สวัสดีค่าเพื่อนๆพี่ๆ
วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังค่ะ
หลังจากที่ผ่านมรสุมการหางานมาเป็นระยะเวลาเกือบจะ 4 เดือนเป๊ะๆเลย ยาวหน่อยนะคะ เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่เด็กจบใหม่ที่กำลังหางาน
ต้องบอกก่อนเลยว่า เราเพิ่งจบมาใหม่หมาดๆ
จากมหาลัยที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงอันดับต้นๆ
แต่เราไม่เคยทำงานที่ไหนมาก่อน ยกเว้นฝึกงาน
ดังนั้นช่วงเวลาหางานแทบจะเป็นอะไรที่ใหม่และยากสำหรับเราด้วยเช่นกัน
ตลอดสี่เดือนเราหางานมาแทบจะตลอดเวลาค่ะ
แต่สมัครไปไม่เยอะ รวมๆน่าจะยี่สิบที่ ได้เข้าไปสัมภาษณ์ทั้งหมด 5 ที่ และนี่คือประสบการณ์ที่เราเจอมาค่ะ
ที่แรก เป็นเอเจนซี่โฆษณาชื่อดังอันดับสองจากญี่ปุ่น
เราสมัครที่นี่เข้าไปที่แรกๆ ตั้งแต่ช่วงต้นๆ สิริรวมการสัมภาษณ์ทั้งหมด 5 รอบ ปัจจุบันยังไม่ประกาศผลเลยคิดดู5555555
สำหรับการสัมภาษณ์ที่บอ.นี้ส่วนใหญ่เน้น ภาษาอังกฤษ เราสมัคร AE (Client Service)
ไปค่ะ สัมภาษณ์ตั้งแต่ HR Manager ถึงเจ้านายคนญี่ปุ่น เน้นความสามารถ ความมั่นใจ การทำงานรอบด้าน ความอึดถึกทน และการสื่อสาร การพรีเซนต์ที่ดีเลิศ 5555555
เพราะงาน AE นี่ถือว่าเป็นงานจับฉ่ายมากกกกก
แบบต้องทำแทบจะทุกอย่างได้
ใครอยากทำตำแหน่งนี้นอกจะต้องอึด ต้องรับแรงกดดัน ยังต้องเป็นคนที่มีการจัดการที่ดีมากๆด้วย
การสัมภาษณ์ส่วนใหญ่จะเน้นถามเรื่องของเราล้วนๆ เช่น
กิจกรรมที่เคยทำ ปัญหาที่เคยพบ การจัดการกับปัญหา ข้อดีข้อด้อย passion ในงาน การวางแผนอนาคต คือถามรอบโลกมากๆค่ะ ต้องเตรียมคำตอบไปดีๆ เป็นตัวของตัวเองให้มากๆ ที่สำคัญคือแทบจะสัมภาษณ์เป็นอังกฤษกับไทยครึ่งๆ เลย
ต่อมาบริษัทที่สอง อันนี้เป็นตำแหน่ง AE แบบเซลล์ เป็นบริษัทขายพื้นที่โฆษณาออนไลน์ แถวๆสีลม
ซึ่งเป็นที่ที่เราค่อนข้างพลาด เนื่องจากเราไม่ทราบว่ามันเป็น AE แบบขายงาน
ทำให้เราตอบคำถามได้ไม่ค่อยดี แต่ที่แรงกว่าคือคนสัมภาษณ์หน้าบูดบึ้งตั้งแต่เจอหน้ากัน ซึ่งทำให้เราเกร็งจนไม่กล้าพูดอะไรเลย
แถมคนสัมภาษณ์ยังพูดจาดูถูก เช่น พี่ว่าน้องเป็นคนไม่ active น้องควรไปออกกำลังกาย.. ไม่ได้ว่าน้องไม่ดีนะคะ แต่น้องดูอ่อนแอมากๆ เป็นต้น
ซึ่งความจริงเราคือมนุษย์โคตรแอคทีฟ เราชอบทำกิจกรรมมากค่ะ แต่พี่ไม่เปิดโอกาสให้เราพูดเลย เอาแต่ขมวดคิ้ว จ้องหน้า เหยียดปาก ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจว่าไปทำอะไรให้ไม่พอใจ
การสมัครงานครั้งนั้นเลยทำให้เราพาลคิดอคติกับงานแบบเซลล์ไปเลย (ซึ่งจริงๆคนสัมภาษณ์ ไม่ควรพูดจาแบบนี้กับผู้สมัครค่ะ อย่างน้อยก็ไม่ใช่กับ hr ที่ดี)
(ต่อในคอมเมนท์นะคะ)
เรื่องราวของเด็กจบใหม่ที่กว่าจะได้งาน
วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังค่ะ
หลังจากที่ผ่านมรสุมการหางานมาเป็นระยะเวลาเกือบจะ 4 เดือนเป๊ะๆเลย ยาวหน่อยนะคะ เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่เด็กจบใหม่ที่กำลังหางาน
ต้องบอกก่อนเลยว่า เราเพิ่งจบมาใหม่หมาดๆ
จากมหาลัยที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงอันดับต้นๆ
แต่เราไม่เคยทำงานที่ไหนมาก่อน ยกเว้นฝึกงาน
ดังนั้นช่วงเวลาหางานแทบจะเป็นอะไรที่ใหม่และยากสำหรับเราด้วยเช่นกัน
ตลอดสี่เดือนเราหางานมาแทบจะตลอดเวลาค่ะ
แต่สมัครไปไม่เยอะ รวมๆน่าจะยี่สิบที่ ได้เข้าไปสัมภาษณ์ทั้งหมด 5 ที่ และนี่คือประสบการณ์ที่เราเจอมาค่ะ
ที่แรก เป็นเอเจนซี่โฆษณาชื่อดังอันดับสองจากญี่ปุ่น
เราสมัครที่นี่เข้าไปที่แรกๆ ตั้งแต่ช่วงต้นๆ สิริรวมการสัมภาษณ์ทั้งหมด 5 รอบ ปัจจุบันยังไม่ประกาศผลเลยคิดดู5555555
สำหรับการสัมภาษณ์ที่บอ.นี้ส่วนใหญ่เน้น ภาษาอังกฤษ เราสมัคร AE (Client Service)
ไปค่ะ สัมภาษณ์ตั้งแต่ HR Manager ถึงเจ้านายคนญี่ปุ่น เน้นความสามารถ ความมั่นใจ การทำงานรอบด้าน ความอึดถึกทน และการสื่อสาร การพรีเซนต์ที่ดีเลิศ 5555555
เพราะงาน AE นี่ถือว่าเป็นงานจับฉ่ายมากกกกก
แบบต้องทำแทบจะทุกอย่างได้
ใครอยากทำตำแหน่งนี้นอกจะต้องอึด ต้องรับแรงกดดัน ยังต้องเป็นคนที่มีการจัดการที่ดีมากๆด้วย
การสัมภาษณ์ส่วนใหญ่จะเน้นถามเรื่องของเราล้วนๆ เช่น
กิจกรรมที่เคยทำ ปัญหาที่เคยพบ การจัดการกับปัญหา ข้อดีข้อด้อย passion ในงาน การวางแผนอนาคต คือถามรอบโลกมากๆค่ะ ต้องเตรียมคำตอบไปดีๆ เป็นตัวของตัวเองให้มากๆ ที่สำคัญคือแทบจะสัมภาษณ์เป็นอังกฤษกับไทยครึ่งๆ เลย
ต่อมาบริษัทที่สอง อันนี้เป็นตำแหน่ง AE แบบเซลล์ เป็นบริษัทขายพื้นที่โฆษณาออนไลน์ แถวๆสีลม
ซึ่งเป็นที่ที่เราค่อนข้างพลาด เนื่องจากเราไม่ทราบว่ามันเป็น AE แบบขายงาน
ทำให้เราตอบคำถามได้ไม่ค่อยดี แต่ที่แรงกว่าคือคนสัมภาษณ์หน้าบูดบึ้งตั้งแต่เจอหน้ากัน ซึ่งทำให้เราเกร็งจนไม่กล้าพูดอะไรเลย
แถมคนสัมภาษณ์ยังพูดจาดูถูก เช่น พี่ว่าน้องเป็นคนไม่ active น้องควรไปออกกำลังกาย.. ไม่ได้ว่าน้องไม่ดีนะคะ แต่น้องดูอ่อนแอมากๆ เป็นต้น
ซึ่งความจริงเราคือมนุษย์โคตรแอคทีฟ เราชอบทำกิจกรรมมากค่ะ แต่พี่ไม่เปิดโอกาสให้เราพูดเลย เอาแต่ขมวดคิ้ว จ้องหน้า เหยียดปาก ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจว่าไปทำอะไรให้ไม่พอใจ
การสมัครงานครั้งนั้นเลยทำให้เราพาลคิดอคติกับงานแบบเซลล์ไปเลย (ซึ่งจริงๆคนสัมภาษณ์ ไม่ควรพูดจาแบบนี้กับผู้สมัครค่ะ อย่างน้อยก็ไม่ใช่กับ hr ที่ดี)
(ต่อในคอมเมนท์นะคะ)