา
ทางแพ่ง คุณก็ได้เปรียบ  เพราะเล่นในสนาม  จะว่าประมาทเลินเล่อก็ไม่ได้


ไม่จ่ายครับ  แม้แต่บาทเดียว
ความคิดเห็นที่ 56
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่น โดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่า ผู้นั้นทำละเมิด จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

   เห็นว่าเข้าองค์ประกอบครบ แต่มีเหตุอย่างอื่นทำให้ไม่จำต้องชดใช้ค่าสินไหม

        ในประเด็นประมาท เป็นไปทางเดียวกับทางอาญา
        ม.59ว4 วางหลักว่า กระทำโดยประมาท ได้แก่ กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้น จักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่

             จาก 59 สรุปได้ว่า ประมาทได้ว่า
               -ไม่ใช่การกระทำโดยเจตนา
               -กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังในบุคคลภาวะเช่นนั้นจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์
                        วิสัยคือ สภาพเกียวกับผู้กระทำ (อายุเพศ ความจัดเจนแห่งชีวิต)  
                        พฤติการณ์ เหตุภายนอกตัวของผู้กระทำ (สภาพแวดล้อม แสง)(ใช้เท่าระดับวิญญูชน)
               -ผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้แต่หาได้ใช้พอไม่

                   ท้ังนี้ยังสามารถแยกประมาทได้อีก 2 ประเภทคือตามข้อสังเกตทางตำรา
                      -ประมาทธรรมดา negligece
                      -ประมาทโดยจงใจ reckless คือ คนทำความผิดรู้ตัวอยู่ ว่าการกระทำนั้นเสียงที่เกิดผลร้าย แต่ก็ยังทำอีก

                 เมื่อนำมาพิจารณา สภาพของจขกท  เราต้องสมมุติบุคคลขึ้นมาเปรียบเทียบ เป็นจขทกอีกคนหนึ่ง มีสภาพร่างกายจิตใจเช่นเดียวกับจทก และเป็นระดับปกติเหมือนบุคคลทั่วไป เมื่อเทียบกัน ถ้าบุคคลที่สมมุติไม่กระทำโดยขาดความระมัดระวังเหมือนจขทก ย่อมถือได้ว่าจขทกประมาท  แต่ถ้า บุคคลสมมุติยังไงก็กระทำเช่นเดียวกับจขทก ย่อมถือได้ว่าจขทกไม่ประมาท   
                 ทั้งนี้คนสมมติอาจทำได้ไม่เหมือนกับที่เกิดจริงเช่น ชูแล้วว่าวไม่โดนโทรศัพท์ หรือ สามารถเลี้ยงลูกไว้รอคนเดินเพราะกระทบการชูด หรือ หยุดชูตก่อนมีคนเดินมา ผลร้ายนั้นอาจไม่เกิด กรณีน้เข้าประมาท(แต่ต้องดูองประกอบอื่นร่วมด้วย)

                  ในประเด็นประมาทไหม ขอฟันว่าจขกท ประมาทครับ แต่จะยังไงกรุณาตามอ่านให้จบ เพราะจขทกสามารถอ้างไม่จ้ายได้ ยังไม่นับ ความยินยอมไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย volenti non fit injuria ที่จะทำให้จขทกไม่จำต้องจ่ายอีก

          ส่วนประเด็นหลัก จขทก เค้าถามตัวเองว่าผิดไหม ก็จะชี้ความผิดเค้าให้ดู โดยเริ่มจากทฤษฎีเงื่อนไขใช้ในละเมิด คือ หากไม่กระทำผลร้ายจะไม่เกิด, หากไม่มีการกระทำผลก็จะไม่เกิดขึ้น ถือว่า ผลเกิดจากการกระทำนั้น  ซึ่งพิจารณาเห็นว่าการที่บาสกระดอนโดนโทรศัพท์พังนั้นเหตุมาจากการชูต (การใส่แรงชูตบาสทำให้บาสกระดอนโดนของเสียหาย)

        ****ผมจึงมองว่าไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าจขทกไม่ผิดเลย
         
             ในจุดสำคัญต่อไป เมื่อพิจารณาด้านพฤติการณ์(ที่คู่กรณีลัดสนามในวิชาบาส) ในกรณีนี้

               พฤติการณ์  ( อันนี้มีประเด็น คือเป็นชั่วโมงพละเล่นบาส และมีคู่กรณีเดินตัดสนามมา จึงต้องพิจารณา คือ มาตรา 442 คือกรณีนี้ผู้เสียหายก็มีส่วนผิดด้วยคือเดินลัดสนามในชมพละ (อันนี้แบบว่าเดินเล่นโทรศัพท์ไม่สนโลก)

                     มาตรา 442 ถ้าความเสียหายได้เกิดขึ้นเพราะความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดของผู้ต้องเสียหายประกอบด้วยไซร้ ท่านให้นำบทบัญญัติแห่งมาตรา 223  มาใช้บังคับโดยอนุโลม

                          โยงไปมาตรา 223 ว.1 ถ้าฝ่ายผู้เสียหายได้มีส่วนทำความผิดอย่างใด อย่างหนึ่งก่อให้เกิดความเสียหายด้วยไซร้ ท่านว่าหนี้อันจะต้องใช้ ค่าสินไหมทดแทนแก่ฝ่ายผู้เสียหายมากน้อยเพียงใดนั้น ต้องอาศัย พฤติการณ์เป็นประมาณ ข้อสำคัญก็คือว่าความเสียหายนั้นได้เกิดขึ้น เพราะฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อยิ่งหย่อนกว่ากันเพียงไร

                          ดังนี้เมือดูจากคู่กรณี่เป็นว่ามีการเดินลัดสนามเข้ามาในสนามในวิชาพละโดยไม่ได้ใช้ความระมัดระวัง กล่าวได้ว่าคู่กรณีก็มีส่วนในการทำความผิดโดยประมาทเลินเล่อ  ผลคือใช้หลักการแบ่งส่วนความรับผิดคือพิจารณาว่าฝ่ายไหนประมาทเลินเล่อมากน้อยกว่ากัน  โดยไม่พิจารณาว่าได้รับความเสียหายมากน้อยเท่าไหร่   ผลคือ
                             1. ถ้าสองฝ่ายผิดเท่ากัน ประมาทเท่ากัน ค่าเสียหายย่อมตกเป็นพับไป ต่างฝ่านไม่มีสิทธืร้องค่าเสียหาย
                             2. ถ้าจทกมีส่วนผิดมากกว่าผู้เสียหาย ศาลอาจให้จทกชดใช้ค่าเสียหายบางส่วน
                             3. ผู้เสียหายทำความผิดมากกว่าจทก ค่าเสียหายย่อมเป็นพับไป
                                 ข้าพเจ้ามองว่ากรณี้นี้อาจเข้าช้อย 2 หรือ 3 คือ จทกมีลูกบาสย่อมต้องใช้ความระมัดระวังมกกว่าคนทั่วไปแม้จะอยู่ในวิชาพละ และศาลอาจเห็นใจผู้เสียหายให้จทก ใช้ค่าเสียหายบางส่วนที่เป็นส่วนที่น้อยกว่า (เช่น 1ใน 3)
                                 หรือ ค่าเสียหายอาจตกเป็นพับไปเพราะประมาทเท่ากัน โดยคูกรณีก็สมควรที่จะรู้ว่าตอนนั้นเป็นช่วงโมงพละจำต้องใช้ความระมัดระวังในการสันจร แต่ยังเลือกที่จะเดินลัดสนาม ค่าเสียหายย่อมเป็นพับไปไม่สมควรเรียกได้

                                 ทั้งดูด้วยว่าการเดินลัดของเขามีเหตุอื่นไหม เช่นจากพฤติการณ์แล้วผู้เสียหายเป็นเพื่อนในห้องเดิมมาตามปกติ  หรือโรงเรียนทางเดินเล็กต้องเดินลัดสนามกันทุกวัน ทุกคาบสนามกันเป็นปกติในรร.นั้น อันนี้จขกท ประมาทมากกว่าจำต้องใช้ค่าเสียหายบางส่วนครับ   


***ข้อสังเกตความสัมพันของผลกับการกระทำ ผมใช้เพียงทฤษฎีเงื่อนไขมาพิจารณา ***เพื่อให้ตรงประเด็นที่เค้าตามคือ จขทกถามว่าตนผิดไหมคล้ายๆจขทกบอกว่า หาความผิดฉันให่เจอสิ ฉันจะได้ไปอุด ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อจขทกเองที่รู้

สุดท้ายแนะนำไม่จ่ายรอให้เค้าฟ้องศาลเถอะแล้วค่อยไปจัดการ

   ปล.1 ใจเย็นๆนะทุกคนฉันตอบตามประเด็นที่เค้าถาม เค้าถามว่าตัวเองผิดไหมมม
   ปล.2 ขอท้อปเม้นจะดีมาก พิมแล้วค้างต้องพิมพ์ใหม่หมดเหนื่อย ว่าแต่ 3แต้มหรอครับ หรือเลย์อัพ จึงบอลกระดอนไป?
   ปล.3 มีการแกไข ยังไม่เสร็จ
   ปล.4 ***เดี๋ยวมาต่อครับช่วงนี้กำลังยุ่งรีบพิมพ์   จะคุยเรื่องเหตุสุตวิสัย และ  ความยินยอมไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย volenti non fit injuria สำคัญ ซักปลายเดือนครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่