ล่าแสงเหนือที่ Iceland ไม่ยาก แต่ไม่ง่าย : รู้ไว้ไม่เงิบ

ขอออกตัวก่อนเลยว่า ทั้งหมดที่จะเล่าให้ฟังนั้นเป็นประสบการณ์และความคิดเห็นส่วนตัวของเรา จากทริปล่าแสงเหนือเมื่อเดือนกันยาที่ผ่านมา ในบางเหตุการณ์มันอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกๆคนที่ไปนะคะ อ่อและเราถ่ายรูปไม่เก่งเพราะฉะนั้นอย่าคาดหวังกับรูปถ่ายในกระทู้นี้น้า



ทริปนี้พวกเราไปกันทั้งหมด4คน จุดประสงค์หลักของเราคือขับรถวนให้รอบเกาะเพื่อตามล่าแสงเหนือ ก็เลยตกลงกันว่าจะเช่ารถบ้านกินนอนกันในรถมันนี่แหละ ก่อนเดินทางก็มีทำการบ้านในระดับนึงแต่...เราคงใช้เวลาเตรียมตัวกันไม่มากพอ เรื่องของเรื่องที่เข้ามาเขียนกระทู้นี้ก็เพราะมันมีบางประเด็นที่แบบเฮ้ยยย ทำไมชั้นไม่รู้ก่อนนะ กระทู้นี้ก็เลยออกจะรวบรัดไปซักนิดคัดมาแต่เรื่องที่อยากจะบอกเพื่อนๆที่กำลังวางแผนจะไปแล้วไม่ค่อยมีเวลาแบบเรา เริ่มกันเลยดีกว่าเนอะเดี๋ยวจะไม่จบ

1. การรับรถ
พวกเราเช่ารถบ้านแบบ motorhome ค่ะ ด้วยเหตุผลสำคัญที่ว่ามีห้องน้ำ เจ้าหน้าที่จะมายืนถือป้ายรอรับที่สนามบินและพาไปที่อู่จอดรถซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินไปประมาณ 5นาที surpriseแรกของเราคือหลังจากทำเอกสารในการเช่ารถเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะทำการอบรมวิธีการใช้รถและสิ่งที่ควรรู้ในการขับรถที่ Iceland ไม่ว่าจะเป็น กฎ ข้อบังคับ ความปลอดภัย แผนที่Iceland เส้นทางที่ควรหลีกเลี่ยง แผนที่ปั๊มน้ำมัน ป้ายจราจร websiteต่างๆที่ควรเข้าไปเช็คข้อมูลก่อนเดินทาง etc. หลังจากนั้นก็จะพาเดินไปตรวจรับรถและสาธิตวิธีการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สิริรวมแล้วใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง!!  พวกเราไม่เคยเช่า motorhome กันมาก่อนเลยไม่คิดว่าต้องใช้เวลาเยอะมากขนาดนี้ แพลนที่จะไปเที่ยวแถว Golden Circle บ้างบางจุดในวันแรกก็เลยต้องพับเก็บไป แต่เอาจริงๆต้องขอบคุณที่เค้าใช้เวลากับเราขนาดนี้นะเพราะเอกสารและคำแนะนำที่เค้าให้มามันช่วยเหลือพวกเราได้มากจริงๆ

เพราะฉะนั้นวันแรกที่ไปถึง ถ้าคุณเช่า motorhome จากบริษัทแบบเรา คุณจะใช้เวลาไปเกือบทั้งวันกับprocessการรับรถและขับรถเพื่อไปซื้อซิมและตุนเสบียงค่ะ



motorhome ขับยากมากกก ไม่แน่จริงไม่แนะนำเลยนะคะ เพราะไหนจะ sizeใหญ่มาก เกียร์กระปุก กระจกข้างยื่น พวงมาลัยซ้าย และต้องขับชิดขวาแล้ว ถนนที่ Iceland ส่วนใหญ่ก็เป็นถนนเล็กๆที่ต้องขับสวนกันแบบไม่มีเกาะกลาง บางเส้นทางก็แอบโหดมากด้วย เอาเป็นว่าถ้าต้องการความสะดวกสบายจาก motorhome แนะนำให้ไปลองซ้อมขับรถร่วมบ้านเราให้ได้จนคล่องก่อน อันนี้เตือนจริงๆน้าา เพราะพวกเราทำรถบ้านเค้าเป็นรอยมาแล้ว กระจกข้างเนี่ยตัวดีเลย เลือกเอาว่าจะสอยรถที่สวนมา หรือป้ายถนน ^^

2. การจองที่พัก

ถ้าจุดประสงค์ของคุณคือตามล่าแสงเหนือแล้วล่ะก็ เราไม่แนะนำให้จองที่พักแบบชำระเงินแล้วนะคะ เพราะจริงๆในคืนแรกเรามีจองที่พักไว้ทางตอนใต้ค่ะคิดเผื่อไว้ว่าจะได้อาบน้ำกันแบบสบายๆซักคืนก็ยังดี แต่หลังจากดูพยากรณ์อากาศจาก http://en.vedur.is และ พยากรณ์แสงเหนือจาก app ที่โหลดเอาไว้ เราแทบจะไม่มีโอกาสเห็นแสงเหนือทางตอนใต้ใน3วันแรกได้เลย เนื่องจากฝนตกและฟ้าปิดมากทำให้ต้องเปลี่ยนแผนค่ะ ทิ้งที่พักที่จองเอาไว้แล้วเปลี่ยนทิศเพื่อมุ่งหน้าขึ้นไปทางเหนือแทน เสียดายเงินที่จองไปเหมือนกันแต่เพื่อแสงเหนือแล้วก็ต้องตัดใจเนอะ แล้วก็เป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดเพราะได้เห็นแสงเหนือออกมาต้อนรับกันแบบเบาๆที่ Kirkjufell ในคืนแรก ถึงจะมีเมฆบังอยู่เยอะก็ยังเห็นแสงเขียวๆรำไร (Kp2) แต่ก็โล่งใจกลับบ้านไปไม่โดนทับถมและ



ปล. ต้องขอโทษเพื่อนๆ อีก2ทีมที่จอดถ่ายรูปอยู่ใกล้ๆกันด้วยนะคะถ้าได้แวะเข้ามาอ่าน ที่พวกเราส่งเสียงตื่นเต้นกันมากไปนิด แถมยังหาวิธีปิดไฟหน้ารถกันอยู่นานพอสมควร

3. อาหาร

ค่ะ แพงแบบที่เค้าว่ากันจริงๆ เดินวนอยู่นานเลยหยิบอะไรดีน้าา อาจจะเป็นเพราะว่า Iceland ต้องนำเข้าอาหารจากประเทศต่างๆมา ดีนะที่เราตุน มาม่า น้ำพริก ข้าวสาร อาหารแห้งไว้เยอะ ถ้าใครไม่มีเวลาในการเดินเลือกซื้ออาหารมากนัก นอกเหนือจาก โยเกิร์ต ปลาแซลม่อน และปลากระป๋องที่ควรจะต้องซื้อมาลองกันแล้ว เราแนะนำให้พุ่งไปหยิบอีกซัก2อย่างค่ะ นั่นคือ lumpfish caviar กระปุกละประมาณ150บาท เอามาทำแซนวิชมื้อเช้าง่ายๆดีงาม และ ปีกไก่ ไม่ว่าจะเป็น ปีกไก่สด หรือปีกไก่ที่ปรุงรสแล้ว ราคาดูจะเป็นมิตรใกล้เคียงที่ไทยที่สุดละ แต่ปีกไก่ก็แอบทำอาหารลำบากนิดนึงเนอะ ส่วนพวกเครื่องดื่มalcoholก็หิ้วกันมาตั้งแต่ duty free ที่สนามบิน Reykjavik ได้เลยนะคะ


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่