จากความเดิมตอนที่แล้ว ผู้เขียนได้บอกเล่าถึง ตัวละครของเรื่อง ชื่อ “น้องแกะ” และได้อธิบายรูปแบบวิธีการดำรงชีพของตัวละครดังกล่าว ตามลิงค์นี้ http://ppantip.com/topic/35855167

                   วันนี้จะมาขอแฉ เอ้ย..แชร์ประสบการณ์กันต่อ โดยกระทู้นี้ขอนำเสนอหลักฐาน Chat Facebook ของผู้ที่ถูกเลือกให้เป็นเหยื่อของน้องแกะ แต่บุคคลเหล่านี้ ไม่ตกเป็นเหยื่อของน้องแกะนะคะ เพราะทุกคนรู้สันดาน เอ้ย นิสัย ของน้องแกะ จากการเล่าปากต่อปากของคนที่รู้จักน้องแกะ(น้องแกะเป็นคนที่โด่งดังและมีชื่อเสียงมากมายในด้านเลว เอ้ย ด้านลบ ค่ะ) และเรื่องเล่าของผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อ (กิตติศัพท์ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ) ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นหลักฐานที่ยืนยันว่า น้องแกะได้ใช้วิธีการในการดำรงชีวิตประจำวัน (ที่ผู้เขียนได้บรรยายไปในภาคแรก ตามลิงค์  http://ppantip.com/topic/35855167) เพื่อให้ตนเองอยู่รอดในแต่ละวัน ด้วยวิธีการขอยืมเงิน(แต่ไม่คืน)

                   กระทู้นี้จึงขอนำเสนอ “มหากาพย์รูปแบบการยืมเงินของน้องแกะ” ตั้งแต่อดีต – ปัจจุบัน  เรามาดูว่า มิจฉาชีพ(น้องแกะ) จะใช้วิธีการและวิวัฒนาการในการหลอกลวงเหยื่อแบบไหนกันบ้าง?

       เคสที่ 1. ทักเหยื่อ....         ยืมตัง....           แม่จะมาหา     เอาทองออก       คืนพรุ่งนี้....บลา..บลา...



                    ตรงตามวิธีการที่ 1 ตามลิงค์ http://ppantip.com/topic/35855167 เรื่องมิจฉาชีพรูปแบบนิทานปรัมปราเด็กเลี้ยงแกะ


         ตั้งแต่เคสที่ 2 นี้เป็นของปีล่าสุด ในช่วงเดือนตุลาคมจนถึงปัจจุบัน 2559 โดยเหยื่อที่น้องแกะเลือก ได้อ่านกระทู้แชร์ประสบการณ์ มิจฉาชีพรูปแบบนิทานปรัมปรา "เด็กเลี้ยงแกะ" ตามลิงค์ http://ppantip.com/topic/35855167 ได้เข้ามาสอบถามส่วนตัว พร้อมส่งหลักฐานว่า ใช่คนเดียวกันกับที่ทางผู้เขียนพูดถึงหรือไม่? ทางผู้เขียนจึงขอนำหลักฐานเหล่านี้ มาทำการยืนยันในการเสนอข้อเท็จจริงต่างๆ เพื่อแชร์ประสบการณ์และเตือนภัยให้กับสังคมต่อไป

ไปต่อที่เคสที่ 2 กันเลยดีกว่าคะ                

                เคสที่ 2          ทัก...            ยืมเงินทันที จำนวนที่ขอยืมจะอยู่ที่ 500 – 1000 บาท รูปแบบวิธีการตามลิงค์ http://ppantip.com/topic/35855167  แต่เหยื่อรีบปฏิเสธทันที (เพราะไม่สนิทสนมและรู้จักนิสัยที่มีการกล่าวขานกันในกลุ่มคนที่รู้จักน้องแกะ)
                   




               เคสที่ 3 ไม่ทัก......เปิดประโยคทันทีว่า.....ขอยืมตัง.......(เริ่มลดจำนวนเงินที่ขอยืมลง เพื่อจะง่ายต่อการที่เหยื่อจะตกหลุมพรางหรือคิดว่า ถ้ายืมจำนวน 500 จะมากไป ทำให้จะไม่ได้เงินจากเหยื่อ เลยลดจำนวนเงินที่ขอยืมลง)



              เคสที่ 4 เปิดประโยคขอยืมเงินทันที.....โดยมีการเปลี่ยนวิธีการนิดหน่อย ยืมเงินโดยวิธีการฝากโอนเงินให้บุคคลที่ 3 แทนรูปแบบวิธีการเดิมที่เคยใช้มา ตามลิงค์ http://ppantip.com/topic/35855167



สำหรับรายนี้ น้องแกะคงจะไม่ทราบว่า ตอนนี้เหยื่อที่เลือกไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งค่าโอนเงินให้น้องแกะยืมนั้น เป็นจำนวนที่ “มากกว่า” จำนวนที่น้องแกะขอยืมอีกค่ะ

             เคสที่ 5 ทัก....(จะทักไปก็ต่อเมื่อ จะยืมตังเท่านั้น จริงๆนะเนี่ย? ไม่คิดจะถามสารทุกข์สุกดิบเค้าก่อนเลยหรือไง? เพลียใจ..)  ขอยืมตัง 200 (โปรดสังเกตว่า ช่วงนี้จะลดจาก 500 – 1,000 บาท เป็นจำนวน 200 บาท)


            จุดที่สังเกตว่า น้องแกะ แสดงพฤติกรรมเหมือน เด็กเลี้ยงแกะ คือ
    (1) น้องแกะบอกว่า เพื่อนอยู่บ้าน ขอยืมเงินให้เพื่อน 200 บาท กลับ กทม. เพราะตนเองทำงานอยู่ ยังออกไปไม่ได้ แต่บอกว่า มัน(น่าจะหมายถึง เพื่อน) อยู่ท่ารถล่ะ (ตกลง เพื่อนของมิจฉาชีพอยู่บ้านหรืออยู่ท่ารถ)
    (2) ทำไมต้องยืมตัง 200 บาทจากคนอื่นให้เพื่อนกลับบ้าน ทำไมไม่ปฏิเสธเพื่อนไปว่าไม่มีเงิน และทำไมเพื่อนไม่ไปหายืมเงินค่ารถกลับบ้านจากคนอื่นด้วยตนเอง

             เคสที่ 6 เหยื่อที่ถูกเลือกรายล่าสุด วันที่ 25 พ.ย.59 น้องแกะได้ทักเหยื่อรายนี้ไป รูปแบบวิธีการ คือ ขอยืมตัง 300 บาท (เพิ่มจำนวนจากเดิม 200 เป็น 300) และใช้วิธีอ้างว่า มีปัญหากับแฟนเก่า(วิธีการนี้ใช้อยู่บ่อยครั้ง ไม่ต่างจากเรื่องเอาทองออกและขอค่ารถกลับบ้าน) โดยใช้วิธีการเดิมคือ กลับบ้านเดี๋ยวให้แม่โอนเงินคืน แต่เหยื่อรายนี้รู้ว่ากิตติศัพท์น้องแกะเป็นอย่างไร เลยเลือกปฏิเสธแบบละมุนละม่อมทันที


[:เม่าเซย์
โน:]


               จากหลักฐานทั้งหมดที่ได้นำมาแนบเพิ่มเติมนี้ เพื่อใช้อ้างอิง เรื่อง แชร์ประสบการณ์ เรื่อง มิจฉาชีพรูปแบบนิทานปรัมปรา "เด็กเลี้ยงแกะ" http://ppantip.com/topic/35855167 เพื่อพิสูจน์ว่า เรื่องต่างๆที่ทางผู้เขียนได้โพสต์ลงในกระทู้พันทิปนี้ คือ เหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันและมิจฉาชีพยังคงดำรงชีพด้วยวิธีการดังที่กล่าวไปข้างต้นจริงทุกประการ ทางผู้เขียนจึงอยากฝากให้ทุกคนในสังคมระมัดระวังตัว และเรียนรู้วิธีการต่างๆ  เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเด็กเลี้ยงแกะคนนี้ พร้อมทั้งร่วมกันปิดช่องทางทำมาหากินให้กับบุคคลเหล่านี้

               รวมทั้งอยากจะฝากถึงน้องแกะให้เลิกกระทำพฤติกรรมดังกล่าวโดยเร็ว เพราะถ้าอยากได้เงิน ควรจะหาด้วยวิธีการที่สุจริต ไม่ใช่หามาด้วยวิธีการหลอกลวงผู้อื่น

              จาก CASE ที่นำเสนอมาทั้งหมดจะเห็นได้ชัดเจนว่า ตอนนี้น้องแกะโกหกจนเป็นนิสัย(สันดาน) และทุกคนก็รู้นิสัยของน้องแกะแล้ว จึงเป็นเหตุให้ตอนนี้ไม่มีใครเชื่อในคำพูดของน้องแกะอีกต่อไป

                                                                             จากใจผู้เขียนถึงน้องแกะ
                                      น้องแกะ ทุกคนเค้ารู้หมดแล้วว่า หนูเป็นคนยังไง มีแต่หนูคนเดียวนะที่ไม่รู้จักตัวตนของตัวเอง
                                                      หนูอาจจะมองว่า คนอื่นโง่ แต่แท้จริงแล้ว คนที่โง่ คือ หนู นั่นแหละค่ะ”
[