หลังจากวางแผนมานานกับทริปเที่ยวญี่ปุ่นของคุณแม่ลูกเล็กก็ถึงเวลาที่จะต้องกระเตงลูกน้อยทำตามฝันซะที ต้องขอเกริ่นก่อนว่าข้อจำกัดของทริปนี้มีเยอะมากตั้งแต่ลูกยังอายุแค่ 1 ขวบ 8เดือน มีผู้ร่วมเดินทางเป็นผู้ใหญ่วัยเกษียณ 2 คน และลูกแพ้อาหาร(ไข่ นมวัว แป้งสาลี อาหารทะเล ถั่ว ซึ่งเป็นวัตถุดิบของอาหารส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นด้วยนะซี🙄) ดังนั้น เพื่อตัดปัญหาไม่ให้เปิดศึกหลายด้าน จึงตกลงกับคุณสามีว่าเราควรจะขับรถเที่ยวเอง และ ถ้ามีโอกาสก็ทำอาหารพกไปให้คุณลูกสาวของเรากินเพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพ้อาหารค่ะ (ถึงกระนั้นเราก็ยังเตรียมzyrtec ,cpm,adrenaline และepipen ไปกันเลยทีเดียว)
ตามมาดูกันว่าพวกเราทั้ง 5 ชีวิตจะใช้ชีวิตกันได้อย่างไร...(เที่ยวหรือไปออกรบเนี่ย ชักสงสัย😅)
เนื่องจากเป็นกระทู้รีวิวแรกในชีวิต ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าก่อนเลยนะคะ กระทู้นี้ จะขอเล่าเรื่องราวการเดินทาง ของเราสถานที่ๆไป และจะลงรูปประกอบพอให้เห็นภาพ อาจจะไม่ได้เจาะลึกมาก แต่ถ้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม ทิ้งคำถามไว้ได้เลยนะคะยินดีตอบ ถ้าคำถามไหนตอบไม่ได้จะพยายามหาคำตอบมาให้นะคะ
*การเลือกใช้สินค้าและบริการเป็นความชอบและความเห็นส่วนตัวของ จขกท. ล้วนๆ ไม่มีค่าโฆษณาใดๆทั้งสิ้น หวังว่ากระทูนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะคะ*
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาดูแผนท่องเที่ยวกันก่อนเลยดีกว่านะคะ
ทริป C H U B U (22-28 November 2016)
🍁การเดินทางโดยสารการบิน JAL ออกเดินทาง22 พ.ย. 59 เวลา 00.30น.(ที่เลือกเวลานี้เพราะจะได้ไปถึงเช้าไม่เสียวันเที่ยว และลูกขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรกอาศัยช่วงเวลาที่เค้านอนจะได้ไม่งอแงมาก)
-ปรากฎว่าผ่านไปด้วยดีค่ะ ลูกหลับตลอดการเดินทาง แต่กลับกลายเป็นว่าแม่ไม่หลับเพราะมัวแต่กังวลว่าลูกจะเป็นยังไงซะงั้น😱
🍁เส้นทาง nagoya 〰Ikeda(1คืน)〰shirakawako(บ่าย)〰takayama(1คืน)〰shin hotaka(เช้า)〰takayama(1คืน)〰anpanman museum 〰kunawa(1คืน)〰osu kannon〰nabana no sato〰kuwana(1คืน)〰shopping ของฝาก〰พักสนามบิน(1คืน)〰เดินทางกลับ
-แอบเสียดายอยู่เหมือนกันที่พักที่ทาคายาม่าแค่ 2 คืน เพราะยังพลาดอะไรอีกตั้งหลายอย่าง คิดว่าถ้าพัก 3 คืนน่าจะกำลังพอดี
🍁ฤดูใบไม้ร่วงเข้าฤดูหนาว(อาจมีหิมะตก)
-ปรากฎว่าทริปนี้ครบรสมากค่ะ ไม่ใช่แค่เจอใบไม้เปลี่ยนสีและหิมะเท่านั้น ยังมีใบไม้ร่วงและฝนด้วยในวันที่ไป Shirakawago แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความงามน้อยลงไปเลย
🍁เดินทางที่ญี่ปุ่นโดยขับรถ(Honda stepwagon)+carseat+ใบขับขี่สากล+snow ties(เพราะคิดว่าจะได้ไปที่มีหิมะ) +เหมาจ่ายค่าทางด่วนETC(อันนี้คุ้มมาก ขอแนะนำ ยิ่งตอนขับรถหลงนี่ความเครียดจะน้อยลงมาก😅)
-แนะนำว่าขนาดรถที่เช่าควรมีจำนวนที่นั่งมากกว่าจำนวนคน+2 เป็นอย่างน้อย เพื่อเก็บกระเป๋าและสัมภาระ สำหรับ snow ties ถือว่าเสียเงินทิ้งไปฟรี ๆ เอาเข้าจริงๆก็ไม่กล้าขับขึ้น shin hotaka ropeway อยู่ดี เพราะ พนักงาน รร. ที่ ทาคายาม่าบอกว่า ถ้าเป็นเค้าจะไม่ขับไป อันตรายมาก แนะนำให้ขึ้น nohibus ปรากฎว่าพอไปถึงก็ดูไม่น่ายาก หิมะไม่หนาเพราะเพิ่งตก และไปเจอคนไทยข้างบนนั้นที่ขับรถมาเองด้วย แต่ไม่เป็นไร ซื้อตั๋ว nohibus ได้แวะ onsen ฟรี ก็ถือว่าคุ้มละ😌
🍁ที่พัก จองจาก 2 ที่ คือ Booking.com กับ airbnb สำหรับความน่าเชื่อถือของ Booking.com ไม่มีปัญหาเพราะใช้บ่อย และถ้า load เป็น app เลยจะค่อนข้างสะดวก แต่ข้อจำกัดคือ ลักษณะที่พักจะเป็น ร.ร.ซะส่วนใหญ่ จะไม่สามารถทำอาหารให้ลูกได้ เลยจอง airbnb (ซึ่งไม่เคยใช้มาก่อน) เพราะลักษณะที่พักจะเป็นบ้านหรืออพาร์ตเมนต์ที่มีอุปกรณ์ อำนวยความสะดวกแทบทุกอย่าง เลยดูเหมือนจะตอบโจทย์สำหรับเรามากกว่า
-หลังจากได้พัก airbnb ความเห็นส่วนตัวรู้สึกชอบมากกก ปลอดภัย ที่พักใหญ่ มีที่ให้ลูกวิ่งเล่น มีเครื่องอำนวยความสะดวกเช่นเครื่องครัว เครื่องซักผ้า และอุปกรณ์พื้นฐานตามที่ ร.ร.ทั่วไปมีให้ และที่สำคัญ ไม่เสียค่าที่จอดรถ (ประหยัดงบไปตั้งเยอะ😆) แถมบางที่ มีเก้าอี้นวดให้ด้วยน๊าาา อันนี้ถูกใจคุณยายคุณย่าและเจ้าตัวเล็กมากเลย ถ้ามีโอกาสจะกลับไปอีก
🍁ผู้ร่วมทริป 5 คน(ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองได้2 และเด็กเล็ก1)
-คุณยายคุณย่าถึงจะเป็นผู้สูงอายุ แต่ไม่ถือเป็นภาระ แถมยังช่วยดูแลเจ้าตัวเล็ก ช่วยทุ่นแรงพ่อแม่ไปเยอะเลย😬
🍁pocket wifi ใช้ของ asia connex ถือว่าใช้ได้เพราะใช้เปิด google map คู่กับ GPS ของรถ และอัพรูปซะส่วนใหญ่ แต่สัญญาณจะมีปัญหาช่วงที่ขับรถในอุโมงค์ และช่วงที่ขึ้นshinhotaka ropeway สำหรับบริการถือว่าสะดวกมากค่ะ รับและส่งเครื่องที่ไปรษณีย์ชั้น4 สนามบินสุวรรณภูมิ ตอนแรกไม่เข้าใจวิธีใช้งาน line ถามตอนรอเครื่องออกประมาณเที่ยงคืนครึ่ง ไม่คิดว่าจะมีคนมาตอบปรากฏว่า ตอบเร็วมาก ส่วนตัวรู้สึกพอใจมากค่ะ
-จขกท.ยังไม่เคยใช้ของอันอื่น เลยไม่รู้จะเปรียบเทียบกับอะไร
🍁ประกันเดินทางมีหลายบริษัทให้เลือก ก็เลือกที่เหมาะสมกับเรา
🍁อุปกรณ์เสริมที่ 'จำเป็น ' เรียกว่าขาดไม่ได้เลยในทริปที่มีเด็กก็คือ รถเข็นก้านร่ม
-ช่วยทุ่นแรงได้เยอะมาก ทั้งใช้เข็นลูกและใส่ของได้อีกด้วย (ข้อแนะนำการเลือกรถเข็น ควรใช้รถเข็นก้านร่มพับเก็บง่ายที่ล้อใหญ่ เข็นลื่น เรื่องน้ำหนักไม่เป็นปัญหาสำหรับ จขกท. เนื่องจากขับรถเองอยู่แล้ว)
🍁อุปกรณ์ถ่ายภาพทริปนี้ใช้ olympus epl5 และ Iphone 6 plus
-เนื่องจากมีข้อจำกัดจึงไม่สามารถแบกกล้องใหญ่ไปได้ ตอนแรกก็รู้สึกนอยด์พอสมควร แต่พอจบทริป รู้สึกว่ากล้อง iphone ก็ไม่เลวมากนัก น้ำหนักเบา ถ่ายง่าย ไม่ต้องปรับมาก ได้มุมดีๆเยอะ ยิ่งถ่ายเด็กๆที่ไม่ยอมอยู่นิ่ง และถ่ายภาพตอนกลางคืน ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีพอสมควร
🍁เช่ารถขับที่ Nippon rent a car
- ค่ารถรวมน้ำมัน+ ทางด่วนETC เหมา รวมทั้งหมดประมาณ. 150000 yen
ขึ้นกับรถขนาดไหนถ้าคันเล็กจะถูกกว่านี้ คันใหญ่สุดจะเพิ่มอีกวันละ 700-1000
ของเราคันรองใหญ่สุด เป็น honda step wagon 7ที่นั่ง
และถ้าเช่าเจ้าอื่น จะถูกกว่านี้ แต่จะต้องไปหาซื้อ ETC card เอง
🍁สรุปรวมค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 225,000 บาท (ไม่รวมค่าชอปปิ้ง)
เดี๋ยวมาดูรูปกันค่ะ
CHUBU fall in love 22-28 November 2016 [เที่ยวจูบุด้วยตัวเอง]
หลังจากวางแผนมานานกับทริปเที่ยวญี่ปุ่นของคุณแม่ลูกเล็กก็ถึงเวลาที่จะต้องกระเตงลูกน้อยทำตามฝันซะที ต้องขอเกริ่นก่อนว่าข้อจำกัดของทริปนี้มีเยอะมากตั้งแต่ลูกยังอายุแค่ 1 ขวบ 8เดือน มีผู้ร่วมเดินทางเป็นผู้ใหญ่วัยเกษียณ 2 คน และลูกแพ้อาหาร(ไข่ นมวัว แป้งสาลี อาหารทะเล ถั่ว ซึ่งเป็นวัตถุดิบของอาหารส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นด้วยนะซี🙄) ดังนั้น เพื่อตัดปัญหาไม่ให้เปิดศึกหลายด้าน จึงตกลงกับคุณสามีว่าเราควรจะขับรถเที่ยวเอง และ ถ้ามีโอกาสก็ทำอาหารพกไปให้คุณลูกสาวของเรากินเพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพ้อาหารค่ะ (ถึงกระนั้นเราก็ยังเตรียมzyrtec ,cpm,adrenaline และepipen ไปกันเลยทีเดียว)
ตามมาดูกันว่าพวกเราทั้ง 5 ชีวิตจะใช้ชีวิตกันได้อย่างไร...(เที่ยวหรือไปออกรบเนี่ย ชักสงสัย😅)
เนื่องจากเป็นกระทู้รีวิวแรกในชีวิต ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าก่อนเลยนะคะ กระทู้นี้ จะขอเล่าเรื่องราวการเดินทาง ของเราสถานที่ๆไป และจะลงรูปประกอบพอให้เห็นภาพ อาจจะไม่ได้เจาะลึกมาก แต่ถ้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม ทิ้งคำถามไว้ได้เลยนะคะยินดีตอบ ถ้าคำถามไหนตอบไม่ได้จะพยายามหาคำตอบมาให้นะคะ
*การเลือกใช้สินค้าและบริการเป็นความชอบและความเห็นส่วนตัวของ จขกท. ล้วนๆ ไม่มีค่าโฆษณาใดๆทั้งสิ้น หวังว่ากระทูนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะคะ*
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาดูแผนท่องเที่ยวกันก่อนเลยดีกว่านะคะ
ทริป C H U B U (22-28 November 2016)
🍁การเดินทางโดยสารการบิน JAL ออกเดินทาง22 พ.ย. 59 เวลา 00.30น.(ที่เลือกเวลานี้เพราะจะได้ไปถึงเช้าไม่เสียวันเที่ยว และลูกขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรกอาศัยช่วงเวลาที่เค้านอนจะได้ไม่งอแงมาก)
-ปรากฎว่าผ่านไปด้วยดีค่ะ ลูกหลับตลอดการเดินทาง แต่กลับกลายเป็นว่าแม่ไม่หลับเพราะมัวแต่กังวลว่าลูกจะเป็นยังไงซะงั้น😱
🍁เส้นทาง nagoya 〰Ikeda(1คืน)〰shirakawako(บ่าย)〰takayama(1คืน)〰shin hotaka(เช้า)〰takayama(1คืน)〰anpanman museum 〰kunawa(1คืน)〰osu kannon〰nabana no sato〰kuwana(1คืน)〰shopping ของฝาก〰พักสนามบิน(1คืน)〰เดินทางกลับ
-แอบเสียดายอยู่เหมือนกันที่พักที่ทาคายาม่าแค่ 2 คืน เพราะยังพลาดอะไรอีกตั้งหลายอย่าง คิดว่าถ้าพัก 3 คืนน่าจะกำลังพอดี
🍁ฤดูใบไม้ร่วงเข้าฤดูหนาว(อาจมีหิมะตก)
-ปรากฎว่าทริปนี้ครบรสมากค่ะ ไม่ใช่แค่เจอใบไม้เปลี่ยนสีและหิมะเท่านั้น ยังมีใบไม้ร่วงและฝนด้วยในวันที่ไป Shirakawago แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความงามน้อยลงไปเลย
🍁เดินทางที่ญี่ปุ่นโดยขับรถ(Honda stepwagon)+carseat+ใบขับขี่สากล+snow ties(เพราะคิดว่าจะได้ไปที่มีหิมะ) +เหมาจ่ายค่าทางด่วนETC(อันนี้คุ้มมาก ขอแนะนำ ยิ่งตอนขับรถหลงนี่ความเครียดจะน้อยลงมาก😅)
-แนะนำว่าขนาดรถที่เช่าควรมีจำนวนที่นั่งมากกว่าจำนวนคน+2 เป็นอย่างน้อย เพื่อเก็บกระเป๋าและสัมภาระ สำหรับ snow ties ถือว่าเสียเงินทิ้งไปฟรี ๆ เอาเข้าจริงๆก็ไม่กล้าขับขึ้น shin hotaka ropeway อยู่ดี เพราะ พนักงาน รร. ที่ ทาคายาม่าบอกว่า ถ้าเป็นเค้าจะไม่ขับไป อันตรายมาก แนะนำให้ขึ้น nohibus ปรากฎว่าพอไปถึงก็ดูไม่น่ายาก หิมะไม่หนาเพราะเพิ่งตก และไปเจอคนไทยข้างบนนั้นที่ขับรถมาเองด้วย แต่ไม่เป็นไร ซื้อตั๋ว nohibus ได้แวะ onsen ฟรี ก็ถือว่าคุ้มละ😌
🍁ที่พัก จองจาก 2 ที่ คือ Booking.com กับ airbnb สำหรับความน่าเชื่อถือของ Booking.com ไม่มีปัญหาเพราะใช้บ่อย และถ้า load เป็น app เลยจะค่อนข้างสะดวก แต่ข้อจำกัดคือ ลักษณะที่พักจะเป็น ร.ร.ซะส่วนใหญ่ จะไม่สามารถทำอาหารให้ลูกได้ เลยจอง airbnb (ซึ่งไม่เคยใช้มาก่อน) เพราะลักษณะที่พักจะเป็นบ้านหรืออพาร์ตเมนต์ที่มีอุปกรณ์ อำนวยความสะดวกแทบทุกอย่าง เลยดูเหมือนจะตอบโจทย์สำหรับเรามากกว่า
-หลังจากได้พัก airbnb ความเห็นส่วนตัวรู้สึกชอบมากกก ปลอดภัย ที่พักใหญ่ มีที่ให้ลูกวิ่งเล่น มีเครื่องอำนวยความสะดวกเช่นเครื่องครัว เครื่องซักผ้า และอุปกรณ์พื้นฐานตามที่ ร.ร.ทั่วไปมีให้ และที่สำคัญ ไม่เสียค่าที่จอดรถ (ประหยัดงบไปตั้งเยอะ😆) แถมบางที่ มีเก้าอี้นวดให้ด้วยน๊าาา อันนี้ถูกใจคุณยายคุณย่าและเจ้าตัวเล็กมากเลย ถ้ามีโอกาสจะกลับไปอีก
🍁ผู้ร่วมทริป 5 คน(ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองได้2 และเด็กเล็ก1)
-คุณยายคุณย่าถึงจะเป็นผู้สูงอายุ แต่ไม่ถือเป็นภาระ แถมยังช่วยดูแลเจ้าตัวเล็ก ช่วยทุ่นแรงพ่อแม่ไปเยอะเลย😬
🍁pocket wifi ใช้ของ asia connex ถือว่าใช้ได้เพราะใช้เปิด google map คู่กับ GPS ของรถ และอัพรูปซะส่วนใหญ่ แต่สัญญาณจะมีปัญหาช่วงที่ขับรถในอุโมงค์ และช่วงที่ขึ้นshinhotaka ropeway สำหรับบริการถือว่าสะดวกมากค่ะ รับและส่งเครื่องที่ไปรษณีย์ชั้น4 สนามบินสุวรรณภูมิ ตอนแรกไม่เข้าใจวิธีใช้งาน line ถามตอนรอเครื่องออกประมาณเที่ยงคืนครึ่ง ไม่คิดว่าจะมีคนมาตอบปรากฏว่า ตอบเร็วมาก ส่วนตัวรู้สึกพอใจมากค่ะ
-จขกท.ยังไม่เคยใช้ของอันอื่น เลยไม่รู้จะเปรียบเทียบกับอะไร
🍁ประกันเดินทางมีหลายบริษัทให้เลือก ก็เลือกที่เหมาะสมกับเรา
🍁อุปกรณ์เสริมที่ 'จำเป็น ' เรียกว่าขาดไม่ได้เลยในทริปที่มีเด็กก็คือ รถเข็นก้านร่ม
-ช่วยทุ่นแรงได้เยอะมาก ทั้งใช้เข็นลูกและใส่ของได้อีกด้วย (ข้อแนะนำการเลือกรถเข็น ควรใช้รถเข็นก้านร่มพับเก็บง่ายที่ล้อใหญ่ เข็นลื่น เรื่องน้ำหนักไม่เป็นปัญหาสำหรับ จขกท. เนื่องจากขับรถเองอยู่แล้ว)
🍁อุปกรณ์ถ่ายภาพทริปนี้ใช้ olympus epl5 และ Iphone 6 plus
-เนื่องจากมีข้อจำกัดจึงไม่สามารถแบกกล้องใหญ่ไปได้ ตอนแรกก็รู้สึกนอยด์พอสมควร แต่พอจบทริป รู้สึกว่ากล้อง iphone ก็ไม่เลวมากนัก น้ำหนักเบา ถ่ายง่าย ไม่ต้องปรับมาก ได้มุมดีๆเยอะ ยิ่งถ่ายเด็กๆที่ไม่ยอมอยู่นิ่ง และถ่ายภาพตอนกลางคืน ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีพอสมควร
🍁เช่ารถขับที่ Nippon rent a car
- ค่ารถรวมน้ำมัน+ ทางด่วนETC เหมา รวมทั้งหมดประมาณ. 150000 yen
ขึ้นกับรถขนาดไหนถ้าคันเล็กจะถูกกว่านี้ คันใหญ่สุดจะเพิ่มอีกวันละ 700-1000
ของเราคันรองใหญ่สุด เป็น honda step wagon 7ที่นั่ง
และถ้าเช่าเจ้าอื่น จะถูกกว่านี้ แต่จะต้องไปหาซื้อ ETC card เอง
🍁สรุปรวมค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 225,000 บาท (ไม่รวมค่าชอปปิ้ง)
เดี๋ยวมาดูรูปกันค่ะ